ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
21. นครราชสีมา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=9&t=18576 |
หน้า 2 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | webmaster [ 24 ส.ค. 2012, 12:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 21. นครราชสีมา |
อาศรมมาตา ที่พักภาวนาเพื่อพัฒนาจิต เลขที่ 67 หมู่ 7 ต.ภูหลวง อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา 30150 โทรศัพท์ 081-913-5031, 085-770-2550, 087-040-4562 อีเมล : ashrammata@gmail.com, t_ashram_mata@hotmail.com อุบาสิกาทิพวรรณ ทิพยทัศน์ (คุณแม่เล็ก) เจ้าสำนักอาศรมมาตา และประธานกองทุนบุญนิธิอาศรมมาตา แม่ชี ดร.ไพเราะ ทิพยทัศน์ อาจารย์ผู้สอนและวิทยากร “อาศรมมาตา” ที่พักภาวนาเพื่อพัฒนาจิต เป็นธรรมสถานที่เหมาะแก่ “สุภาพสตรี” นักปฏิบัติ-นักภาวนา อุบาสิกาทิพวรรณ ทิพยทัศน์ (คุณแม่เล็ก) เจ้าสำนักอาศรมมาตา และประธานกองทุนบุญนิธิอาศรมมาตา • อาศรมมาตา ที่พักภาวนาเพื่อพัฒนาจิต • อาศรมมาตา คือ ธรรมสถาน เอื้อเฟื้อ เจือจาน เพื่อท่านสตรี พักบำเพ็ญ ภาวนา รักษาจิตนี้ เพิ่มพูน ความดี ตามวิถี พุทธธรรม จากแรงบันดาลใจและจิตสำนึกที่จะสนับสนุนการปฏิบัติธรรมของผู้หญิง ให้มีสถานที่สับปายะและปลอดภัย อุบาสิกาทิพวรรณ ทิพยทัศน์ (คุณแม่เล็ก) จึงซื้อที่ดินบนเขาภูหลวงประมาณ 100 ไร่ (ประมาณ 40 เอเคอร์) สร้างที่พักปฏิบัติธรรมสำหรับเพื่อนสตรี ไม่จำกัดเชื้อชาติ สถานที่นี้เป็นป่าที่สมบูรณ์ งดงาม เหมาะในการบำเพ็ญเพียรภาวนา รวมทั้งยังเป็นที่เหมาะสมสำหรับการธุดงค์ของผู้หญิง ซึ่งไม่ควรจาริกธุดงค์รอนแรมไปตามป่าเขาเช่นเดียวกับพระภิกษุ อาศรมมาตา คือชื่อของสถานที่ดังกล่าว ซึ่งได้ก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2539 (ค.ศ.1996) โดยเงินส่วนตัวของอุบาสิกาทิพวรรณ ทิพยทัศน์ (คุณแม่เล็ก) และญาติพี่น้อง เป็นต้น โดยใน 8 ปีแรก ไม่มีการขอรับบริจาคจากบุคคลอื่นแต่อย่างใดเลย จนกระทั่งในปี พ.ศ.2547 (ค.ศ.2004) จึงได้มีการจัดตั้ง กองทุนบุญนิธิอาศรมมาตา และเริ่มรับบริจาคจากผู้เข้ามาปฏิบัติธรรม ที่มีจิตศรัทธาที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของอาศรมมาตา สถานที่แห่งนี้มีการพัฒนาทั้งกายและจิตใจ สำหรับทางด้านความเป็นอยู่ อาศรมมาตาได้ดำเนินการตามแนวพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล ดังต่อไปนี้ เรื่องอาหาร อาศรมมาตาจัดให้ทานอาหารมังสวิรัติ ซึ่งส่วนหนึ่งทางอาศรมมาตาปลูกผัก และผลไม้บางชนิด ขึ้นเอง โดยใช้สารอินทรีย์ เช่น การทำปุ๋ยหมักเอง และไม่ใช้ยาฆ่าแมลง ผัก-ผลไม้ของเราจึงบริสุทธิ์ ปราศจากพิษของสารเคมี อันได้แก่ ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี และอื่นๆ สำหรับเศษอาหารที่เหลือ เราก็นำมาหมักเพื่อผลิตสารจุลินทรีย์ที่เรียกว่า อี เอ็ม ซึ่งนำไปทำเป็นปุ๋ยน้ำสำหรับผักและผลไม้ชนิดต่างๆ เมื่อหมักแล้วเราก็นำมาทำน้ำยาล้างจาน หรือน้ำยาดับกลิ่น เศษผักและผลไม้บางส่วนที่เหลือก็นำไปเป็นอาหารของปลา เป็นการดำรงชีวิตอยู่อย่างสันโดษ มักน้อย เรียบง่าย ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องอากาศ เนื่องจากอาศรมมาตาอยู่ห่างจากชุมชนมากพอสมควรและอยู่บนภูเขา ทำให้เราได้รับอากาศบริสุทธิ์ ไม่มีมลพิษ อีกทั้งเราก็ดูแลความสะอาดเป็นอย่างดี โดยเฉพาะเราแยกขยะแล้วนำไปให้เทศบาลกำจัดต่อ และเราก็ไม่เผาใบไม้แต่เรานำใบไม้มาทำปุ๋ยอินทรีย์ ทำให้ประหยัดเงินไปได้มาก รวมทั้งก็ไม่ทำลายอากาศบริสุทธิ์ในสถานที่เราอาศัย ตลอดจนมีการปลูกต้นไม้ป่าเสริมทดแทนในพื้นที่ที่ป่าถูกทำลาย ทำให้เราได้รับออกซิเจนมากขึ้น และต้นไม้ยังช่วยดูดซึมสารพิษในอากาศ เช่น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้อากาศบริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เรื่องการออกกำลังกาย ในการปฏิบัติธรรมทางจิต อาศรมมาตาไม่ละเลยที่จะพัฒนากายให้แข็งแรง เช่น มีกิจกรรมการเดินธุดงค์จากเขตที่ 1 ถึงเขตที่ 4 ซึ่งมีความยาวประมาณ 1 ไมล์ ผ่านป่าไม้ที่ร่มรื่น การเดินจงกรมรอบกุฏิ หรือในป่าที่มีอยู่ทุกเขต การบริหารกายโดยการทำโยคะ ซึ่งมีครูสอนโยคะมาแนะนำผู้ปฏิบัติธรรมอยู่เสมอๆ การทำโยคะเป็นการบริหารกายพร้อมกับการฝึกลมปราณไปด้วย จึงไม่ขัดกับการปฏิบัติธรรม เรื่องสุขภาพอนามัย อาศรมมาตาเน้นเรื่องสุขภาพอนามัย ความสะอาดของสถานที่ กุฏิ และเสื้อผ้า ผู้ปฏิบัติธรรมต้องเป็นผู้สันโดษ มักน้อย เรียบง่าย ทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อาหารการกิน และที่อยู่อาศัย ตามตัวอย่างของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทางอาศรมมาตามีผู้บริจาคเวชภัณฑ์ ยารักษาโรค ซึ่งนอกจากจะใช้สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว ยังช่วยดูแลให้ยาแก่ชุมชนในหมู่บ้านใกล้ๆ อาศรมมาตาด้วย เรื่องการอนุรักษ์และปลูกป่า อาศรมมาตาได้ซื้อที่ดินจากชาวบ้าน ซึ่งทำลายป่าแล้วปลูกมันสำปะหลังบ้าง ปลูกยูคาลิปตัสบ้าง ทำให้ป่าบนภูเขาที่อาศรมมาตาตั้งอยู่ถูกบุกรุกหลายพันไร่ โดยเฉพาะบางพื้นที่ที่เป็นต้นน้ำลำธาร อุบาสิกาทิพวรรณ ทิพยทัศน์ (คุณแม่เล็ก) จึงได้ดำเนินการซื้อที่ดินที่ถูกบุกรกแล้วขุดต้นยูคาลิปตัสออกไป ทำการปลูกต้นไม้ป่าจำนวนมากกว่า ๑๐๐ ชนิดตามดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ให้ประชาชนช่วยกันปลูกป่าให้มากที่สุด ทดแทนป่าที่ถูกทำลายไปกว่า 80 % ขณะนี้มากกว่าครึ่งหนึ่งของที่ดินได้ใช้ปลูกป่าและต้นไม้ป่า เติบโตมากพอสมควร ทำให้เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าที่หายาก เช่น กระรอกขาว ไก่ป่า นกสวยๆ หลายชนิด ฯลฯ รวมทั้งใช้เป็นที่เดินจงกรมและนั่งสมาธิของผู้ปฏิบัติธรรมได้เป็นอย่างดี แนวทางการพัฒนาจิต อาศรมมาตาใช้ สติปัฏฐาน 4 เป็นแนวปฏิบัติ ได้มีการจัดอบรมเป็นคณะ ปีละ 3-4 ครั้ง ระหว่าง 2 ปีที่ผ่านมา มีผู้เข้ามาปฏิบัติธรรมจำนวนประมาณ 200 คน ระยะเวลาในการปฏิบัติประมาณ 5-7 วัน และยังได้เชิญวิทยากรที่มีชื่อเสียงในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 หลายๆ แบบ มาให้คำแนะนำแก่ผู้ปฏิบัติอีกด้วย ส่วนใครจะมาปลีกปฏิบัติเป็นส่วนตัว หรือเป็นคณะเล็กๆ ก็มาพักได้ตลอดปี แนวทางสติปัฏฐาน 4 คือการพิจารณา (1) กายในกาย (2) เวทนาในเวทนา (3) จิตในจิต (4) ธรรมในธรรม มีเทคนิคต่างๆ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น อานาปานสติ, การดูความรู้สึกตัว, การดูพระไตรลักษณ์ของเวทนา หรือการดูความไม่เที่ยงของจิต ทุกๆ เทคนิคอยู่ในสติปัฏฐาน 4 ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ก็ถือว่าถูกทาง คือ ทำให้จิตเข้าไปเห็นอริยสัจ จนปล่อยวางความทุกข์ บทสรุป อาศรมมาตาได้ดำเนินงานมาแล้วกว่า 11 ปี มี การพัฒนากายและสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง ส่วนที่เราเน้นมาก คือ การพัฒนาจิต ตามแนวทางสติปัฏฐาน 4 ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติพ้นจากความทุกข์ได้ ในปัจจุบัน มีผู้เข้ามาใช้สถานที่ของอาศรมมาตา ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง ทางอาศรมมาตายินดีที่จะต้อนรับทุกท่านที่จะเข้ามาปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นการบูชาพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งท่านตรัสการสรรเสริญการปฏิบัติบูชาว่า ประเสริฐกว่าอามิสบูชา ขอให้เราชาวพุทธทุกท่านมุ่งมั่นในการเดินทางเข้าสู่ความพ้นทุกข์ คือ ความไม่เห็นแก่ตัว แล้วเราก็สามารถช่วยเหลือผู้อื่น คือ ทำประโยชน์ท่านได้โดยไม่เสียประโยชน์ตน ซึ่งในพระพุทธพจน์กล่าวว่า ถึงแม้เราจะทำประโยชน์ให้ผู้อื่นได้มากมาย แต่ขาดการพัฒนาจิตซึ่งเป็นประโยชน์ตน พระองค์ก็ไม่สรรเสริญ อาณาบริเวณเขตของอาศรมมาตา แบ่งออกเป็น 4 เขต ดังนี้ เขต 1 เป็นสำนักงาน ครัวหลัก สถานที่ปฏิบัติธรรม มีน้ำ มีไฟ มีที่พักหลายหลังด้วยกัน เขต 2 เป็นเขตปฏิบัติธรรม ระดับ 2 มีที่พัก แยกเป็นหลังๆ มีห้องนอน ห้องน้ำ มีน้ำ แต่ไม่มีไฟ มีเทียนให้ เขต 3 เป็นเขตปฏิบัติธรรมที่เรียกว่า ห้องกรงน้ำ บ้านเป็นหลังอยู่ในป่า ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ห้องน้ำ ห้องครัว อยู่ด้านนอกของที่พัก เป็นการฝึกจิต อยู่ตัวคนเดียว ในที่จำกัดบริเวณ เขต 4 เป็นเขตป่า มีบ้านพักอยู่ในป่า มีน้ำ ไม่มีไฟ บ้านพักกระจายอยู่ในเขตป่า บ้านแต่ละหลังห่างกันออกไปคนละมุม ในแต่ละปี อุบาสิกาทิพวรรณ ทิพยทัศน์ (คุณแม่เล็ก) จะเมตตาเปิดอาศรมมาตา กราบนิมนต์หรือเชิญครูบาอาจารย์มาให้การอบรมธรรมะแก่กัลยาณมิตร ฯลฯ ผู้สนใจในการปฏิบัติเป็นครั้งคราว ปีละหลายครั้งๆ ละ 5-10 วัน โดยเป็นกระจายข่าวในกลุ่มกัลยาณมิตร เพื่อนฝูง ญาติมิตร ที่รู้จัก มีผู้เข้าปฏิบัติเป็นกลุ่มเล็กๆ ประมาณ 15-30 คน แม้อาศรมมาตาจะเป็นสถานที่ส่วนบุคคล ไม่ได้เปิดรับบุคคลทั่วไป แต่อุบาสิกาทิพวรรณ ทิพยทัศน์ (คุณแม่เล็ก) ได้เมตตาเปิดโอกาสให้ ผู้หญิงที่มีความตั้งใจจริง สามารถขออนุญาตเข้าไปใช้สถานที่ในการเข้าพักภาวนา อยู่ปฏิบัติภาวนา เก็บอารมณ์ ดูจิตใจตนเอง ในช่วงที่ไม่มีการจัดคอร์สปฏิบัติธรรม • การอบรม • จัดอบรมเป็นคณะ ปีละ 5-6 ครั้ง ครั้งละ 5-7 วัน มีวิทยากรที่มีชื่อเสียงในการปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 หลายๆ แบบ มาให้คำแนะนำ ผู้มาปฏิบัติเป็นส่วนตัว หรือเป็นคณะเล็กๆ มาพักได้ตลอดปี • การเข้ารับการอบรม • 1. รับเฉพาะอุบาสิกาและนักบวชสตรี 2. สำหรับผู้ชายและพระภิกษุ ต้องได้รับอนุญาตพิเศษเป็นรายๆ ไป 3. สำหรับผู้มาใหม่ ต้องมีผู้ปฏิบัติธรรมในอาศรมมาตาหรือกรรมการของอาศรมมาตาเป็นผู้แนะนำ และรับรองความประพฤติ หรือเจ้าของอาศรมมาตาอนุญาตเป็นรายๆ ไป จึงจะเข้าพักได้ 4. สำหรับผู้มาใหม่ เข้าพักปฏิบัติได้ไม่เกิน 10 วัน 5. สำหรับผู้เคยพักและไม่เคยทำผิดระเบียบ พักได้ไม่เกิน 1 เดือน ถ้าจะอยู่พักปฏิบัตินานกว่า 1 เดือน ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของอาศรมมาตาก่อน 6. เข้าพักในกุฏิที่เจ้าหน้าที่อาศรมมาตาจัดให้เท่านั้น (ห้ามเลือกกุฏิเอง) • การปฏิบัติ-การแต่งกาย • 1. ให้สมาทานศีล 8 2. ให้ทานอาหารมังสวิรัติ วันละ 2 มื้อ 3. ให้แต่งกายชุดขาว 4. ควรนำไฟฉาย, รองเท้าแตะ, ร่ม (ในฤดูฝน), ของใช้ส่วนตัว และยารักษาโรค มาให้พร้อม (อาศรมมาตามีกุฏิพร้อมเครื่องนอนให้) • ระเบียบปฏิบัติ • 1. ห้ามเก็บอาหารไว้บนที่พัก (ยกเว้นผู้อยู่ประจำบางท่านที่ได้รับอนุญาตพิเศษ) 2. ห้ามพูดคุยในระหว่างรับประทานอาหาร ควรมีสติสำรวม 3. รู้จักประมาณในการบริโภค ถ้าอาหารเหลือ ห้ามทิ้งเศษอาหารให้กับสัตว์ ควรใส่ถุงพลาสติคเพื่อนำไปทิ้งหรือกลบทิ้ง 4. ไม่คลุกคลีพูดคุยกัน หรือพูดเสียงดัง ควรสนทนาในที่จัดไว้ในเวลาที่จัดไว้ (ในห้องทานอาหาร ห้องสมุด หรือห้องสวดมนต์ ระหว่างเวลา 12.00-13.00 น. และ 17.00-18.00 น. เท่านั้น) 5. ผู้ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวในครัวโดยเด็ดขาด ทางอาศรมมาตามีเจ้าหน้าที่แผนกทำอาหารเรียบร้อยแล้ว ห้ามไปสั่งเจ้าหน้าที่ให้ทำอาหารพิเศษให้กับตนเอง หรือลงมือทำอาการตามกิเลสของตนเอง 6. ห้ามนำของมีค่าหรือเงินทองไว้ในกุฏิในระหว่างปฏิบัติธรรม ต้องฝากไว้กับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ มิฉะนั้นหากหาย อาศรมจะไม่รับผิดชอบ 7. ห้ามเลี้ยงหมา แมว นกพิราบโดยเด็ดขาด 8. ทำความสะอาดกุฏิบริเวณรอบๆ ที่พักทุกวันด้วยความมีสติ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้ากรรมฐาน ควรดูแลรดน้ำต้นไม้บริเวณรอบกุฏิหรือที่ได้รับมอบหมาย เป็นการผ่อนคลายจากการปฏิบัติ 9. ในระหว่างเข้าปฏิบัติธรรม ห้ามออกนอกสถานที่โดยไม่ได้รับอนุญาต จากเจ้าของอาศรม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย 10. สำหรับผู้เข้ากรรมฐาน (ในเขตที่ 2 และที่ 3) ต้องทำตามระเบียบปฏิบัติในการเข้ากรรมฐาน ที่ติดไว้ในห้องกรรมฐานเพิ่มเติมอีกด้วย 11. ในเขตที่ 1 ถ้ายังต้องการฟังเทปธรรมะ ควรใช้หูฟังหรือเปิดให้ค่อยที่สุด เพื่อมิให้เป็นการรบกวนผู้อื่นและให้เกิดความเงียบสงัด สมกับเป็นที่ปฏิบัติธรรม 12. ห้ามให้เงินทองกับเจ้าหน้าที่ เพราะเขาดูแลผู้มาปฏิบัติธรรมทุกคนเหมือนกันหมด และถ้าท่านตั้งใจปฏิบัติ เจ้าหน้าที่ของเราก็จะได้บุญคือความสุขใจ เพราะเขาได้ทำงานตามหน้าที่ จึงเป็นการช่วยในการปฏิบัติธรรมของเขาด้วย (ยกเว้นการให้ของเล็กๆ น้อยๆ และได้ขออนุญาตเจ้าของอาศรมแล้ว) 13. การบริจาคสมทบในกองทุนบุญนิธิอาศรมมาตา บริจาคได้ที่กรรมการบุญนิธิ และขอรับในอนุโมทนาด้วยทุกครั้ง (ใบอนุโมทนาของกองทุนบุญนิธิไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีสรรพากรได้) 14. ก่อนกลับควรซักปลอกหมอน ตากเสื่อ หมอน ผ้าห่ม เก็บของใช้เข้าที่เดิม ปิดประตูบานเกล็ดทุกบาน และอย่าลืมคืนกุญแจกุฏิแก่เจ้าหน้าที่ด้วย * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * แผนที่อาศรมมาตา ที่พักภาวนาเพื่อพัฒนาจิต http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=18602 เว็บไซต์อาศรมมาตา http://www.ashrammata.krubpom.com/ * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * |
เจ้าของ: | webmaster [ 24 ส.ค. 2012, 12:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 21. นครราชสีมา |
วัดปอแดง ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา 30150 โทรศัพท์ 081-222-2841 พระครูถานกิจโกศล เจ้าอาวาส วัดปอแดง เป็นวัดปฏิบัติสายหลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ภาวนา “พุทโธ” |
เจ้าของ: | webmaster [ 24 ส.ค. 2012, 12:37 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: 21. นครราชสีมา |
1. วัดถ้ำกฤษณาธรรมาราม หมู่ 6 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 ก่อนขึ้นเขาใหญ่ให้เลี้ยวไปเส้นเขาเขียว ขับรถไปประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นสาขาของวัดสังฆทาน จ.นนทบุรี เนื้อที่วัดเยอะมาก ตอนนี้กำลังสร้างอุโบสถในถ้ำ หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ ดำริจะให้วัดถ้ำกฤษณาธรรมาราม เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมสำหรับพระภิกษุและสาธุชนทั่วไป * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 2. วัดเขาพรหมจรรย์ เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 ขับรถเข้าไปเส้นเขาใหญ่ ก่อนถึงให้เลี้ยวขวาไปเหวปลากั้ง ประมาณ 10 กิโลเมตร ทางนี้จะอ้อม ถ้ามาถึงมวกเหล็กตอนขึ้นเนินประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางกลับรถไปทางลัดเขาใหญ่ ถ้าขับรถไปเส้นนี้ก็ประมาณ 15 กิโลเมตร จะถึงซึ่งใกล้กว่ากันถึง 30 กิโลเมตร และไปเขาใหญ่ไวด้วย ถ้าเข้าทางวัดวชิราฯ จะเป็นทางลูกรัง ปนกันราดยาง ระยะทาง 20 กิโลเมตร ไกลไม่แนะนำ หลวงพ่อใจดีมาก ถ้ำอยู่บนยอดเขา สวยมากๆ เหมาะแก่การทำวิปัสสนา ซึ่งเป็นวัดธรรมยุต ส่วนใหญ่ใช้การภาวนาตามแนวหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 3. วัดถ้ำเขาวง หมู่ 7 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 ถ้ามาทางถนนมิตรภาพถัดจากฟาร์มโชคชัยมา ก็จะเป็นทางเข้าวัดวชิราลงกรณ์ ขับเข้าไปเส้นนี้ไป 8 กิโลเมตร ก็จะถึงวัดถ้ำเขาวง วัดติดถนน เป็นวัดปฏิบัติตามแนวหลวงพ่อสด จันทสโร วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กรุงเทพฯ ถ้ำที่นี่สวยมากๆ มีผู้ไปปฏิบัติธรรมกันประจำ เน้นหนักการนั่งสมาธิ ตามแนวหลวงพ่อสด * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 4. วัดวชิราลงกรณ์วราราม (พระอารามหลวง) ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 วัดวชิราลงกรณ์ เป็นพระอารามหลวง (วัดหลวง) มีมณฑปหินอ่อน ด้านในมีรอยพระพุทธบาทจำลอง และถัดไปก็มีหลวงพ่อพระใหญปางนาคปรก อยู่ใกล้ๆ กัน เข้าปฏิบัติแบบพึ่งตนเอง ก็ติดต่อกับหลวงพ่อเจ้าอาวาสได้ครับ อากาศดี และเงียบด้วยครับ ด้านหลังเขา อาหารสะดวก * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 5. วัดถ้ำไตรรัตน์ (วัดถ้ำแก้วสารพัดนึก) หมู่ 1 บ้านหนองน้ำแดง ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 วัดนี้อยู่ห่างจากวัดวชิราลงกรณ์ 1.5 กิโลเมตร เป็นวัดที่มีถ้ำสวยมาก และเป็นวัดที่เก็บค่าบำรุงในการลงดูถ้ำ ตอนแรกผมก็คิดว่าทำไมต้องเก็บเงินด้วย แต่พอลงไปชมถ้ำแล้ว ก็น่าจะเก็บเพราะถ้ำลึกมากๆ เดินประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้ไฟฟ้ามากๆ เดินไปทะลุอีกทาง ไปอีกทาง สวยจริงๆ ในความซับซ้อน เทียบกับถ้ำทั้งหมดแล้ว ถ้ำที่นี่จัดได้ว่าคุ้มกับค่าเข้าชมจริงๆ ซึ่งเป็นการทำบุญบำรุงวัด วัดนี้เป็นวัดธรรมยุต หลวงพ่อใจดี มีลานปฏิบัติกว้างขวาง ถ้าเราไม่ติดเรื่องเที่ยวแล้ว ที่นี้ก็มีสถานที่เข้าพักเพื่อปฏิบัติธรรมด้วยเช่นกัน * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * เท่านี้ก่อนนะครับ จะมาอัพเดทให้อีกนะครับ ที่จริงมีวัดอีกมากเลย แต่ที่นำมาเป็นสถานที่ท่านจะไปทำกัมมัฏฐานวิปัสสนาได้ ซึ่งหลวงพ่อ หลวงปู่แต่ละท่านก็ยินดีต้อนรับทุกท่าน ไม่ต้องหนักใจการทำบุญครับ ถวายปัจจัยก็ได้ ไม่ถวายก็ได้ ผม (sonthwal@hotmail.com) ไปบ่อยครับ บางทีก็มีตังค์ก็ถวาย ไม่มีก็ไปใช้แรงถวายแทน พระท่านยินดีด้วยครับ สนับสนุนผู้ปฏิบัติทุกท่านให้ถึงนิพพานครับ คราวหน้าจะมาลงสถานที่กราบไหว้ อันมีรอยพระพุทธบาท ถ้ำสวยๆ พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุ ผมเองยังตะลึง ใกล้บ้านเรามัวแต่ไปเที่ยวไกล ถึงเชียงใหม่ เชียงราย เดี๋ยวนี้ผมเลยเที่ยวไปตามวัดใกล้บ้าน ซึ่งก็พบช้างเผือกพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เยอะมาก แต่บางท่านก็ไม่ให้เปิดเผยวัด เนื่องจากจะเป็นการรบกวนการภาวนาของท่าน นำข้อมูลมาจาก : sonthwal@hotmail.com |
หน้า 2 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |