วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 13:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ต.ค. 2023, 06:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


“ที่มาของการตักบาตรเทโวในวันออกพรรษา”

พิธีตักบาตรเทโวนี้มีการกระทำมาเพื่อเป็นการย้อนอดีต ในวันนั้นคือในสมัยพุทธกาล วันที่ออกพรรษา วันที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงจากสวรรค์ หลังจากที่ไปโปรดพุทธมารดาอยู่ ๑ พรรษา ด้วยการแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา จนพุทธมารดาได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เป็นผู้ที่ไม่ต้องไปเกิดในอบายอีกต่อไป และจะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดภายใน ๗ ชาติเป็นอย่างมาก นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้มีวันตักบาตรเทโวขึ้นมา ความจริงการเสด็จไปสวรรค์ของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ได้เสด็จไปด้วยพระวรกาย แต่ทรงเสด็จไปด้วยพระกระแสจิต คือพระจิตของพระพุทธเจ้านี้มีพลังที่สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนี้ ดวงวิญญาณจะไปอยู่ตามภพต่างๆ ขึ้นอยู่กับบุญหรือบาปที่ได้ทำไว้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ ถ้าเวลาตายไปบาปที่ทำไว้มีมากกว่าบุญ บาปก็จะดึงให้ดวงวิญญาณไปอยู่ในอบาย ไปเกิดเป็นเดรัจฉาน ไปเป็นดวงวิญญาณที่หิวโหยเรียกว่าเปรต เป็นดวงวิญญาณที่หวาดกลัวเรียกว่าอสูรกาย เป็นดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตพยาบาทเรียกว่านรก ถ้าบุญมีมากกว่าบาป บุญก็จะทำให้ดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณที่มีความสุข ดวงวิญญาณที่มีความสุขก็เรียกว่าเทวดา มีอยู่ชั้นต่างๆ ๖ ชั้นด้วยกันขึ้นอยู่กับกำลังบุญที่ได้ทำเอาไว้ ทำบุญมากก็จะได้ความสุขมาก ทำบุญน้อยก็จะได้ความสุขน้อย เวลาตายไปดวงวิญญาณก็จะไปเป็นเทพชั้นต่างๆ มีตั้งแต่ชั้นจาตุมขึ้นไปจนถึงชั้นปรนิม มี ๖ ชั้น พระพุทธมารดาของพระพุทธเจ้านี้ที่ว่าไปอยู่ชั้นดุสิต

พอหลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ก็ทรงมีความปรารถนาอยากจะทดแทนบุญคุณให้แก่บุพการี ก็ทรงนึกถึงพุทธมารดาที่ได้ทรงจากโลกนี้ไปหลังจากที่ได้คลอดเจ้าชายสิทธัตถะได้ ๗ วัน ก็เสด็จสวรรคตไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นดุสิต หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามีพลังจิตที่สามารถค้นหาดวงวิญญาณต่างๆที่ไปจุติตามภพต่างๆได้ จึงทรงค้นหาจนได้พบพุทธมารดาที่ประทับอยู่ในสวรรค์ จึงได้ทรงโปรดพุทธมารดาด้วยการแสดงธรรมให้กับพุทธมารดาและเทวดารูปอื่นที่สนใจธรรมได้ฟังทุกคืน พระพุทธเจ้าจะทรงแสดงธรรมให้กับพวกเทวดาทุกคืนในยามดึก วันหนึ่งพระพุทธเจ้าจะมีภารกิจสั่งสอนสัตว์โลกอยู่ ๔ ครั้งด้วยกัน ครั้งที่ ๑ คือตอนบ่าย อย่างตอนนี้จะทรงแสดงธรรมโปรดศรัทธาญาติโยม ในยามค่ำจะทรงแสดงธรรมโปรดพระภิกษุภิกษุณี ในยามดึกจะทรงแสดงธรรมให้กับพวกเทวดา และในยามเช้าตอนก่อนจะทรงออกบิณฑบาตจะทรงเล็งญาณดูว่าจะไปโปรดใครเป็นกรณีพิเศษในวันนั้น นี่คือภารกิจของพระพุทธเจ้า มีอยู่ ๕ ข้อ ๔ ข้อนี้เกี่ยวกับการสั่งสอนสัตว์โลก ส่วนข้อที่ ๕ ก็คือการออกบิณฑบาตโปรดสัตว์ ทรงปฏิบัติภารกิจนี้มาตลอด ๔๕ ปีด้วยกัน ดังนั้น วันที่เป็นวันออกพรรษาก็มีความเชื่อว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จออกจากสวรรค์ลงมาตามบันไดทิพย์ ศรัทธาญาติโยมที่มีความปรารถนาที่จะมาใส่บาตรถวายกับพระพุทธเจ้าก็จะไปรออยู่ที่เชิงบันได

นี่เป็นที่มาของการตักบาตรเทโวในวันออกพรรษา วัดไหนถ้าเป็นวัดที่มีเขาก็จะไปสร้างมณฑปไว้บนเขา แล้วก็จะทำบันไดพญานาคให้พระภิกษุเดินลงเหมือนกับการลงจากสวรรค์ลงมา เป็นการย้อนระลึกถึงอดีตเกี่ยวกับภารกิจที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติโปรดพุทธมารดา เป็นการทดแทนพระคุณอันใหญ่หลวงของบิดามารดา พระคุณของบิดามารดานี้มีมากต่อลูก ถึงแม้ลูกจะเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่อย่างดี แบกท่านไว้บนบ่าบนไหล่ ให้ท่านอุจจาระปัสสาวะราดใส่ บุญคุณของบิดามารดาก็ยังชดใช้ไม่หมด การที่จะชดใช้บุญคุณของบิดามารดาได้หมดนี้ ต้องทำให้จิตใจของบิดามารดาหลุดพ้นจากการไปเกิดในอบาย ถ้าได้ทำให้บิดามารดาหลุดพ้นจากการไปเกิดในอบายได้ ก็ถือว่าได้ทดแทนบุญคุณบิดามารดาครบบริบูรณ์ พระพุทธเจ้าก็ทรงโปรดสอนพุทธมารดาจนได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ คือขั้นพระโสดาบัน พระโสดาบันนี้เป็นผู้เข้าสู่กระแสที่จะพาไปสู่พระนิพพาน สู่การหลุดพ้นจากกองทุกข์แห่งการเวียนว่ายตายเกิด จะสามารถไปถึงพระนิพพานได้ไม่เกิน ๗ ชาติเป็นอย่างมาก และทุกชาติที่จะกลับมาเกิดนี้จะไม่เกิดในอบายอีกต่อไป

นี่คือการทดแทนพระคุณของพระพุทธเจ้าต่อพุทธมารดาที่ทรงเห็นว่าเป็นความสำคัญอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าเลยทำภารกิจอันนี้เมื่อพร้อมที่จะทดแทนบุญคุณ หลังจากที่ได้ทรงตรัสรู้ได้ทรงบรรลุถึงพระนิพพานแล้ว รู้จักทางที่จะพาผู้ที่ต้องการไปพระนิพพานสามารถไปกันได้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาทรงตรัสรู้ทางสู่พระนิพพาน ทางสู่การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏในไตรภพ ก็จะไม่มีใครสามารถออกจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏได้เลย และจะไม่มีใครมีความฉลาดมีความสามารถที่จะค้นพบทางที่จะพาให้ออกจากการเวียนว่ายตายเกิดได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่นานๆจะปรากฏขึ้นมาสักครั้งหนึ่ง คนคนนั้นก็คือพระพุทธเจ้านี่เอง

:b8: :b8: :b8: ที่มา : ธรรมะบนเขา
วันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร