ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
“กุสินารา” อนุสรณ์สถานแห่ง “การปรินิพพาน” http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=87&t=55510 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 07 ก.ย. 2015, 16:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | “กุสินารา” อนุสรณ์สถานแห่ง “การปรินิพพาน” |
จากซ้าย : “มหาปรินิพพานวิหาร” และ “มหาปรินิพพานสถูป” ณ สาลวโนทยาน เมืองกุสินารา รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย กุสินารา : สถานที่ปรินิพพาน กุสินารา (ฮินดี : कुशीनगर, อูรดู : کُشی نگر, อังกฤษ : Kusinaga, Kushinagar) พุทธสังเวชนียสถานแห่งที่ ๔ ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ตำบลมถากัวร์ อำเภอกุสินคร จังหวัดเดวเย หรือเทวริยา รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย ในครั้งสมัยพุทธกาล เมืองกุสินาราเป็นเมืองเอก ๑ ใน ๒ ของแคว้นมัลละ อยู่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำคู่กับเมืองปาวา เป็นสถานที่ตั้งของ “สาลวโนทยาน” หรือสวนป่าไม้สาละของมัลลกษัตริย์ ที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน และ “มกุฏพันธนเจดีย์” สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า กุสินารา มีชื่อเรียกในท้องถิ่นว่า มาถากุนวะระกาโกฏ ซึ่งแปลว่า ตำบลเจ้าชายสิ้นชีพ ในสมัยพุทธกาล เมืองกุสินาราเป็นที่ตั้งของสาลวโนทยาน อยู่ในแคว้นมัลละ ๑ ใน ๑๖ แคว้นซึ่งเป็นเขตการปกครองสมัยพุทธกาล โดยในสมัยนั้นแคว้นมัลละแยกเป็นสองส่วน คือ ฝ่ายเหนือ มีเมืองกุสินาราเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า “โกสินารกา” และฝ่ายใต้ มีเมืองปาวาเป็นเมืองหลวง เจ้าปกครองเรียกว่า “ปาเวยยมัลลกะ” ทั้งสองเมืองนั้นตั้งอยู่ห่างกันเพียง ๑๒ กิโลเมตร โดยมีแม่น้ำหิรัญญวดีคั่นตรงกลาง กุสินารานั้นเมื่อเปรียบเทียบกับแคว้นอื่นๆ ในสมัยพุทธกาลจัดว่าเป็นแคว้นเล็ก ไม่ค่อยมีความสำคัญมากนักในด้านเศรษฐกิจ สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธองค์อยู่ในพระราชอุทยานของเจ้ามัลละฝ่ายเหนือแห่งกุสินารา ภายในสาลวโนทยาน ซึ่งแปลว่า สวนป่าไม้สาละ ป่าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำหิรัญญวดี เป็นป่าไม้สาละร่มรื่น หลังการปรินิพพานของพระพุทธองค์แล้ว เหล่ามัลลกษัตริย์ก็ได้ประดิษฐานพระพุทธสรีระไว้ ณ เมืองกุสินารา เป็นเวลากว่า ๗ วัน ก่อนที่จะประกอบพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ณ มกุฏพันธนเจดีย์ เหตุที่ทรงเลือกเมืองกุสินาราอันเป็นเมืองเล็กแห่งนี้เป็นสถานที่ปรินิพพาน มีหลายสาเหตุ แต่สาเหตุสำคัญคือทรงทราบดีว่าเมื่อพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว พระพุทธสรีระและพระบรมสารีริกธาตุของพระองค์จักถูกแว่นแคว้นต่างๆ แย่งชิงไปทำการบูชา หากพระองค์ปรินิพพานในเมืองใหญ่ เมืองใหญ่เหล่านั้นอาจไม่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้เมืองเล็กๆ เช่น เมืองกุสินารา ฯลฯ ซึ่งก็เป็นความจริงเพราะหลังพระพุทธองค์ปรินิพพาน เจ้าผู้ครองแคว้นต่างๆ ก็ได้ยกกองทัพหลวงของตนมาล้อมเมืองกุสินาราเพื่อจะแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุ แต่ด้วยความที่กุสินาราเป็นเมืองเล็ก จึงต้องยอมระงับศึกโดยแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้ทุกเมืองโดยไม่ต้องเกิดสงคราม กุสินาราหลังพุทธปรินิพพาน หลังพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว เมืองกุสินารากลายเป็นเมืองสำคัญศูนย์กลางแห่งการบูชาสักการะของพุทธศาสนิกชน เหล่ามัลลกษัตริย์ได้สร้างเจดีย์และวิหารเป็นจำนวนมากไว้รอบๆ สถูปใหญ่ คือ มหาปรินิพพานสถูป อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า มหาปรินิพพานสถูปแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางของปูชนียสถานอื่นๆ ที่สร้างขึ้นมาภายหลังในบริเวณนั้น ต่อมาเมื่อแคว้นมัลละได้ตกอยู่ในความอารักขาของแคว้นมคธ พระเจ้าอโศกมหาราชได้เสด็จมาจาริกแสวงบุญยังกุสินารา เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๓๑๐ ทรงบริจาคพระราชทรัพย์เป็นจำนวนเงิน ๑๐๐,๐๐๐ กหาปณะ เพื่อเป็นค่าก่อสร้างสถูป เจดีย์ และเสาศิลาจารึก ในพุทธศตวรรษที่ ๑๔-๑๕ ราชวงศ์สกลจุรี ได้เข้ามาสร้างวัดขึ้นในบริเวณสาลวโนทยานเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งพระพุทธศาสนาได้หมดจากประเทศอินเดียไปในปี พ.ศ. ๑๗๔๓ ทำให้สถานะของพระพุทธศาสนาในกุสินาราถูกปล่อยทิ้งร้างและกลายเป็นป่ารกทึบ กระทั่งในปี พ.ศ. ๒๔๓๓ พระภิกษุมหาวีระ สวามี และท่านเทวจันทรมณี ชาวศรีลังกา เดินทางมายังกุสินารา และเริ่มอุทิศตัวในการฟื้นฟูพุทธสถานแห่งนี้ ร่วมกับเนซารี ชาวพุทธพม่า จนได้สร้างวัดขึ้นใหม่ชื่อว่า “มหาปรินิวานะ ธรรมะศาลา” ปัจจุบัน กุสินารา มีอนุสรณ์สถานที่สำคัญได้แก่ (๑) มหาปรินิพพานสถูป ตั้งอยู่ด้านหลังของมหาปรินิพพานวิหาร เป็นสถูปแบบทรงโอคว่ำขนาดใหญ่ ซึ่งพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผู้สร้างและได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ เชื่อกันว่าเป็นที่บรรทมครั้งสุดท้ายและเป็นสถานที่พระพุทธองค์ปรินิพพาน ณ ใต้ต้นสาละคู่ ภายหลังได้สร้างสถูปครอบไว้ดังจะเห็นได้ในปัจจุบัน สถูปมีความสูง ๖.๑๐ เมตรเหนือระดับพื้นดิน ด้านบนของสถูปเป็นฉัตร ๓ ชั้น (๒) มหาปรินิพพานวิหาร หรือวิหารพุทธไสยาสน์ ตั้งอยู่ด้านหน้าบนฐานเดียวกันกับมหาปรินิพพานสถูป มีบันไดอิฐสูงขึ้นไปบนเนิน ภายในประดิษฐาน “พระพุทธรูปปางปรินิพพาน” อยู่บนพระแท่นทำด้วยหินทรายแดงหรือเรียกว่า จุณศิลา องค์พระพุทธรูปยาว ๒๓ ฟุต ๙ นิ้ว (ราว ๗ เมตร) กว้าง ๕ ฟุต ๖ นิ้ว สูง ๒ ฟุต ๑ นิ้ว ศิลปะมถุรา มีอายุมากกว่า ๑,๕๐๐ ปี ที่พระแท่นมีรูปสลักของสุภัททปริพาชกกำลังเข้าไปขอบวช และมีรูปสลักพระอนุรุทธะและพระอานนท์อยู่ด้วย พระพุทธรูปองค์นี้เป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธองค์ที่กำลังเสด็จดับขันธปรินิพพาน ประทับนอนบรรทมตะแคงขวา โดยหันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันตก และมีซากศาสนสถานโบราณโดยรอบมากมาย ในจารึกระบุผู้จัดสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ คือ หริพละสวามี นายช่างผู้แกะสลักชื่อ ธรรมทินนา เป็นชาวเมืองมถุรา ในปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ถือได้ว่าเป็นจุดหมายสำคัญที่ชาวพุทธจะมาสักการะ เพราะเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะอันพิเศษคือเหมือนคนนอนหลับธรรมดา แสดงให้เห็นว่าพระพุทธองค์ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานจากไปอย่างผู้หมดกังวลในโลกทั้งปวง หลวงจีนถังซัมจั๋ง (หลวงจีนเฮียงจัง, Xuanzang) ผู้เดินทางมาถึงสถานที่พุทธปรินิพพาน (พ.ศ. ๑๑๖๓-๑๑๘๗) ได้พรรณนาไว้ตอนหนึ่งว่า “กุสินาราเมืองหลวงของมัลลกษัตริย์ อยู่ในสภาพซากปรักหักพัง มองเห็นเมืองและหมู่บ้านเป็นสถานที่ร้าง จะมีคนอยู่อาศัยภายในกำแพงเมืองเก่าเพียงเล็กน้อย” “บริเวณด้านทิศตะวันตกของแม่น้ำหิรัญวดีเป็นอุทยานสาลวัน มีไม้สาละขึ้นเป็นหมู่ใหญ่ ลักษณะของไม้สาละเปลือกเป็นสีขาวบ้างสีเขียวบ้าง ใบสาละสะอาดเป็นเงา ไม่ขรุขระ ในป่ามีไม้สาละใหญ่ ๔ ต้น บริเวณนี้มีวิหารใหญ่ก่ออิฐปูนหลังหนึ่ง ภายในวิหารมีพระพุทธรูปแบบสีหไสยาสน์ คือในลักษณะประทับนิพพาน หันพระเศียรไปทางทิศเหนือ มีลักษณะเหมือนกำลังบรรทมหลับ ข้างๆ วิหารใหญ่มีสถูปใหญ่อีกแห่งหนึ่งซึ่งจารึกว่าพระเจ้าอโศกมหาราชเป็นผู้สร้าง แม้ลักษณะจะทรุดโทรมหักพังไปเป็นอันมากแล้ว แต่ก็ยังมีความสูงเหลืออยู่ถึง ๒๐๐ ฟุต ข้างหน้าพระสถูปมีหลักศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกว่า ที่นี้เป็นที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระตถาคต” (๓) มกุฏพันธนเจดีย์ ตั้งอยู่ห่างจาก มหาปรินิพพานสถูป ไปทางทิศตะวันออก ๑ กิโลเมตร คนท้องถิ่นเรียกว่า “รามภาร์-กา-ดีลา” หรือ รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า เดิมทีเป็นเชิงตะกอนไม้จันทร์หอม หลังจากที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้วก็ได้สร้างพระสถูปครอบลง ต่อมาก็ได้ถูกรุกรานทำลายเหลือแต่ซากปรักหักพัง ภายหลังได้ถูกขุดค้นพบเป็นซากกองอิฐพระสถูปขนาดใหญ่ดังที่เห็นในปัจจุบัน พระสถูปนี้วัดโดยรอบฐานได้ ๔๖.๑๔ เมตร และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๓๗.๑๘ เมตร ทั้งนี้ ตามหลักฐานก็เป็นที่ชัดเจนว่านั่นคือสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระหรือมกุฏพันธนเจดีย์ตามที่ชาวพุทธเรียกชื่อกัน ปัจจุบันรัฐบาลอินเดียได้เข้ามาบูรณะซ่อมแซมไว้อย่างดี ปัจจุบันชาวพุทธทั่วโลกได้มาก่อสร้างวัดไว้มากมาย โดยมีวัดของไทยด้วย ชื่อ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ซึ่งเริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๗ มีเนื้อที่ประมาณ ๑๔ ไร่ (๖ เอเคอร์) ตั้งอยู่บริเวณกุสินารา ห่างจากสาลวโนทยานไปประมาณ ๕๐๐ เมตร ปัจจุบันมี พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) เป็นประธานสงฆ์ |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 07 ก.ย. 2015, 16:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “กุสินารา” อนุสรณ์สถานแห่งการปรินิพพาน |
อนุสรณ์สถานแห่งการปรินิพพาน
“มหาปรินิพพานสถูป” และ “มหาปรินิพพานวิหาร” พระพุทธรูปปางปรินิพพาน ภายในมหาปรินิพพานวิหาร ณ สาลวโนทยาน • มหาปรินิพพานสถูป และมหาปรินิพพานวิหาร พระพุทธรูปปางปรินิพพาน กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=44811 มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา สถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า คนท้องถิ่นเรียกว่า “รามภาร์-กา-ดีลา” หรือ รัมภาร์สถูป • มกุฏพันธนเจดีย์ เมืองกุสินารา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=48470 • พระมหากัสสปะ ประธานในการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=42337 • รวมกระทู้ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับ “วันอัฏฐมีบูชา” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=23&t=45500 |
เจ้าของ: | น้องพลอย [ 07 ก.ย. 2015, 16:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “กุสินารา” อนุสรณ์สถานแห่งการปรินิพพาน |
จุดที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ โทณพราหมณ์เจดีย์ เมืองกุสินารา • โทณพราหมณ์เจดีย์ จุดที่แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ เมืองกุสินารา http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=48446 พระมหาธาตุเฉลิมราชศรัทธา วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ประดิษฐาน ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ประเทศอินเดีย พระอุโบสถ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ สร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมของไทย โดยผู้ออกแบบคือ ร.ศ.ดร.ภิญโญ สุวรรณคีรี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗) โดยเน้นให้เป็นศิลปะในรัชกาลที่ ๙ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ มีขนาดความกว้าง ๘ เมตร ยาว ๒๒ เมตร มุมด้านหน้ากว้าง ๕ เมตร ยาว ๘ เมตร ลานประทักษิณ ๑๒ เมตร บานประตู-หน้าต่างเป็นไม้สาละ อันเป็นเครื่องระลึกถึงต้นสาละคู่ในสวนของมัลลกษัตริย์ สถานที่ปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จเป็นองค์ประธานประกอบพิธียกช่อฟ้า ตัดลูกนิมิต เมื่อวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ ผูกสีมาตามพระบรมพุทธานุญาต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงพระราชทานชื่อวัดว่า “วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์” พระราชทานนามพระพุทธรูป องค์พระประธานในพระอุโบสถว่า “พระพุทธสยัมภูญาณ” พร้อมด้วยพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ภาพทรงผนวช ฉัตร ๓ ชั้น ภาพพระมหาชนก ภาพพระราชกรณียกิจ ตราสัญญลักษณ์ครองราชย์ ๕๐ ปี ตราสัญญลักณ์สมโภชน์พระชนมายุ ๖ รอบ ๗๒ พรรษา และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. เพื่อประดิษฐานไว้ที่หน้าบันพระอุโบสถ ซึ่งเป็นมิ่งมงคลต่อวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ยิ่ง พระธรรมโพธิวงศ์ (วีรยุทธ์ วีรยุทฺโธ) ประธานสงฆ์วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ประเทศอินเดีย เหล่าอุบาสก อุบาสิกา และคนงานชาวอินเดียท้องถิ่น ร่วมสืบสานอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยที่ดีงาม แห่เทียนพรรษา และผ้าอาบน้ำมาถวายพระสงฆ์ผู้อยู่จำพรรษากาลจำนวน ๕๖ รูป ภายในพระอุโบสถ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ -------------------------------------------- :: ที่มา :: ---------> พุทธสังเวชนียสถาน ๔ ตำบล : สถานที่อันเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธเจ้า http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=26&t=39377 |
เจ้าของ: | sssboun [ 01 ธ.ค. 2018, 21:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “กุสินารา” อนุสรณ์สถานแห่ง “การปรินิพพาน” |
ผมยังไม่เคยได้ไปเลย ชาติจะได้ไปหรือจะกลับคืน สู่ทำมะชาติก่อนน้อ ต้องค่อยดูกันต่อไป |
เจ้าของ: | AAAA [ 01 เม.ย. 2019, 07:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “กุสินารา” อนุสรณ์สถานแห่ง “การปรินิพพาน” |
4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ |
เจ้าของ: | sirinpho [ 26 พ.ค. 2022, 09:40 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: “กุสินารา” อนุสรณ์สถานแห่ง “การปรินิพพาน” |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |