วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 20:00
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งหลอกลวง ดิฉันต้องเสียตัว เสียทรัพย์ และเสียใจ ตอนนี้ดิฉันทุกข์ใจเพราะอยากได้ทรัพย์คืน แสดงว่าชาติก่อนดิฉันกับเขามีเวรต่อกันมาชาตินี้เขาจึงได้มาเอาคืนใช่หรือไม่ เขาหลอกเอาทรัพย์จากดิฉันไปด้วยความตั้งใจ ดิฉันก็ให้เขาไปด้วยความรักและความไม่รู้ ตอนนี้ทำให้ดิฉันแค้นผู้ชายคนนั้นมากๆ ดิฉันเสียดายทรัพย์ที่ให้เขาไปเพราะมันเป็นน้ำพักน้ำแรงของดิฉัน แม่ดิฉันบอกให้แผ่เมตตาให้เขา ทำไมเราต้องแผ่เมตตา และอโหสิกรรมให้กับคนที่ทำให้เราเสียใจ ดิฉันจะบาปไหมถ้าในใจคิดแช่งไม่ให้เขามีความสุขในชีวิต แล้วเขาจะได้รับทุกข์ที่ทำไว้กับคนอื่นหรือไม่ ดิฉันควรจะทำอย่างไรดี จึงจะดับทุกข์ในใจได้ ท่านผู้รู้ช่วยตอบให้กระจ่างให้ดิฉันได้พ้นทุกข์ในเรื่องนี้ด้วยเถิด :b7: :b7: :b33: :b33:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ดิฉันถูกผู้ชายคนหนึ่งหลอกลวง ดิฉันต้องเสียตัว เสียทรัพย์ และเสียใจ
ตอนนี้ดิฉันทุกข์ใจเพราะอยากได้ทรัพย์คืน



น่าเห็นใจจริงๆ ประเด็นนี้
อ้อยเข้าปากช้างแล้ว ยากที่จะได้คืน ถ้าเขาคิดจะคืน เขาไม่หลอกเอาอย่างนั้นหรอก

อ้างคำพูด:
แสดงว่าชาติก่อนดิฉันกับเขา มีเวรต่อกันมา ชาตินี้เขาจึงได้มาเอาคืนใช่หรือไม่ เขาหลอกเอาทรัพย์จากดิฉันไปด้วยความตั้งใจ ดิฉันก็ให้เขาไปด้วยความรักและความไม่รู้



เกี่ยวกับอดีตชาติ ว่าเคยทำอะไรใครไว้บ้าง คนในปัจจุบันชาติไม่มีใครรู้ได้จำได้พยากรณ์ได้แน่นอน
อย่าว่าแต่อดีตชาติเลย แม้แต่เมื่อวานเรายังจำไม่ได้เลยว่า กินข้าวไปกี่คำ ดื่มน้ำไปกี่แก้ว

เขาหลอกเอาทรัพย์สินเงินทองทั้งตัวคุณด้วยเจตนาด้วยความตั้งใจ คุณก็ให้เขาด้วยความเสน่หา
ทวงเขาๆอาจพูดให้เจ็บอีกว่า ผมไม่ได้ปล้นคุณน่ะ คุณให้ผมเอง

อ้างคำพูด:
ตอนนี้ทำให้ดิฉันแค้นผู้ชายคนนั้นมากๆ ดิฉันเสียดายทรัพย์ที่ให้เขาไปเพราะมันเป็นน้ำพักน้ำแรงของดิฉัน แม่ดิฉันบอกให้แผ่เมตตาให้เขา
ทำไมเราต้องแผ่เมตตา และอโหสิกรรมให้กับคนที่ทำให้เราเสียใจ


ที่แม่ให้แผ่เมตตาพร้อมอโหสิกรรม ก็เพื่อให้เราไม่ผูกโกรธอาฆาตพยาบาท
ท่านคงเข้าใจว่า ความโกรธเผาคนโกรธนั่นแหละก่อน คิดโกรธมากก็ทุกข์มาก
ขาดความสุข ท่านจึงให้นึกคำแผ่เมตตาพร้อมอโหสิกรรม เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง

อ้างคำพูด:
ดิฉันจะบาปไหม ถ้าในใจคิดแช่งไม่ให้เขามีความสุขในชีวิต
แล้วเขาจะได้รับทุกข์ที่ทำไว้กับคนอื่นหรือไม่



ถามว่าบาปไหน ตอบว่าบาป บาป ได้แก่ อกุศลจิต ซึ่งทำให้ตนเองเร้าร้อนร้อนรน กระวนกระวาย
ซึ่งตรงข้ามกับบุญ ซึ่งได้แก่ กุศลจิต ที่ทำให้ตนเองเยือกเย็น เป็นสุข

หากคุณมีวาจาสิทธิ์เหมือนพระร่วง ออกปากแช่งใครก็ย่อมเป็นอย่างนั้น
แช่งให้ตายเลยครับ
ถ้าไม่มีวาจาสิทธิ์ดังว่า แช่งแล้วได้อะไร สร้างทุกข์ให้ตนเองทุกๆครั้งที่คิดแช่ง


อ้างคำพูด:
ส่วนเขาจะได้รับความทุกข์เหมือนทำให้คนอื่นทุกข์หรือไม่


อันนี้ไม่แน่ เกิดว่าไปหลอกคนที่เขาโหดๆเข้าอาจถึงตาย หรือไม่ก็ถูกเฉือนทิ้งชักโครก


อ้างคำพูด:
ดิฉันควรจะทำอย่างไรดี จึงจะดับทุกข์ในใจได้


เสียแล้วเสียไปหาใหม่ดีกว่า ในเมื่อไม่มีช่องทางเรียกคืนได้
อย่างว่า แหละคุณบรรลุนิติภาวะแล้วด้วย ให้ทุกอย่างเขาด้วยเสน่หา กฎหมายก็ทำอะไรเขาไม่ได้
นอกจากศาลเตี้ย คุณมีไหมล่ะ หากไม่มี ก็คงต้องทำใจ
เรื่องการทำใจ ก็ต้องอาศัยเวลา เพราะไม่ง่ายนัก
หากเป็นดังว่ามา ระยะนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่าทำตามคำแนะนำของแม่

ขอเป็นกำลังใจให้นะขอรับ

อ้อ เพิ่งนึกได้ กรัชกายเคยรู้จักกับผู้ซึ่งมีประสบการณ์เช่นคุณมาเหมือนกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเองก็เคยหลอกผู้หญิงเหมือนกัน คุณไม่ต้องไปแช่งเข้าหรอกเวรกรรมตามเข้าเองแหละเหมือนผมผมได้รับกรรมอยางแสนสาหัส ดีนะผมมาพบพระธรรมก่อนตายทำให้ผมยังมีโอกาส กับเขาบ้าง มันเป็นกรรมของคุณนะเขาคนนั้นเป็นเพียงคนที่มาทำให้กรรมของคุณมันบรรลุผลของมันก็เท่านั้นเอง คุณอโหสิกรรมเถอะจะได้ตัดวงล้อของกรรมนี้ได้ ถ้าคุณไม่อโหสิกรรมนอกจากคุณจะไม่ได้ของคืนแล้ว ยังสร้างกรรมต่ออีกไม่รู้จักจบ สำคัญที่สุดชนะใจตนเองขอแนะนำครับ

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2009, 17:25
โพสต์: 281

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การผูกโกรธก็ไม่ดีนะคนนั้นในอนาคตเขาอาจจะกลับตัวเปลี่ยนใจอย่างองค์คุลีมารก็ได้ที่เป็นพระอรหันต์เท่ากับเราผูกโกรธพระอรหันต์นะครับ อภัยทานนี่แสนประเสริฐ ทานแบบไม่ต้องลงทุน

.....................................................
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thai.dhamma.org


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ค. 2009, 11:10
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีค่ะคุณเจ้าของกรทู้

การอโหสิกรรมสามารถดับทุกข์ได้อย่างแน่นอนค่ะ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าก่อนที่จะทำใจให้อโหสิกรรมเขาได้นั้นมันยากมากค่ะ

ขอเล่าจากประสบการณ์ของตนเองนะคะ เมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา ดิฉันถูกญาติผู้หญิงคนหนึ่งใส่ร้ายนินทาทั้งๆ ที่ดิฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นและดิฉันทำดีกับญาติผู้ใหญ่คนนี้มาตลอดเพราะดิฉันอาศัยบ้านท่านตอนเรียนหนังสือชั้น ม.ปลายค่ะ อีกประมาณ 5 ปีต่อมาดิฉันได้ไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวัน (สายสติปัฎฐาน 4) ตั้งแต่นั้นมาทุกครั้งหลังจากการเจริญสติและการสวดมนต์ ดิฉันจะต้องขออโหสิกรรมและแผ่เมตตาให้คุณน้าคนนี้ตลอด ไม่อยากบอกเลยว่าขออโหสิกรรมไปร้องไห้ไป (ทั้งๆ ที่ดิฉันไม่ใช่คนที่สามารถร้องไห้ได้ง่ายๆ เลยนะคะ เพราะคุณพ่อของดิฉันจะสอนเสมอว่าให้เข้มแข็งเหมือนผู้ชายและถ้าจำเป็นต้องร้องไห้จริงๆ ก็อย่าให้คนอื่นเห็นน้ำตาของเรา) ตอนนั้นที่ดิฉันร้องไห้เพราะสงสารตัวเองว่าเราไม่ได้ผิดแต่ทำไมเราต้องขอขอโหสิกรรมกับเขาด้วย ไม่ยุติธรรมเลย (ตอนนั้นอีโก้สูงมากค่ะ) แต่ต่อมาหลังจากนั้น 6 เดือนเห็นผลค่ะ คุณน้าของดิฉันคนนี้ดีกับดิฉันมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก แต่ขอหมายเหตุไว้นิดนึงนะคะว่าเป็นระยะเวลา 6 เดือนที่ทรมานที่สุดในชีวิตเลยล่ะค่ะ

ประสบการณ์อีกอย่างหนึ่งคือ ดิฉันถูกผู้หญิงอายุ 63 ปีโกงค่ะ ซึ่งเธอสัญญาว่าจะคืนเงินให้ดิฉัน จำนวน 4,1350 บาทภายในเดือนมกราคมของปีนี้ แต่ผ่านมาเป็นครึ่งปีแล้วดิฉันก็ไม่ได้เงินคืนเลย โทรฯ ไปหาก็ไม่ยอมรับสาย (เคยรับสายประมาณ 2 ครั้ง แล้วบอกว่างานยุ่ง เดี๋ยวโทรฯ พอเขาโทรฯ กลับแล้วบอกดิฉันว่า ครูไม่โกงเธอหรอก แต่ตอนนี้ลูกหนี้ครูยังไม่โอนเงินให้ คงราวๆ ต้นเดือนกุมภาพันธ์นะ) ต่อมาโทรฯ ไปหาเธอก็ไม่ยอมรับสายเลย มิหนำซ้ำยังไม่ยอมโทรฯ กลับอีก ต้องขอยอมรับว่าตอนแรกรู้สึกโกรธผู้หญิงคนนี้มาก เพราะตั้งแต่เกิดมาดิฉันไม่เคยได้รับเงินเดือนขนาดนี้ต่อเดือนเลยนะคะ ต่อมาดิฉันก็ทำใจได้เนื่องจากเอาธรรมะและการปฏิบัติธรรมเข้าช่วยและปลอบใจตัวเองว่าเราอายุยังน้อย (ดิฉันอายุย่าง 27 ปีค่ะ) เพราะฉะนั้นยังสามารถหาเงินได้มากกว่านี้เป็นพันเท่า แต่ก็อดเวทนาผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ว่าเขาอายุมากแล้วแทนที่จะสร้างความดีเพื่อเป็นเสบียงติดตัวไปในสัมปรายภพ แต่กลับมาสร้างความชั่วเสียนี่๗ ถามว่าตอนนี้อยากได้เงินคืนไหม? ก็ขอตอบว่าอยากค่ะ แต่ถ้ามันไม่มีทางเป็นไปได้ดิฉันก็ไม่ขอคิดถึงเงินจำนวนนี้ค่ะ ดิฉันไม่ยอมเครียดเพราะเงินจำนวนเท่านี้หรอกนะคะ เพราะสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งก็คือความเครียด

นอกจากนี้ดิฉันขอน้อมนำคำสอนของหลวงพ่อจรัญผู้ที่เปรียบเสมือนดวงประทีบส่องแสงนำทางชีวิตของดิฉันมาเป็นตัวอย่างด้วยนะคะ (ดิฉันขอเล่าพอสังเขปนะคะ) เรื่องมีอยู่ว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกลูกหนี้โกง ผู้หญิงคนนี้ก็เลยแช่งให้บ้านลูกหนี้คนนี้ถูกไฟไหม้ ผลสุดท้ายไฟไหม้บ้านจริงๆ แต่เป็นบ้านของเจ้าหนี้ค่ะ หมดเงินซ่อมตั้งหลายแสนบาทเลยทีเดียว นอกจากนี้พระเดชพระคุณฯท่านยังสอนอีกว่า "เขาโกงเราดีกว่าเราโกงเขานะคะ"

สุดท้ายนี้ดิฉันหวังว่าคำแนะนำขอดิฉันคงจะเป็นประโยชน์ต่อคุณเจ้าของกระทู้ไม่มากก็น้อยนะคะ :)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2009, 05:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อโหสิกรรมดับทุกข์ได้จริงหรือ


ตอบเฉพาะคำถามนี้อีกครั้ง => อโหสิกรรมดับทุกข์ได้จริงหรือ

เดี๋ยวหลงไปกันใหญ่ เอาหลักอริยสัจวางเทียบก่อน ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

มีคำถามว่า ทุกข์ เจ้าของกระทู้เป็นทุกข์ใจ เพราะถูกเขาหลอกเอาเงินแถมเสียเนื้อเสียตัว
อย่างนี้พอท่องคำแผ่เมตตาว่าอโหสิกรรมอะไรก็ว่าไปนึกไป กี่เดือนกี่ปีก็ว่าไปจนกว่าทำใจได้ เพื่อให้จิตมันเสพคำท่องบ่นสาธยายเหล่านั้นแทน ผ่านไปได้คราวหนึ่ง ไม่มีอะไรลึกซึ้ง

แต่ครั้นประสบอนิฏฐารมณ์อื่นเข้าอีก อ้าวอีกแล้ว ทุกข์อีกแล้ว เอ้าอีกท่องคำแผ่เมตตา กรวดน้ำ
ท่องคำอโหสิกรรม สวดอิติปิโส พาหุง มหากา ฯลฯ อะไรก็ว่าไป ก็อิหรอบเดิมสงบไปพักหนึ่ง

อ้าวอีกแล้ว สามีขอหย่า ร้องไห้อีก ก็ทำอย่างเดิมแผ่เมตตา ท่องคำอโหสิกรรม ฯลฯ กี่เดือนกีปีก็ว่าไป ฯลฯ อย่างนี้เรียกกลบทุกข์
มิใช่แก้ทุกข์อย่างถาวรแบบของพระพุทธเจ้าตามหลัก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2009, 06:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


คุณ homealoneค่ะ คุณไม่ได้ทุกข์คนเดียวหรอกค่ะ
คิดในแง่ดีนะค่ะ อย่างน้อยๆ เขาก็ยังสอนให้คุณรู้จัก"รักใคร" และรู้จักการ"ให้"
คิดเสียว่าสิ่งเหล่านี้คือบทเรียนราคาแพง ที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ ในเมื่อเราซื้อมันแล้ว
ก็หาประโยชน์จากมันดีกว่าที่จะมานั่งคิดเสียดายเงินที่เสียไป ความทุกข์มันอยู่ตรงไหน?
ก็อยู่ตรงที่ "เสียดาย" จนกลายเป็น "แค้น" ตัวนี้แหละสำคัญมาก เป็นยางเหนียวอย่างดี
ที่ทำให้เราวนเวียนคิดถึงเขาอยู่
ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาเสียให้หมด ถ้าจะจำก็จำแต่เรื่องดี ที่พอคิดแล้วทำให้เรายิ้มได้
เรื่องที่คิดแล้วทำให้เราเศร้า ร้องไห้ ก็พยายามปัดออกจากใจ ให้อภัยเขาเสีย กรวดน้ำ
อธิษฐานขอให้เขามีความสุขกับเงินที่ได้จากเราไป แล้วขอให้หมดเวรกรรมกันแต่เพียงเท่านี้
ทราบค่ะว่ามันยาก แรกๆก็อาจจะทำแบบไม่เต็มใจ ทำไปแบบเสียไม่ได้ แต่ถ้าคุณฝืนใจทำสักสี่ห้าครั้ง
ครั้งที่ห้าที่หก คุณจะรับรู้ด้วยตัวเองเลยว่า ความแค้นของคุณมันจะค่อยๆลดระดับลงเรื่อยๆ
จนหายไป อาจจะเร็วหรือช้าแล้วแต่ความเข้มข้นของแรง "แค้น"
ไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งคิดถึงสิ่งที่มันผ่านไปแล้ว ตั้งต้นใหม่เสียแต่วันนี้ และไม่ต้องเสียเวลา
ไปแช่งเขาหรอกค่ะ ไม่มีใครที่ทำอะไรแล้วไม่ได้รับผลของกรรมนั้นๆ ไม่ช้าก็เร็ว คิดง่ายๆ
คุณทราบได้อย่างไรว่าทุกวันนี้เขาไม่มีทุกข์ค่ะ?

ขอเป็นกำลังใจให้ขอให้คุณตั้งสติได้เร็ววันนะค่ะ เจริญในธรรมค่ะ

:b41: :b41: :b41: :b43: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2009, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ค. 2009, 20:00
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น ดิฉันจะถือเป็นกำลังใจที่ดี และเป็นสิ่งที่คอยเตือนสติให้ดิฉันเลือกทางเดินที่ถูกต้องต่อไป
"แม้แต่ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา เราตายเราก็ต้องคืนร่างกายให้ธรรมชาติ ไฉนเลยสิ่งอื่นๆ เราจะนำติดตัวไปได้ตลอด" ขอบคุณมากๆ
:b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.ค. 2009, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


homealone เขียน:
ขอบพระคุณทุกท่านที่แสดงความคิดเห็น ดิฉันจะถือเป็นกำลังใจที่ดี และเป็นสิ่งที่คอยเตือนสติให้ดิฉันเลือกทางเดินที่ถูกต้องต่อไป
"แม้แต่ร่างกายก็ไม่ใช่ของเรา เราตายเราก็ต้องคืนร่างกายให้ธรรมชาติ ไฉนเลยสิ่งอื่นๆ เราจะนำติดตัวไปได้ตลอด" ขอบคุณมากๆ
:b39: :b39:


:b8: อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณคิดถูกแล้ว ปล่อยวาง นะคะ
มันหนักนัก จะถือมันอยู่ทำไมกัน

นักเดินทางอย่างเราๆ ท่องโลกนี้ได้อย่างมากก็ไม่เกิน 100 ปี
ระหว่างนี้ก็จงทำตัวให้เหมือนนักเดินทางที่ดี
เก็บเกี่ยวแต่สิ่งที่ดีๆ...พร้อมกับทิ้งสิ่งที่ดีๆ...เอาไว้น่าจะดีที่สุดนะคะ
:b51: :b53: :b54: :b53: :b52: :b51:

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2009, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2009, 23:49
โพสต์: 22


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
อโหสิกรรมและการปล่อยวางจิตใจ จะทำให้ตัวเราสงบขึ้นค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2009, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.ค. 2009, 16:10
โพสต์: 149

งานอดิเรก: ปลูกต้นไม้
ชื่อเล่น: off
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนาบุญนี้ด้วยค่ะ

.....................................................
(กัมมุนา วัตตะตี โลโก)
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ส.ค. 2009, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้นเหตุแห่งปัญหาทั้งปวงก้คือ กิเลส อยากดับทุกข์ ก็จะดับกิเลสในใจของตัวคุณเอง ปกติจิตเป้นประภัสสร แต่มัวหมองเพราะกิเลสจรเข้ามา กิเลสเหมือนแขกที่มาเยี่ยมเยือนเรา ตามปกติแขกมาเยี่ยมก็ต้องกลับบ้านของเขา เมื่อเขามาเยือนบ่อยๆเข้า ก็จะกลายเป้นเจ้าเรือน อาศัยอยู่ในจิตเหมือนเป็นเพื่อนกัน เราเกลียดแค้นเขา คนที่เดือดร้อนคนแรกก็คือตัวเราเอง การให้อภัยทานเป็นทานที่ทำได้ยาก แต่ก็ขอให้ทำ เพื่อดวงจิตที่สงบของเราเอง

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร