อนุโมทนาค่ะ

แสดงว่าสติ สัมปชัญญะมากขึ้น จึงมองเห็นตัวตนของตัวเองมากขึ้น

ความรักคือสมมุติ ที่ใช้เรียกตั้งเป็นชื่อขึ้นมา ตามสภาวะอาการที่เกิดขึ้น กิเลสนั้นมีหลายระดับ มีตั้งแต่หยาบๆจนกระทั่งละเอียด เฉกเช่นเดียวกับราคะ มีตั้งแต่หยาบจนกระทั่งละเอียด เพราะรักแบบมีอคติ จึงทำให้ผู้นั้นต้องทุกระทมใจ แล้วก็ไปกล่าวโทษเจ้าตัวสมมุติที่ชื่อว่าความรัก ว่าเป็นตัวให้เกิดความทุกข์ แต่ลืมย้อนกลับมาดูที่ตัวเองว่า ความรักหรือความคิดที่มีอคติของตัวเองกันแน่ที่ทำให้เกิดความทุกข์

ความรักคืออะไร ความรักเป็นเพียงสมมุติที่ตั้งชื่อขึ้นมาให้รู้ว่า ถ้าเกิดอาการเช่นนี้ๆเมื่อไหร่ นี่เรียกว่า ความรัก สุดแต่จะให้ค่านิยามให้ค่าความหมายกันลงไป บางคนแค่เพียงเห็นสาวผมยาว หน้าตาดีหน่อย ต้องตาต้องใจเสียเหลือเกิน ยิ่งพอได้พูดคุยกัน แหมมันยิ่งตอกย้ำกิเลสคือความชอบใจให้เกิดหลงไหลมากยิ่งๆขึ้น คบไปคบมา ใช่เลย ห่างไกลก็คิดถึง วันๆเฝ้าเอาแต่คิดถึง แต่ไม่มองเหตุที่แท้จริงว่า ทำไมถึงรักคุณเธอ แล้วรักใคร่ในเพราะ รูปโฉมโนมพรรณ หรือรักเพราะอะไร บางคนเห็นสาวๆ แก่ๆก็ได้ เดินมา อกเต่งตึง เดินเด้งดึ๋งดั๋ง หุ่นนี้อย่าบอกใคร แล้วก็ร้องอู้ฮูๆๆๆ ถ้าน้ำลายไหลออกมาได้ คงไหลออกมาแล้ว ยิ่งพอได้มาพูดคุย ได้มาใกล้ชิดกัน มานชั่งถูกใจซะเหลือเกิน ตกลงนี่คือความรักหรือกิเลสที่เกิดขึ้นแรกเจอกัน บางคนทำไมคนดีๆ อวัยวะครบทุกส่วน คนบางคนกลับไม่สนใจ กลับไปสนใจกับคนพิการ หน้าตาก็สุดแสนจะขี้ริ้วขี้เหร่ ทั้งอ้วน ทั้งดำ ซึ่งถ้าใครๆเห็นต่างคิดเหมือนกันว่า ชาตินี้คงไม่มีใครมานำไปทำเป็นภรรยาแน่นอน แต่สุดท้ายหญิงคนนี้กลับได้แต่งงานกับผู้ชายที่สาวๆหลายคนหมายปอง แต่ต้องแห้วไปหมด เพราะสายตาของผู้ชายคนนี้ มองแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียว เคยสงสัยกันบ้างไม๊ว่าทำไม บางคนเจอสาวๆที่ตัวเองมองแล้วว่าสวย สวยในสายตาของตัวเอง มาพูดจาอ่อนหวาน ชั่งฉอเลาะจนใจนี่อ่อนระทวยเพราะคำพูดของคุณเธอ เคยย้อนมองบ้างไหม ว่านี่คือกิเลส หรือความรัก ผู้ชายส่วนมากจะพลาดตรงจุดนี้ ชอบทำตัวเป็นดอกไม้ให้ผู้หญิงมาเล่นเชยชมเหมือนนารีชมสวน เพราะตัณหาความทะยานอยากบดบังดวงตาซะแล้ว ยากที่จะมีสติ สัมปชัญญะที่จะมองเห็นได้ สุดท้ายก็มาต่อว่าผู้หญิงว่า ทำไมถึงกับตัวเองเช่นนี้ ผู้หญิงก็เฉกเช่นเดียวกัน ไม่มีความแตกต่างจากสิ่งที่ผู้ชายได้เจอหรอก ใครทำอะไรยังไง ไม่ช้าไม่นาน ผลย่อมส่งต่อผู้ที่ได้กระทำอย่างแน่นอน

ความรักจริงๆแล้วมันก็เป็นเพียงสมุติที่ใช้เรียกในอาการที่เกิดขึ้นว่าต้องมีอาการแบบนี้ๆจึงจะเรียกว่า ความรัก ความรักก็คือสภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง ไม่มีใครที่จะหนีพ้นได้ ไม่มีทางเลย ยังไงๆทุกคนต้องเจอวันยังค่ำ เหตุที่บางคนยังไม่เจอ เพราะยังไม่ถึงเวลา เหตุเคยสร้างเคยกระทำไว้อย่างไร เรื่องของความรักก็เช่นเดียวกัน ไม่สามารถหนีกฏนี้ไปได้ ผลจึงส่งมาให้เห็นในเรื่องของความรัก ซึ่งมีหลากหลาย หลายรูปแบบ เพราะเกิดจากพื้นฐานจิตใจของคนๆนั้นนั่นเอง จิตใจคับแคบ ความรักก็คับแคบตามจิตใจ ยิ่งไปคิดพยาบาทอาฆาตต่อสิ่งที่ทำให้คนๆนั้นผิดหวัง การฝังใจในอดีตไม่รู้จบ นั่นเท่ากับฝังคนผู้นั้นให้ตายผ่อนส่งไปทีละนิดๆด้วยความคิดที่คนๆนั้นยึดติดอยู่ สร้างห่วงโซ่วงจรอุบาทว์ไม่รู้จบ วิบากกรรมจะมีอะไร

เด็กน้อยผู้ยังไม่รู้จักความรัก
เธอจึงยังไม่สิ้นสุด การพูดถึงเรื่องรัก

วันที่เธอเข้าใจมันดี เธอจะไม่อยากแม้แต่การเอ่ยถึง

เพราะเข้าใจ แต่ไม่เคยเข้าถึง จึงพูดได้ไม่มีเบื่อ และไม่จบสิ้น
แต่เมื่อเข้าถึง และเข้าใจลึกซึ้งถึงธาตุแท้ เธอจะอิ่ม และเบื่อ

จิตที่อยู่เหนือเรื่องรักใคร่ได้โดยแท้จริง
ไม่ใช่จิตที่พยายามแสดงทีท่ารังเกียจเพศตรงข้าม
และพยายามประกาศความไม่ต้องการให้ใครต่อใครรู้
จิตอย่างนี้ ยังข้องอยู่ในกาม และแฝงจริตมายาเพื่อบังส่วนลึกข้างใน
ที่ยังแฝงอารมณ์ใฝ่ ในเพศตรงข้าม ซึ่งบางครั้งตัวเองก็รู้ไม่ทัน

บุคคลที่ละได้ แม้แต่คิดก็แทบลืมเลือนไปแล้ว
นับประสาอะไรกับการพูดถึง


คนที่ละความต้องการในทางเพศได้ขาด จะหมดความรู้สึกรังเกียจเพศตรงข้าม
แต่ก็ไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อีก

ไม่รังเกียจแต่ไม่ต้องการ จึงมีปกติที่ไม่ผลักไสและไม่ดึงเข้า
เป็นการคงอยู่ด้วยสภาพจิตที่ไม่คิด และมีปกติใหม่ที่ไม่คิด


เพราะไม่มีเยื่อใย จึงไม่ใส่ใจไปนึกคิด
แม้แต่การนึกว่าสิ่งนั้นน่ารังเกียจ ก็คือยังนึก และยังไม่สิ้นสุดการข้องเกี่ยว


ปล. หากสำนวนตรงไหนดูเวอร์ไปบ้าง โปรดรู้เถิดว่า ฉันกางตำราตอบ
แค่จับโน่นนี่มาขยำๆ แล้วมารวมกันเป็นการตอบ ตามความสามารถพิเศษ
ส่วนตัว

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=20512&st=0&sk=t&sd=a

ท่านก็โต๊ดซิครับ... ได้น้อยหน่อย แต่ไม่ต้องคิดมาก

ไม่จำเป็นต้องเลือกเลยครับ....เราเกิดมาก็เพราะรักนี่แหละ คนทุกๆคนจึงรักเป็นครับ มีแต่อกหักนี่แหละที่ต้องแสวงหากันเอง

แต่ท่านให้เลือก ก็จะเลือกครับ....ถือเป็นประโยชน์ท่าน

ก็ในเมื่ออกหักไม่ได้เป็นมาแต่เกิด จึงเป็นสิ่งที่ต้องเลือกครับ เลือกเพราะความไม่รู้จักว่าอกหักเป็นยังไง

สวัสดียามค่ำค่ะ คุณน้ำ....

โรสขอติดตามความเห็นของหลายๆท่านต่อไปดีกว่าค่ะคุณน้ำ...
ชักมึนๆ กับนัยยะะ ต่างๆที่ซ่อนความหมายอยู่

แต่....เห็นด้วยอย่างยิ่งกับที่คุณน้ำกล่าวว่า



แต่อีกมุมนึง...ในทางโลกของปุถุชนทั่วไป

สิบคนก็เข้าใจในนัยยะความรักไปสิบอย่าง
ร้อยคนก็เข้าใจในนัยยะความรักไปร้อยอย่าง

เพราะไม่มีใครเลย
ที่จะมี ประสบการณ์อ้างอิงที่เกี่ยวกับความรัก (frame of reference)
(ขออนุญาตใช้ศัพท์วิชาการหน่อยนะคะ)

เหมือนกันเป๊ะ ๑๐๐ % นะคะ....!?!?

ที่สำคัญมุมมองของความรักของมนุษย์
จะปรับเปลี่ยนไปตามตัวเลขของวัยที่เพิ่มขึ้น....น่ะค่ะ

สวัสดียามดึกค่ะ คุณโรส

เสียงฟ้าร้องคะนองมาแต่ไกล ที่บ้านฝนกำลังตกค่ะ ตกแบบได้บรรยากาศจริงๆ ปกติน้ำไม่ชอบหน้าฝนหรือเวลาฝนตกเลย เพราะฝนตกทีไรต้องไม่สบายทุกที นี่ก็เพิ่งจะหายป่วย พอจะดีๆ ฝนมาอีกแล้ว

เรื่องมุมมองของความรัก เห็นด้วยที่คุณโรสกล่าวมาทั้งหมดค่ะ และที่สำคัญที่จะขาดเสียไม่ได้คือ พื้นฐานด้านจิตใจของแต่ละคนด้วยค่ะ

คำว่า " อกหัก " ก็เช่นเดียวกันค่ะ เป็นเพียงสมมุติที่เป็นการให้ค่าให้ความหมายกับลักษณะอาการที่เกิดขึ้น ว่าถ้าเกิดอาการแบบนี้หรือลักษณะแบบนี้ เรียกว่า " อกหัก "

ทำไมคนบางคนถึงสมหวังในสิ่งที่เรียกว่า ความรัก แต่ทำไมบางคนถึงไม่สมหวัง ทุกอย่างล้วนมีเหตุและผลตอบอยู่ในตัว เหตุที่คนไม่สมหวังในสิ่งที่เรียกว่า ความรักหรือที่เรียกว่าอกหักนั้น ได้มีการสร้างเหตุร่วมกันมาก่อน ผลจึงเป็นเช่นนั้นเอง ไม่ว่าจะสมหวังหรือว่าไม่สมหวังก็ตาม

แล้วคนที่บอกว่า ตัวเองอกหักนั้น อกหักจริงหรือไม่ ถ้าว่ากันตามสมมุติเรียกว่า อกหัก แต่ถ้าว่ากันตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เรียกว่า วิบากกรรม ต่อไปคนที่ชอบคิดเอาเองว่าตัวเองนั้นอกหักอีกแล้ว จะได้รับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และไม่ไปฝังใจในอดีตที่ผ่านมา

แล้วรักใครไม่เป็น ในแง่ของชู้สาว นั้นมีจริงๆหรือ

ลืมโต๊ด ครับ
แต่ช่างมันเถอะครับ มันออก 411

เอ่อ...ผมว่าเรามาท่อง ศีล 5 กันชัด ๆ สักทีดีมั๊ยครับ
เพราะดูเหมือนผมจะลางเลือนกับมันเต็มที


รู้สึกว่าเพียงแค่ไม่กี่วัน...คุณก็เล่นผมจนปาเข้าไป 3 แล้ว
ผมชักไม่แน่ใจว่าผม ควบ 5 แล้วรึยังน่ะดิ่...


หะ หะ หะ จะเหลือเร๊อะ...



โอ้ย...คุณทำผมคิดมาก ปวดหัว ผมไปดูดกัญชาต่อดีกว่า

เลือกอกหักขอรับ.... เพราะยังไม่เคยอกหัก......เพราะหักอกคนอื่นจนเริ่มเบื่อแล้วขอรับ. ...

อยากจะบอกว่า " ขอบคุณ " คนบางคนพูดดีๆแล้วไม่ได้ผลเลยต้องทุบ คนบางคนต้องพูดดีๆ ถึงจะได้ผล คนแต่ละคนไม่เหมือนกัน ระวังทุบผิดคนด้วย เดี๋ยวจะตายเสียก่อนที่จะได้ไปต่อ

ตราบใดที่บุคคลยังไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน เรื่องความรักความชังก็จะยังปรากฎในใจอยู่ ส่วนเรื่องสมหวังหรือไม่เป็นเรื่องของบุญทำกรรมแต่งค่ะ