วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 11:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ความรักก็มีลักษณะเหมือนของหลายเหลี่ยม อาจมีทั้งแง่ดีและไม่ดีแล้วแต่ว่าใครมีประสบการณ์อย่างไร มีแง่หนึ่งซึ่งน่าจะมีประโยชน์คือ ความรักที่เรารู้จักนั้นมีกี่แบบ มีคุณค่ามากน้อยต่างกันหรือไม่เพียงใด ลองพิจารณาดูนะครับ

คุณค่าของความรัก

ความรักเป็นสิ่งที่มีสวยงาม มีคุณค่า ทุกคนต่างเสาะแสวงหา แต่คุณค่า

ของความรักอยู่ที่ไหน จะเหมือนหรือต่างจากวัตถุ อย่างไร ลองมา

เทียบกันดูเพื่อจะง่ายต่อการทำความเข้าใจ สักเล็กน้อย

คุณค่าของวัตถุมี 3 ระดับ

1. ของฟรี ได้มาโดยไม่ต้องซื้อหา ส่วนใหญ่เป็นของไม่ค่อยมีราคา เช่นของแถม
ของที่เขาไม่ใช้แล้วให้มา เป็นต้น

2. ของแลกเปลี่ยน เป็นของที่ไม่มีราคาเท่าใด เช่นเอาเสื้อผ้าเก่าๆ แลกไข่ ขยะ
แลกเศษเงิน

3. ของที่ต้องซื้อ เป็นของมีราคาแพง ตั้งแต่ของเครื่องใช้ จนถึงบ้านและรถยนต์

คุณค่าของความรัก มี 3 ระดับ เช่นกัน

1. รักแบบให้ฟรี หรือความรักแบบบริสุทธ์ เป็นการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
ใดๆ ให้เพราะความกรุณา ความหวังดีต่อกัน เป็นที่ตั้ง ผู้ได้รับมีความอบอุ่น
สงบเย็น เอิบอิ่มในใจ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เหนือความรักทั้งปวง เช่น ความรัก
ของพ่อแม่ต่อลูกๆ ความรักของปู่ย่าตายาย ความรักของครูอาจารย์ที่เมตตาต่อศิษย์
ความรักของเพื่อนแท้ ความรักแบบพรมวิหารสี่ในศาสนาพุทธ มีพื้นฐานจาก
ความเสียสละ ความบริสุทธิ์ของจิตใจ การเสียสละ เป็นการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

2. รักแบบแลกเปลี่ยน เป็นความรักแบบมีข้อแม้ คือ เมื่อฉันรักเธอเธอก็
ต้องรักฉัน เช่นความรักระหว่างเพื่อน ความรักระหว่างหนุ่มสาว
ทั่วๆ ไป เป็นความรักที่มีพื้นฐานจากความรักตัวเอง มีความหวังความ
ปรารถนา จึงมีความร้อนแรงในใจ เป็นความรักที่ต้องการตอบสนอง จึงมีความหึง
หวงเป็นเจ้าของ มีพวกเขาพวกเรา มีอกหัก มีสมหวังในความรัก

3. รักแบบสินค้าหรือวัตถุ รักโดยคิดว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เมื่อได้มา จะให้ความสุขแก่เรา
เสมือนเข้าร้านเลือกสินค้าชนิดเดียวกัน แต่คุณภาพและราคาต่างกัน เราก็คงจะ
เลือกสินค้าที่ดีที่สุด สวยที่สุด แพงที่สุด เหมาะที่สุดที่จะสนองความต้องการทางกาย
ความอยากในใจ เช่น เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า ราคาแพง ตอนแรกก็ดีใจ ปลื้มใจ
พอใจ สักพักก็เฉยๆ ต่อไปก็เบื่อเพราะเก่า ไม่ทันสมัย อยากเอาไปให้คนอื่น หรือ
เก็บไว้ไม่ได้ใช้ หรือ ผู้ชายรักผู้หญิงเพราะสวย รูปร่างดี ต้องการครอบครอง
เป็นเจ้าของ พอได้แล้ว ก็เบื่อ เพราะเห็นว่าแก่ง่ายตายยาก เป็นต้น
โดยสรุป คุณค่าความรักอยู่ที่การให้ เราจะรู้สึกเมื่อเราได้สัมผัสถึงความความ
อบอุ่น ความเมตตา ที่แฝงอยู่ ถ้ามีความยุ่งยาก มีเงื่อนไขข้อแม้คุณค่าก็ลดลง
ถ้าถึงขั้น ใช้เงินซื้อมา หรือ ล่อหลอกกันให้หลงรัก หรือใช้กำลังหักหาญน้ำใจกัน
ก็แทบไม่เหลือค่าเลย
ความรักทั้งสามระดับไม่แยกจากกันโดยเด็ดขาด เช่นเรารักหญิงสวย
คบกันแล้วก็ถนอมน้ำใจ ซื่อสัตย์ต่อกัน ช่วยเหลือกัน ให้อภัย หวังดี
ต่อกัน และปล่อยวางแม้ว่าจะต้องแยกกัน เป็นต้น
ความรักทั้งสามอย่างล้วนมีคุณค่าในตัวเอง มากหรือน้อยแล้วแต่สภาพ
ของแต่ละวัย แต่ละคน เท่านั้นเอง
ที่เขียนมาทั้งหมดเพียงเพื่อเตือนสติของเราแองสักนิด ว่า

ประการที่หนึ่ง เราอาจจะประเมินคุณค่าความรักที่ได้ฟรีๆ เช่น คำสั่งสอนของพ่อแม่
ครูบาอาจารย์ น้ำใจจากเพื่อน คำแนะนำ การช่วยเหลือ หวังดีของเพื่อนร่วมงาน
ว่าเป็นสิ่งที่ไร้ค่า แทนที่เราจะมองว่าได้รับสิ่งที่มีค่าสูงสุด ที่มนุษย์พึงให้แก่กัน รอยยิ้มจากคนไม่รู้จักในยามที่เราท้อแท้อาจฉุดเราจากความท้อแท้และสิ้นหวัง ขณะเดียวกันความเฉยเมยจากคนที่เรารู้จัก หรือเรารัก ก็อาจฉุดเราสู่ความโดดเดี่ยวและสิ้นหวังก็ได้

การรำลึกถึงบุญคุณและหวังตอบแทนคุณ เมื่อมีโอกาสสมควร จะดีกว่า การปฏิเสธความหวังดี และแสดงอาการว่าเราดีอยู่แล้ว มาจู้จี้ทำไม ช่างน่าเบื่อ น่ารำคาญ เสียจริง

ประการที่สอง เราอาจให้ความสำคัญ ความรักของหนุ่มสาวว่าจะเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ เสียสละ แต่เพราะว่า มันเป็นแค่ความรักแบบแลกเปลี่ยนเท่านั้นใน

ช่วงแรกๆ ของการคบกัน ถ้าเรามอบความรักอันบริสุทธ์ และตั้งความหวังไว้มากเกินไป

เมื่อเจอกับคนที่ไม่รู้จักคุณค่าความรักที่เรามอบให้เลย เราอาจไม่ได้แม้แต่ความเป็นแฟน
หรือเพื่อน เพราะเขามองเราเป็นแค่วัตถุชิ้นหนื่ง

ในชั่วขณะที่เขายังปลื้มอยู่เท่านั้นเอง และพร้อมจะไปจากเราเพื่อไปหาคนที่สวยกว่า เด็กกว่าเราอยู่ร่ำไป

ประการที่สาม อย่าให้ความสำคัญกับเงินมากจนเกินไป ในโลกของวัตถุคุณอาจซื้อสิ่งของราคาแพงได้ เช่น บ้านหรูๆ รถยนต์ราคาแพง

แต่คุณไม่อาจซื้อมิตรภาพ น้ำใจ ความรัก ความเอื้ออาทร ความเป็นเพื่อน
เพราะสิ่งเหล่านี้ คุณต้องแลกมาด้วยหัวใจของคุณเอง

แลกมาด้วย ความจริงใจต่อกัน ความมีน้ำใจ แลกมาด้วยความผูกพันธ์อันเนิ่นนาน
หรือบางครั้งคุณอาจเป็นผู้ให้ได้ทุกๆ อย่าง

เพราะหัวใจของคุณเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาปราถนาดี มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ทุกๆ คน

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2009, 16:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อนๆ อ่านแล้ว มีความเห็นอย่างไรกันบ้างน้า :b16:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2009, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

สาธุกับคุณอิกคิวด้วยครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2009, 17:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


อิกคิว เขียน:
1. รักแบบให้ฟรี หรือความรักแบบบริสุทธ์ เป็นการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
ใดๆ ให้เพราะความกรุณา ความหวังดีต่อกัน เป็นที่ตั้ง ผู้ได้รับมีความอบอุ่น
สงบเย็น เอิบอิ่มในใจ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่เหนือความรักทั้งปวง เช่น ความรัก
ของพ่อแม่ต่อลูกๆ ความรักของปู่ย่าตายาย ความรักของครูอาจารย์ที่เมตตาต่อศิษย์
ความรักของเพื่อนแท้ ความรักแบบพรมวิหารสี่ในศาสนาพุทธ มีพื้นฐานจาก
ความเสียสละ ความบริสุทธิ์ของจิตใจ การเสียสละ เป็นการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

ชอบรักแบบนี้น่ะครับ
สาธุด้วยครับคุณ อิกคิว :b1: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มิ.ย. 2009, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณวรานนท์ คุณอมิตาพุทธ คุณคนไร้สาระ
ที่แวะเข้ามาอ่านนะครับ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็ชอบและขอเป็นรักแบบที่ 1 ครับเหมือนคุณอมิตตาพุทธ ครับ เพราะ ทำให้เรารู้สึกดีดี มีความสุข ไม่ก่อให้ทุกข์ทั้งตัวเราและคนที่เรารัก มากเท่าไหร่ เพราะว่า รักแบบนี้ ไม่หวังผล เพราะถ้าเราหวัง ย่อมมีทั้งสมหวังและผิดหวัง กลายเป็นว่าเราได้สร้างความทุกข์แก่ตัวเราและคนที่เราเสียเอง ขออนุโมทนาให้กับทุกท่านครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2009, 19:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ คุณไผ่ที่แวะเข้ามาอ่าน และ ขอบคุณคุณปลายฟ้า สำหรับคำอนุโมทนาครับ :b8: :b20:

ถูกต้องแล้ว ความรักเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และทำให้มันเป็นสิ่งที่มีค่าครับ :b16:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2008, 14:07
โพสต์: 285

อายุ: 0
ที่อยู่: ประเทศไทย

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

.....................................................
"ใครเกิดมา ไม่พบพระพุทธศาสนา ไม่เลื่อมใส ไม่ปฎิบัติ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย เป็นโมฆะตลอด ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย"

"ให้พากันหมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา"

พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี
http://www.luangta.com/

"ทำสมาธิมากเนิ่นช้า คิดพิจารณามากฟุ้งซ่าน หัวใจของการปฏิบัติคือการมีสติในชีวิตประจำวัน"
หลวงปู่มั่น

"ดูจิต...ด้วยความรู้สึกตัว"
หลวงพ่อปราโมทย์ สวนสันติธรรม ชลบุรี
http://www.wimutti.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 11:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


ถูกต้องแล้วครับ คุณ kritsadakorn ในทางวิมุติแล้ว

ความรักคือความทุกข์นี่เอง :b16: มีรักหนึ่งก็ทุกข์หนึ่ง

มีรักร้อยก็ทุกข์ร้อย ไม่มีรักเลยก็ไม่ทุกข์เลย :b20:

สาธุนะครับ :b8:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




A1743857713.jpg
A1743857713.jpg [ 50.24 KiB | เปิดดู 7726 ครั้ง ]
อันความรักยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต
ใครได้เสพใครได้สมอารมณ์ฝัน
ล้วนก่อเกิดความกำหนัดเป็นอัศจรรย์
เป็นวิมานเป็นสวรรค์สุดบรรยาย
แต่สวรรค์หรือวิมานนั้นมีเขต
ดั่งพรหมเทพท่านกำหนดเป็นกฎหมาย
ให้เสื่อมถอยไม่จีรังยั่งยืนไกล
เป็นได้เพียงแค่ดอกไม้แห่งกาลเวลา

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว




49-1.gif
49-1.gif [ 17.02 KiB | เปิดดู 7726 ครั้ง ]
:b8: อนุโมทนาสาธุ ยินดีด้วยค่ะคุณอิกคิว
ที่เป็นผู้เสียสละอีกท่าน เป็นธรรมอาสา และลานนี้ยังว่าง
จากผู้ดูแลลาน

:b47: คนไร้สาระขออนุญาติเสนอแนะคุณอิกคิว ไป
อาสาเป็นผู้ดูแลลานนี้ค่ะ อย่างไรโปรดพิจารณาด้วย
ร่วมกันดูแลบ้านหลังนี้ ชวนคุณไผ่และคุณปลายฟ้าไปด้วย
ก็จะดีค่ะ เพราะต้องการลานละ 3 ท่าน เห็นว่าแต่ละท่าน
มีความถนัดในด้านนี้

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

คนไร้สาระ เขียน:
อนุโมทนาสาธุ ยินดีด้วยค่ะคุณอิกคิว
ที่เป็นผู้เสียสละอีกท่าน เป็นธรรมอาสา และลานนี้ยังว่าง
จากผู้ดูแลลาน

คนไร้สาระขออนุญาติเสนอแนะคุณอิกคิว ไป
อาสาเป็นผู้ดูแลลานนี้ค่ะ อย่างไรโปรดพิจารณาด้วย
ร่วมกันดูแลบ้านหลังนี้ ชวนคุณไผ่และคุณปลายฟ้าไปด้วย
ก็จะดีค่ะ เพราะต้องการลานละ 3 ท่าน เห็นว่าแต่ละท่าน
มีความถนัดในด้านนี้


เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2009, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


โอ้โฮ คุณคนไร้สาระ และ คุณวรานนท์ที่จะให้ผมเป็นผู้ดูแลลาน
อีกคน ขอบคุณมากๆสำหรับความไว้วางใจ :b8: แต่ผมคงรับไว้ไม่ไหว
เพราะไม่ค่อยถนัดที่จะตอบคำถามกระทู้ กลัวตอบแล้วคนจะบวชกัน
เสียหมดน่ะครับ :b28: แหะๆ แต่ถ้าเขียนเรื่องลงนิทานธรรมะนี่พอไหว
นานก็พอจะคิดได้สักเรื่องนึง ต้องขอไว้ก่อนนะครับ :b16:

อ่านที่คุณคนไร้สาระเขียนเห็นจะจะจริงๆมากๆเลย

"รักมีคำเดียว แต่ความหมายของรักมีได้เท่าวิธีเห็นแก่ตัว"
ต้องจดใส่กระดาษไว้ท่องจำเลยนะครับเนี่ย คมมากๆเลย

ที่คุณปลายฟ้าเขียนไว้ก็ดีมากๆเลย

"ความรักเป็นได้เพียง ดอกไม้แห่งกาลเวลา"
นี่แหละคงเป็นที่มาของความทุกข์ในเรื่องความรัก เพราะมันผลิบาน
และโรยราไปนี่เอง

เจริญธรรมทุกๆท่านนะครับ :b9:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2009, 10:12
โพสต์: 905

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




way111xz4.jpg
way111xz4.jpg [ 179.36 KiB | เปิดดู 7873 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"ก้มกราบบ่อยๆ ช่วยขจัดความหยิ่ง-ทะนงออกได้"
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2009, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:08
โพสต์: 162

ที่อยู่: ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


แหมคุณปลายฟ้ามีกลอนดีๆมาให้อ่านอีกแล้ว

ขอเสริมนิดนะครับ :b16:

เมื่อเริ่มมีรัก ย่อมมีความหวังและความฝันมากมาย
เมื่อผิดหวังก็จะทำให้สับสนและท้อแท้สิ้นหวัง
บางครั้งแทบไม่อยากอยู่บนโลกนี้ :b6:

มีคนกล่าวว่า การที่เราคิดจะมอบกายและใจ
ให้กับคนที่เกิดมาต่างครอบครัว ต่างความคิดกัน
นี่เป็นการกระทำของคนบ้าเลยทีเดียว
เพราะเดิมพันของความรักมันสูงเหลือเกิน
เป็นการลงทุนกับคนที่เราต่างกันเหลือเกิน
และไม่ได้เป็นญาติเราเสียด้วย

การที่จะไม่ให้เจ็บตัวเพราะความรักก็คือ

เราต้องรักตัวเองให้เป็นเสียก่อน
ไม่ทำให้ตัวเองต้องเข้าไปสู่มุมมืดของชีวิต

มีครอบครัวเราเป็นเบาะรองรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ให้ช่วยคิดช่วยตัดสินใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ครอบครัวคือที่สุดท้ายที่เราจะได้พึ่งพิง

ความรักเป็นอารมณ์มากกว่าเหตุผล
แต่การอยู่ด้วยกันได้เป็นเหตุผลมากกว่าอารมณ์
เราอาจรักกันแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้
และเราอาจอยู่กันได้แต่ไม่ได้รักกันเลย


ความรักเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ เพราะมนุษย์เติบโตมาจากความรัก
การศึกษาให้รู้ทุกแง่มุมของความรัก ก็ทำให้ชีวิตรักของเราไม่
เสี่ยงต่อความลัมเหลวมากนัก

ปราชญ์กล่าวไว้ว่า

"ทุกข์กฏมีข้อยกเว้น และ ทุกข้อยกเว้นก็มีกฏอยู่ด้วย" :b13:

นี้เป็นตัวอย่างของบทเรียนเรื่องความรัก

กฏข้อที่หนึ่ง
ความรักเป็นความทุกข์ :b2:

กฏข้อที่สอง
เป็นข้อยกเว้น เพื่อให้ทุกข์น้อยลง :b20:
ได้แก่...................................

กฏข้อที่สาม
ถ้าเกิดความผิดพลาดประการใด :b9:
โปรดอ่านข้อที่หนึ่ง

พูดจาไปเรื่อยเปรื่อยนะครับ แหะๆ

ขอบคุณคุณปลายฟ้าอีกครั้งนะครับ :b1:

.....................................................
สติคือธรรมคุ้มครองโลก

มีสติรู้กายและใจลงเป็นปัจจุบัน

เมื่อใดมีสติเมื่อนั้นมีความเพียร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 23 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร