ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

“สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาทเนื่องในวันมาฆบูชา ๒๕๕๕
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=88&t=53707
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  สาวิกาน้อย [ 22 ก.พ. 2012, 19:42 ]
หัวข้อกระทู้:  “สมเด็จพระสังฆราช” ประทานพระโอวาทเนื่องในวันมาฆบูชา ๒๕๕๕

พระโอวาท
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
เนื่องในวันมาฆบูชา ๒๕๕๕


รูปภาพ


ที่มา... http://www.onab.go.th/

เจ้าของ:  สาวิกาน้อย [ 22 ก.พ. 2012, 19:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: สมเด็จพระสังฆราชประทานพระโอวาทเนื่องในวันมาฆบูชา ๒๕๕๕

รูปภาพ

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาทเนื่องในวันมาฆบูชา ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ ความว่า

“วันมาฆบูชาอันเป็นอภิลักขิตกาลที่สำคัญวาระหนึ่งของพระพุทธศาสนา ได้เวียนมาถึงอีกครั้งหนึ่งในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๕ นี้ เมื่ออภิลักขิตกาลเช่นนี้เวียนมาถึง ก็เตือนจิตให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายรำลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในพระพุทธศาสนาที่เกิดขึ้นในวาระนี้ คือ จาตุรงคสันนิบาต การประชุมที่พร้อมด้วยองค์ ๔ คือ พระอรหันตสาวก ๑,๒๕๐ รูป มาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พระอรหันตสาวกเหล่านั้นล้วนเป็นเอหิภิกขุ พระพุทธองค์ทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ และวันนั้นเป็นวันเพ็ญกลางเดือนมาฆะหรือเดือน ๓ ฉะนั้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงวาระสำคัญดังกล่าวแล้ว พุทธศาสนิกชนทั่วไปจึงได้ทำการบูชาเป็นพิเศษขึ้น เรียกว่า มาฆบูชา

วันมาฆบูชา จึงเป็นการบูชาเพื่อน้อมรำลึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ที่รวมเรียกว่า พระรัตนตรัย ซึ่งเมื่อเรียกโดยระบุชื่อแล้วดูเหมือนจะเป็นคนละอย่างต่างกัน แต่ว่าโดยสารัตถะหรือความหมายที่แท้จริงแล้ว พระรัตนตรัยนั้นก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกันคือพระธรรม ความจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้และพระสงฆ์ได้ทรงรักษาไว้และปฏิบัติสืบต่อกันมานั้นเอง และพระธรรม ความจริงที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอน ที่เรียกรวมว่าพระพุทธศาสนานั้น ก็สรุปลงเป็นหลักสำคัญดังที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ในโอวาทปาติโมกข์ ๓ ข้อ คือ การไม่ทำบาปทั้งปวง การทำกุศลให้ถึงพร้อม และการชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์

ฉะนั้น ผู้ที่ระลึกถึงพระพุทธโอวาทนี้อยู่เสมอ จึงเท่ากับระลึกถึงพระรัตนตรัยอยู่เสมอ ผู้ที่มีพระธรรมคำสอนทั้ง ๓ ประการนี้อยู่ในใจ ก็เท่ากับมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์อยู่ในใจ ผู้ที่น้อมนำเอาพระธรรมคำสอนทั้ง ๓ ประการนี้มาปฏิบัติเป็นปกติประจำวัน ก็ได้ชื่อว่าได้ปฏิบัติบูชาพระรัตนตรัย พร้อมทั้งได้ปฏิบัตินับถือพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง

อนึ่ง ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ นี้ เป็นวาระครบ ๒๖ ศตวรรษแห่งพระพุทธศาสนาที่ประดิษฐานมั่นคงอยู่ในโลก นับว่าเป็นอภิลักขิตกาลที่พิเศษอีกวาระหนึ่ง จึงควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย จักถือเป็นโอกาสใส่ใจศึกษาและตั้งใจปฏิบัติพระพุทธศาสนากันอย่างจริงจังอีกวาระหนึ่ง เพื่อความดำรงคงอยู่ของพระสัทธรรม อันจะอำนวยสันติภาพและสันติสุขแก่โลก ตลอดไปชั่วกาลนาน ขออำนวยพร”

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/