วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 07:08 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกสิ่งคืออารมณ์จิต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 07:08 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตในสมาธิเป็นเองโดยอัตโนมัติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 07:09 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติเป็นองค์แห่งการตรัสรู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 07:09 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าปฏิบัติหวังผล จะไม่ได้ผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 07:09 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาวนาแบบไหนก็ได้ผลถ้าทำจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 07:09 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำอย่างไรเมื่อภาวนาแล้วจิตไม่เคยสงบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 07:10 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีแก้จริต ๖

ราคจริต แก้ด้วยวิธีพิจารณาอสุภกรรมฐาน

โทสจริต แก้ด้วยการเจริญเมตตาพรหมวิหาร

โมหจริต แก้ด้วยการศึกษาไต่ถาม การเจริญสติ

วิตกจริต แก้ด้วยบริกรรมภาวนา

สัทธาจริต แก้ด้วยการศึกษา ด้วยการภาวนา

พุทธิจริต แก้ด้วยการเจริญปัญญา


อาทิตตปริยายสูตร... ดูกร ภิกษุ จกฺขุํ ภิกฺขเว อาทิตฺตํ ตาเป็นไฟ รูปา อาทิตฺตา รูปก็เป็นไฟ

มันเป็นไฟเพราะอะไร พอตาเห็นรูป หูได้ยินเสียง จมูกได้ กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ใจนึกคิด มันเกิดราคะ ความกำหนัด ย้อมใจ แล้วมันก็เกิดความร้อน สิ่งใดที่ใจมันรักมันชอบ มันก็เกิดร้อนใจ มันร้อนใจเพราะอะไร เพราะมันไม่ได้อย่างใจ

โทสจริต โทสะเกิดขึ้น มันก็ร้อนใจ มันร้อนเพราะอะไร มันอยากทำลาย

โมหจริต โมหะเกิดขึ้น มันก็ร้อนใจ มันร้อนใจเพราะมันไปหลง ไปติดไปข้องอยู่นั่น


••••••••••••
:b8: :b8: :b8:
>> http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=90&t=58246


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 08:05 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิบัติปราบโทสะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 08:06 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติปัฏฐาน ๔ แบบง่ายๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 08:06 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


องค์ฌาน ๕


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 08:06 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมถะ-วิปัสสนา มุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 08:07 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมถะ-วิปัสสนา เป็นชื่อแห่งวิธีการเท่านั้น

ในเมื่อจิตมีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา ก็เป็นปฐมฌาน ปฐมฌานนี่การเดินจิตในสมาธิขั้นวิปัสสนา ซึ่งมันเป็นไปเองโดยอัตโนมัติ นักปฏิบัติปัจจุบันนี้เข้าใจว่าสมถะกับวิปัสสนาเป็นคนละอย่าง

การเข้าฌาน ถ้าเป็นปฐมฌาน จิตก็เดินวิปัสสนาได้ ถ้าทุติยฌาน วิตก วิจาร หายไป เดินวิปัสสนาไม่ได้ กลายเป็นฌานสมาบัติ ฌานสมาบัติเริ่มตั้งแต่ทุติยฌานเป็นต้นไป แต่ลักขณูปนิชฌาน (ฌานในอริยมรรค) หมายถึงปฐมฌาน ฌานที่ ๑ ในเมื่อเข้าสมาธิลึกลงไปแล้ว ถอนจิตออกมาเจริญวิปัสสนา เป็นไปไม่ได้ นอกจากจิตจะถอนเอง


ที่ว่าถอนจิตออกมาเจริญวิปัสสนานี่ เป็นโวหารเท่านั้น แต่แท้ที่จริง จิตเข้าไปอยู่ในฌานสมาบัติแล้วถอนออกมาเอง พอถอนออกมาแล้ว มาถึงระยะที่รู้สึกว่ามีร่างกายตัวตนมาสัมพันธ์กับประสาททางสมอง จิตจะเกิดความคิดขึ้นมาเอง ในช่วงนี้พอจิตเกิดความคิดขึ้นมา เราปล่อยให้มันคิดไป เอาสติตัวเดียวตามรู้ๆ รู้ๆ ก็เป็นการเจริญวิปัสสนา

ที่เข้าใจกันโดยทั่วๆ ไป เราเดินวิปัสสนา หมายถึงพิจารณาพระไตรลักษณ์ ยกเอา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นอารมณ์ ทีนี้เมื่อเราพิจารณา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นี่เป็นภาคปฏิบัติ แต่เมื่อพิจารณาไปแล้ว จิตสงบลงไป บางทีมันไปนิ่งอยู่เฉยๆ ผู้ปฏิบัติก็ว่าตัวได้ฌาน การเจริญวิปัสสนามาแล้ว แต่มันไม่ใช่ การพิจารณาเป็นอุบายทำจิตให้สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิ บริกรรมภาวนาก็เป็นอุบายทำให้จิตสงบ ตั้งมั่นเป็นสมาธิ พอจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ มันจะเกิดวิปัสสนา มันจะเป็นเองโดยอัตโนมัติ

อย่างบางทีเราพิจารณาภูมิวิปัสสนาอยู่แทบเป็นแทบตาย พอจิตสงบแล้วมันไปนิ่งอยู่เฉยๆ เป็นสมถะ บางทีนึกว่าจะภาวนา พุทโธๆ พุทโธๆ พอมันสงบสบายๆ พอมันสงบแล้ว มันไม่หยุดแค่สบาย มันกระโดดไปเล่นวิปัสสนา

เพราะฉะนั้น สมถะก็ดี วิปัสสนาก็ดี จึงเป็นชื่อแห่งวิธีการเท่านั้น การบริกรรมภาวนาก็ดี การพิจารณาก็ดี เพื่อให้จิตตั้งมั่น เป็นสมาธิ การปฏิบัติตามแบบวิปัสสนานี่ เราพิจารณามันเป็นแนวทาง พอจิตสงบเป็นสมาธิแล้วมันจะเกิดวิปัสสนาขึ้นมาเอง ไม่ต้องไปน้อมนึกให้มันเป็น มันเกิดเอง บางทีพิจารณาเรื่องวิปัสสนา พอสงบ มันก็สงบๆ สงบๆ ไป จนกระทั่งรู้สึกว่าร่างกายตัวตนหาย เหลือแต่จิตสว่างอยู่ดวงเดียว ทีนี้เมื่อถอนจากสมาธิขั้นนี้มา พอรู้สึกว่ามีกายปั๊บ มันเกิดความคิดขึ้นมา นี่มันเริ่มวิปัสสนาแล้ว

ในเมื่อจิตเป็นสมาธิตามธรรมชาติของสมาธิ สารพัดที่จิตจะปรุงแต่งขึ้นมา มันไม่อยู่ในขอบเขตที่เรากำหนดไว้ เช่นอย่างผู้ที่เคยเรียนวิชาทางโลกมาศาสตร์ไหน มีธุรกิจเกี่ยวข้องอยู่ในเรื่องอะไร เมื่อจิตสงบเป็นสมาธิตามธรรมชาติแล้ว มันก็ไปหาวิชาความรู้และธุรกิจที่เคยคล่องตัวอยู่ ในลักษณะอย่างนี้ นักปฏิบัติทั้งหลายท่านว่าจิตมันฟุ้งซ่าน แต่ความจริงไม่ใช่จิตฟุ้งซ่าน อะไรที่มันคล่องตัวอยู่ มันข้องอยู่ มันติดอยู่ มันจะไปวิจัยเรื่องนั้น


อย่างบางทีเราพิจารณาสมถะ พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เป็นของปฏิกูลน่าเกลียดโสโครก เราตั้งใจพิจารณา แต่เมื่อจิตสงบพั้บลงไป มันไม่อยู่กับอารมณ์ที่พิจารณา มันจะวิ่งไปหาวิชาที่เราเรียนมา ผู้ที่เรียนมาทางวิทยาศาสตร์ ครุศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ มันก็วิ่งไปหาวิชาที่เรียนมา แล้วมันจะไปวิจัย

แล้วในความเป็นไปของจิตในขณะที่อยู่ในสมาธิตามธรรมชาตินี่ มันกระโดดไป กระโดดมา กระโดดไป กระโดดมา เมื่อเป็นเช่นนั้น มันเป็นวิปัสสนา เป็นปัญญาได้อย่างไร มันเป็นได้ตรงที่สติไล่ตามทัน สติที่รู้ทันเหตุการณ์ในจิตนี่ เรียกว่าสมาธิปัญญา หรือวิปัสสนา แล้วเวลามันไป มันไม่ได้ไปเป็นเรื่องเป็นราวเหมือนพระเทศน์ให้โยมฟัง ประเดี๋ยวมันวิ่งไปโน่น ประเดี๋ยวมันวิ่งไปนี่ บางทีมันออกไปนอก บางทีมันวิ่งเข้าใน แต่ผลงานของมันก็คือสติตัวที่รู้ทันเหตุการณ์นั้นๆ มันจะไปไหน สติก็จ่อๆ จ่อๆ ตามรู้

••••••••••••
:b8: :b8: :b8:
>> http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=90&t=64073


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 08:07 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญาในสมาธิแก้ไขปัญหาจิตได้เด็ดขาด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 08:07 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าบังคับจิตให้หยุดนิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2019, 08:08 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาวนาแบบนักสู้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร