วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 03:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2009, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านว่า “จิตอันใด ใจอันนั้น” เปรียบได้กับ น้ำในมหาสมุทร

น้ำที่สงบ คือ ใจ
ระลอกคลื่น คือ จิต
เมื่อจิตสงบก็คือ ใจ


เจริญธรรม

:b8: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2009, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: สาธุค่ะั คุณมิตรตัวน้อยหายไปนาน
เหมือนกันน่ะค่ะ

:b47: คนไร้สาระเคยไปอ่านเจอค่ะ พระท่านว่า
จิตกับน้ำมีธรรมชาติเหมือนกันอยู่ 3 ประการ

:b47: 1. มีธรรมชาติไหลลงต่ำเสมอ
:b47: 2. แปรไปตามภาชนะที่รองรับ
:b47: 3. เดิมบริสุทธิ์ แต่สกปรกเพราะมีสิ่งเจือปน

:b47: ธรรมสวัสดีค่ะ :b47:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีตอนเช้าครับ คุณไร้สาระ ไม่ค่อยได้คุยกันนะครับ
ที่หายไปก็เพราะงานหลวงเยอะครับ

เห็นด้วยครับ กับข้อที่ 1 และ 2 นะครับ

แหะ ข้อที่ 3 ขอเอาคำของหลวงตาฯ วัดบ้านตาด มาอ้างครับ

"จิตเดิม ผ่องใส ปภัสสร แต่เศร้าหมองไปเพราะกิเลสที่จรมา
ท่านไม่ได้ว่า บริสุทธิ์ หากบริสุทธิ์ก็ต้องไม่มาเกิดสิ"


เคยอ่านเจอใน "บอร์ดบทความธรรม" ครับ

เจริญธรรม

:b8: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 09:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


ดูก่อน ภิกษุทั้งหลายจิตเดิมนั้นผ่องใส แต่อาศัยกิเลสที่เป็น อาคนฺตุเกหิ กิเลเสหิ กิเลสเข้าจรมา จิตใจจึงมัวหมองท่านว่าอย่างนี้ อ่านไปนี้พวกนักเรียนนี้โต้กันตาดำตาแดง ไอ้เราก็พลอยขึ้นเวทีฟัดกับเขาด้วย ครั้นกลับออกมาก็มีแต่พวกตาบอดทั้งหมด ไม่ได้มีใครได้สาระเป็นที่ระลึกต่อกันเลยนะท่านบอก ดูก่อน ภิกษุทั้งหลายจิตเดิมผ่องใส แต่อาศัยกิเลสที่สัญจรเข้าไปคลุกเคล้ากันแล้วก็แสดงความเศร้าหมองออกมา คือออกมาภายนอก

ทีนี้พวกเรียนทั้งหลาย เมื่อจิตผ่องใสแล้วจะมาเกิดทำไม ผู้ที่ไม่เกิดนั่นคือจิตท่านผ่องใส แล้วจิตผ่องใสมันมาเกิดได้ยังไง ก็อ่านถกเถียงกันนี้ก็ไม่มีใครลงใครแหละ มันไม่รู้ แต่เวลาไปปฏิบัติเข้าละซี นี่ละของจริงเข้าทีเดียวผางหมดเลย ไม่ไปถามใครเลยพอจิตเข้าไปถึง จิตผ่องใสนี้มันควรก็การเกิดอยู่โดยดี นั่นเวลาดูเข้าไปแล้วนะ

จิตบริสุทธิ์กับจิตผ่องใสต่างกัน
พอเข้าถึงความบริสุทธิ์แล้วผึงเลย ไม่มีคำว่าเกิดตายอีก


แต่นี่ ท่านบอกว่า จิตผ่องใส ท่านไม่ได้บอกว่าจิตบริสุทธิ์ ไอ้พวกเอาผ่องใสมาฟัดกันทั้งกัดทั้งแย่งกัน ถ้าเป็นผ้าขี้ริ้วนี้ขาดเลยไอ้ปุ๊กกี้มันยังไม่ปล่อยนะ เราถึงได้มารู้เรื่องถึงเรื่องว่าจิตผ่องใสกับจิตบริสุทธิ์ ท่านไม่ได้พูดว่าจิตบริสุทธิ์

ในบาลีก็เห็นแต่ว่า จิตผ่องใส ดูก่อนภิกษุทั้งหลายจิตเดิมแท้ผ่องใสท่านว่างั้น จิตเดิมคือจิตอวิชชา นั่นผ่องใส จิตอวิชชาผ่องใสมากทีเดียว เพราะฉะนั้นผู้ปฏิบัติไปถึงขั้นนั้นจึงงงถูกอวิชชาตีหน้าผากได้สบายนะ

มหาสติมหาปัญญาก็เถอะเข้าไปเจอทีแรก ถ้าประเภทพวกทันธาภิญญาที่รู้อย่างเชื่องช้าไปลำดับลำดา เว้นขิปปาภิญญาเสีย อันนี้ไม่มีปัญหาขิปปาภิญญาขาดสะบั้นไปพร้อมเลย

: หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
http://www.luangta.com/thamma/thamma_ta ... 90&CatID=2


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณค่ะ คุณมิตรตัวน้อย คนไร้สาระยอมรับค่ะ
ว่าข้อท้ายเหมือน ๆจะพูดไม่ค่อยถูก สาธุค่ะที่กรุณาอธิบายให้
ได้ปัญญา :b47:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ม.ค. 2009, 21:10
โพสต์: 66


 ข้อมูลส่วนตัว


เราว่าจิต กะ ใจ มันก็อันเดียวกันแหละ....ไม่เห็นต้องเรียกหลายชื่อให้ งงงงง....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 08:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่เรียกหลายชื่อ เพราะอาการที่เกิดต่างกัน
หากเรียกคลุมไปหมด ก็จะแยกไม่ออก แยกไม่เป็น สื่อสารกันไม่เข้าใจ
ถ้าเข้าใจและรู้จัก "จิต" รู้จัก "ใจ" แล้วการฝึกจิตฝึกใจก็ทำได้ง่าย

อย่างกิเลส ทุกคนเข้าใจ หน้าตาเป็นอย่างไร มีกี่ตัวกี่อย่าง ไม่รู้ แล้วจะสู้กับกิเลสได้อย่างไร

เจริญธรรม

:b8: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 19:40
โพสต์: 35

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

.....................................................
รู้จักคุณค่าในสิ่งที่เรามี


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 35 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร