วันเวลาปัจจุบัน 10 พ.ย. 2024, 11:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


อ่านนิทาน จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=5



กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันไกลโพ้น
มีเมืองๆ หนึ่งสร้างขึ้นอย่างวิจิตรงดงาม
ที่เมืองๆ นี้มีพระราชาพระนามว่า “บาบู” เป็นผู้ปกครอง

พระราชาบาบูทรงเป็นพระราชาที่ประชาชนรักมาก
เพราะพระองค์ทรงยึดเอาความยุติธรรมเป็นที่ตั้งในการปกครองบ้านเมือง
ถึงขนาดทรงให้แขวนกระดิ่งทองคำเสียงกังวานก้องไว้ที่หน้าพระราชวัง
เมื่อชาวบ้านคนใดมีความเดือดร้อน หรือได้รับความอยุติธรรมใดๆ
ก็ให้มาสั่นกระดิ่งทอง แล้วพระองค์จะเสด็จออกมารับฟัง
และช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ให้ด้วยพระองค์เอง

มาระยะหลังๆ ปรากฏภาวะแห้งแล้ง ขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ในเมือง
ประชาชนปลูกข้าวไม่ได้ พืชผลต่างๆ ก็ล้มตายตามๆ กันไปจนหมดสิ้น
ทุกๆ วันจึงมีประชาชนมาสั่นกระดิ่งทองคำ
เพื่อขอความช่วยเหลือจากพระราชาบาบู
โดยในช่วงแรกๆ พระราชาบาบูได้มีพระราชโองการเบิกข้าวสาร
และพืชผลที่เก็บไว้ในคลังผลผลิตของ พระราชวังมาแจกจ่ายแก่ชาวบ้าน
เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน แต่เมื่อต้องแจกเช่นนี้ไปทุกๆ วัน
ข้าวสารและพืชผลต่างๆ ที่เคยมีอยู่เต็มคลังก็เริ่มร่อยหรอ
ไม่พอแก่การแจกจ่าย ทำให้ทรงกลุ้มพระทัยเป็นอย่างมาก
ในที่สุดก็ทรงตัดสินพระทัยส่งพระราชสาส์นไปกับนกพิราบ
ถึงเจ้าชายบาเบพระโอรส ซึ่งทรงกำลังศึกษาวิชาการปกครอง
อยู่ในป่ากับพระอาจารย์ ความในพระราชสาส์นมีอยู่ว่า

บาเบลูกรัก
ขณะที่เจ้าได้อ่านสาส์นจากพ่อพ่อเชื่อเหลือเกินว่า
เจ้ากำลังคร่ำเคร่งอยู่กับการศึกษาเป็นแน่
ลูกรัก...ตัวพ่อนั้นวางใจในผลการศึกษาของเจ้า
และไม่เคยเป็นกังวลในเรื่องนี้แต่อย่างใด
เพราะยิ่งกว่าความฉลาดเฉลียวที่มีมาแต่เล็กแต่น้อยของเจ้าแล้ว
พ่อยังเชื่อมั่นในความตั้งใจจริงของเจ้ามากกว่า

แต่บาเบ ลูกรักของพ่อ...ตอนนี้ บ้านเมืองของเรา
กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
ด้วยภัยแห่งความแห้งแล้งที่มาเยี่ยมเยือนโดยที่เราหาได้ยินดีปรีดาไม่
ชาวบ้านกำลังพบทุกข์เข็ญเพราะไร้ผลผลิตเก็บเกี่ยว
น้ำตาของเด็กๆ กำลังจักท่วมแผ่นดินเพราะไร้อาหารประทังชีวิต
บ้านเมืองของเรากำลังพบกับภัยแห่งความอดอยากหิวโหยครั้งใหญ่แล้ว
และพ่อก็เจ็บปวดใจยิ่งนักที่ไม่อาจช่วยบรรเทาความทุกข์ยากเหล่านี้ได้มาก
เท่าที่เป็นถึงพระราชาปกครองประเทศ

ลูกรัก...พ่อรู้ว่าลูกรัก การศึกษา และดิ้นรนด้วยความเหนื่อยยาก
กว่าจะได้เข้าศึกษากับพระอาจารย์ของลูก
แต่พ่อคงต้องขอให้ลูกเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม กลับมาบ้านเมืองเราเถิด
กลับมาหาประชาชนของเรา มาช่วยกันแก้ปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไป
เพื่อความสุขของพวกเขา เมื่อประชาชนมอบความไว้วางใจ
ให้เราเป็นพระราชาของเขา ก็ถือเป็นหน้าที่ของเรา
ที่จะต้องทำให้เขาอยู่กันอย่างมีความสุขที่สุด
‘หากไม่มีประชาชนก็ไม่มีพระราชา’ จำคำพ่อไว้เถิดลูก

พ่อและประชาชนของเราจะรอวันที่ลูกกลับมา
ด้วยรัก...
พ่อของลูก


:b51: :b52: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 15:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เจ้าชายบาเบเมื่อได้รับพระราชสาส์นจากพระบิดาก็ไม่รอช้า
ทรงเข้าพบพระอาจารย์เพื่อขอลากลับบ้านเมืองทันที
อย่างไรก็ตาม เข้าชายบาเบก็อดที่จะโอดครวญแก่พระอาจารย์
ด้วยความเสียดาย ในเรื่องที่ตนไม่อาจอยู่ศึกษาจนจบหลักสูตร
ดังเช่นเจ้าชายเมืองอื่นๆ พระอาจารย์ฟังเจ้าชายโอดครวญแล้วกล่าวว่า
“ความรู้ไม่ได้อยู่ที่นี้ ที่เดียวดอก บาเบ
ครูสอนการปกครองที่ดีที่สุดไม่ใช่ข้า แต่คือประชาชนของเจ้าเอง”
เจ้าชายบาเบเห็นจริงดังคำพระอาจารย์ว่า
จึงรีบกราบลาแล้วทรงม้าคู่พระบารมีของเสด็จกลับเมืองในทันที

เจ้าชายบาเบทรงม้าติดต่อกัน 3 วัน 3 คืน โดยไม่หยุดพัก
เนื่องจากด้วยเห็นว่าความเดือดร้อนที่กำลังเกิดแก่ประชาชนนั้นรอช้าไม่ได้
และแล้วในวันที่ 4 ซึ่งเจ้าชายบาเบและม้าทรงของพระองค์
รู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น

มีลูกวัวตัวหนึ่งเดินผ่านมาจากพงหญ้า ทึบข้างทางเพื่อเล็มหญ้าอ่อน
ตรงทางที่เจ้าชายเสด็จผ่าน ด้วยความเหน็ดเหนื่อยผสมอาการสะลึมสะลือ
เพราะไม่ได้นอนหลับมาหลายวัน
ทำให้เจ้าชายบาเบบังคับม้าทรงให้หลบลูกวัวน้อยไม่ทัน
เป็นเหตุให้ม้าทรงวิ่งเหยียบลูกวัวน้อยถึงแก่ความตาย
เจ้าชายบาเบทรงตกพระทัยตื่นจากอาการสะลึมสะลือนั้น
รีบเหลียวกลับไปมองพร้อมร้องอุทานว่า

“หยุดก่อน! เจ้าม้าเอ๋ย เห็นทีว่าข้าคงจะเหยียบเด็กคนใดเข้าแล้ว”

เจ้าชายบาเบจ้องมองไปยังร่างที่พระองค์ทรงคิดว่าเป็นเด็ก
แต่แล้วก็เห็นเพียงวัวน้อยตัวหนึ่งนอนแน่นิ่งสิ้นลมหายใจอยู่เท่านั้น

“โธ่ เอ้ย...ที่แท้ก็แค่ลูกวัว” เจ้าชายบาเบเอ่ยอย่างโล่งใจ
แล้วรีบควบม้าทรงต่อไปจนกระทั่งถึงบ้านเมืองและได้เข้าเฝ้าพระราชาบาบู
ซึ่งเมื่อได้เห็นหน้าพระโอรสก็รู้สึกดีพระทัยเหลือจะกล่าว
รวมทั้งข้าราชบริพารต่างก็พากันโห่ร้องแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ในระหว่างที่ความยินดีปรีดากำลังบังเกิดขึ้นนั้น
จู่ๆ เสียงกระดิ่งทองคำก็ดังกังวานขึ้น
พระราชาบาบูจึงรีบละจากพระโอรสออกไปรับเรื่องเดือดร้อนจากชาวบ้านทันที
แต่เมื่อเห็นผู้สั่นกระดิ่ง พระราชาบาบูก็ทรงรู้สึกแปลกพระทัยยิ่งนัก
เพราะผู้สั่นกระดิ่งในครั้งนี้คือแม่วัวสาวที่มีน้ำตาไหลอาบแก้ม
และร้องครวญอย่างน่าเวทนา

“มีใครในที่นี้รู้บ้าง ว่าเหตุใดแม่วัวตัวนี้จึงมาสั่นกระดิ่งทองคำร้องเรียกเรา”
พระราชาตรัสถามพระราชบริพาร แต่ไม่มีใครทราบ
จึงทรงมีพระราชโองการออกไปว่า

“เราเชื่อว่าต้องมีเรื่องทุกข์ใจอย่าง แสนสาหัสเกิดแก่แม่วัวตัวนี้แน่
จงไปสืบความจากชาวบ้านและผู้เห็นเหตุการณ์
ถึงเรื่องราวที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นแก่แม่วัว แล้วนำความนั้นมาบอกเราเดี๋ยวนี้”

เหล่าทหารรับรุดออกจากวังไปสอบถามชาวบ้าน
แล้วรีบกลับมากราบทูลให้พระราชาบาบูทรงทราบ
เมื่อทรงรับเรื่องราวทั้งหมดแล้ว จึงรับสั่งให้เจ้าชายบาเบเข้าเฝ้า
แล้วตรัสถามเจ้าชายว่า

“ลูกพ่อ พ่อรู้เรื่องที่ลูกได้คร่าชีวิตลูกวัวน้อยแล้ว
ใยเจ้าจึงทำเช่นนั้นเล่า”
“กราบ ทูลเสด็จพ่อ ด้วยความรีบร้อนเดินทางกลับบ้านเมือง
ทำให้ลูกขาดสติในการบังคับม้า
ม้าของลูกจึงพลาดไปเหยียบลูกวัวจนถึงแก่ชีวิตพระเจ้าค่ะ”
เจ้าชายบาเบตอบ

“เมื่อเจ้าทำให้ชีวิตลูกวัวน้อยหลุดลอยไปแล้ว
เจ้าแสดงความรับผิดชอบอย่างไรบ้างเล่าลูกรัก” พระราชาบาเบตรัสถามอีก

“ลูกมิได้ทำสิ่งใดเลย ด้วยเห็นว่านั่นเป็นเพียงแค่ลูกวัวตัวหนึ่งเท่านั้น”

เมื่อทรงได้ฟังคำตอบเช่นนั้น พระราชาบาบูจึงถึงกับทรุดตัวลงบนพระที่นั่ง
เจ้าชายบาเบเห็นดังนั้นก็ตกพระทัย
เนื่องจากไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำลงไปนั้นเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างไร

“ลูกทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือเสด็จพ่อ”
เจ้าชายบาเบตรัสถามด้วยความกังวลใจ
“เจ้าเป็นถึงลูกพระราชา ใยดูแคลนคุณค่าขงชีวิตเช่นนั้น
แม้นั่นจะเป็นลูกวัว แต่ลูกวัวก็มีชีวิต มีเลือดเนื้อ
มีความเจ็บปวดเช่นเดียวกับเจ้า ลองหันไปดูสิลูกรัก
หากชีวิตของลูกวัวน้อยไม่มีค่าดังเช่นที่เจ้าว่า
เหตุใดจึงทำให้แม่วัวเศร้าโศกถึงขนาดต้องมาร้องทุกข์กับพ่อ
ลูกรัก หากเจ้ามองไม่เห็นความสำคัญของสิ่งเล็กสิ่งน้อย ในวันนี้
แล้ววันหน้าเจ้าจะปกครองประเทศด้วยใจที่เป็นธรรมได้อย่างไร
ต่อไปเจ้าคงจะละทั้งความเป็นธรรม ละทิ้งสิ่งที่สำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งละทิ้งประชาชนและสูญสิ้นประเทศ
ลูกรัก...พ่อไม่ยอมให้พระราชาเช่นนั้นมาปกครองประชาชนของพ่อเป็นแน่
และความผิดของเจ้าสมควรได้รับการชำระโทษอย่างเป็นธรรมแก่ผู้เสียหาย”

เมื่อตรัสจบพระราชาบาบูก็ทรงตัดสินพระทัย
ที่จะลงโทษพระโอรสด้วยวิธีเดียวกับที่เจ้าชายได้ทำกับลูกวัวน้อย
สร้างความตกตะลึงให้แก่ทหารและข้าราชบริพารในที่แห่งนั้นเป็นอย่างมาก
ต่างทัดทานให้พระราชาบาบูทรงตัดสินพระทัยใหม่
ด้วยเห็นว่าการลงโทษเช่นนี้ร้ายแรงเกินไป
สำหรับความผิดของเจ้าชายที่ฆ่าลูกวัวหนึ่งตัว

“วัวหนึ่งตัวคือชีวิต เมื่อหนึ่งชีวิตสูญสิ้นในแผ่นดินของเราอย่างไม่เป็นธรรม
ตัวเราซึ่งเป็นพระราชาก็ต้องรียกร้องความยุติธรรมนั้นคืนมาให้
เจ้าชายไม่คิดว่าหนึ่งชีวิตน้อยๆของลูกวัวสำคัญ
ฉะนั้นเราจะทำให้เจ้าชายรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดก่อนสิ้นชีวิต
เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจคุณค่าของชีวิตมากขึ้นและเราผู้เป็นพ่อของเจ้าชาย
ผู้กระทำความผิด ก็สมควรได้รับโทษแห่งความสูญเสียรวดร้าว
ดังเช่นที่แม่วัวกำลังได้รับอยู่ขณะนี้...ตัวเรา จะเป็นผู้คร่าชีวิตลูกชายเราเอง”

ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากเหล่าเสนา อำมาตย์
แต่พระราชาบาเบกลับยอมรับโทษจากพระบิดาด้วยจิตที่สำนึกผิด
ทรงเดินไปยังหน้าพระราชวังแล้วล้มตัวลงนอนทอดกลายบนพื้นดินที่ระอุ
เพื่อรอการลงพระอาญาจากพระบิดา

"ลูกพร้อมจะรับโทษจากเสด็จพ่อแล้ว
ขอให้ลงโทษลูกให้สมกับความผิดด้วยเถิด” เจ้าชายตรัสด้วยน้ำเสียงกล้าแข็ง

พระราชาบาบูมองพระโอรสแล้วรู้สึกประหนึ่งพระทัยจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
แต่ก็ต้องแข็งใจทรงม้าพระที่นั่งเพื่อลงโทษเจ้าชาย
ด้วยตนเองตามที่ได้ลั่นวาจาไว้

พระราชาบาบูทรงม้า แล้วควบตรงไปยังร่างของเจ้าชาย
ที่นอนรอรับโทษอย่างสงบ ม้าพระที่นั่งเหยียบร่างเจ้าชายอย่างแรง
เจ้าชายสิ้นพระชนม์ในทันที

ท่ามกลางความตกใจและเสียงร่ำไห้
พระราชาบาบูทรงลงจากม้าอย่างคนสิ้นวิญญาณ
และทรุดตัวลงไปกองบนพื้นดินข้างๆ ร่างที่ไร้วิญญาณของพระโอรส
น้ำพระเนตรไหลอาบเต็มพระพักตร์...


:b51: :b52: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 15:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทันใดนั้นเอง มีแสงสว่างวาบเกิดขึ้นที่ร่างของแม่วัวที่มาร้องทุกข์
หลังสิ้นแสงนั้นร่างของแม่วัวก็หายไป
ปรากฏเป็นร่างของพระฤาษีเฒ่าที่น่าเลื่อมใสขึ้นมาแทน

“อย่าทุกข์ใจไปเลยองค์ราชา คุณธรรมที่มั่นคงของท่าน
ได้ประจักษ์แก่สามโลกแล้ว เราจะชุบชีวิตโอรสของท่าน
ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ของเราเช่นกัน กลับคืนมา ณ บัดนี้”

กล่าวจบ พระฤาษีก็วาดไม้เท้าขึ้นกลางอากาศ
แล้วชี้ไปยังร่างไร้วิญญาณของเจ้าชายบาเบ แล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น
เจ้าชายบาเบรู้สึกพระองค์ลุกขึ้นมามีลมหายใจอีกครั้ง
สร้างความยินดีให้ทุกๆ คนในที่นั้นโดยเฉพาะเจ้าพระราชาเป็นอย่างมาก

“พระอาจารย์” เจ้าชายบาเบร้องอุทานเมื่อเห็นพระฤาษี
“พระอาจารย์มาช่วยศิษย์หรือพระเจ้าค่ะ”

“เปล่า เลยบาเบ” พระฤาษีตอบ
“ความยุติธรรมอันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญยิ่งของพระราชาแห่งพระบิดาของเจ้า
ต่างหากที่ช่วยเจ้าไว้ ลูกวัวตัวนั้นเป็นร่างที่เสกจากข้า
เพื่อทดสอบคุณธรรมในพระบิดาของเจ้า
ซึ่งได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพระราชาผู้นี้ทรงมีความยุติธรรมเป็นที่น่าสรรเสริญยิ่ง
บาเบ ศิษย์ข้า...เจ้าไม่ต้องกลับไปศึกษาวิชาการปกครองจากข้าอีกดอก
ในเมื่อพระบิดาของเจ้าเองคือพระอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่มากอยู่แล้ว
จงศึกษาคุณธรรมจากพระราชาผู้นี้
แล้วเจ้าจะเป็นพระราชาผู้ครองใจประชาชนใน เวลาไม่นาน”

พูดจบฤาษีก็ให้พรแก่พระราชาบาบูว่า
“ด้วยความยุติธรรม อันโดดเด่นของท่าน
ข้าขออวยพรให้บ้านเมืองท่านพ้นจากภัยแห้งแล้งเสียเดี๋ยวนี้”
ฉับพลันนั้นก็มีฝนตกลงมาจากฟากฟ้า
“และขอให้บ้านเมืองของท่านอุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร
ประชาชนอยู่อย่างเป็นสุขและเทิดทูนพระราชา
ผู้ทรงไว้ซึ่งความยุติธรรมเป็นที่ตั้งดังเช่นท่านตลอดไป”

สิ้นคำให้พรสุดท้ายพระฤาษีก็หายตัวไป
เสียงโห่ร้องยินดีของชาวบ้านดังก้องไปทั่วทั้งเมือง
เจ้าชายบาเบทรงสวมกอดกับเจ้าชายบาบูและทรงให้คำมั่นสัญญาว่า
จะเป็นพระราชาผู้ทรงไปด้วยความยุติธรรมดังเช่นพระบิดาให้จงได้

..............................................................

เธอทั้งหลาย...

หลายคนอาจคิดว่า การลงโทษเจ้าชายของพระราชานั้น
ดูเหมือนจะรุนแรงเกินความผิดไปสักหน่อย
บางคนก็ว่า พระราชานี่ช่างใจร้ายนัก ฆ่าได้แม้กระทั่งลูกตนเอง
แต่เธอจ๋า ความยุติธรรมนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นยากมากในโลกใบนี้
และนับวันก็จะยิ่งลดน้อยถอยลงด้วย
บางเวลา เมื่อเธอต้องการความยุติธรรม
เธอก็จะไม่พบกับความยุติธรรมใดๆ เลย
นั่นเป็นเพราะเนื่องจากความยุติธรรมมีน้อย
ดังนั้นบางครั้ง เราจึงจำเป็นต้องสร้างแม่บทของความยุติธรรม
กลายเป็นบรรทัดฐานให้คนอื่นๆ ได้ถือเป็นแบบย่างและนำไปปฏิบัติด้วย

พระราชาอาจจะดูใจร้ายไปสักหน่อย แต่พระองค์ทรงทำเพื่อส่วนรวม
ทรงเป็นพระราชาที่ให้ความรักความเมตตาต่อทุกคนเหมือนกันหมด
ไม่แบ่งแยก ไม่ลำเอียง ถ้ามีผู้นำหรือคนอย่างพระราชาบาบูอยู่มากๆ
สังคมของเราทุกวันนี้จะมีความสุขมากมายขนาดไหน

..........................จบเรื่องบาบูผู้ทรงความยุติธรรม..........................




เนื้อหาโดยย่อของหนังสือเรื่อง นิทานสีขาว

ที่โรงเรียนสัตยาไส ทุกเช้าหลังจากที่นักเรียนสวดมนต์ นั่งสมาธิเสร็จแล้ว
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของการปลูกฝังคุณธรรมของที่นี่
ก็คือ การเล่านิทาน โดย ดร. อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
ผู้บริหารสูงสุดของโรงเรียน ผู้เปรียบเสมือนพ่อ ของเด็กๆ ที่กล่าวว่า
เคล็ดลับที่สำคัญอย่างหนึ่งของการถ่ายเท “พลังสีขาว”
ก็คือ การเล่านิทานที่สอดแทรกคุณธรรม
ให้เด็กๆได้ฟังทุกๆเช้าหลังการสวดมนต์ นั่งสมาธิและแผ่เมตตา
ซึ่งนิทานเหล่านั้นล้วนเป็นนิทานในตำนานที่มีการเล่าต่อกันมาเป็นเวลาหลายร้อยปี
หากแต่ได้มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัย
ด้วยเจตนาที่อยากจะให้เด็กๆ ยุคใหม่ได้เพลิดเพลินไปกับนิทานเหล่านั้น
พร้อมกับปลูกฝังคุณธรรมไว้ในรากลึกแห่งงจิตใจของพวกเขาได้อย่างเป็นธรรมชาติ

“ด้วย รักบันดาล…นิทานสีขาว”จากเรื่องเล่าทุกเช้าที่โรงเรียนสัตยาไส
จึงกลายเป็นนิทานคุณธรรมที่ออกมาเป็นรูปเล่ม รวม 24 เรื่องด้วยกัน
เพื่อช่วยถ่ายทอด “พลังสีขาว”ให้เข้าไปสู่จิตใจของเด็ก
และผู้ใหญ่ที่ไม่มีโอกาสได้ไปสัมผัสกับ พลังสีขาวแห่งโรงเรียนสัตยาไสแห่งนี้


คัดลอกจาก... mimin38
http://larndham.net/index.php?showtopic=24428

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 15:36
โพสต์: 435

ที่อยู่: malaysia

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะ :b8:
ด้วยความเคารพ
:b43: :b43: :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2012, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




Lotus639.jpg
Lotus639.jpg [ 5.83 KiB | เปิดดู 12335 ครั้ง ]
rolleyes คุณธรรมที่ทรงฝากไว้ rolleyes

พระเมตตาของพระองค์ที่มีต่อพสกนิกร ยืนหยัดอยู่จนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย ดูเหมือนว่าพระองค์ท่านจะรอให้พสกนิกรของพระองค์รื่นรมย์กับบรรยากาศปีใหม่ให้จบสิ้นก่อน จึงเสด็จจากไป ขอพระองค์เสด็จกลับคืนสู่สวรรคาลัยโดยราบรื่น ปวงข้าพระพุทธเจ้า จักศึกษาพระจริยาวัตรของพระองค์ให้ถ่องแท้ และปฏิบัติตามอย่างแน่วแน่ เพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่นสืบไป

ชาวพุทธถูกพร่ำสอนอยู่เสมอว่า การพลัดพรากจากสิ่งที่รักเป็นทุกข์ ชีวิตทุกชีวิตนำความตายติดตัวมาพร้อมกับการเกิด ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา เป็นเพียงโครงสร้างชั่วคราวให้ “ตัวรู้” มาอาศัยและปฏิบัติภารกิจบางอย่าง เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งความเป็นมนุษย์ การจากไปของพระองค์ท่านได้ย้ำเตือนให้พวกเรา ตระหนักถึงสัจจธรรมที่พระพุทธองค์สอน

เศร้าโศก เสียใจ อาลัยต่อพระองค์ท่านแล้วลุกขึ้นมา มองไปข้างหน้า เปลี่ยนความสูญเป็นพลัง ศึกษาพระราชปณิธานให้แน่ชัดแล้วเดินหน้าต่อไป ตามรอยเบื้องยุคลบาทของพระองค์ท่าน สิ่งดีๆรออยู่ข้างหน้า

คุณธรรมพื้นฐานที่พระองค์แสดงให้เราเห็นตอนยังมีพระชนม์ชีพคือ การนึกถึงคนอื่น ซึ่งคุณธรรมดังกล่าวเป็นมรดกทางจิตใจที่รับต่อมาจากสมเด็จพระราชบิดา พระองค์ทรงเป็นเจ้าฟ้าผู้สูงศักดิ์ แต่เสด็จลงมาคลุกคลี ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพสกนิกรผู้ยากไร้อยู่เสมอมิได้ขาด ทรงทำให้คนตัวเล็กตัวน้อยในสังคมรู้สึกว่าตนยังมีที่พึ่ง

ความจริงแล้ว พระกรณียกิจตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ท่านนั้น ยิ่งใหญ่เกินคำบรรยาย แต่ถ้าหากคนเล็กๆอย่างพวกเรา สามารถหยิบเอาบางส่วนที่พระองค์ทรงแสดงไว้ เช่น คุณธรรมเรื่องการนึกถึงผู้อื่น เอาทุกข์ของผู้อื่นมาเป็นทุกข์ของตัวเอง สังคมเราจะดีขึ้นได้ไม่ยาก

การนึกถึงผู้อื่น ช่วยป้องกันมิให้เรา ยึดเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแบบหัวชนฝา แต่เตือนสติให้เรารู้ว่า โลกนี้ยังมีคนอื่นๆ หรือชีวิตอื่นๆที่อยู่ร่วมโลกกับเรา และเราต้องเมตตาต่อเขา เพราะเขาเป็นส่วนหนึ่งของเราและเราเป็นส่วนหนึ่งของเขา

การรู้จักนึกถึงคนอื่น จะทำให้คนลดความเห็นแก่ตัวลง หันมาให้ความสำคัญกับการแบ่งปัน รู้จักทำประโยชน์แก่คนอื่น ไม่มุ่งกอบโกยเอาประโยชน์ใส่ตัวแต่ฝ่ายเดียว และสุดท้าย การนึกถึงคนอื่น ทำให้คนมีความสุขอย่างน่าประหลาด

คลายความโศกเศร้าจากความสูญเสียครั้งนี้แล้ว เรามาช่วยกันทำให้คุณธรรมของพระองค์ท่านข้อนี้ ดำรงอยู่คู่กับสังคมไทยต่อไปกันเถอะนะครับ สังคมไทยจะได้น่าอยู่มากขึ้น


ขอบคุณที่มา :: Oknation

:b44: ღ˚ •。* ♥♥ ˚ ˚ กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านนะเจ้าค่ะ ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครองนะเจ้าค่ะ ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป ˚. ★ *˛ ✿◕‿◕✿•°°✿◕‿◕.ღ ˛˚ ♥♥ 。✰˚* ˚ :b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 0 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร