วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2022, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

อันผู้รักษาอุโบสถศีลนั้น
ย่อมได้อานิสงส์ทั้งชาตินี้ชาติหน้า
โดยอนุรูปแก่ความปฏิบัติของตน

ดังพระพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ในตอนท้ายแห่งอุโบสถสูตรว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘
ที่อริยสาวกเข้าอาศัยอยู่แล้ว
เป็นคุณมีผลใหญ่และอานิสงส์ใหญ่
มีความรุ่งเรืองแผ่ไพศาลมากดังนี้
จะยกคุณประโยชน์แห่งการรักษาอุโบสถมา
ชี้ให้เห็นพอเป็นเครื่องบำรุงศรัทธาปสาทะดังต่อไปนี้


๑. ตามธรรมดาคนเรา วันปกติย่อมใช้กายวาจาใจให้สาละวนหมกมุ่น
อยู่ในการงานทางบ้านนานาประการ
การงานบางอย่างก็สะดวกบางอย่างก็ติดขัด
ที่ติดขัดก็เป็นต้นตอก่อให้กายวาจาใจเศร้าหมอง
เพราะต้องการให้สิ่งนั้นสำเร็จผลดังประสงค์
เมื่อนานวัน นานเดือน นานปี กาย วาจา ใจ
ก็หม่นหมองเป็นมลทินขึ้นโดยลำดับ
จนถึงกับไม่สามารถชำระล้างให้สะอาดได้ก็มี
เมื่อสาธุชนถือโอกาสเข้ารักษาอุโบสถศีล
ก็นับว่าเป็นอุบายชำระมลทินนั้น
เพราะได้ปลดเปลื้องการงานทางบ้านออกจากกาย วาจา ใจ
เป็นการปล่อยวางภาระของกาย วาจา ใจ
ให้ได้พักผ่อนเสียครั้งหนึ่ง

๒. การพักการงานทางบ้าน แล้วไปหาอุบายควบคุมกาย วาจา ใจ
ให้อยู่ในกรอบศีลธรรม
นับว่าเป็นอุบายให้คฤหัสถ์ชน
มีโอกาสได้ชำระกาย วาจา ใจของตนเสียครั้งหนึ่ง
คือ ๖ วัน ๗ วันได้ชำระกันครั้งหนึ่ง
ถึงจะไม่สะอาดจนผ่องก็เป็นทางไม่ให้หม่นหมองทวีขึ้นมาก
การรักษาอุโบสถนั้น โดยความมุ่งหมายก็เพื่อ
เป็นอุบายชำระกาย วาจา ใจ ดังกล่าวมานี้อีกประการหนึ่ง

๓. วันปกติที่ไม่รักษาอุโบสถ กาย วาจา ใจ
ต้องเป็นทาสกรรมกรของตนและคนอื่นสัตว์อื่นอีกมากมาย
บางครั้งต้องเป็นทาสของลูกๆ หลานๆ
บางทีต้องเป็นทาสของวัวควายและเป็ดไก่
ต้องยอมตนลงให้คนและสัตว์เหล่านี้ใช้
เกือบจะไม่มีเวลาแสนที่จะเหนื่อย แสนที่จะลำบาก
แม้จะได้ค่าจ้าง คือ ทรัพย์และความยินดีเป็นค่าแรง
ก็เพียงนิดหน่อยและให้คุณชั่วเวลาเพียงชาติเดียว
ส่วนวันรักษาอุโบสถ นับว่าเป็นโอกาสให้กับบุคคล
พ้นจากความเป็นทาสเช่นนั้น แล้วเขามอบกาย วาจา ใจ
เป็นทาสของพระรัตนตรัย ซึ่งนับว่าเป็นทาสที่มีเกียรติ
และได้รับค่าแรงงานอันมีเกียรติด้วย
กล่าวคือ ได้ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของกาย วาจา ใจ
และความเยือกเย็นเป็นสุขทั้งภพนี้และภพหน้าเป็นค่าแรงาน

๔. การเข้ารักษาอุโบสถ นับว่าเป็นการเข้าถือบวชของคฤหัสถ์
เพราะเป็นอุบายเว้นจากบาป
และอบรมกาย วาจา ใจ ให้สุขเกิดรสหวาน
ซึ่งเป็นผลที่ต้องการทั้งทางคดีโลก คดีธรรม
จริงอย่างนั้น น้ำใจอัธยาศัย อันทำอบรมบ่มให้สุขแล้ว
ย่อมเกิดรสหวาน คือ น่ารัก น่าเคารพ
น่าคบค้าสมาคมด้วยความสนิทสนม กาย วาจา และใจ
อันศีลอบรมบ่มให้สุขแล้วย่อมเกิดรสหวาน
กล่าวคือ กิริยาทางกายหวาน ตาน่าดูน่าชม
คำพูดทางวาจาก็หวานหู ฟังไม่รู้เบื่อ

๕. ตามที่กล่าวมาแล้ว ๔ ประการนี้เป็นอานิสงส์
จะพึงเห็นได้ด้วยตนเองในชาตินี้
ส่วนอานิสงส์ในชาติหน้านั้น
แม้ถึงจะยังไม่มีผู้รับรองยืนยัน
เพราะทุกๆ คนยังไม่ตาย
หรือเคยตายมาแล้วก็เป็นการเหลือวิสัย
ที่จะจดจำนำมาเป็นพยานได้
แต่ก็พอมีแนวทางที่จะคาดคะเนหรือสันนิษฐานลง

ด้วยเหตุผลว่า กาย วาจา ใจ ที่บริสุทธิ์สะอาด
ด้วยอำนาจศีลธรรมที่ได้ปฏิบัติไว้ในชาตินี้ นั้นแลฯ
จะเป็นพืชพันธุ์ เป็นเครื่องรับประกัน
ให้เกิดผลคู่ควรกันในชาติหน้า
สมด้วยพระคาถาพุทธภาษิตว่า
โยธมฺมจารี กาเยน วาจาย
อุทเจตสา อิเทวนํ ปสงฺสนฺติ เปจฺจ สคฺเค ปโมทติ

ผู้ใดประพฤติเป็นธรรมด้วยกาย วาจา และใจ ในชาตินี้
เขาย่อมได้รับการสรรเสริญ
ครั้นละโลกนี้ไปเขาย่อมบันเทิงเบิกบานในโลกสวรรค์ดังนี้


:b51: :b52: :b53:

ที่มา... http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=11608

:b44: รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ “วันโกน-วันพระ”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45496

:b44: รวมคำสอน “หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=44758


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2022, 10:37 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร