วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 03:09  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 20:53
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องมีอยู่ว่า เราคบกับแฟนมา 7-8 ปีแล้วค่ะ เค้าเป็นคนดีมากดูแลเราดีมาก ช่วยเหลือครอบครัวกันและกันตลอดมา แต่ยังไม่ได้แต่งงานกันนะ ต่างคนต่างทำงานส่วนตัวก็คิดว่าต้องพร้อมกว่านี้ก่อน แล้ววันนึงเราก็ได้รู้ความจริงว่าเค้าไปแอบคบกับผู้หญิงอีกคนนีงที่เราเคยรู้จัก ตอนแรกก็ถามเค้าว่าทำไมต้องทำอย่างนี้เลิกทำได้ไหม เค้าก็ขอโอกาสเรา เรารักเค้ามากยอมให้อภัยและรอว่าเค้าจะจัดการกับเรื่องนี้ได้ และตอนนี้มันผ่านมาได้ 2 ปีกว่าแล้วเราก็ได้รู้ว่าเค้ายังไม่เลิกคบกัน เราทนไม่ไหวก็เลยต้องโทรไปหาผู้หญิงคนนั้น และจึงได้ทราบความจริงว่าแฟนเราไปบอกกะผู้หญิงคนนั้นว่าเลิกกะเราแล้ว ได้ยินแล้วเสียใจมาก ทุกวันนี้เสียใจมากที่ไปโทรหาผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว จนถึงทุกวันนี้ชีวิตเราก็คาราคาซังกันอยู่ 3 คน เพื่อนๆ ว่าเราต้องทำยังไงดี เราผิดไหมที่ไม่บอกเค้าตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว รักแฟนมากแต่ก็ไม่อยากเศร้าไปมากกว่านี้อีกแล้ว ทำใจยากมากค่ะ

ขอความคิดเห็นของคนจิตใจเป็นกลางหน่อยนะคะ....เพราะรู้ดีว่าตัวเองคงคิดเข้าข้างตัวเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อคุณรู้จักฝ่ายหญิง คุยกันแล้วเค้าบอกว่าฝ่ายชายลวงว่าเลิกกับเราแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่เลิก ก็เอาอย่างนี้สิครับ นัดทั้งสามคนมาคุยกัน แล้วให้ผู้ชายเลือกเอาคนหนึ่งในสองคนนี้ โดยยอมเจ็บคนหนึ่ง ดูสิว่าฝ่ายชายจะเลือกใคร หากเขาพูดว่าไม่เลือกเราๆ เองจะตัดใจง่ายขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



แต่จะขอเดาใจชายให้ก่อนว่า เขาเลือกทั้งสองคน พี่ขาดใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 22:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านดูแล้วต้องบอกว่าให้กำลังใจกับตัวเองให้มาก พระพุทธเจ้าบอกทุกๆ สิ่งทุกอย่างในโลกนี้ไม่ใช่ของเรา ต้องจากมันไปไม่วันใดก็วันหนึ่ง แม้แต่ร่างกายของเราก็ต้องคืนเขาไป ความทุกข์กับความสุขเป็นของคู่กัน หมดสุขก็กลายเป็นทุกข์ แต่พอหมดทุกข์หรือขจัดทุกข์ก็กลายเป็นสุขแทน

ซึ่งเรื่องที่พูดมาเป็นความทุกข์ที่ยากจะทนได้ไหว (ยากเพราะแบกมันอยู่ทุกวัน) คงต้องค่อยรับมันให้ได้แล้วค่อยๆ ปล่อยวางมันไป พยายามตั้งสติเข้าไว้ และแข็งใจให้มาก ส่วนเสียก็ต้องเสียนั่นแหละ เพราะทุกข์ที่คนรักทำกับเราแบบนี้มันเกาะกินหัวใจให้เศร้าหมอง และอ่อนแอ ดังนั้นต้องทำในทิศทางที่สวนกระแสกับมัน วันนี้อาจจะยังทุกข์ พรุ่งนี้อาจจะดีขึ้นก็ได้ จะบอกว่าให้ไปสวดมนต์ ทำบุญทำสังฆทาน ก็เกรงว่าจะยังไม่อยากทำ หรือไม่มีความคิดจะทำอยู่เลยในตอนนี้ ก็เลยแนะแบบง่ายๆ ไปก่อน :b41:

ปล.. ทุกข์กับความรัก มันเป็นเรื่องทางใจ ที่ทำให้จิตใจคนเรายากที่จะอดทนหรือต่อสู้กับมันไหว ยิ่งคิดก้ยิ่งเจ็บปวดเสีย ท้อแท้ แล้วหมดกำลังใจ สุดท้ายก็ไม่มีที่พึ่งอะไรเลย ซึ่งจริงๆ ก็คือว่าความทุกข์พวกนี้
ไม่ว่าจะทุกข์มากทุกข์น้อย เราต้องเรียนรู้และศึกษากับมัน และต้องอาศัยยาเย็น อาศัยเพื่อน พี่น้องที่เป็นกัลยาณมิตรทั้งหลาย เพื่อชี้ทางหรือให้คำแนะนำอันเป็นอุบายธรรม ที่ทำให้จิตใจมีศาลา มีที่พึ่งให้จิตใจไว้เกาะรั้งไว้ ยามที่เราเคว้งอย่างตอนนนี้ :b40:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2008, 06:20
โพสต์: 2


 ข้อมูลส่วนตัว


`เราก็เคยเจออย่างเธออาจนะหนักมากกว่าด้วยสุดท้ายแล้วทำยอมตัดใจตัวเเองโดยการเอาธรรมะเข้ามาช่วยทั้งที่เรารักเขามากถึงขั้นฆ่าตัวตายแต่ไม่ตายหลังจากนั้นเราก็เจอคนที่ดีเมื่อย้อนกลับไปเราแค่เสียดายที่เราไม่เหลือความสาวไว้ให้คนที่ดีกับเรา....ถ้าเราเป็นคนดีเราจะเจอคนทีดีเองเชื่อเราเถอะตัดใจซะก่อนยังไม่สาย..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 20:53
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกคนนะคะที่ช่วยคิด

ทุกวันหยุดก็พยายามทำบุญตักบาตร มีเวลาก็ไปทำสังฆทานอยู่เป็นประจำอยู่แล้วค่ะ

บางครั้งนั่งสวดมนต์ไปก็ร้องไห้ไป พระท่านคงงงอยู่..

ตอนนี้พยายามอย่างมากกับการทำใจ ไม่รับโทรศัพท์มาหลายวันแล้ว..

เค้าไม่เลือกใคร แต่เราคิดว่าเราไปดีกว่า..

หน้าที่การงานเราดีมาก พ่อ-แม่-พี่ ทุกคนเค้าให้กำลังใจเราตลอด

รวมทั้งเพื่อนๆที่นี่ด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกนี้ หาอะไรแน่นอนได้หรือหนอ?
คนเราเวลาพอใจ อะไรๆก็พูดได้ รักเธอเท่าฟ้า ขาดเธอเหมือนขาดใจ ขาดเธอแล้วชีวิตผมคงอยู่ไม่ได้...ฯลฯ
ทีนี้ พอเราได้ยินได้ฟังคำพูดที่ไพเราะอย่างนั้น กิเลสตัวพอใจก็เกิดขึ้น สำคัญมั่นหมายว่า คำนั้นจะต้องเป็นจริง
พอทุกอย่างปรากฏว่า เป็นเพียงคำลวง ก็ทุรนทุราย ยอมรับไม่ได้
ที่สำคัญคือ ใจนั้นยังยึดถือว่า เรื่องที่ได้ยินนั้นจะต้องเป็นจริง
พอพบความจริงกลับไม่ยอมรับ ใจนั้นยังเอื้อมไปคว้าอนาคต อยากให้เขากลับมารักตนเหมือนที่ตนคิดเอาเอง ยังอยากจะเปลี่ยนใจให้เขากลับมาเหมือนเดิมอีกซิหนอ
อย่างนี้จะไม่ให้ทุกข์สาหัสได้อย่างไรกันเล่า?
ต้องถามตัวเองว่า.... ตัวของตัวเองยังไม่รักเลย แล้วเราจะยังไปเรียกร้องหาความรักจากคนอื่นอยู่ร่ำไปได้อย่างไร?....
อย่างนี้ เหตุกับผลไม่ตรงกันนี่นา
ตัวของตัวเองยังไม่รัก ยังปล่อยใจให้หลงพร่ำเพ้อหาสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ปล่อยการงานให้เสียหายไป ปล่อยการเรียนให้เสียหายไป ข้อสำคัญ ปล่อยเวลาที่ไม่อาจจะเรียกร้องให้หวนคืนไปอย่างไร้ประโยชน์ อย่างนี้ เรียกว่า ทำร้ายตนเอง ไม่รักตนเองเลย ทำความเสียหายให้แก่ตนเองอย่างยิ่งยวด เหยียบย่ำความเป็นคนของตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน อยู่อย่างนั้น
แล้วเราจะเอาเหตุผลอะไรไปเรียกร้องหารักจากคนอื่นได้เล่า?
ก็ในเมื่อตัวของตัวเองยังไม่รัก ยังไม่ทำตัวให้น่ารักได้ ประสาอะไรจะบังคับให้ใครที่ไหนมารักเราเองได้เล่า?
เขาไม่รักเรา เราก็ต้องรักตัวเราเอง
หากเราจะปล่อยให้ตัวเองไร้ค่า เพราะเรากำลังเฝ้าทำลายและเหยียบย่ำตัวเองให้จมมิดไปกับความทุกข์ ปล่อยให้ความสุขความทุกข์ของตนเองนั้นต้องพึ่งผู้อื่นอยู่ตลอดเวลาเหมือนคน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เหมือนคนพิการ ต้องอาศัยคนอื่นมาเป็นอารมณ์ที่จะสุขสมหวังแล้วละก็ เราจะผิดหวังตลอดชีวิต เพราะเป็นไปไม่ได้เลย
เขาไม่รักเรา เราก็ต้องดีใจ...ดีใจว่าเราไม่เลือกรักคนโง่!
เขามารักเรา เราก็ดีใจ..ดีใจที่ว่า เราได้เลือกรักคนฉลาดที่เห็นคุณค่าของตัวเรา
แต่ก่อนที่จะคิดอย่างนี้ เราต้องรู้คุณค่าตัวเราเองเสียก่อน รักตัวเองให้เป็นก่อน
คนที่ดี ย่อมอยากได้ของดี คนที่ฉลาดเขาย่อมเลือกคนที่ฉลาด รังเกียจคนโง่
ดังนั้น เราจึงต้องฉลาด ใครไม่รักเรา เราก็ต้องรักตัวเราเอง เห็นค่าของตัวเราเอง ไม่ต้องรอคำพูดหวานๆจากใคร อย่างนี้...เราก็จะไม่เป็นคนหลงอารมณ์ ไม่เป็นคนหลงโลก ใครก็หลอกไม่ได้ เพราะเรามีปัญญา
ถึงเวลานั้น คนที่เขาไม่เลือกรักเรา เขาก็เป็นคนโง่ เราก็ต้อง"รีบ"ปล่อยเขาไปซิ


แต่บัดนี้ "เรา" กำลังทำอะไรอยู่หรือหนอ?

กำลังทำให้ตัวเองฉลาด ลุกขึ้นมาสร้างคุณค่าแห่งชีวิตของตนอย่างคนที่มีปัญญา รู้คุณค่าตนเอง? หรือว่า กำลังทำร้ายตัวเองให้ตกต่ำลงไปเรื่อยๆอย่างคนเขลา?
หากเป็นประการแรก ขออนุโมทนา..
หากเป็นประการหลัง ก็ไม่แปลกใจว่า ชายคนนั้นทำไมไปเป็นอื่น?
ผู้ชายชอบมองคนสวยก็จริง แต่เขาชื่นชมคนฉลาดมากกว่า เรื่องจริงเป็นอย่างนี้ .( หากเป็นผู้ชายฉลาด ถ้าเป็นคนโง่ก้อีกเรื่องหนึ่ง)
เรื่องที่ใครจะรักเรา หรือใครจะไม่รักใคร ก็แล้วแต่ว่า ใครพอใจแบบไหน ห้าม หรือบังคับกันไม่ได้เลย
แค่คิดก็ผิดแล้วที่อยากจะเปลี่ยนแปลงคนอื่นให้ตรงกับใจของตัวเอง เหมือนจะบังคับให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศเหนืออย่างนั้นนั่นเทียว
ถ้าหากจะให้อยู่ในวิสัยที่จะทำได้ ก็ควรจะเปลี่ยนใจตัวเองให้เลิกรัก เลิกคิดถึงเขาผู้นั้นผู้เป็นไปอื่นแล้วดีกว่า
เลิกทำร้ายตัวเอง...อย่างนี้ยังจะเห็นความสำเร็จลงได้ และเป็นเรื่องที่ควรทำ เป็นเรื่องฉลาดด้วย
โปรดกลับมารู้ตัวก่อนที่จะสายเกินไป เวลาไม่เคยหวนกลับ อย่าฆ่าเวลาไปกับเรื่องไร้สาระเลย
ประโยชน์อะไรแม้สักนิดในโลกนี้ที่เราจะพึงได้ จากการที่เราไปใส่ใจคนที่ไม่รักเราเลย ? มีไหม? ไม่มีเลย!
เราควรใส่ใจคนที่ยังรักยังห่วงเรา เช่นคุณพ่อคุณแม่และคนในครอบครัวดีกว่า ชื่อว่า เป็นประโยชน์
เราไม่เพียงแต่จะทำร้ายตัวเราเองเท่านั้น แต่เรากำลังทำร้ายจิตใจคนที่รักเราด้วย เพราะพวกเขาย่อมเจ็บปวดที่เห็นเราไปอย่างนี้
หันกลับมารู้คุณของผู้มีคุณ รู้จักคนที่เราควร"รัก" คือตัวเราเองและครอบครัวเถิด
จะชื่อว่ามีปัญญา รู้ว่า อะไรควรใส่ใจ อะไรไม่ควรใส่ใจ รู้ว่าอะไรควรลึกซึ้ง อะไรไม่ควรลึกซึ้ง อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์ คนมีปัญญาจะรู้ครับ

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 22:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ได้อ่านแล้ว เหนื่อยแทน

อยากช่วยนะ แต่ไม่รู้จะทำยังงัย

มีข้อคิดนิดหนึ่ง

อะไร ๆ ที่เป็นของที่จะดีกับเราแล้ว ไม่ต้องวุ้นวายมาก ก็ได้มา (ของเย็น)

อะไร ๆ ที่ต้องยุ้งยากซับซ้อน กว่าจะได้มา สิ่ง ๆ นั้นไม่ดีกับเรา (ของร้อน)

( ผมใช้วิธีง่าย ๆ อย่างนี้แหละ เอาตัวรอดจากพวกหลอกลวง มาได้เยอะ )

ขอเป็นกำลังใจ และ ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ก็ขอให้สิ่งนั้น ดีสำหรับคุณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นใจด้วยนะครับ เอจะแนะนำอย่างไรดีน้อ :b6:

:b41: "ผมว่าปัญหามีไว้สำหรับแก้ ปัญญามีไว้ปล่อยวางนะครับ" :b53:
เมื่อมีปัญหา ถ้าเราเอาความยึดมั่นไปใส่ไว้เราจะแก้ยากมากๆ
เช่นเวลาเราเห็นคนอื่นเขาประสบโชคร้ายต่างๆเราจะเฉยๆ เช่น
ประสบอุบัติเหตุ สูญเสียในสมบัติและของรัก เราอาจให้คำแนะนำ
เขาได้ด้วย เรามีปัญญาแนะนำคนอื่นได้ไม่ยากเลย

แต่แปลกมากๆที่เราจะแก้ปัญหาที่เป็นของเรา เรากลับทำไม่ได้ง่ายๆ
เพราะเราต้องผ่านกระบวนการยอมรับปัญหา วิเคราะห์ปัญหา
ตัดอคติเข้าข้างตัวเอง ประเมินสถานการณ์ที่เป็นจริง คิดและทำใจยอมรับสิ่งทีตัดสินใจ
ทำใจยอมรับกับความเปลี่ยนแปลง ฯลฯ ทำไมมันยากจริงๆในความรู้สึกของเรา
เพราะเราไม่มีปัญญาที่จะปล่อยวางนั่นเอง เรากำก้อนหนามไว้ เรากำเศษแก้วคมไว้
ทำไมเราไม่รู้จักปล่อยมัน เพราะใจเรายังวางมันไม่ได้นั่นเอง เราคิดว่าสิ่งนั้น
เป็นความสุข เป็นสิ่งที่เราต้องการ เป็นของรักของเรา นั่นเอง :b26:

ในศาสนาพุทธเรามีการแก้ทุกข์ ด้วยการรู้จักทุกข์เป็นข้อสำคัญที่สุด
ถ้าเราไม่รู้ทุกข์เราจะพาตัวเองออกจากทุกข์ไม่ได้เลย ความจริงแล้วความทุกข์
นี่ก็เป็นแค่ความคิดของเรานี่เอง ที่คิดไปที่เรื่องเดิม แล้วก็ทุกข์อยู่อย่างนั้น :b34:


การรู้จักทุกข์และการปล่อยวางทุกข์เกิดในการศึกษาธรรมะให้รู้ลักษณะของทุกๆสิ่ง
ที่เป็นไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ด้วยการเจริญสติ การทำสมถะ
ผลก็คือปัญญา ที่จะปล่อยวางความทุกข์นี่เอง
แค่การที่ใจเรามีสมาธิพอ มีปัญญาเห็นความทุกข์ดับไปจากใจชั่วขณะ
เห็นความไม่เที่ยงของจิตของเราและของคนอื่น จิตก็อาจปล่อยวางความยึดทุกข์
ได่ ไม่ยากเลย
ฟังแล้วอาจดูยากนะครับ แต่เอาเข้าจริงๆไม่ยากเลย แนะนำให้คุณเข้าคอร์สปฏิบัติธรรม
สักที่ (ของยุวพุทธิกสมาคมก็ได้)
ลองดูความทุกข์ให้เห็นขัดๆสักครั้งหนึ่ง จะได้วางมันลงได้สักที

สู้ๆ เป็นกำลังใจให้นะครับ :b35: :b35:

อ้อ ลองอ่านหนังสือเข็มทิศชีวิตของคุณ ฐิตินารถดูน่าจะได้ความรู้ดีๆมาใช้ได้นะ

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 00:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


"ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ"
เป็นคาถาป้องกันภัย สวดแล้วจะเอาชนะอุปสรรคอันตรายได้ เป็นคาถาดีจริง เลยแนะนำ :b40: :b35:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 20:53
โพสต์: 4

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกความห่วงใยค่ะ

รู้สึกดีมาก..เมื่อได้อ่านทุกคำแนะนำ

ขอบคุณจริงๆค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ค. 2008, 10:19
โพสต์: 246


 ข้อมูลส่วนตัว www


:b35: :b36: :b18:ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณsea นะครับ คำว่าคู่รักจะกลายเป็นคี่รักนั้นคงเป็นไปไม่ได้นะครับเพราะเป็นไปโดยธรรมชาติอยู่แล้ว เมื่อฝืนธรรมชาติก็เป็นทุกข์ ค่อยๆคุยกันนะครับอย่าใช้อารมณ์ใช้สติให้มาก ถ้าตกลงกันไม่ได้เราก็ยอมให้สิ่งที่เรารักเป็นทานเสีย เพราะความจริงคือไม่วันใดก็วันหนึ่งเราก็ต้องเสียมันไปอยู่ดี บางอย่างถ้าเราบีบให้มั่นคั้นให้ตายเเล้วมันเจ็บก็แบมือปล่อยมันออกมาเสียได้ก็ไม่ต้องทุกข์ครับผม

.....................................................
ธรรมะคือธรรมชาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ค. 2009, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ค. 2008, 10:19
โพสต์: 246


 ข้อมูลส่วนตัว www


ฟังเพลงนี้นะครับ
http://www.tlcthai.com/webboard/view_to ... t_id=19956

.....................................................
ธรรมะคือธรรมชาติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2009, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ดีใจที่รู้สึกดีขึ้น นึกว่าจะแนะนำมากไปเสียแล้ว :b16:

ฝากไว้อีกนิดหนึ่งนะ จำเขามาน่ะครับ :b6:

:b41: "เราไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้เลย
ถ้าเราไม่เปลี่ยนแปลงความคิดของเราก่อน" :b41:

เจริญธรรมนะครับ :b8:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นด้วยกับทุกท่านครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ก้าวแรกของการย่างเท้าออกในสิ่งที่ไม่ดีมันยากพอๆกับก้าวแรกที่ย่างเข้าในสิ่งที่ดีดีนั่นแหละครับ วันหนึ่งคุณอาจจะรู้สึกเหมือนผมก็ได้...

"....หนทางสู่ความสงบสุขอันเป็นนิรันตร์นั้นยาวไกล และมากด้วยอุปสรรค..แต่ถ้าเราได้ตั้งใจและตั้งมั่น ก้าวเดินทางแล้วสักวันในกี่อสงไขยหรืออีกกี่มหากัป วันนั้นย่อมมาถึงแน่นอน..ก็ยังดีกว่าการเวียนว่าย เพื่อตามหาความสุขจอมปลอมนี้ชั่วนิจนิรันคร.."

ธรรมะสวัสดีครับ..


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร