วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
เสาอโศก, วิหารมายาเทวี และซากอิฐเก่าๆ ณ ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล


ลุมพินีวัน : สถานที่ประสูติ

:b50: :b49: :b50:

พุทธสังเวชนียสถานแห่งแรก คือ ลุมพินีวัน (Lumbini) เป็นสถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า คือเป็นสถานที่ประสูติของพระราชกุมารสิทธัตถะ สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญในฐานะที่เป็นที่อุบัติขึ้นของพระรูปกายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระราชกุมารสิทธัตถะทรงประสูติมาจากพระครรภ์ของพระราชมารดา คือ พระนางสิริมหามายาเทวี เมื่อวันศุกร์ วันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีจอ เวลาเที่ยง ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี ทั้งนี้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๐ ลุมพินีวันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น “มรดกโลก” ภายใต้ชื่อ “ลุมพินี สถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า” ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (หรือองค์การยูเนสโก - UNESCO) ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๒๑ ณ เมืองนาโปลี (เมืองเนเปิลส์) ประเทศอิตาลี

“ลุมพินีวัน” เป็นสวนหลวงอุทยานในเขตแคว้นศากยะ ตั้งอยู่ระหว่างแห่งเมืองกบิลพัสดุ์กับเมืองเทวทหะ รายล้อมด้วยต้นสาละ ตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า พระนางสิริมหามายาเทวี พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ เมื่อทรงพระครรภ์แก่ได้ ๑๐ เดือนจวนจะถึงเวลาประสูติพระราชโอรส ตามธรรมเนียมโบราณ สตรีที่มีครรภ์จะต้องกลับไปคลอดบุตรที่บ้านเกิด พระนางได้ทูลลาพระเจ้าสุทโธทนะ เพื่อไปประสูติพระราชโอรสยังเมืองเดิมของพระนาง คือ เมืองเทวทหะ โกลิยะวงศ์ เมื่อขบวนเดินทางมาถึงกลางทางคือสวนลุมพินีวัน เวลาใกล้เที่ยง ระหว่างแดนต่อแดนของกบิลพัสดุ์และเทวทหะ ได้ทรงให้ข้าราชบริพารหยุดพัก ขณะนั้นลมกัมมัชชวาตก็ได้ปั่นป่วนในพระครรภ์ของพระนาง จึงจำเป็นต้องเตรียมสถานที่เพื่อประสูติพระราชโอรสโดยกระทันหัน พระนางทรงยื่นพระหัตถ์เหนี่ยวกิ่งต้นสาละในท่าประทับยืน แล้วก็ได้ทรงประสูติพระราชโอรส ซึ่งมีพระวรกายผุดผ่องสะอาด

พระราชโอรสนี้คือพระโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมด้วยบารมี เมื่อประสูติแล้วได้เสด็จดำเนินไปเบื้องหน้า ๗ ก้าว ท่าทีองอาจ เมื่อถึงก้าวที่เจ็ดทรงชี้พระหัตถ์หนึ่งขึ้นฟ้าพระหัตถ์ชี้พื้นดิน เปล่งพระอาสภิวาจาว่า

“อัคฺโคหมสฺมิ โลกสฺส เชฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส
เสฏฺโฐหมสฺมิ โลกสฺส
อายมนฺติมา ชาติ นตฺถิทานิ ปุนพฺภโวติ”

“เราเป็นผู้เลิศที่สุดในโลก เราเป็นผู้เจริญที่สุดในโลก
เราเป็นผู้ประเสริฐที่สุดในโลก
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา ชาติอื่นจะไม่มีอีกต่อไป”


ปัจจุบันสถานที่ประสูติ คือ ลุมพินีวัน นั้นเรียกกันว่า รุมมินเด อยู่ในเขตประเทศเนปาล แต่เดิมรุมมินเดอยู่ในเขตอำเภอไภรวา บางส่วนของแคว้นอูธ รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย แต่เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๙๔ เกิดกบฏซีปอยขึ้นในอินเดีย อังกฤษจึงขอแรงประเทศเนปาล (สมัยนั้นอินเดียอยู่ในความปกครองของอังกฤษ) ให้มาช่วยเหลือ พระเจ้าสุเรนทระ กษัตริย์เนปาล ส่งทหารกรุข่าของเนปาลมาช่วย จนช่วยปราบกบฏได้สำเร็จ อังกฤษจึงยกพื้นที่ราบใหญ่บางส่วนของแคว้นอูธให้เป็นของเนปาล ซึ่งพื้นที่บางส่วนที่ยกให้เนปาลนี้เอง เป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้าคือสวนลุมพินี และกินพื้นที่ไปถึงเมืองกบิลพัสดุ์ เมืองเทวทหะ ในครั้งพุทธกาล

เมื่อมาถึงสถานที่ประสูติ ก็จะพบเห็น ซากอิฐเก่าๆ มากมาย, สระโบกขรณี มีน้ำขังเต็มเป็นรูปสี่เหลี่ยมโบกปูนไว้ เป็นสระโบราณก่อนเจ้าชายสิทธัตถะทรงประสูติ, วิหารมายาเทวี อยู่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ ซึ่งข้าราชบริพารของพระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างไว้เมื่อราวๆ พ.ศ. ๒๔๑ ตรงสถานที่เจ้าชายสิทธัตถะทรงประสูติจากพระครรภ์พระราชมารดา ภายในวิหารมายาเทวีด้านซ้ายมือเป็น ภาพหินทรายแกะสลักรูปพระประสูติกาลของเจ้าชายสิทธัตถะอันงดงาม ที่เป็นรูปพระนางสิริมหามายาเทวีกำลังโน้มกิ่งต้นสาละใหญ่ด้วยพระหัตถ์ขวา และด้านขวามือเป็น ภาพเจ้าชายสิทธัตถะยืนเด่นอยู่องค์เดียว

ส่วนด้านหน้าวิหารมายาเทวี มีเสาหินกลมขัดเป็นมันปักตั้งอยู่ คือ เสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช หรือ เสาอโศก พร้อมคำจารึกด้วยอักษรพราหมี (อ่านว่า พราม-มี) ของพวกพราหมณ์ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอักษรในอินเดียมากมาย มีใจความว่า...

“พระเจ้าอโศกเสด็จมาประกอบพิธีบูชาที่นี่ เพราะพระพุทธเจ้าประสูติที่นี่”
(ในปีที่ ๒๐ แห่งรัชกาลของพระองค์ ในพุทธศตวรรษที่ ๓)

:b45: การเดินทางสู่ลุมพินีวัน

พุทธศาสนิกชนโดยทั่วไปที่เดินทางไปนมัสการพุทธสถาน ณ ประเทศอินเดีย-เนปาล มักจะเดินทางไปยังลุมพินีวัน โดยเริ่มจากกุสินารา เพราะกุสินาราอยู่ในเขตประเทศอินเดียภาคเหนือ ดังนั้น เมื่อนมัสการพุทธสถานที่กุสินาราแล้ว จึงค่อยเดินทางไปสู่ลุมพินีวันซึ่งอยู่ในเขตประเทศเนปาล หากเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย ลงที่สนามบินกัลกัตตา ก็ใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงครึ่ง และถ้าหากเดินทางจาริกแสวงบุญไปตามทางขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จะผ่านกุสินาราแล้วเลยไปถึงลุมพินีวัน มีระยะทางทั้งหมด ๑๓๕ กิโลเมตร เดินทางด้วยรถยนต์ใช้เวลา ๗ ชั่วโมงก็ถึงเขตแดนอินเดีย-เนปาล และประมาณ ๒ ชั่วโมงจากเขตแดนถึงลุมพินีวัน

การเดินทางไปลุมพินีวัน จะผ่านเขตแดนอินเดียตรงเนาการ์ และจากตรงนี้ รถวิ่งเข้าประเทศเนปาลไปลุมพินีวันประมาณ ๓๒ กิโลเมตร มองออกไปเป็นท้องทุ่งนาเหมือนกับประเทศไทยในภาคกลาง สองข้างทางปลูกต้นมะม่วงใหญ่ เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร

การที่พื้นที่ส่วนนี้ตกไปเป็นของเนปาล ทำให้พุทธศาสนิกชนที่จะเดินทางไปจาริกแสวงบุญมีความลำบากบ้าง เพราะต้องขอวีซ่าเข้าประเทศ ในการจะเข้าไปยังสถานที่ประสูติเพื่อนมัสการสังเวชนียสถาน แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเนปาลก็ให้ความสำคัญต่อสถานที่แห่งนี้ ให้การฟื้นฟูและปรับปรุงพื้นที่ให้ดีขึ้น

รูปภาพ
“ลุมพินีวัน” ชาตสถานหรือสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า

รูปภาพ
เสาอโศก และวิหารมายาเทวี ณ ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล
ด้านหน้ารั้วเหล็กที่ล้อมเสาอโศกมีแผ่นทองเหลืองที่ถอดคำจารึกฯ ติดไว้


รูปภาพ
แผ่นทองเหลืองที่ถอดคำจารึกด้วยอักษรพราหมี (อ่านว่า พราม-มี)
จากเสาอโศก ณ ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล มีใจความว่า
“พระเจ้าอโศกเสด็จมาประกอบพิธีบูชาที่นี่ เพราะพระพุทธเจ้าประสูติที่นี่”


:b50: :b49: :b50:

จาก “พระพุทธเจ้า” ถึง “พระเจ้าอโศกมหาราช”
โดย ศ. (พิเศษ) เสฐียรพงษ์ วรรณปก

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4574

รูปภาพ
เทวาลัยซึ่งมีต้นโพธิ์ครอบอยู่ ณ เมืองกบิลพัสดุ์ ประเทศเนปาลในปัจจุบัน

รูปภาพ
วิถีชีวิตของชาวเนปาล แถวเมืองกบิลพัสดุ์ ในปัจจุบัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2015, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ
วิหารมายาเทวี, เสาอโศก, สระโบกขรณี
และซากอิฐเก่าๆ ณ ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล



อนุสรณ์สถานแห่งการประสูติ

(๑) เสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช

เสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช (The Stone Pillar of Ashoka) หรือเรียกว่า เสาศิลาจารึกอโศก หรือ เสาอโศก เสาหินสูงใหญ่ตั้งอยู่ในวงล้อมรั้วเหล็ก เป็นอนุสรณ์สถานที่พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ชาวพุทธผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดีย ในยุคพุทธศตวรรษที่ ๒ (พ.ศ. ๒๓๖) ได้ทรงประดิษฐานไว้ เมื่อครั้งเสด็จมานมัสการ ณ สถานที่ประสูติ โดยมี พระอุปคุตเถระ พระภิกษุในนิกายสรวาสติวาท ครั้งนั้นได้นำเสด็จนมัสการพุทธสถาน พระองค์ได้โปรดให้สร้างอนุสรณ์สถานไว้เป็นเสาศิลา ได้ทรงให้จารึกไว้ที่เสาด้วยอักษรพราหมี (อ่านว่า พราม-มี) ในสมัยนั้น ต่อมาเมื่อมีผู้ค้นพบเสาศิลาได้พยายามถอดความอักษรจารึก ได้ความว่า

เทวาน ปิเยน ปิยทสิน ลาชิน วีสติวสาภิสิเตน
อตน อาคาจ มหียิเต หิท พุเธ ชาเต สกฺยมุนีติ
ลีลาวิคฑภี จา กาลาปิต สิลาถเก จ อุสปาปิเต
หิท ภควํ ชาเต ลุมินิคาเม อุพลิเก กเฏ อฐ ภาคิเย จ ฯ

“พระเจ้าเทวานัมปิยทัสสี (พระเจ้าอโศกมหาราช)
เมื่อทรงได้รับอภิเษกแล้ว ๒๐ ปี ได้เสด็จมานมัสการ ณ ที่นี้
ด้วยพระองค์เอง ด้วยว่าพระศากยมุนีได้ประสูติ ณ ที่นี้
โปรดให้สร้างรูปวิคฑะ และประดิษฐานหลักศิลาไว้เป็นที่หมาย
โดยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ประสูติ ณ สถานที่นี้
จึงโปรดให้ยกเว้นภาษีแก่หมู่บ้านลุมพินีนี้
และทรงให้เสียแต่เพียง ๑ ใน ๘ ของผลผลิตเป็นค่าภาษีที่ดิน”


เสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราชนี้ ดร.ฟือห์เรอร์ นักโบราณคดีชาวเยอรมัน เป็นผู้ค้นพบ (และเป็นผู้ถอดความจารึกนี้ด้วย) ในวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘ (ค.ศ. ๑๘๙๕) ขณะที่พบ หลักศิลาจารึกถูกอิฐปูนเก่าๆ ทับถมอยู่ เมื่อขูดอิฐปูนเหล่านั้นออก จึงพบอักษรที่เสา ขนาดของเสาศิลาจารึกสูง ๒๖ ฟุต ๖ นิ้ว ซึ่งฝังอยู่ในดิน ๘ ฟุต ๖ นิ้ว วัดส่วนกลมได้ ๗ ฟุต ๓ นิ้ว กล่าวกันว่า เดิมเสาศิลาจารึกสูง ๗๐ ฟุต แต่ถูกฟ้าผ่าลงมาทำให้ขนาดลดลง บนยอดหัวเสาแต่เดิมมีรูปวิคฑะประดิษฐานอยู่ เข้าใจว่าวิคฑะนี้เป็นรูปม้า ซึ่งคงจะทรงสร้างไว้เป็นสัญลักษณ์ถึงการทรงม้ากัณฑกะในคราวเสด็จออกผนวช หรือออกมหาภิเนษกรมณ์ (รูปสลักบนยอดเสาศิลาจารึกอโศก ส่วนใหญ่เป็นรูปสิงห์หรือวัว คงมีที่นี่สร้างไว้เป็นรูปม้าเป็นพิเศษ)

(๒) วิหารมายาเทวี

เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่พระนางสิริมหามายาเทวี พระพุทธมารดา โดยเป็นวิหารที่สร้างครอบจุดที่พระพุทธเจ้าทรงย่างพระบาทแรกลงบนโลก ตัววิหารสร้างสูงจากพื้นประมาณ ๓ เมตร มีบันไดขึ้น-ลงได้ ๒ ด้าน ประดิษฐานอยู่ข้าง “เสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช” ด้านในวิหารจุคนได้ประมาณ ๗-๘ คน ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในราวๆ ปี พ.ศ. ๒๔๑ หรือในยุคเดียวกันกับที่พระเจ้าอโศกมหาราชทรงสร้างเสาศิลาจารึกฯ ซึ่งผู้สร้างวิหารมายาเทวีน่าจะเป็นบริวารหรือข้าราชบริพารของพระเจ้าอโศกมหาราช เมื่อเห็นว่าพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงสร้างอนุสรณ์สถานแด่พระพุทธเจ้าแล้ว จึงได้สร้างอนุสรณ์สถานแด่พระนางสิริมหามายาเทวีบ้าง วิหารมายาเทวีแต่เดิมนั้นอาคารเป็นสีแดง แต่ปัจจุบันเปลี่ยนทาสีเป็นสีขาวแล้ว

รูปภาพ

รูปภาพ
แท่นศิลาภาพหินแกะสลักรอยพระบาทจำลองของเจ้าชายสิทธัตถะ


(๓) แท่นศิลาภาพหินแกะสลักรอยพระบาทจำลองของเจ้าชายสิทธัตถะ

ในคราวปฏิสังขรณ์ มีการรื้อถอนเพื่อตรวจสอบภายในวิหารมายาเทวี และได้มีการเจาะถึงภายใต้วิหารก่อนที่จะเริ่มการปฏิสังขรณ์ จากการรื้อถอนในคราวนั้นได้พบสิ่งที่น่าสนใจ เช่น ภาพหินแกะสลักเป็นแท่นศิลาที่มีรอยประทับอยู่คล้ายรอยเท้าเด็ก ขนาดกว้าง ๕ นิ้ว ยาว ๕ นิ้ว ทำด้วยหินทราย และได้ตรวจสอบแล้วมีอายุราวๆ ๒,๐๐๐ กว่าปี แต่ไม่ถึงสมัยพุทธกาล อีกทั้งพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงจารึกเอาไว้ที่ “เสาศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกมหาราช” ด้วยว่า ได้สร้างเสาศิลาจารึกฯ เอาไว้พร้อมกับ “แท่นศิลาภาพหินแกะสลักรอยพระบาทจำลองของเจ้าชายสิทธัตถะ” ก้อนนี้ เมื่อตอนขุดพบ แท่นศิลาภาพหินแกะสลักรอยพระบาทจำลองฯ ก้อนนี้ตั้งอยู่บนแท่นอิฐ ดังนั้น จึงคาดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่พระเจ้าอโศกมหาราชสร้างขึ้นไว้ และรอยประทับที่คล้ายรอยเท้าเด็กนั้น สร้างขึ้นเป็นรอยพระบาทจำลองของเจ้าชายสิทธัตถะเมื่อคราวแรกประสูติ สันนิษฐานว่าเป็นจารึกรอยพระบาทก้าวที่ ๗ ของเจ้าชายสิทธัตถะที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินได้ ๗ ก้าวในวันประสูติ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่กลางวิหารมายาเทวี

รูปภาพ
ภาพหินทรายแกะสลักรูปพระประสูติกาลของเจ้าชายสิทธัตถะ


(๔) ภาพหินทรายแกะสลักรูปพระประสูติกาลของเจ้าชายสิทธัตถะ

ประดิษฐานอยู่ในวิหารมายาเทวี เมื่อคราวปฏิสังขรณ์วิหารได้ย้ายมาอยู่ที่วิหารเล็กใกล้ๆ กัน “ภาพหินทรายแกะสลักรูปพระประสูติกาลของเจ้าชายสิทธัตถะ” นี้ กษัตริย์มัลละแห่งราชวงศ์นาคะได้โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อแสดงถึงเหตุการณ์ขณะที่พระนางสิริมหามายาทรงประสูติพระราชโอรส คือ เจ้าชายสิทธัตถะ สร้างขึ้นในราวๆ ปี พ.ศ. ๑๗๐๐-๒๑๐๐ ท่านพีซี มุขเขอรจี (P. C. Mukherjee) นักโบราณคดีชาวอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ขุดค้นโบราณสถานในอินเดีย ได้ค้นพบภาพหินทรายแกะสลักรูปพระประสูติกาลฯ นี้ในปี พ.ศ. ๒๓๐๐

กล่าวกันว่าภาพหินทรายแกะสลักรูปพระประสูติกาลฯ นี้ ได้สร้างขึ้นตามเหตุการณ์ขณะเจ้าชายสิทธัตถะประสูติ ตามรายละเอียดในคัมภีร์มธุรัตถวิลาสินี อรรถกถาคัมภีร์พุทธวงศ์ ทุกประการ ดังนี้

“พระนางเสด็จไปยังโคนต้นมงคลสาละ มีพระประสงค์จะทรงจับกิ่งใดของมงคลสาละนั้น ซึ่งมีลำต้นตรงเรียบและกลม ประดับด้วยดอกผลและใบอ่อน กิ่งมงคลสาละนั้น ไม่มีแรง รวนเรเหมือนใจชน ก็น้อมลงมาเองถึงฝ่าพระกรของพระนาง

ลำดับนั้น พระนางก็ทรงจับกิ่งสาละนั้น ด้วยพระกรที่ทำความยินดีอย่างยิ่ง ข้างขวาซึ่งงามด้วยกำไลพระกรทองใหม่ มีพระองคุลีกลมกลึงดังกลีบบัว อันรุ่งเรืองด้วยพระนขานูนมีสีแดง พระนางประทับยืนจับกิ่งสาละนั้น เป็นพระราชเทวีงดงาม เหมือนจันทรเลขาอ่อนๆ ที่ลอดหลืบเมฆสีเขียวคราม เหมือนแสงเปลวไฟซึ่งตั้งอยู่ได้ไม่นาน และเหมือนเทวีที่เกิดในสวนนันทวัน ในทันทีนั้นเอง ลมกัมมัชวาตของพระนางก็ไหว ขณะนั้นชนเป็นอันมากก็กั้นผ้าม่านเป็นกำแพ แล้วหลีกไป พระนางเมื่อประทับยืนจับกิ่งสาละอยู่นั่นเอง พระโพธิสัตว์ก็ประสูติจากพระครรภ์ของพระนางนั้น”


ภาพหินทรายแกะสลักนี้ ผู้มาบูชาสักการะมีทั้งชาวพุทธและชาวฮินดู สาเหตุที่มีชาวฮินดูมาบูชาสักการะด้วยนั้นเพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นหินทรายแกะสลักทางพระพุทธศาสนา คิดว่าคงเป็นรูปเจ้าแม่องค์ใดองค์หนึ่ง ซึ่งก็ถือว่ายังพอได้ประโยชน์อยู่บ้าง เพราะชาวฮินดูเองก็ได้ช่วยดูแลภาพหินทรายแกะสลักนี้ด้วย

(๕) สระโบกขรณี

สระโบกขรณี เป็นสระโบราณรูปสี่เหลี่ยมโบกปูนไว้ ซึ่งเป็นสระน้ำที่พระนางสิริมหามายาได้ทรงสรงสนาน (อาบน้ำ) ชำระพระวรกายในวันให้ประสูติกาลพระมหาบุรุษ แม้ในปัจจุบันยังสมบูรณ์มีน้ำขังเต็มตลอดทั้งปี ภายในก้นบ่อมีตาน้ำ ๒ ตา เชื่อว่าเป็นตาน้าร้อน และน้ำเย็น ที่ฝั่งสระมีต้นโพธิ์ใหญ่อันร่มรื่น

(๖) วัดไทยลุมพินี (Royal Thai Monastery Lumbini, Nepal)

วัดไทยลุมพินี วัดไทยแห่งแรกในประเทศเนปาล
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=45773

--------------------------------------------
:b50: :b49: :b50:
:b44: :: ที่มา :: :b8:
---------> :b39: พุทธสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล
: สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2020, 14:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2022, 09:43 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร