วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 15:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวิญญาณ

1. คำว่า "วิญญาณ" นั้นมี 2 อย่าง

1. วิญญาณธาตุ

2. วิญญาณขันธ์

ในปฏิจจสมุปบาท

อวิชชา เป็นเหตุให้เกิด สังขาร
สังขาร เป็นเหตุให้เกิด วิญญาณ วิญญาณตัวนี้คือ วิญญาณธาตุ
วิญญาณ(ธาตุ)เป็นเหตุให้เกิดนาม-รูป ในตัวนามรูปก็มีวิญญาณอยู่ด้วย วิญญาณในนามรูปตัวนั้นคือ วิญญาณขันธ์

เมื่อคุณตาย วิญญาณขันธ์ ของคุณก็ตาย ตายแหงแก๋เลย แต่ไอ้ตัววิญญาณธาตุ มันไม่ได้ตายไปด้วย มันยังคงสืบกรรมของเราต่อไปเรื่อยๆ

2. วิญญาณธาตุเวลามันไปเกิดกับใคร มันก็ไปสร้างวิญญาณขันธ์ขึ้นมา เลียนแบบระบบต่างๆของร่างที่มันเข้าไปอยู่

3. วิญญาณธาตุ มีที่ไป 2 ที่คืออยู่ในสังสารวัฏฏ์ หรือไม่ก็อยู่ในนิพพาน พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า:

"...สัตว์ทั้งหลายที่มีนิวรณ์คืออวิชชา(ความไม่รู้แจ้ง) มีตัณหา(ความอยาก)เป็นเครื่องประกอบ ได้แล่นไปอยู่ ท่องเที่ยวไปอยู่ บางคราวจากโลกนี้ไปสู่ปรโลกก็มี บางคราวจากปรโลกมาสู่โลกนี้ก็มี ฉะนั้นก็เหมือนกัน ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม่เห็นอริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) (ทัณฑสูตร, สั. มหา. 19/619)

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่งประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ"(ปฐวีสูตร, สัใ นิ. 16/237)

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้พอทีเดียว เพื่อที่จะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง เพียงพอที่จะคลายกำหนัด เพียงพอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ (ติณกัฏฏฐสูตร, สั. นิ. 16/236)

4. a. การเกิดดับนั้นเป็นอาการของวิญญาณ ตัววิญญาณธาตุที่เรียกว่า จิต ไม่ได้เกิดดับแต่อย่างใด

5. ตาเห็นคือวิญญาณเห็น - วิญญาณที่เห็นคือวิญญาณขันธ์ แล้ววิญญาณขันธ์ก็ส่งการเห็นนั้นไปให้วิญญาณธาตุโดยทันที

6. ปฏิสนธิจิต และจุติจิต คือ วิญญาณธาตุ หรือเจตภูต หรือ อสิสมานกาย หรือกายทิพย์ ถ้ากิเลสค่อยๆดับไปเรียกว่า ธรรมกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 13:42
โพสต์: 38

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่เธอเป็นศิษย์ ของวัดพระธรรมกายดอกหรือ?
จงอย่าบิดเบือนพระธรรมมากไปกว่านี้ มิเช่นนั้นโทษย่อมมีแก่เธอ และผู้ที่หลงไปกับความหลงผิดเช่นนี้
พระพุทธพจน์ที่เธอยกมาย่อมถูกต้อง แต่ความอธิบายของเธอ กลับหาเข้ากับพระพุทธพจน์ไม่
จงศึกษาด้วยปัญญา แล้วเธอจักไม่หลงอีกต่อไป

.....................................................
ทุกคนมี อายตนะ ทั้ง 6 ครบเช่นกัน แต่การจะใช้ไปในทิศทางใดนั้น เราเป็นผู้ตัดสินใจ
หากหลงไปกับกระแสแห่งตัณหา เราจักไม่มีหนทางหนีออกจากกระแสแห่งตัณหานั้นได้
จงออกมาจากแม่น้ำคือตัณหานั้น แล้วมายืนดูที่ฝั่ง แล้วเราจะพบว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น
หาใช่สุขที่แท้จริงไม่ ความยึดถือ ความปรุ่งแต่งแห่งจิต ทุกสิ่งล้วนเกิดจาก จิต
จิต ที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมได้ จิต ที่คอยจมดิ่งไปสู่อารมณ์ที่ตนชอบใจ
การชนะใดๆ ก็หาใช่การชนะที่แท้จริงไม่ การชนะใจตัวเองนั่นแล คือการชนะที่ประเสริฐที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


นี่เธอเป็นศิษย์ ของพระยามารดอกหรือ?
จึงได้กล่าวหา ว่าคนเข้าถึงธรรมบิดเบือน พระธรรม โทษย่อมมีแก่เธอ นรกย่อมถามหาเธอ
เธอว่าเราความหลงผิด แต่หลงผิดท่อนไหน ตรงไหน เหตุใดเธอไม่บอก พระธรรมอยู่ข้างเรา และให้หลักฐานเรามาเต็มไปหมด
เราถามเธออีกครั้งหนึ่ง พุทธพจน์เราก็ยกมาแล้ว เราบิดเบือนตรงไหน

คณะสงฆ์แพ้พระยามาร ตีความพุทธพจน์มั่วไปหมด จนพุทธศาสนาเข้าใกล้มรณะแล้ว แต่เราคนเดียวนี่แหละจะฟื้นพุทธศาสนาของแท้ของพระศาสดา

.....................................................

ธรรมใดๆก็ไร้ค่า ถ้าเธอไม่ทำ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 23:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


sanooktou เขียน:
นี่เธอเป็นศิษย์ ของวัดพระธรรมกายดอกหรือ?
จงอย่าบิดเบือนพระธรรมมากไปกว่านี้ มิเช่นนั้นโทษย่อมมีแก่เธอ และผู้ที่หลงไปกับความหลงผิดเช่นนี้
พระพุทธพจน์ที่เธอยกมาย่อมถูกต้อง แต่ความอธิบายของเธอ กลับหาเข้ากับพระพุทธพจน์ไม่
จงศึกษาด้วยปัญญา แล้วเธอจักไม่หลงอีกต่อไป



อันนี้ทางทีดีนะงับ อ่านประกาศด้านบนด้วยว่า ห้ามโจตีสำนักปฎิบัติธรรมนะงับ ถึงผมจะไม่ได้เป็นชาวธรรมกาย แล้วก็ไม่ชอบด้วย แต่ไม่อยากให้ว่าสำนักอื่นนะงับ


ขอความหลังๆขอ
สาธุ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 23:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 23:46
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 23:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 13:42
โพสต์: 38

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


suwichai เขียน:
เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับวิญญาณ

1. คำว่า "วิญญาณ" นั้นมี 2 อย่าง

1. วิญญาณธาตุ

2. วิญญาณขันธ์

ในปฏิจจสมุปบาท

อวิชชา เป็นเหตุให้เกิด สังขาร
สังขาร เป็นเหตุให้เกิด วิญญาณ วิญญาณตัวนี้คือ วิญญาณธาตุ
วิญญาณ(ธาตุ)เป็นเหตุให้เกิดนาม-รูป ในตัวนามรูปก็มีวิญญาณอยู่ด้วย วิญญาณในนามรูปตัวนั้นคือ วิญญาณขันธ์

เมื่อคุณตาย วิญญาณขันธ์ ของคุณก็ตาย ตายแหงแก๋เลย แต่ไอ้ตัววิญญาณธาตุ มันไม่ได้ตายไปด้วย มันยังคงสืบกรรมของเราต่อไปเรื่อยๆ

2. วิญญาณธาตุเวลามันไปเกิดกับใคร มันก็ไปสร้างวิญญาณขันธ์ขึ้นมา เลียนแบบระบบต่างๆของร่างที่มันเข้าไปอยู่

3. วิญญาณธาตุ มีที่ไป 2 ที่คืออยู่ในสังสารวัฏฏ์ หรือไม่ก็อยู่ในนิพพาน พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า:

"...สัตว์ทั้งหลายที่มีนิวรณ์คืออวิชชา(ความไม่รู้แจ้ง) มีตัณหา(ความอยาก)เป็นเครื่องประกอบ ได้แล่นไปอยู่ ท่องเที่ยวไปอยู่ บางคราวจากโลกนี้ไปสู่ปรโลกก็มี บางคราวจากปรโลกมาสู่โลกนี้ก็มี ฉะนั้นก็เหมือนกัน ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะไม่เห็นอริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) (ทัณฑสูตร, สั. มหา. 19/619)

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้น เบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่งประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ"(ปฐวีสูตร, สัใ นิ. 16/237)

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้พอทีเดียว เพื่อที่จะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง เพียงพอที่จะคลายกำหนัด เพียงพอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้ (ติณกัฏฏฐสูตร, สั. นิ. 16/236)

4. a. การเกิดดับนั้นเป็นอาการของวิญญาณ ตัววิญญาณธาตุที่เรียกว่า จิต ไม่ได้เกิดดับแต่อย่างใด

5. ตาเห็นคือวิญญาณเห็น - วิญญาณที่เห็นคือวิญญาณขันธ์ แล้ววิญญาณขันธ์ก็ส่งการเห็นนั้นไปให้วิญญาณธาตุโดยทันที

6. ปฏิสนธิจิต และจุติจิต คือ วิญญาณธาตุ หรือเจตภูต หรือ อสิสมานกาย หรือกายทิพย์ ถ้ากิเลสค่อยๆดับไปเรียกว่า ธรรมกาย

เช่นนั้นเธอจงใคร่ควรญเถิด
1. วิญญาณ คือ สภาพรับรู้อารมณ์ หาใช่มิตัวตนไม่ นี้คือสิ่งแรกที่บิดเบือน
2. จิต และ เจกสิก เป็นสิ่งที่เกิดพร้อมกัน เจตสิกเกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต เจตสิกต้องมาพร้อมกับจิตเสมอ แต่จิตไม่มีเจตสิกได้ แต่จิตเกิดดับเสมอ ชั่ววินาทีเดียวจิตเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วน ฯลฯ นี้มาในบทอภิธรรม เมื่อเธอกล่าวว่า จิตไม่มีการดับ นี้เป็นการบิดเบือนอีกเช่นกัน
3. รูปกระทบ จักษุ จักษุเห็นรูป เกิดผัสสะ เมื่อเกิดผัสสะ ย่อมต้องมีวิญญาณเป็นตัวรับรู้ ตัวนั้นแลชื่อว่าวิญญาณ วิญญาณขันธ์ มาจาก ขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
รูป อันได้แก่สิ่งที่เรามองเห็นจับต้องได้ ในที่นี้หมายถึง ร่างกาย
เวทนา ความรู้สึก ทุก สุข ร้อน เย็น เป็นต้น
สังขาร คือสภาพปรุงแต่ง
วิญญาณ คือสภาพรับรู้อารมณ์
นี้คือการบิดเบือนอีกหนึ่ง
4. จุติจิตคือจิตดวงสุดท้ายของชาตินี้ ที่ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้

เมื่อดับแล้ว จิตที่เกิดต่อทำปฏิสันธิกิจ คือสืบต่อจากชาติก่อน ปฏิสนธิจิตเป็นจิตดวงแรกของชาตินี้

เกิดต่อจากจุติจิตของชาติก่อน ไม่มีระหว่างคั่นเลย ไม่มีจิตอื่นคั่นระหว่างจุติจิตของชาติก่อนกับ

ปฏิสนธิจิตของชาตินี้ จิตเห็นทำทัสนกิจ ไม่ได้ทำปฏิสันธิกิจ จิตได้ยินก็ทำสวนกิจ ไม่ได้ทำ

ปฏิสันธิกิจ เพราะฉะนั้นจิตที่เกิดสืบต่อจากจุติจิตดวงเดียวเท่านั้นที่ทำปฏิสันธิกิจ เพราะฉะนั้น

จิตเห็นจะเป็นปฏิสนธิจิตไม่ได้เลย ปฏิสนธิจิตหมายความถึงจิตดวงแรกของชาตินี้ ทำกิจสืบต่อจาก

จุติจิตของชาติก่อนเท่านั้น
นี้คือ จุติจิต และ ปฏิสนธิจิต จิตเหล่านี้หาใช่มีรูปร่างไม่ กายทิพย์ คือรูปอันเป็นอีกประเภทที่จิตเข้าไปปฏิสนธิ
และในหลักปฏิบัติ ทั้งสมถและวิปัสสนา พระพุทธองค์ หาเคยกล่าวถึงธรรมกายไม่ คงมีแต่กล่าวไว้ว่า

ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฺฐ อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปี พฺรหฺมกาโย อิติปิ ธมฺมภูโต อิติปิ พฺรหฺมภูโต อิติปิฯ

"ดูก่อน วาเสฏฐะ อันว่า คำว่า "ธรรมกาย" ก็ดี "พรหมกาย" ก็ดี "ธรรมภูต" ก็ดี ผู้ที่เป็นธรรมก็ดี หรือ "พรหมภูตะ" ผู้ที่เป็นพรหมก็ดี นี้แหละเป็นชื่อของเราตถาคต"
นี้แลบิดเบือนอีกข้อหนึ่ง

ผู้มีปัญญาย่อมพิจารณาเห็น จงใช้ปัญญา แล้วเธอจะพบว่าสิ่งใดควรและไม่ควร

.....................................................
ทุกคนมี อายตนะ ทั้ง 6 ครบเช่นกัน แต่การจะใช้ไปในทิศทางใดนั้น เราเป็นผู้ตัดสินใจ
หากหลงไปกับกระแสแห่งตัณหา เราจักไม่มีหนทางหนีออกจากกระแสแห่งตัณหานั้นได้
จงออกมาจากแม่น้ำคือตัณหานั้น แล้วมายืนดูที่ฝั่ง แล้วเราจะพบว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น
หาใช่สุขที่แท้จริงไม่ ความยึดถือ ความปรุ่งแต่งแห่งจิต ทุกสิ่งล้วนเกิดจาก จิต
จิต ที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมได้ จิต ที่คอยจมดิ่งไปสู่อารมณ์ที่ตนชอบใจ
การชนะใดๆ ก็หาใช่การชนะที่แท้จริงไม่ การชนะใจตัวเองนั่นแล คือการชนะที่ประเสริฐที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 13:42
โพสต์: 38

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
sanooktou เขียน:
นี่เธอเป็นศิษย์ ของวัดพระธรรมกายดอกหรือ?
จงอย่าบิดเบือนพระธรรมมากไปกว่านี้ มิเช่นนั้นโทษย่อมมีแก่เธอ และผู้ที่หลงไปกับความหลงผิดเช่นนี้
พระพุทธพจน์ที่เธอยกมาย่อมถูกต้อง แต่ความอธิบายของเธอ กลับหาเข้ากับพระพุทธพจน์ไม่
จงศึกษาด้วยปัญญา แล้วเธอจักไม่หลงอีกต่อไป



อันนี้ทางทีดีนะงับ อ่านประกาศด้านบนด้วยว่า ห้ามโจตีสำนักปฎิบัติธรรมนะงับ ถึงผมจะไม่ได้เป็นชาวธรรมกาย แล้วก็ไม่ชอบด้วย แต่ไม่อยากให้ว่าสำนักอื่นนะงับ


ขอความหลังๆขอ
สาธุ

เราย่อมกล่าวว่า มิจฉาบุรุษนี้หลงผิด หาได้ว่าสำนักไม่ ที่กล่าวนั้นเป็นคำถามหาใช่คำโจมตีไม่

.....................................................
ทุกคนมี อายตนะ ทั้ง 6 ครบเช่นกัน แต่การจะใช้ไปในทิศทางใดนั้น เราเป็นผู้ตัดสินใจ
หากหลงไปกับกระแสแห่งตัณหา เราจักไม่มีหนทางหนีออกจากกระแสแห่งตัณหานั้นได้
จงออกมาจากแม่น้ำคือตัณหานั้น แล้วมายืนดูที่ฝั่ง แล้วเราจะพบว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น
หาใช่สุขที่แท้จริงไม่ ความยึดถือ ความปรุ่งแต่งแห่งจิต ทุกสิ่งล้วนเกิดจาก จิต
จิต ที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมได้ จิต ที่คอยจมดิ่งไปสู่อารมณ์ที่ตนชอบใจ
การชนะใดๆ ก็หาใช่การชนะที่แท้จริงไม่ การชนะใจตัวเองนั่นแล คือการชนะที่ประเสริฐที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 23:46
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว




3d-animation-037.gif
3d-animation-037.gif [ 16.49 KiB | เปิดดู 6766 ครั้ง ]
:b12:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"sanooktou"ครับ



เช่นนั้นเธอจงใคร่ควรญเถิด

1. วิญญาณ คือ สภาพรับรู้อารมณ์ หาใช่มิตัวตนไม่ นี้คือสิ่งแรกที่บิดเบือน

...เธอนั่นแหละบิดเบือน เราจะตอบเธอเมื่อเห็นพุทธพจน์ ไม่ใช่เห็นการตีความบ้าๆบอๆของอรรถกถาจารย์ ผู้เข้าไม่ถึงธรรม

เราจะสอนเธอนะ ในนามนั้นสามารถมีรูปได้ คติธรรมทางพระพุทธศาสนากล่าวไว้ว่า
ในอัตภาพร่างกายของคนและสัตว์ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ มีกายซ้อนกันอยู่ ๓ ชั้น
คือ กายธรรม ( จิต ) ๑, กายทิพย์ ( นามกาย ) ๑, กายเนื้อ ( รูปกาย ) ๑.

และ วิญญาณธาตุ ที่เรียก อทิสมานกายนี้เป็นนามกาย



2. จิต และ เจกสิก เป็นสิ่งที่เกิดพร้อมกัน เจตสิกเกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต เจตสิกต้องมาพร้อมกับจิตเสมอ แต่จิตไม่มีเจตสิกได้ แต่จิตเกิดดับเสมอ ชั่ววินาทีเดียวจิตเกิดดับนับครั้งไม่ถ้วน ฯลฯ นี้มาในบทอภิธรรม เมื่อเธอกล่าวว่า จิตไม่มีการดับ นี้เป็นการบิดเบือนอีกเช่นกัน

...ก็เราบอกเธอว่า ไปเอาพุทธพจน์มา ไม่ใช่ไปเอาคำพูดของอรรถกถาจารย์ที่เข้าไม่ถึงธรรมมา

3. รูปกระทบ จักษุ จักษุเห็นรูป เกิดผัสสะ เมื่อเกิดผัสสะ ย่อมต้องมีวิญญาณเป็นตัวรับรู้ ตัวนั้นแลชื่อว่าวิญญาณ วิญญาณขันธ์ มาจาก ขันธ์ 5 รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
รูป อันได้แก่สิ่งที่เรามองเห็นจับต้องได้ ในที่นี้หมายถึง ร่างกาย
เวทนา ความรู้สึก ทุก สุข ร้อน เย็น เป็นต้น
สังขาร คือสภาพปรุงแต่ง
วิญญาณ คือสภาพรับรู้อารมณ์
นี้คือการบิดเบือนอีกหนึ่ง

....เธอเอาเปลือกมาบอกเรา แต่ไม่ยอมไปหาแก่นที่อยู่ในเปลือก และไม่ยอมเอาพุทธพจน์มาถก แต่เอาคำของมารที่แฝงตัวในพระพุทธศาสนามาบอกว่า เป็นคำของพระพุทธเจ้า

เราจะบอกเธอนะ นามรูป เป็นเปลือก พระอรหันต์ท่านมีแก่นอยู่ ที่เรียกว่า ธรรมขันธ์ หรือ ธรรมธาตุ หรือธรรมกาย. ... อันนี้ล่ะ แก่นแท้พระพุทธศาสนา เธอเป็นชาวพุทธหรือเปล่าจ๊ะ

4. จุติจิตคือจิตดวงสุดท้ายของชาตินี้ ที่ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ สิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้

เมื่อดับแล้ว จิตที่เกิดต่อทำปฏิสันธิกิจ คือสืบต่อจากชาติก่อน ปฏิสนธิจิตเป็นจิตดวงแรกของชาตินี้

เกิดต่อจากจุติจิตของชาติก่อน ไม่มีระหว่างคั่นเลย ไม่มีจิตอื่นคั่นระหว่างจุติจิตของชาติก่อนกับ

ปฏิสนธิจิตของชาตินี้ จิตเห็นทำทัสนกิจ ไม่ได้ทำปฏิสันธิกิจ จิตได้ยินก็ทำสวนกิจ ไม่ได้ทำ

ปฏิสันธิกิจ เพราะฉะนั้นจิตที่เกิดสืบต่อจากจุติจิตดวงเดียวเท่านั้นที่ทำปฏิสันธิกิจ เพราะฉะนั้น

จิตเห็นจะเป็นปฏิสนธิจิตไม่ได้เลย ปฏิสนธิจิตหมายความถึงจิตดวงแรกของชาตินี้ ทำกิจสืบต่อจาก

จุติจิตของชาติก่อนเท่านั้น
นี้คือ จุติจิต และ ปฏิสนธิจิต จิตเหล่านี้หาใช่มีรูปร่างไม่ กายทิพย์ คือรูปอันเป็นอีกประเภทที่จิตเข้าไปปฏิสนธิ
และในหลักปฏิบัติ ทั้งสมถและวิปัสสนา พระพุทธองค์ หาเคยกล่าวถึงธรรมกายไม่ คงมีแต่กล่าวไว้ว่า

ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฺฐ อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปี พฺรหฺมกาโย อิติปิ ธมฺมภูโต อิติปิ พฺรหฺมภูโต อิติปิฯ

"ดูก่อน วาเสฏฐะ อันว่า คำว่า "ธรรมกาย" ก็ดี "พรหมกาย" ก็ดี "ธรรมภูต" ก็ดี ผู้ที่เป็นธรรมก็ดี หรือ "พรหมภูตะ" ผู้ที่เป็นพรหมก็ดี นี้แหละเป็นชื่อของเราตถาคต"
นี้แลบิดเบือนอีกข้อหนึ่ง

ผู้มีปัญญาย่อมพิจารณาเห็น จงใช้ปัญญา แล้วเธอจะพบว่าสิ่งใดควรและไม่ควร

...เราจะชี้แนะเรื่องนี้กับเธอในเวลาอันเหมาะสม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 14:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"sanooktou"ครับ



ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่
ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต

กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต = กายที่ยังดำรงอยู่ เรียกว่า "ธรรมกาย" หรือ กายธรรม

เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่ = กายเนื้อ

อย่างไรก็ตาม พุทธมหายานเห็นอีกกาย คือ กายทิพย์ ( นามกาย )อันมีรัศมีรุ่งโรจน์ เรียกว่า "สัมโภคกาย" อยู่ในแดนโพธิสัตว์ทั้งหลาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 13:42
โพสต์: 38

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ในเมื่อเธอยึดมั่นเช่นนั้น ก็เปล่าประโยชน์อันใดที่เราจะบอกกล่าวเธอ
ผู้มีปัญญาพึงใคร่ครวญเองเถิด :b42:

.....................................................
ทุกคนมี อายตนะ ทั้ง 6 ครบเช่นกัน แต่การจะใช้ไปในทิศทางใดนั้น เราเป็นผู้ตัดสินใจ
หากหลงไปกับกระแสแห่งตัณหา เราจักไม่มีหนทางหนีออกจากกระแสแห่งตัณหานั้นได้
จงออกมาจากแม่น้ำคือตัณหานั้น แล้วมายืนดูที่ฝั่ง แล้วเราจะพบว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น
หาใช่สุขที่แท้จริงไม่ ความยึดถือ ความปรุ่งแต่งแห่งจิต ทุกสิ่งล้วนเกิดจาก จิต
จิต ที่เราไม่สามารถที่จะควบคุมได้ จิต ที่คอยจมดิ่งไปสู่อารมณ์ที่ตนชอบใจ
การชนะใดๆ ก็หาใช่การชนะที่แท้จริงไม่ การชนะใจตัวเองนั่นแล คือการชนะที่ประเสริฐที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่ลานธรรมจักร์แห่งนี้

เป็นที่สนทนาธรรม

มีกฎอยู่ว่า

เราจะแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับพระธรรมของตถาคตที่แต่ละคนได้สุตะมา

เป็นการสากัจฉาธรรม

การแลกเปลี่ยนก็เพื่อความเจริญในพระธรรมคำสั่งสอน

ที่ลานแห่งนี้มีกฎมีระเบียบว่าจะกล่าวแต่สัจจธรรมที่เป็นพุทธพจน์

แล้วก็มีคนผู้หนึ่งประกาศตัวเป็นพระพุทธเจ้า

ประกาศธรรมตามใจตนเอง

ใครห้ามก็ไม่เชื่อ

ใครไล่ก็ไม่ไป

ไล่ออกไปก็ปลอมตัวเข้ามาอีก

เข้ามาประกาศธรรมตามใจตนเช่นเดิม

ตามมิจฉทิฏฐิตน

ไม่ฟังเสียงคัดค้านใคร

ใครที่ไม่เห็นด้วยถูกด่าว่าเป็นมาร


จึงมีคำถามว่า

กฎนั้นมีไว้สำหรับผู้ที่ยอมรับเท่านั้นหรือ

หรือมีไว้สำหรับทุกคนให้ปฏิบัติตามอย่างเสมอภาค

หากมีคนที่ไม่ยอมทำตามกฎแต่ดื้อด้าน เราจำเป็นต้องยอมยกให้เขาผู้นั้นอยู่เหนือกฎหรือไม่

สำหรับผมเห็นใจผู้รักษาลานเป็นที่สุดกับความดื้อด้านของคนผู้นี้

แต่เราจะไม่รักษามาตรฐานคุณภาพของลานเพราะเห็นแก่ เมตตา กรุณา มุทิตา

ในกรณีนี้น่าจะใช้ไม่ได้แล้ว

แม้แต่พระพุทธเจ้าก็มีการใช้พรหมทันฑ์

ก็ในเมื่อสมาคม สภาแห่งนี้ไม่เหมาะสมกับเขา

หรือเขาไม่เหมาะสมกับสภามหาบุรุษแห่งนี้

คงต้องรักษาสภาเอาไว้

ครับท่านประธาน


ฆ้อนที่อยู่ข้างขวาของโต๊ะบัลลังถ์ประธานสภาท่านหยิบขึ้นมา

แล้วทุบลงไปเลยครับ



อย่าปล่อยให้มิจฉทิฏฐิลอยนวล



ของอย่างนี้อย่าทำเป็นเล่นไปครับ

หากเยาวชนรุ่นหลังมาอ่านพบเข้าหลายๆเวปที่มีผู้เข้าใช้เยอะ

อาจกลายเป็นหลงเชื่อได้ง่ายๆ

เมื่อเวลาเนิ่นนานไป

อาจบานปลายเลวร้ายกว่าที่คิด



อย่าทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก

ban

และอย่า ban แต่ชื่อ

ให้ ban ที่ต้นตอคื่อตัวบุคคล

ไม่เช่นนั้นก็เข้ามาโพสต์ซ้ำซากไม่รู้จักจบสิ้น


ครับท่านnutdanai


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


sanooktou เขียน:
ในเมื่อเธอยึดมั่นเช่นนั้น ก็เปล่าประโยชน์อันใดที่เราจะบอกกล่าวเธอ
ผู้มีปัญญาพึงใคร่ครวญเองเถิด :b42:


เราเป็นผู้มีสัมมาทิฎฐิ เธอเอาความรู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิมาให้เรา เราจะรับได้อย่างไร เธอ
ผู้มีปัญญาพึงใคร่ครวญเองเถิด องค์สมเด็จพระศาสดา ใครจะเอาสิ่งที่เป้นมิจฉาทิฏฐิมาให้พระองค์ พระองค์ก็มิได้รับมิใช่หรือ

แล้วนี่เธอหาพุทธพจน์ไม่ได้ใช่ไหม เพราะสิ่งที่เธอบอกออกมา ล้วนเป็นมารพจน์ทั้งนั้น เมื่อเธอหาพุทธพจน์ไม่ได้ เราก็จะค่อยๆนำพุทธพจน์ในเรื่องวิญญาณ วิญญาณธาตุ วิญญาณขันธ์ มาชี้แนะกับเธอในโอกาสต่อไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2009, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


มารที่สิงใจนาย"mes"เอ๋ย



1. แล้วก็มีคนผู้หนึ่งประกาศตัวเป็นพระพุทธเจ้า ประกาศธรรมตามใจตนเอง ใครห้ามก็ไม่เชื่อ

....เธอกล่าวใส่ความเราอย่างเดียว เราได้บอกแล้ว ถ้าเธอมีหลักฐานว่า เราบิดเบือนพุทธพจน์ ประกาศธรรมตามใจตนเอง เราจะกราบตีนเธอเลย ทุกเรื่องที่เราบอกเธอลวนเป็นพุทธพจน์ทั้งสิ้น

2. ใครไล่ก็ไม่ไป ไล่ออกไปก็ปลอมตัวเข้ามาอีก

....ก็เราไปแล้ว และเราก็ให้คนอื่นสมัครเว็บนี้ใหม่ เรามิได้ปลอมตัวเลย เปิดเผยตรงๆ

3. เข้ามาประกาศธรรมตามใจตนเช่นเดิม ตามมิจฉทิฏฐิตน ไม่ฟังเสียงคัดค้านใคร ใครที่ไม่เห็นด้วยถูกด่าว่าเป็นมาร

....เราไม่ได้และไม่เคยประกาศธรรมตามใจตนเองเลย ทุกอย่างมีหลักฐานและพุทธพจน์ทั้งสิ้น แต่ถ้าเราเอามาทั้งหมด กระทู้ก็จะน่าเบื่อ เราจึงเอามาบางส่วน แล้วเธอก็ไม่ถามหาหลักฐานเพิ่มในเรื่องนั้นๆกับเรา แล้วเราจะไปรู้ได้อย่างไรว่า เธอสงสัยเรื่องไหน

4. จึงมีคำถามว่า กฎนั้นมีไว้สำหรับผู้ที่ยอมรับเท่านั้นหรือ หรือมีไว้สำหรับทุกคนให้ปฏิบัติตามอย่างเสมอภาค หากมีคนที่ไม่ยอมทำตามกฎแต่ดื้อด้าน เราจำเป็นต้องยอมยกให้เขาผู้นั้นอยู่เหนือกฎหรือไม่
สำหรับผมเห็นใจผู้รักษาลานเป็นที่สุดกับความดื้อด้านของคนผู้นี้

....เราทำตามกฎเสมอ แต่พวกเธอไล่เราออกไป 2 ครั้ง โดยที่เราไม่ได้ทำผิดกฎ เธอควรจะสำนึกเสียใจบ้างว่า กำลังแพ้อำนาจมาจที่ส่งอำนาจเผด็จการมาให้

5. อย่าปล่อยให้มิจฉทิฏฐิลอยนวล

....เราเห็นด้วยกับเธอในข้อนี้เป็นอย่างยิ่ง เราจึงไม่ปล่อยให้มิจฉทิฏฐิในใจเธอลอยนวล และไม่ปล่อยให้เยาวชนรุ่นหลัง ฟังคำสอนอันมีมิจฉทิฏฐิของเธออย่างเดียว มีอย่างที่ไหน เขาไม่ได้ทำบาป เธอเอาบาปไปยัดเยียดให้เขา

6. ban

และอย่า ban แต่ชื่อ

ให้ ban ที่ต้นตอคื่อตัวบุคคล

ไม่เช่นนั้นก็เข้ามาโพสต์ซ้ำซากไม่รู้จักจบสิ้น


ครับท่านnutdanai

.....หวังว่าท่านnutdanaiคงไม่หลงกลคำยุยงของมารที่สิงใจคุณmesอยู่นะครับ แต่ถ้าผมทำผิดกฎระเบียบในเว็บ ก็อย่าละเว้นผม โดยเฉพาะเรื่องบิดเบือนพุทธพจน์ ถ้าใครหาได้ว่าผมบิดเบือนพุทธพจน์ แม้แต่เรื่องเดียว นำเอาเรื่องนั้นมาลง แล้วไล่ผมออกไปเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2009, 06:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


suwichai เขียน:
ดูกรภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่
เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่
ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต

กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต = กายที่ยังดำรงอยู่ เรียกว่า "ธรรมกาย" หรือ กายธรรม

เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่ = กายเนื้อ

อย่างไรก็ตาม พุทธมหายานเห็นอีกกาย คือ กายทิพย์ ( นามกาย )อันมีรัศมีรุ่งโรจน์ เรียกว่า "สัมโภคกาย" อยู่ในแดนโพธิสัตว์ทั้งหลาย



ยกตัวอย่างมาให้แล้ว

ไล่ออกได้หรือยัง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 39 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร