วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 04:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www




book.gif
book.gif [ 94.75 KiB | เปิดดู 4289 ครั้ง ]
...ชายพิการผู้มีหัวใจร่าเริง...

ชายคนหนึ่งเคยมีชีวิตที่สะดวกสบาย
เขาเคยมีบ้านหลังใหญ่โต
มีรถขับหลายคัน มีบริวารมากมายรายล้อม
ปรนเปรอชีวิตตนเองด้วยความหรูหราฟู่ฟ่าตลอดมา
บัดนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
ธุรกิจที่เคยสร้างกำไรอย่างงดงามของเขา ล้มละลายหมดสิ้น
ชายคนนี้กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว
เขาไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว
นอกจากลูกสาวตัวเล็กๆ สุดที่รักเพียงคนเดียว...

เมื่อแรกที่ต้องสูญเสียสมบัตินอกกายไป
ชายผู้นี้คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อให้พ้นความอับอาย
และหลีกหนีความเป็นอยู่ในปัจจุบันที่เขาไม่คุ้นเคย
แต่เมื่อเขาเงื้อมีดขึ้นหมายจะปลิดชีวิตตนเอง
ใบหน้าน้อยๆ น่าเอ็นดูของลูกสาววัยห้าขวบก็ปรากฏขึ้นในจิตใจ
แม่ของเด็กตายจากไปนานแล้ว
ลูกสาวมีเพียงเขาเป็นที่พึ่งสุดท้าย
หากเขาเป็นอะไรไปแล้วลูกจะอยู่กับใคร
ด้วยความคิดที่ผุดขึ้นมานี้
ทำให้เขาทิ้งมีดในมือทันที และไม่คิดจะฆ่าตัวตายอีก
แต่ก็ใช้ชีวิตด้วยความหมองเศร้ายิ่งกว่าเดิม

วันหนึ่งลูกสาวของเขากลับมาจากโรงเรียน
เธอวิ่งเข้ามาหาพ่อแล้วโอบกอดด้วยความรักใคร่
พ่อของเด็กกอดตอบและฝืนยิ้มให้ลูกสาวอย่างยากเย็น

"พ่อยิ้มแบบนี้ทุกวันเลย พ่อยิ้มแบบนี้ลูกไม่ชอบ
สู้ไม่ยิ้มเลยยังจะดีเสียกว่า"
เด็กหญิงบอกกับพ่อของเธอ
พลางใช้มือน้อยๆ บีบปากผู้เป็นพ่อเบาๆ

"ทำไมล่ะลูก" พ่อเด็กถามอย่างสงสัย

"ก็พ่อยิ้มแบบนี้แล้วหน้าของพ่อเหมือนจะร้องไห้ ลูกเลยไม่ชอบ
ลูกไม่อยากให้พ่อร้องไห้" เด็กหญิงตอบ

ผู้เป็นพ่อหัวเราะเยาะกับชะตากรรมของตนเอง ก่อนจะบอกลูกสาวว่า

"ที่จริงแล้ว พ่อก็อยากร้องไห้เหมือนกันล่ะลูก"

"ทำไมพ่อต้องอยากร้องไห้ด้วย" เด็กหญิงขมวดคิ้ว

"แล้วลูกไม่อยากร้องไห้หรือ" พ่อของเด็กย้อนถาม

"ร้องไห้ทำไม ลูกไม่ได้เศร้าใจอะไรนี่ ลูกมีความสุขดีจ้ะพ่อ"

เด็กหญิงตอบยิ้มๆ

"มีความสุขหรือ" ผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างแปลกใจ"
จะเป็นอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อพ่อทำให้ชีวิตลูกลำบากถึงเพียงนี้
ลูกไม่มีห้องนอนสวยๆ เหมือนก่อน ไม่มีที่วิ่งเล่นกว้างๆ
ไม่มีคนขับรถไปรับไปส่งโรงเรียน ไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ ใส่
ไม่มีอาหารดีๆ กิน แล้วอย่างนี้ลูกจะมีความสุขได้อย่างไรกัน"

"ลูก มีความสุขเพราะลูกมีพ่อ เมื่อก่อนตอนเราร่ำรวยนั้น
พ่อไม่เคยอยู่ที่บ้านของเราเลย
ตอนนี้เราไม่มีบ้านของเราแล้ว แต่ลูกก็ได้พ่อคืนมา
ลูกถึงมีความสุขอย่างไรล่ะจ๊ะ" เด็กหญิงตอบอย่างชื่นบาน


ผู้เป็นพ่อนิ่งไปครู่หนึ่งกับคำตอบของลูกสาวก่อนจะพูดขึ้นอีกว่า
"แต่พ่ออยากทำชีวิตของเราให้ดีกว่านี้
พ่ออยากให้ลูกมีอนาคต อย่างน้อยลูกก็ควรจะได้เรียนสูงๆ"

"พ่อก็ทำได้นี่ ไม่ยากหรอกจ้ะ สำหรับพ่อของลูก"
เด็กหญิงว่าอย่างไร้เดียงสา

"พ่อ....ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร พ่อไม่เหลือทุนให้กับธุรกิจใหม่อีกแล้ว
พ่อละอายใจเหลือเกิน" ผู้เป็นพ่อคร่ำครวญ

"มีคุณลุงคนหนึ่งอยู่ข้างๆ โรงเรียนของหนู
เขาเป็นคนที่ทำงานเก่งมากแล้วก็ใจดีด้วย
เวลาใครไม่สบายใจแล้วไปหาเขา
เขาก็ช่วยให้คนๆ นั้นสบายใจได้ พ่อลองไปหาเขาสิจ๊ะ" เด็กหญิงว่า

"คนที่ทำงานเก่งๆ มักยุ่งอยู่ตลอดเวลา
เขาคงไม่มีเวลาคุยกับพ่อหรอก
เพราะต้องออกไปติดต่อธุระนอกบ้านบ่อยๆ" ผู้เป็นพ่อกล่าว

"ไม่จ้ะ คุณลุงคนนี้อยู่แต่ในบ้าน และไม่มีวันออกไปไหน"
เด็กหญิงบอกพ่อของเธอ ตอนนั้นเองมีเด็กข้างห้องเช่า
มาเคาะประตูเรียกให้เด็กหญิงออกไปเล่นด้วยกัน
เด็กหญิงจึงเอากระเป๋านักเรียนไปเก็บ
ก่อนจะวิ่งออกไปเล่นข้างนอก
ทิ้งพ่อของเธอให้ครุ่นคิดในเรื่องดังกล่าวด้วยความสนใจ

"ถ้าคนๆ นี้ทำให้เด็กห้าขวบสนใจในตัวเขาได้
และถึงกับแนะนำให้เราไปหา เขาก็น่าจะมีอะไรพิเศษในตัวเองอยู่เหมือนกัน
งั้นเราจะลองไปดูก็ได้" ผู้เป็นพ่อคิดในใจ

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากส่งลูกเข้าโรงเรียนแล้ว
ชายผู้นี้จึงไปเดินหาบ้านของชายคนดังกล่าวตามที่ลูกสาวของเขาบอก
ไม่นานเขาก็เจอบ้านของคนๆ นั้น
ซึ่งดูจากภายนอกก็เป็นบ้านขนาดกะทัดรัดธรรมดาๆ หลังหนึ่งเท่านั้น

ชายผู้นี้รู้สึกลังเลใจ นี่ลูกสาวของเขาพูดจริงหรือล้อเขาเล่นกันแน่
คนที่ทำงานเก่งก็น่าจะอยู่ในบ้านที่ใหญ่โตโอ่อ่ามิใช่หรือ

ขณะนั้นเองมีหญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีคนหนึ่งเดินมาที่รั้วหน้าบ้าน
แล้วถามเขาว่าต้องการพบใคร
ชายผู้นี้จึงเล่าเรื่องที่ได้รับรู้มาจากลูกสาวของตนให้หญิงคนนั้นฟัง
เธอฟังอย่างสงบแล้วยิ้มน้อยๆ
ก่อนจะเปิดประตูรั้วเชื้อเชิญให้เขาเข้ามาในบ้านอย่างมีไมตรี

"คนที่คุณต้องการพบ คงจะหมายถึงสามีของดิฉันนะคะ"
เธอบอกในขณะเดินนำเขาเข้าสู่ตัวบ้าน
"กรุณานั่งรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวดิฉันจะเข้าไปบอกสามีของดิฉันให้
ไม่ทราบว่าเขากำลังทำงานอยู่หรือเปล่าน่ะค่ะ"
แล้วเธอก็เดินหายเข้าไปในห้องๆ หนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กันกับห้องรับแขก

แต่เขาไม่ได้นั่งรอตามคำเชิญ เพราะมีบางสิ่งเบนความสนใจของเขาไปแล้ว
ชายผู้นี้เดินไปจ้องดูสิ่งของในตู้กระจกใบหนึ่ง
ซึ่งในนั้นมีเกียรติบัตรสีทองตั้งตระหง่านบอกความสามารถของเจ้าของ
ชายผู้นี้ได้อ่านข้อความในเกียรติบัตรนั้นทีละคำ

"เกียรติบัตรฉบับนี้ มอบให้เพื่อเป็นเกียรติแด่ตัวแทนบริษัทประกันชีวิต
ซึ่งทำยอดขายประกันได้เป็นอันดับหนึ่งติดต่อมาถึงสามสมัยซ้อน"

จากนั้นเขาก็กวาดตาอ่านเกียรติบัตรฉบับอื่นๆ อีกมากมายที่ตั้งอยู่ในตู้ใบนั้น
ซึ่งล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นความสามารถทางการขาย
และความก้าวหน้าในอาชีพการงานของเจ้าของเกียรติบัตรเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

"นั่นเป็นผลงานของสามีดิฉันค่ะ"
ภรรยาเจ้าของบ้านเดินมากล่าวแก่เขาด้วยใบหน้ายิ้มละไม

"โปรดอภัยด้วยที่ผมทำเหมือนละลาบละล้วงมากไปสักหน่อย"
ชายผู้นี้กล่าวอย่างเก้อเขิน

"ไม่ได้เป็นการละลาบละล้วงอะไรเลยค่ะ
เชิญคุณเข้าไปหาสามีดิฉันเถอะ เขาอยากคุยกับคุณค่ะ"

ชายผู้นี้กล่าวคำขอบคุณแก่ภรรยาเจ้าของบ้าน
ก่อนจะเดินเก้ๆ กังๆ เข้าไปในห้องของสามีเธอ

เขาคาดว่าห้องนั้นน่าจะเป็นห้องทำงาน
ที่มีเอกสารทางธุรกิจมากมายวางสุมอยู่ แต่ไม่ใช่เลย
เพราะห้องนี้เป็นเพียงห้องนอนธรรมดาๆ
และมีชายพิการคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น

"เอ่อ..." ชายผู้นี้ไม่รู้จะพูดอะไรดี เขารู้สึกมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้า
แต่ดูเหมือนว่าชายผู้พิการจะเข้าใจอะไรๆ ได้ดีมากทีเดียว
เขามองผู้มาเยือนแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
ก่อนจะเชื้อเชิญให้ชายคนนั้นนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งวางอยู่ข้างๆ เตียงเขา

"ผมได้ข่าวจากลูกสาวว่า...ไม่รู้สิ เธอบอกว่าคุณทำงานเก่งมาก
เลยลองให้ผมมาขอคำปรึกษาจากคุณดู...แต่...
" ชายผู้มาเยือนกล่าวอย่างติดๆ ขัดๆ เขาชักจะไม่แน่ใจ...
เป็นการยากที่จะเชื่อว่า คนพิการคนนี้คือคนทำงานเก่งอย่างที่ลูกสาวของเขาว่า
และยากที่จะเชื่อว่าเกียรติบัตรทั้งหมดในตู้ที่ห้องรับแขกนั้น
เป็นของชายพิการคนนี้ หรือเขาจะได้ของเหล่านั้นมาตอนที่ยังปกติดี
...ใช่แล้ว น่าจะเป็นเช่นนี้แหละ

"ผมเป็นอย่างนี้มานานแล้วล่ะ เป็นโรคแปลกประหลาดที่หาสาเหตุไม่ได้"
ชายพิการกล่าวเสมือนอ่านความคิดของชายผู้นี้ได้
" หลายปีมาแล้ว วันหนึ่งผมตื่นขึ้นมาพบว่าขาของผมแข็งทื่อจนขยับไม่ได้
แม้จะรักษาอย่างไรก็ไม่หายต่อมาอาการแข็งทื่อก็ลุกลามมาถึงเอว
ลำตัว และมือของผม จนในที่สุดผมก็เคลื่อนไหวไปไหนๆ ไม่ได้
ต้องนอนแช่อยู่แต่บนเตียงอย่างที่คุณเห็นนี่แหละ"

"คุณเป็นตัวแทนขายประกันด้วยหรือ" ชายผู้นั้นถามอย่างไม่แน่ใจ

"ใช่ ผมทำงานขายประกัน หลังจากเป็นแบบนี้ผมก็ต้องออกจากที่ทำงานเก่า
แล้วเริ่มทำงานขายประกัน ซึ่งผมว่าผมก็ทำได้พอใช้นะ" ชายพิการตอบยิ้มๆ

"ไม่หรอกครับ ผมว่าคุณทำได้ดีมากทีเดียว
แต่คุณขายประกันมากมายขนาดนั้นได้อย่างไรกัน
ในเมื่อคุณไปไหนมาไหนไม่ได้
คงไม่มีใครมาหาคุณเพื่อขอซื้อประกันถึงบ้านหรอกนะ"
ชายผู้มาเยือนถามอย่างแคลงใจ

"ดูเหมือนว่า คุณจะสงสัยในตัวผมมากทีเดียว
..ถูกแล้วครับ ไม่มีใครมาหาผมเพื่อซื้อประกันถึงที่นี่หรอก
และถึงแม้ผมจะไปไหนมาไหนไม่ได้
ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะต้องนอนมองเพดานอย่างเดียวเสียเมื่อไร
ถึงผมจะพิการแต่หัวใจผมยังแข็งแรงดี และสมองผมก็ยังมีอยู่
ผมยังคิดอะไรดีๆ ได้อีกแยะเพราะฉะนั้น
ผมจึงคิดที่จะทำนั่นทำนี่แม้ว่าตัวเองจะเคลื่อนไหวไม่ได้"
พูดจบชายพิการก็ทำหน้าพยักเพยิดไปทางโทรศัพท์
ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ หัวเตียง " ผมใช้โทรศัพท์ติดต่อลูกค้า
โดยให้ภรรยาช่วยถือหูให้ ซึ่งลูกค้าของผมก็ยินดีที่จะติดต่อกับผมด้วยวิธีนี้
เพราะฉะนั้นอะไรๆ มันก็เลยง่ายขึ้น"

"ทำไมคุณต้องดิ้นรนตัวเองขนาดนี้ คุณไม่สบาย
หากคุณเอาแต่นอนก็ไม่มีใครว่าอะไรคุณหรอก" ชายผู้มาเยือนว่า

"ผมยังเชื่อมั่นในสมองของผม
คุณคิดว่าคนเรามีชีวิตอยู่ได้เพราะกำลังกายหรือ
...เปล่าเลย คนเราอยู่ได้เพราะกำลังใจ
แม้จะมีแขนขาที่กำยำล่ำสันเพียงไร
แต่ถ้าไร้กำลังใจ แขนขานั้นก็ไร้ความหมาย
ผมเป็นอย่างนี้ใช่ว่าไม่เคยเสียใจ
แต่ถ้าเอาแต่เสียใจก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรที่ดีขึ้น
ดังนั้นผมจึงคร้านที่จะเสียใจ
ผมว่าผมสู้ดีกว่า... คุณดูกระดาษที่ติดอยู่บนหัวนอนผมสิ"
ชายพิการเหลือบตามองขึ้นไปทางผนังเหนือหัวเตียงของเขา
มีกระดาษแผ่นหนึ่งติดอยู่อย่างง่ายๆ"

นั่นคือคติพจน์ในการมีชีวิตอยู่ของผม
ผมเขียนขึ้นด้วยกำลังใจของผมเอง
คติพจน์ข้อแรกคือ อย่าวิตกกังวล
และข้อสองคือ ถึงป่วยไข้ก็อย่าหมดกำลังใจ"


"คุณเป็นคนที่น่าอัศจรรย์มาก"
ผู้มาเยือนกล่าวด้วยความทึ่งระคนชื่นชม

"ขอบคุณครับ แต่ผมคงต้องขอบคุณภรรยาของผมและลูกสาว
ซึ่งเป็นครูอนุบาล รวมทั้งเด็กๆ จากโรงเรียนของเธอด้วย
ที่แวะเวียนมาเยี่ยมผมบ่อยๆ
เพราะเด็กๆ ได้มอบความเบิกบานให้แก่ผมเป็นอย่างมาก
ผมคิดว่าผมรู้จักลูกสาวของคุณนะ
แกมาที่นี่กับลูกสาวของผมบ่อยๆ
และแม่หนูน้อยนั่นก็หน้าตาเหมือนคุณมาก
คุณเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกได้ดี เพราะแกเป็นเด็กที่น่ารัก
อยู่เพื่อแกเถอะ ขอให้ใช้ชีวิตต่อไปนี้เพื่อแก"

"แต่ถ้าคุณท้อแท้ก็ให้นึกถึงผม
ตัวผมนั้นไม่เคยท้อถอยโดยเหตุที่ใช้มือไม่ได้เลย
แน่นอนว่าสิ่งที่ผมเป็นอยู่นี้ทำให้ผมทำงานไม่ได้
และยิ่งลำบากมากในการติดต่อธุรกิจการงาน
แต่ถ้าเราสู้ต่อไป และค่อยๆ คิดหาวิธีแก้ไขสิ่งบกพร่องนี้
เราก็จะทำอะไรได้ตามที่ตั้งใจไว้
...ถ้าคุณจำต้องเสียอะไรไปและเอาคืนกลับมาไม่ได้ ก็ช่างมันเถอะ
แต่อย่ายอมเสียหัวใจที่ร่าเริงอย่างเด็ดขาด
เพราะหัวใจที่ร่าเริงจะไม่ยอมให้เจ้าของมันล้มเหลวหรอก เชื่อผมสิ"
ชายผู้พิการกล่าวพร้อมรอยยิ้ม


แน่นอนว่าชายผู้นี้เดินออกจากบ้านของชายผู้พิการด้วยกำลังใจที่เต็มเปี่ยม
เขายังคงไม่มีเงินทุนสำหรับเริ่มธุรกิจ แต่มีแรงสู้เพิ่มขึ้นเต็มหัวใจ
ชายผู้นี้เชื่อว่าด้วยแรงใจที่เต็มเปี่ยมนี้
จะทำให้เขาสามารถสร้างชีวิตใหม่ให้ดีขึ้นได้
ดังที่ชายพิการผู้มีหัวใจร่าเริงได้บอกเอาไว้นั่นเอง


คัดลอกจาก...ด้วยรักบันดาล... นิทานสีขาว
ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

http://blog.spu.ac.th/squeezblack/2008/07/24/entry-1

:b8: :b8: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 20:15
โพสต์: 78


 ข้อมูลส่วนตัว


หัวใจแกร่งจริงๆๆ

สู้ชีวิตไม่ยอมแพ้ถึงแม้จะพิการ

เป็นอีกคนที่น่านับถือเป็นอย่างมาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2009, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2007, 10:10
โพสต์: 38

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


"ไม่ว่าจะอะไรล้วนมีดีและมีเสีย ล้วนมีข้อดีข้อด้อยอยู่ในตัวทั้งสิ้น
ไม่มีอะไรดีอย่างเดียวหรือเสียอย่างเดียว"

อนุโมทนา สาธุ...

.....................................................
ทำความดีเริ่มที่ตัวเราตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2019, 09:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 10:51
โพสต์: 2758


 ข้อมูลส่วนตัว


:b20: Kiss


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 8 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร