วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 15:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 281 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 19  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 18:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โอ้..กลีบแก้ว...บางๆ
บางกลีบขาวจะพราวแย้ม
ไปแตะแต้มแรมคืนให้ชื่นฟ้า
ประดับสรวงแทนดอกดวงดาริกา
รัญจวนพากลิ่นฉ่ำ ห้วงรำพึง ”

ทิ้งร่วงแล้วกลีบแก้วบาง สายลมผ่าน
พร้อมพร้อมกาล จากลาที่มาถึง
โศกฤดูแห่งมรรคา จะตราตรึง
อยู่ในห้วงคำนึง นิจนิรันดร์

ผละความจริงทิ้งร่วงจากห่วงหา
เศร้านัยน์ตาสื่อสบมิพบฝัน
จะพรากพ้นหนใดในชีวัน
แผ่วแผ่วพร่ำรำพัน คะนึงครวญ

กลีบเอย เจ้ากลีบแก้ว
ทิ้งร่วงแล้วช่อชื่น ไม่คืนหวน
เลือนเลือนกลิ่นหอมบางจางรัญจวน
หอมเจ้าปานแก้มนวล กรุ่นภวังค์

เจ้าทิ้งซากตากแสงเดือนเรือนน้ำค้าง
ฝากคืนหนาวอ้างว้าง กระซิบสั่ง
ก่อนจะไกลจากอุ่นอิง เป็นชิงชัง
ผ่านเงียบเหงาโลกลำพัง ทรมาน

ว่ายังครุ่นรำพึง ปรารถนา
ถึงโศกงามนัยน์ตา อันฉ่ำหวาน
วางกลีบช้ำฝากไว้กับวัยวาร
ให้ว้าเหว่เอกาลาน เกลื่อนกลีบแก้ว

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:33, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2009, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




580.jpg
580.jpg [ 24.23 KiB | เปิดดู 4455 ครั้ง ]
ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า

ประสบการณ์สะสมความฉลาด
ประสบการณ์เป็นข้อมูลดิบของภาคปฏิบัติ
ไร้ประสบการณ์ โอกาสฉลาดก็ย่อมหมดไป

ขณะเดียวกันประสบการณ์ย่อมหมายถึง ความผิดหวัง-ความสมหวัง
และย่อมหมายถึง ความสุขและความทุกข์ ผ่านร้อนผ่านหนาว
จึงเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่ผู้เกิดมาตามหลังยอมรับ
น่าเสียดายที่ข้อมูลด้านความสุข มักจะทำให้มัวเมาอ่อนแอ ไม่อดทน
มีบ้างไม่เป็นไร แต่มีบ่อยๆชีวิตจะไปไม่รอด
เมื่อเรียนหนังสือ ครูจะทำให้จำได้ดีที่สุด ก็คือ ภาพครูดุๆ ที่ถือไม้เรียว

ความอ่อนแอทำให้คนเราเลือกสิ่งที่อ่อนแอ
จึงมักหนี มักหลบเลี่ยง หรือแม้กระทั่งจัดการกับฝ่ายตรงข้าม !

สภาวะยิ่งใหญ่ของโลกมนุษย์ มีแค่ ๒ สภาวะ
พลัดพรากจากสิ่งที่รักก็เป็นทุกข์
ประสบสิ่งไม่รักก็เป็นทุกข์

หากเรามัวแต่วิ่งหนีปัญหาเราจะไม่มีวันชนะ ตัวเองได้้เลย
การเข้าเผชิญกับปัญหานั่นแหละสุดยอดยุทธศาสตร์
เมื่อเริ่มรบ เราก็จะเริ่มแกร่ง !

ทำใจลำบากก็เพราะไม่เคยหัดทำใจ
หลายเรื่องในโลก อาจต้องจำพรากวัตถุ
แต่หลายๆเรื่องมากกว่านั้น เป็นเรื่องแก้ไขไม่ได้ ต้องทำใจ
การทำใจก็ต้องอาศัยการฝึกทำซ้ำบ่อยๆ
"อย่ารังเกียจความขัดแย้ง" อยู่กับหมู่ อยู่กับคนมาจากหลากหลายสายธาร
กินไม่เหมือนกัน คิดไม่เหมือนกัน ความขัดแย้งย่อมเป็นเรื่องปกติ
รังเกียจความขัดแย้ง จึงเหมือนนักเรียนขี้เกียจเรียนหนังสือ !

เมื่อมนุษย์ ๒ คนขึ้นไป สังสรรค์ ร่วมกิจกรรมความคิด
การกระทำย่อมแตกกระจาย ความเป็นเอกภาพ เริ่มสูญหาย
จิตใจเอย จะสงบได้อย่างไร !
เรื่องใหญ่ของเราเป็นเรื่องเล็กของเขา
เรื่องเล็กของเขาเป็นเรื่องใหญ่ของเรา
สิ่งที่เขาคิดว่าถูก เรากลับคิดว่าผิด
สิ่งที่เราคิดว่าผิด เขากลับคิดว่าถูก !
ไม่มีอะไรเหมือนกัน ความแตกต่างจึงเป็นเรื่องปกติของสากลของจักรวาล
จะจัดการอย่างไรกับความแตกต่าง หรือรวบเป็นของเราหมด ก็สุดแต่วิธีการ

เผด็จการทางความคิดเป็นเรื่องของการรวบอำนาจ
เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ในหมู่ผู้คนที่ชอบกิจกรรม
"รังเกียจความขัดแย้ง" ก็เหมือนรังเกียจคราบไคลในเนื้อตัวเรา
สิ่งที่มีก็คือมี อยู่ที่จะทำอย่างไรกับสิ่งที่ขัดแย้ง ให้สร้างสรร
ใช้เสียงส่วนใหญ่ หรือให้ผู้ใหญ่ตัดสินก็หลายๆวิธีการ
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น "อย่ารังเกียจความขัดแย้ง"

เตือนตน เตือนใจ
ความขัดแย้งเป็นเรื่องของการพัฒนาความคิด
เป็นความก้าวหน้าขององค์กร ... ของชีวิต
สังคมไทยมีปัญหาเพราะจิตใจคนคับแคบ ต่างคนก็ต่างเอาแต่ใจ
ฉันจะเอาอย่างนี้
จะไม่โกรธ จะไม่เคือง ก็ต้องใจกว้างยอมรับความจริง
เคารพความคิดของทุกคน

ภูมิหลังของคนเราต่างกัน การศึกษาต่างกัน สมองคนละก้อน
แล้วจะให้ใครๆ มาคิดเห็น เหมือนๆ กัน ได้อย่างไร
"อย่ารังเกียจความขัดแย้ง" เตือนตน หน่วยงานพลันจะสว่างไสว
เมื่อแก้ไขได ้ ความอึดอัดขัดเคืองจะจางลง ต่างคนต่างทำงานด้วยความสุข
ทุกคนมีอิสรภาพ พูดเสนอสิ่งตัวเองเห็น ไม่ต้องคับแค้นในความคิด
ใจที่เปิดกว้าง ย่อมมีโอกาสเติมรับสิ่งใหม่ๆ
ใจที่คับแคบ ย่อมประดุจน้ำชาล้นถ้วย
จะฉลาดหรือโง่ ตัวเองเป็นคนลิขิตจริงๆ
"ความขัดแย้ง" ไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย

แต่เป็นธรรมชาติของมนุษย์เมื่อทำงานด้วยกัน
ไม่ถือสา ไม่ขุ่นเคือง แต่นำความคิดเห็นทั้งหลายมากลั่นกรองให้เป็นเอกภาพ
คนอาภัพนั้น มิใช่คนจนหรือกระยาจก แต่ที่เจ็บปวดกว่านั้น
ก็คือ คนที่ทำใจไม่ได้ เมื่อใครไม่เห็นด้วยกับเรา

เมื่อฉันชี้นิ้ว แปลว่าทุกคนต้องเดินตาม
แต่เราจะใหญ่ปานนั้นได้ทุกขณะหรือไม่ ?
อย่าจริงจังกับความคิดของตัวเอง
อย่าหลงคิดว่าความคิดของตัวเอง "ถูกต้องที่สุด" เป็นคำตอบสุดท้าย !

มิฉะนั้นปราชญ์โบราณ ท่านพยากรณ์ไว้ ไม่พ้น"หมาขี้เรื้อน"

เจ็บปวดบาดแผลวันแล้ววันเล่า ! แม้เพียงแค่ลมพัดผ่าน

เพื่อความสุขสงบของจิตวิญญาณ
เพื่อการทำงานอย่างมีความสุข ทั้งของตัวเองและเพื่อน
เพื่อปัญญาญาณที่จะติดตัวไปตลอดภพตลอดชาติ
ขอบอกว่า "อย่ารังเกียจความขัดแย้ง" เลย...

นี้คือ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม
เพียงแค่คุณ เปิดใจยอมรับ แล้วพากเพียรฝึกหัดทำให้ดีขึ้นเท่านั้น..

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2009, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความโกรธเหมือนไฟใจที่โกรธย่อมถูกเผาไหม้ตลอดเวลา

เรามักไม่ชอบความโกรธ อยากขับไล่ผลักไส อย่าผลักไสความโกรธไปสู่มุมมืด

เราควรต้อนรับอย่างมิตรและมีจิตเมตตา ใช้สติเพ่งมองความโกรธอย่างอ่อนโยน

ความโกรธเหมือนแขกจรที่มาเยือนเราเพียงเฝ้าดู

ความโกรธนั้นก็จะดับเหมือนผู้มาเยือนที่กลับไปเอง

อย่าให้พลังกับความโกรธ เพราะเมื่อมีพลัง มันจะครอบงำเรา

สิ่งที่ทำและพูดยามที่โกรธ ก็จะไม่เป็นตัวของเราเองอีกต่อไป

พลังของความรักความเมตตา เหมือนน้ำดับเพลิงโกรธ

เจริญเมตตาภาวนาทุกวัน ทำให้จิตใจเราชุ่มเย็น

วิธีง่ายๆหายใจเข้าออกช้าๆ

เริ่มการแผ่เมตตาให้กับตัวเองก่อน เพียงบอกว่า "ขอให้ฉันมีความสุข"

บางที่เราจะค้นพบว่าในส่วนลึกของจิตใจ เราไม่ได้รักและเมตตาต่อตนเอง สักเท่าใด

การแผ่เมตตาให้กับเพื่อนผู้ร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตาย

เราทุกข์เช่นใดชีวีตอื่นก็ทุกข์สุขเช่นกัน

ใจจะคลายความเกลียดชัง พลังความรักความเมตตา จะแผ่ปกคลุมโลกให้ชุ่มเย็น

ความโกรธเหมือนขยะอยู่ที่เราจะจัดการมันอย่างไร

ถ้าเอาไปหมักเป็นปุ๋ยจะกลายเป็นดอกไม้เบ่งบาน

หากเก็บสะสมไว้ จะส่งกลิ่นเหม็นรบกวนเราไปตลอดเวลา

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:32, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2009, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าเกิดมาเพียงแค่นี้ เท่าที่เห็น
เกิดมาเป็นตัวตนล้วนสร้างฝัน
จากตัวน้อยด้อยแรงต้องฝ่าฟัน
เติมพลังก่อกู้สู้กับใจ

กับโลกกว้างหนทางล้วนแต่แคบ
ความปวดแปลบรานร้าวคงทนได้
ทุกข์สุขโศกท้อแท้ฤาเหงาใจ
เก็บรวมไว้คงคู่อยู่ด้วยกัน

เจ้าเกิดมาก็คงระวังตน
จากเล่ห์กลคนนั่นแหละสำคัญ
ต้องเล่าเรียนเพียรรู้ให้เท่าทัน
อีกกระทั่งต้องสู้อย่างอดทน

ถึงอ้างว้างหว้าเหว่บางเวลา
เฝ้าศึกษาสรรพสิ่งอย่าสับสน
เติมคุณค่าของตนให้เต็มคน
ที่ข้นเค็ม เผ็ดเปรี้ยว และหวานคาว

เจ้าฝ่าคลื่นลมพัดต้องใฝ่ครวญ
คอยทบทวนมุ่งสู่เส้นทางฝัน
ไปให้ถึงทางเดินสู้ฝ่าฟัน
จึ่งฉาดแสงสดสวยรวยรินใจ

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2009, 14:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนจากไปไร้ความทรงจำ
แต่คนที่ยังมีชีวิตอยู่พร้อมความทรงจำอันเจ็บปวด....

ฉันไม่กล้าแม้แต่จะยืนอยู่ใต้ต้นไม้แห่งความทรงจำ
ฉันกลัวความทรงจำที่แสนจะเจ็บปวดและทรมาน
แม้ร่างกายของฉันไร้ซึ่งวิญญาน...ดอกไม้สีขาว..หอมเย็น..สดชื่นสีขาว..
ที่เต็มไปด้วยความทรงจำ..คงไม่คลุมร่างกายของฉัน
ฉันเจ็บไม่น้อยไปกว่าเธอ...
ฉันยังมีชีวิตอยู่...
ฉันอยากไร้ความทรงจำ...บางอย่าง
ฉันยังเดินไป..ก้าวไป...ด้วยร่างกาย..
แต่ไร้วิณญาน..ไร้ควาททรงจำจาก..กาลเวลา

แล้ววันหนึ่งฉันจะนอนตายอยู่ใต้ต้นไม้ความทรงจำ
ศพของฉันอาจเน่าเฟะ เต็มไปด้วยหนอนและน้ำหนอง
ดอกไม้สีขาวทิ้งกลีบคลุมศพฉันบางบาง
แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังคงเห็นรอยยิ้มที่ฉาบอยู่บนใบหน้า

สักวันหนึ่งฉันจะละทิ้งร่างนี้
ทิ้งความทุกข์และความปวดร้าวประดามีที่ทนแบกรับ
ก้าวไปข้างหน้า ถึงแม้ว่าไม่มีชีวิต
ฉันเลือกที่จะตายเพื่ออยู่รอด และรักษาดวงวิญญาณเอาไว้
ด้วยว่าหากฉันยังมีชีวิตอยู่ จิตวิญญาณฉันคงพังทลายลงในสักวัน

ในสวนดอกไม้สีขาว..ที่ฉันชอบ
สวยงามและหอมหวน....ตลอดกาล
ทุกทุกกลีบดอกไม้ ล้วนแต่มีเรื่องราวเขียนอยู่
แต่ทว่ามีเพียงฉันที่มองเห็น มีเพียงฉันที่เข้าใจ
และก็มีเพียงฉัน ที่ยังทนปวดร้าวอยู่คนเดียว...เสมอ

วันหนึ่งเธอจะพบว่า ฉันนอนตายอยู่ใต้ต้นไม้ความทรงจำ
ภายใต้สายลมสดชื่นและกลิ่นหอมของดอกไม้สีขาวๆ
ฉันทิ้งความปวดร้าวไว้ที่ตรงนั้น ปล่อยให้มันผุพังและเปื่อยสลาย
เพื่อที่จะนำพาไปเพียงแต่ดวงวิญญาณ ..ที่หลงลืมทุกสิ่งอย่าง....

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:31, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2009, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"บวชเพราะแม่ยาย"
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภแม่ยายหูหนวกคนหนึ่ง ...
เรื่อง.....
มีอยู่ว่า ในเมืองสาวัตถีมีพ่อค้าคนหนึ่ง มีศรัทธาเลื่อมใส่ในพระพุทธศาสนา ถือศีลห้าเป็นประจำ
วันหนึ่งเขาไปฟังธรรมที่วัดเชตวัน ขณะนั้นแม่ยายได้ไปเยี่ยมครอบครัวของเขา
แต่แม่ยายคนนี้หูแกค่อนข้างตึง
เมื่อไปถึงบ้านพบแต่ลูกสาวอยู่บ้านไม่พบลูกเขย จึงเอ่ยปากถามลูกสาวว่า
"นี่ลูกผัวเอ็งนะยังรักเอ็งอยู่รึเปล่า มีเรื่องทะเลาะกันบ้างไหม?"
ลูกสาวตอบว่า "แม่..คนดีๆ อย่างลูกเขยแม่คนนี้นะ แม้บวชแล้วก็ยังหายาก"
ยายแกฟังคำพูดของลูกสาวไม่ชัดได้ยินแต่คำว่าบวชเท่านั้น
จึงร้องตะโกนขึ้นด้วยความตกใจกว่า
"อ้าว..ผัวเอ็งไปบวชแล้วหรือ"

ชาว บ้านเรือนข้างเคียงกันได้ยินเช่นนั้นก็พากันพูดว่า "พ่อค้าไปบวชเสียแล้ว"
คนที่เดินผ่านไปมาจึงพูดคุยกันแต่เรื่องพ่อค้าออกบวช แล้วฝ่ายพ่อค้าเจ้าของ
เรื่องหลังจากฟังธรรมเสร็จก็เดินกลับบ้าน
ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งได้เดินตรงมาจับแขนเขาถามว่า
"ข่าวว่าท่านบวชแล้ว ลูกและเมียของท่านพากันร้องไห้อยู่ที่บ้านมิใช่หรือ"
พ่อค้าไม่พูดอะไรได้แต่คิดว่า เรายังไม่ได้บวชก็มีคนว่าเราบวชแล้ว
ข่าวดีเช่นนี้ไม่ควรให้หายไปไหน ตกลงเราควรจะบวชในวันนี้ละ
"จึงเดินกลับวัดเชตวันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลเรื่องนั้นแก่พระองค์
หลังจากอุปสมบทได้ไม่นานก็บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
เพื่อคลายความสงสัยของพวกภิกษุ พระพุทธองค์จึงนำอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระโพธิสัตว์เกิดเป็นพ่อค้าในเมืองพาราณสี มีแม่ยายหูตึง เช่นกัน
วันหนึ่งเขาเดินทางไปนอกเมืองด้วยราชกรณียกิจอย่างหนึ่ง ได้เกิดเรื่องทำนองเดียวกันนี้ขึ้น
เมื่อเขากลับเข้าเมืองมาทราบข่าวนั้น จึงไปทูลลาพระราชาออกบวชด้วยการกล่าวเป็นคาถาว่า

" ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน ในกาลใด บุคคลได้รับสมัญญาว่าผู้มีกัลยาธรรมในโลก
ในการนั้นนรชนผู้มีปัญญาว่าผู้มีกัลยาณธรรมในโลก
ในกาลนั้นนรชนผู้มีปัญญาไม่ ควรให้ตนเสื่อมจากสมัญานั้นเป็นธุระสำคัญ
แม้ด้วยหิริ ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมแห่งชน
สมัญญาว่าผู้มีกัลยาณธรรมในโลกข้าพระองค์ได้รับแล้วในวันนี้
ข้าพระองค์พิจารณาเห็นสมัญญานั้นอยู่ จักขอบวชในวันนี้
เพราะข้าพเจ้าองค์ไม่มีความพอใจในการบริโภคกามคุณในโลกนี้"

เขาได้บวชเป็นฤาษีอยู่ป่าหิมพานต์จนตลอดชีพ
ตายแล้วไปเกิดในพรหมโลก

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :
คำพูดของผู้คน สามารถชักจูงความคิดของคนให้กระทำความดีความชั่วได้
ที่มา : หนังสือนิทานชาดก เล่มที่ ๒
โดย พระมหาสุนทร สุนฺทรธฺมโม (เสนาซุย)

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:30, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2009, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดึกยามนี้ รอบกาย เงียบสงบ
หากใจพบ ความวุ่นวาย สับสนหนอ
สมองคิด ไปเรื่อย ไม่รั้งรอ
จิตเติมต่อ ไร้สงบ คืนราตรี

เป็นมนุษย์ แสนลำบาก ยากห้ามคิด
กระแสจิต แรง-อ่อน ไร้คงที่
เดี๋ยวคิดโน่น เดี๋ยวคิดนี่ ทั้ง ร้าย-ดี
ยากจะมี สุขสงบ ที่ยาวนาน

กิเลศคน กิเลศตน นำชักพา
ผ่านเวลา สุข-ทุกข์ สนุกสนาน
เดี๋ยวร่ำไห้ เด๊ยวหัวเราะ หน้าตาบาน
กาลล่วงผ่าน สลับเปลี่ยน ความคิดคน

ไม่หยุดนิ่ง แปรเปลี่ยน ตามกาลผัน
ผ่านคืนวัน ผ่านฤดู ร้อน-หนาว-ฝน
ประเดี๋ยวดี ประเดี๋ยวร้าย อลวน
จิตอับจน เกินกำหนด สงบวาง

สังคมคน สังคมเมือง สังคมเปลี่ยน
หรือเราเพี้ยน ตามกระแส สังคมขวาง
จึ่งให้จิต คิดสับสน ในทิศทาง
ลอยเคว้งคว้าง กลางราตรี อยู่เดียวดาย

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:30, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2009, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่แหละ...คือชีวิตที่เรียบง่ายฉ่ำเย็น
สาวชาวกรุง ผู้เคยผ่านชีวิต รัก เหงา และเศร้าโศก
รู้จักร้อน รู้จักหนาว รู้อาวรณ์

จนกระทั่งชีวิตได้พบแสงธรรมนำทางให้จิตใจใสงามสงบ
ขอเดินตามรอยบาทพุทธองค์ ผู้ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

เสริมส่งให้ชีวิตบั้นปลายดูสะอาด สงบและอบอุ่น
จนรู้สึกได้ถึงความเมตตาอาทรรัก
อันจะเป็นที่พักพิงแห่งใจอันล้าโรยแรง

เป็นธารน้ำฉ่ำเย็น อันเป็นที่ซึ่งผู้เดินทาง
รอนแรมทางมาจะได้พักดื่มกิน
ขอเทอดแล้วในหนทางแห่งพระธรรม

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:29, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ค. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปรารถนาแห่งใจข้าไหววาด
เคยพิลาสงามงดในบทสรรค์
บัดจักสิ้นลับลาโดยจาบัลย์
โศกรำพันเพ้อคร่ำใจร่ำครวญ

ห้วงอาทรอ่อนหวานเคยซ่านซึ้ง
ซ่อนรำพึงกำซาบพิลาปหวน
พร่ำห่วงหาคราฝันเร้ารัญจวน
บัดแปรปรวนรวนเรว้าเหว่ใจ

อรรณพห้วงอัสสุชลหลั่งล้นแล้ว
ดั่งร้าวแก้วแกมทองสิ้นผ่องใส
โศกฤาสร่างจากห้วงทรวงหทัย
เศร้าอาลัยอาทรอาวรณ์รัก

จากซ่านซึ้งตรึงจิตสนิทแนบ
เคยอิงแอบอุ่นในใจประจักษ์
บัดร้างแล้วซึ่งประนอมถนอมภักดิ์
ต้องห้ามหักโศกเชี่ยวอยู่เดียวดาย

ธารน้ำตาโศกตรมระทมห้วง
ดั่งโลกล่วงลงลับดับสลาย
ปรารถนาแห่งหวังพังทะลาย
ความรักตาย...จากใจไปสิ้นแล้ว

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:28, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2009, 15:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พ่อพระในบ้าน

พ่อบ่นว่า แม่ไม่ยอมไปหาหมอ
แต่...คนขี้บ่นนี่แหละ
ที่ไปปรึกษาเภสัชกรที่ร้านขายยา
ซื้อหายาอมแก้เจ็บคอ ยาแก้ไข้ที่แม่ใช้ประจำมาวางไว้ให้ข้างเตียง

พ่อ...ที่ปกติชอบออกไปหากับข้าวแปลกๆ ข้างนอกกินเป็นกิจวัตร
บ่นว่าเบื่อกินข้าวที่บ้าน
แต่...พ่อก็สั่งเมนูไปซื้อกับข้าวที่ร้านโปรดของแม่มากินที่บ้าน
เพียงเพราะไม่อยากให้แม่อยู่บ้านคนเดียว
แม่แตะกับข้าวได้คำเดียว...เอาใจพ่อ
ทั้งๆ ที่เมณี่ก็ว่ากับข้าวอร่อยดี
แต่...พ่อกลับว่า วันนี้เชฟฝีมือตก ทำไม่อร่อย...เลยไม่ถูกปากแม่

แล้ววันนี้...แม่อาการดีขึ้น ลุกขึ้นมาเดินเหินได้นิดหน่อย
บ่น...อยากกินแครกเกอร์กับโกโก้ร้อน
แต่...ของแห้งที่บ้านหมด รวมทั้งแครกเกอร์ยี่ห้อโปรดด้วย
พ่อ...ผู้ชายที่แสดงออกตลอดเวลา...ว่าเกลียดการเดินซูเปอร์มาเก็ต
บอกลูกๆ ว่าน้ำส้มของพ่อหมด ไปซื้อกันเถอะ

พวกเราอมยิ้ม
ผู้ชายปากแข็ง...จะบอกว่าไปซื้อของให้แม่ก็ไม่ได้
ต้องอ้างยังโน้นยังงี้
แต่...แค่ย่างเท้าเข้าห้างสรรพสินค้า
คนจะซื้อน้ำส้มเดินหา...แครกเกอร์ เฮ้อ...

พ่อ...มีโรคประจำตัว...โรคหัวใจ
พ่อต้องเดินช้าๆ เพราะไม่อยากให้หัวใจทำงานหนักเกินไป
แต่ในซุปเปอร์มาเก็ตวันนี้
พ่อเดิน...เข้าช่องโน้น ออกช่องนี้
เพราะแม่กินได้แต่ข้าวต้ม
ข้าวต้มซองชนิดมีกับพร้อมปรุงถูกพ่อกวาดมาทุกชนิด

เครื่องข้าวต้ม...ทั้งผักดอง ผักกระป๋อง

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:28, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 22:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแจมนิดหนี่งนะครับ ผมชอบอ่านผลงานของคุณปลายฟ้า มากครับ อ่านแล้วนิ่ง มีกลิ่นอายแบบเซนด้วย
ธรรมดาชายพึงรักและห่วงหวง
หญิงหนึ่งในดวงใจของชายนั้น
มักไม่แสดงออกทางวาจาให้เธอรู้..เพราะ
กลัว....
กลัวไม่มีค่าหมายราคาใดใด
จึงทำมากกว่าพูด เพื่อให้เธอผู้เป็นที่รักเห็นค่า
มากกว่าวาจาหวานใดใด
ที่ลิ้นพาไปไร้หลักเกณฑ์
แค่หวังเพียงหลอกลวงด้วยปลายลิ้น..
555 เป็นปัญหาอมตะของชายที่มีรักแท้กับหญิงอันเป็นที่รัก
แต่ทั้งคู่ย่อมรับรู้ความรู้สึกดีดีนั้นไว้ในใจเสมอ
เพราะท้ายสุดแล้วก็ต้องอยู่ดูแลกันตลอดไปจนกว่า....
วันนั้นจะมาถึง...
ไม่หวังพี่งลูกหลานหรอก
เพราะเข้าใจ...
เข้าใจในวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเขา
จะมีเวลาให้พ่อแม่ยามแก่เฒ่าหรือไม่
ไม่มีแล้วก็แล้วไป...เพราะเรายังมีเราตลอดกาล

ฝากระลึกถึงทุกท่านที่มีพระอรหันต์ในบ้านอยู่ครบ ดูแลปรนนิบัติท่านให้ดี กิดท่านเถอะ อย่ามัวอาย
เพราะท่านเองก็ปรารถนาให้เรากอดท่าน มิใช่ว่าวันหนึ่งต้องมาร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อไม่มีท่านให้กอด...ไ :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ไผ่ เขียน:

ฝากระลึกถึงทุกท่านที่มีพระอรหันต์ในบ้านอยู่ครบ ดูแลปรนนิบัติท่านให้ดี กิดท่านเถอะ อย่ามัวอาย
เพราะท่านเองก็ปรารถนาให้เรากอดท่าน มิใช่ว่าวันหนึ่งต้องมาร้องไห้คร่ำครวญ เมื่อไม่มีท่านให้กอด...ไ :b20:


เห็นด้วยกับคุณไผ่ครับ
สาธุ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แม่พระผู้ประเสริฐ

ณ เรือนไม้หลังเก่าคร่ำคร่าที่ชายป่าเชิงเขา
มีชายหนุ่มคนหนึ่งอาศัยอยู่กับแม่ที่แก่ชรา

แม่ที่แก่ชราทำอะไรด้วยอาการงกเงิ่นงุ่มง่าม
สร้างความรำคาญให้กับชายหนุ่มเป็นยิ่งนัก

แต่ความรักและความห่วงใยของดวงใจผู้เป็นแม่ไม่เคยลดน้อยถอยลง
แม้ชายหนุ่มจะเติบโตเข้มแข็งสักเพียงใดก็ตาม...
แม่ก็ยังเฝ้าไถ่ถามด้วยความห่วงใย
และสั่งสอนตักเตือนให้ชายหนุ่มทำความดี เพื่อความเจริญในชีวิตอยู่เสมอ ...
แต่ลูกชายกลับเห็นว่าแม่เป็นคนโบราณไม่ทันโลก ไม่ควรที่จะสอน

เขา...จึงไม่สนใจคำสั่งสอนของแม่...
และทำตัวเป็นคนเกเรขี้เมา ไม่หมั่นทำการงาน หนักไม่เอาเบาไม่สู้

อยู่มาวันหนึ่ง ด้วยความรำคาญแม่
ชายหนุ่มได้ออกจากบ้านขอเพื่อนหนุ่มรุ่นเดียวกันร่วมค้าขายด้วย
แต่เมื่อชายหนุ่มคนนี้ไปค้าขายกับเพื่อนคนไหน...
เพื่อนคนนั้นก็ขายของไม่ออก
เพื่อนหนุ่มทั้งหลาย จึงไม่ยอมให้ชายหนุ่มคนนี้รวมเดินทางไปค้าขายกับตน
“เพื่อนเอ๋ย เราคงให้เพื่อนไปค้าขายกับเราไม่ได้หรอก
เพราะตั้งแต่มีเพื่อนมาด้วย เราขายของไม่ออกเลย” เพื่อนหนุ่มคนหนึ่งกล่าว

ครั้นพอชายหนุ่มจะขอไปกับเพื่อนคนอื่นๆอีก
เพื่อนๆก็กล่าวในทำนองนั้นเหมือนกันหมด
ชายหนุ่มคิดว่าตนเองเป็นคนดวงอับอาภัพโชค
จึงเกิดความเศร้าใจในวาสนาชะตาชีวิตของตน

เมื่อกลับมาสู่หมู่บ้านโดยที่ไปยังไม่ถึงเรือนของตน
ได้ยินข่าวว่ามีพระธุดงค์ทรงศีลาจารวัตร
มาปักกลดบำเพ็ญพรตโปรดสัตว์ ณ ชายป่าใกล้หมู่บ้าน
จึงเข้าไปหาพระธุดงค์ เพื่อให้ขจัดปัดเป่าเคราะห์กรรมความโชคร้าย

เมื่อชายหนุ่มเข้าไปหาพระธุดงค์ กราบลง ๓ ครั้งแล้วกล่าวว่า
“กระผมเป็นคนดวงอาภัพโชค
ขอหลวงพ่อได้โปรดให้พรอันเป็นมงคลแก่กระผมด้วยเถิด”

พระธุดงค์จึงถามว่า
“ถ้าอาตมาให้พรเพื่อความเจริญแล้วอุบาสกจะให้อะไรแก่อาตมาเล่า”

ชายหนุ่มรีบตอบโดยเร็วด้วยความดีใจว่า
“กระผมจะนำอาหารหวานคาวมาถวาย
อุปัฏฐากอุปถัมภ์ บำรุงหลวงพ่อเป็นอย่างดีเลยขอรับ”

พระธุดงค์จึงกล่าวว่า “อุบาสกเอ๋ย
พรที่อุบาสกต้องการนั้นมีพระผู้ประเสริฐมอบให้ทุกวันอยู่แล้ว
และสิ่งที่อุบาสกจะถวายแก่อาตมานั้น
ขอให้อุบาสกนำสิ่งนั้นไปถวายพระผู้ประเสริฐนั้นเถิด”

ชายหนุ่มรีบถามกลับทันทีว่า
“ในเวลานี้ ผู้ประเสริฐนั้นอยู่ที่แห่งใดเล่า แม้ไกลเพียงใดกระผมก็จะไปหา”

พระธุดงค์บอกว่า
“อยู่ไม่ไกลหรอก ขอให้อุบาสก รีบกลับสู่เรือนของตน
พระผู้ประเสริฐนั้นรออยู่ที่เรือนมาหลายวันแล้ว”

ชายหนุ่มจึงรีบกลับสู่เรือนของตน
และเมื่อไปถึง...มองรอบบริเวณเรือนก็ไม่เห็นมีพระอยู่ จึงขึ้นไปบนเรือน
เปิดประตูเข้าไปเห็นแต่แม่ผู้ชรานั่งรอคอยอยู่
และทันทีที่แม่เห็นลูกชายของตนกลับมา
จึงถามขึ้นด้วยเสียงอาทรอ่อนโยนว่า
“ลูกไปไหนมาหลายวันเหนื่อยไหมลูก มากินข้าวก่อนสิ แม่จึงหาข้าวให้กิน”

ชายหนุ่มโผเข้ากอดแม่ น้ำตาคลอเบ้า พูดอะไรไม่ออกและเกิดสำนึกว่า
“ที่แท้พระผู้ประเสริฐอยู่ในบ้านนี้เอง
ต่อแต่นี้ไปเราจะเคารพเชื่อฟังแม่ และบำรุงเลี้ยงดูแม่เป็นอย่างดี”

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:45, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2009, 20:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


...อ้อมกอดนี้ มีใคร ให้ไออุ่น
จิตการุณ ดุจพระพรหม ห่มแทนผ้า
แต่แรกเกิด กำเนิด เป็นต้นมา
ท่านเมตา หาใคร ให้ทดแทน
....จวบบัดนี้ กี่ปีแล้ว ไม่คลายรัก
ผูกสมัคร สายใย ให้ห่วงหา
คิดถึงท่าน บ้างใหม ที่ผ่านมา
วันเวลา ไม่อาจย้อน วอนจดจำ
.....ก่อนจะถึง ปีใหม่ ในไม่ช้า
มีเวลา มากราบ ท่านบ้างหนอ
อย่าให้ท่าน ชะเง้อ เผลอให้รอ
น้ำตาคลอ รอเก้อ ละเมอครวญ
.....อ้อมกอดนี้ ไม่มี ใครจะเหมือน
เป็นทั้งเพื่อน ทั้งมิตร ที่ชิดใกล้
แม้โตใหญ่ พลัดพราก จากไปไกล
ยังห่วงใย ในอ้อมกอด ตลอดมา

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:45, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2009, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผ่านชีวิตร้อนหนาวมายาวแล้ว แต่ไม่แคล้วเปล่าดายวันวัยล่วง
มองหาใครเข้ามาเยียวยาทรวง ให้ผ่านช่วงเลวร้ายก่อนหลับตา

สู้ชีวิตผจญผ่านฝนแดด ไอร้อนแผดก้าวผ่านด้วยแรงล้า
หนาวสุดกู่ยามลมลู่พัดมา กอดกายาอย่างเดียวดายไร้คนแล

ในมุมหนึ่งของชีวิตที่คิดถึง ภาพตราตรึงพันผูกลูกพ่อแม่
แม้ยามร้อนไม่ร้อนถึงดวงแด ถึงยามหนาวหนาวเพียงแต่แค่ร่างกาย

คู่ชีวิตลาลับดับจากโลก ทิ้งรอยโศกฝังใจไว้ไม่หาย
สุดกล่ำกลืนเกลียดชังเจ้าความตาย ใยช่างร้ายพรากเราให้เศร้าตรม

พลัดจากผัวตัวเรายังมีลูก ได้เลี้ยงดูฝังปลูกอย่างสุขสม
บ้านหลังน้อยที่คอยกันแดดลม มีความรักห่อห่มอบอุ่นใจ

ย้ำสัญญากับตัวเองว่าวันนี้ จะเลี้ยงดูลูกอย่างดีเอาใจใส่
ถนอมเฝ้ามิให้ยุงเหลือบลิ้นไร มาตอมไต่ร่างกายให้ได้คัน

จนเจ้าเติบโตไปในวัยรุ่น กลิ่นหอมกรุ่นความสาวดาวในฝัน
แม่สุดห่วงเจ้าดวงดอกชีวัน พรหมจรรย์จะฆ่าเจ้าเยาวมาลย์

ความโชคร้ายหรือใครที่กลั่นแกล้ง ลูกของแม่โดนแทงปล้นความหวาน
กลายเป็นศพไร้เสื้อผ้าอนาจาร กระชากจิตวิญญาณแม่แหลกลง

นอนร้องไห้เดียวดายคิดเรื่องเก่า แววความเศร้าในใจยังเหลือหลง
เหมือนภาพร้ายฉุดใจให้แย่ลง เกินกว่าปลงปลดไปให้ล่องลอย

โชคชะตาหรือฟ้ามากำหนด หนึ่งชีวิตรันทดที่ต่ำต้อย
นอนเหน็บหนาวกอดหมอนเก่าเฝ้ารอคอย ชีวิตน้อยหนึ่งนี้...หลับนิรันดร์

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"


แก้ไขล่าสุดโดย ปลายฟ้า...ค่ะ เมื่อ 20 ส.ค. 2009, 02:44, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 281 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 19  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร