วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 11:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




.jpg
.jpg [ 11.19 KiB | เปิดดู 3975 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

ความหมายของคำว่า ' เนื้อคู่ '
โดย อ.ประภัตร รหัสดาว

:b45: :b45: :b45: :b45: :b45: :b45: :b45: :b45: :b45: :b45: :b45:

ขออนุญาตให้ความหมายของคำว่า ' เนื้อคู่ ' ในมุมมองของผมสำหรับท่านที่เข้ามาดูดวงครับ คำว่า
' เนื้อคู่ ' หลายคนจะให้ความหมายว่าคือคนที่จะได้แต่งงานออกหน้าออกตาด้วย (ทั้งจดทะเบียนสมรส หรือ ไม่จดทะเบียนสมรสก็ตาม) หรือได้ใช้ชีวิตร่วมกั น หรือ เป็นคนที่ส่งเสริม อุปถัมภ์ซึ่งกันและกัน

เคยสังเกตไหมครับว่า ช่วงชีวิตหนึ่งของคนเรานั้นมีคนเดินเข้ามาในชีวิตมากมายหลายคน บางคนเข้ามา 1 ปีแล้วก็เลิกกัน บางคนคบกัน 6 เดือนแล้วเค้าก็จากเราไป บางคนเจอกันแค่อาทิตย์เดียวแล้วเราก็ทิ้งเค้าไปเอง บางทีคุณก็คบหาคนรู้ใจในเวลาเดียวกันถึงหลายคน บางคนแต่งงานกันมาแล้ว 20 ปีก็เลิกกันไป แต่งงานอีกทีตอนอายุ 70 ปีอยู่กินกันกับคนใหม่ได้แค่ 2 ปีแล้วก็ล้มหายตายจากกันไป
นี่เป็นตัวอย่างคร่าว ๆ ที่อยากให้ลองคิดตามครับ คิดออกหรือยังครับว่าคำว่าเนื้อคู่มันอยู่ตรงไหน *

ในมุมมองของผมแล้วคำว่าเนื้อคู่ ' ไม่มีครับ ' มีแต่คำว่า ' กรรม ' :b6: :b6: :b6:
ทั้งกรรมดี และ กรรมไม่ดี บางคนทำกรรมดีกันมาในอดีต ในภพ ในชาติที่แล้ว ช่วงประจวบเหมาะได้มาเจอกันในภพในชาตินี้ ก็อยู่ด้วยกันอย่าง! มีความสุข ตามกรรมของตัวเองเป็นตัวกำหนดว่าจะได้อยู่กันนานแค่ไหน บางคนอยู่ด้วยกันก็มีแต่เรื่องทะเลาะเบาะแว้ง มีแต่เรื่องเดือดร้อนแต่ทนอยู่กันได้หลายปี นั่นก็เกิดจากกรรมในอดีตแต่เป็นกรรมไม่ดีต่อกัน ภพนี้ชาตินี้จึงต้องมาชดใช้กรรมซึ่งกันและกัน

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้พอจะสรุปคำว่าเนื้อคู่ ( ของหนุ่มสาวยุคนี้ ) ได้ดังนี้ครับ :b10:

ความหมายที่ 1 คือ
คนที่มีกรรมดีต่อกันในอดีต ภพนี้ชาตินี้กลับมาเพื่อการอิ่มเอิบใจซึ่งกันและกัน ดูแล้วน่าจะใกล้เคียงกับ คำว่า เนื้อคู่ที่หลาย ๆ คนถามหามากที่สุด ส่วนจะเจอเมื่อไร ได้อยู่ร่วมกันนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของกรรมในอดีตเป็นตัวกำหนด

ความหมายที่ 2 คือ
คนที่มีกรรมไม่ดีต่อกันในอดีต ภพนี้ชาตินี้จึงกลับมาเพื่อทวงคืน เพื่อชำระหนี้ จะสังเกตว่า คู่ประเภทนี้อยู่ด้วยกันแล้วมีแต่เรื่องเดือดร้อน ทำอะไรก็ไม่ขึ้น มีแต่เรื่องเสียเงิน เสียใจ เสียเวลา เสียความรู้สึก แต่คนเรามักจะคิดว่าคนประเภทนี้ไม่ใช่คู่เรา เป็นที่มาของคำถามว่า 'เมื่อไรจะเจอคู่ซะที ' ซึ่งที่จริงแล้วคนที่เผชิญอยู่ในความหมายที่ 2 นี่แหละก็คือคู่เหมือนกัน แต่เป็นคู่เวรคู่กรรม

ดังนั้น :b20:
ผมบอกได้เลยว่าในช่วงชีวิตหนึ่งของเราทุกคนเราจะได้พบกับเพศตรงข้าม หรือ แม้แต่เพศเดียวกัน
ในลักษณะคู่รัก ไม่น้อยกว่า 1 คน ในช่วงชีวิตนี้ก่อนสิ้นอายุขัยแน่นอน แล้วจะไปแคร์อะ ไรละครับ
ถึงเวลาคนดี ๆ ที่เราตามหาเค้าจะมาเอง ในทำนองเดียวกันไอ้คนที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ดั่งใจแต่ต้องทนคบอยู่ทุกวันนี้สักวันเมื่อชดใช้กันหมดแล้วเค้าก็จะไปเอง :b20:

ช่วงสูญญากาศที่ยังไม่มีใครมาเชื่อมต่อละมั้งที่ทำให้หลายคนวิตกกังวล จึง เป็นที่มาของคำถามว่า เมื่อไรจะเจอ คำแนะนำในยามที่คบหาใครอยู่ ไม่ว่าเค้าจะดี หรือไม่ดี ขอให้ตัวคุณทำดีต่อเค้าให้มากที่สุด เพราะเค้าจะไม่ได้มาวุ่นวายกับเราตลอดไปหรอกครับ อย่างน้อยกรรมดีที่มีต่อกันในวันนี้จะส่งผลให้คุณได้อิ่มเอิบในวันข้างหน้าได้ :b12:

ในทางกลับกัน ! :b6:
ถ้าได้เจอใครที่เรารู้สึกดี รู้สึกรัก รู้สึกห่วงใยเค้า รู้สึกคิดถึงเค้าตลอดเวลาแล้วละก็ รักเค้าให้มากๆครับ ไม่ต้องกังวลว่าวันหนึ่งอาจจะต้องผิดหวัง เพราะถึงแม้จะไม่มีอะไรมาพรากคุณ และเค้าก็ตาม อย่างน้อยความตายก็เตรียมพลัดพรากคุณและเค้าในวันหนึ่งอยู่แล้ว :b7:

ขอให้ทุกท่านฉลาดที่จะใช้ชีวิตคู่และรู้เท่าทัน.. :b1:


:b29: :b29: :b29: :b29: :b29: :b29: :b29: :b29: :b29:

เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:


:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 23:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ย. 2009, 23:20
โพสต์: 70

ชื่อเล่น: pmam
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คงจะจริงมั่ง..แล้วทำไมบางคนมีช่วงสุญญากาศยาวนานจังเลย..??? :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 00:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: อื้ม!!! น่าคิดง่ะ... :b20: :b20: แล้วเมื่อไหร่จะเจอง่ะ mellow อยากเจอออออออออออออออออ...จาข้อหนึ่งหรือข้อสองก้อได้ง่ะ รถไฟขบวนสุดท้ายแย้วววววววววววววววววววววววววววววววว s007 s007

sad sad
นู๋เอค่ะ...

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 15:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




แท้-เทียม.jpg
แท้-เทียม.jpg [ 17.79 KiB | เปิดดู 3813 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

เนื้อคู่
คู่แท้หรือคู่เทียม
พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

:b45: :b45: :b45: :b45: :b45:

เนื้อคู่ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า...ชายหญิงที่ถือกันว่าเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน , ชายหญิงที่สมเป็นคู่ครองกัน , คู่สร้างหรือคู่สร้างคู่สม ก็ว่า

:b48: :b48: :b48: โดยส่วนใหญ่ชีวิตคู่มักเริ่มด้วยดี มีทั้งความรัก ความสุข ช่วยกันประคับประคองชีวิตคู่ด้วยความพอใจทั้งสองฝ่าย หลายคนมีชีวิตคู่ที่ราบรื่นไปตลอดรอดฝั่ง แต่มีไม่น้อยต้องล้มเหลว บางคู่ต้องหย่ากัน บางคู่ถึงแม้อยู่ด้วยกันแต่ความรัก ความสุข ที่เคยให้แก่กันไม่เหลือแม้แต่น้อย ก็ต้องทนอยู่ด้วยกันอย่างเป็นทุกข์ การใช้ชีวิตร่วมกันของสามีภรรยาหลาย ๆ คู่ หากพิจารณาถึงการปฏิบัติต่อกันทั้งแง่กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม จะพบว่าทางกายกรรม หมายถึง การกินด้วยกัน นอนด้วยกัน มีลูกด้วยกัน ทำงานร่วมกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ถ้ามองจากภายนอกดูเหมือนเป็นคู่ที่มีความสุข รักใคร่ปรองดองกันดี จนหลาย ๆ คนอาจจะรู้สึกอิจฉา แต่สำหรับเจ้าตัวจริง ๆ แล้ว การปฏิบัติต่อกันในทางวจีกรรม มโนกรรม มีแต่ทะเลาะเบาะแว้งกัน โกรธกัน น้อยใจ เจ็บใจ มีแต่ความทุกข์ ไม่มีความสุข แต่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรได้ ก็ยังต้องทนอยู่ด้วยกัน เพราะความจำเป็นทางสังคม หรือเพราะเห็นแก่ลูก

:b48: :b48: :b48: ชีวิตคู่ที่เป็นเนื้อคู่ประเภทนี้ก็มีมาก คือชาตินี้แม้จะมีความผูกพันกันทางกายกรรม แต่ทางวจีกรรม มโนกรรม กลับเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ไม่ดีแก่กัน จึงดูเหมือนว่าทางกายกรรมนั้นรักกัน โดยที่ความเป็นจริงแล้วต่างฝ่ายไม่มีความรู้สึกรักกันเลย แต่ในสถานภาพทางสังคมที่เป็นสามีภรรยากัน ต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกัน ใช้ชีวิตร่วมกัน จะเดินทางไปไหนก็ยังต้องร่วมรถคันเดียวกันเป็นครอบครัว

:b48: :b48: :b48: สามีภรรยาที่มีปัญหาเช่นนี้ บางครั้งต่างคนต่างตั้งจิตอธิษฐานว่าชาติหน้าอย่าได้พบกันอีก ขอเจอชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย แต่ด้วยอุปทานยึดมั่นถือมั่น ไม่ว่าจะรักกันหรือเกลียดชังกันก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยความพอใจหรือไม่พอใจต่อกันอย่างไร ในทางมโนกรรม คือความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อกัน จะเป็นการดึงดูดเข้าหากันอยู่ตลอด ไม่ปล่อยวางจากกัน ดังนั้นจึงเป็นไปได้อย่างมากที่บุคคลทั้งสองเมื่อต่างคนต่างตายจากกันในชาตินี้ ถ้าชาติหน้าเกิดมา โตเป็นหนุ่มสาวได้พบกันเมื่อไร ก็เกิดอารมณ์รักที่รุนแรง มีความดีใจ พอใจ ที่ได้เจอกัน เพราะทางกายกรรมในอดีตชาตินั้น เคยใกล้ชิด ใช้ชีวิตร่วมกันมา เกิดมาในชาติใหม่จึงเป็นเนื้อคู่กันอีก ที่เคยทุกข์ โกรธ เกลียดกันก็ลืมไป แต่คงต้องเรียกว่าเป็นเนื้อคู่เทียม เพราะเป็นเนื้อคู่ที่เป็นผลของกรรมเก่า คือกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรมที่สร้างร่วมกันมา ทำดีต่อกันบ้าง ทะเลาะกันบ้าง โกรธเกลียดกันบ้าง เป็นความรักที่หาความสุขแท้จริงไม่ได้ เพราะไม่ใช่เนื้อคู่แท้ที่ครองคู่กันด้วยความรัก ความเมตตา

ดังนั้น เมื่อต้องใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันในชาตินี้แล้ว สามี ภรรยา จึงควรสร้างกรรมที่ดีต่อกัน ทั้งกายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม แม้ว่าจะมีบัญหาเกิดขึ้น ก็ควรรู้จักอดทน ปล่อยวาง ให้อภัยต่อกัน ถ้าทำได้ก็จะเป็นอานิสงส์ให้มีความสุข ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า... ... ...

:b43: :b43: :b43:


เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:



:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 16:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




Pq1ll0I0.jpg
Pq1ll0I0.jpg [ 23.52 KiB | เปิดดู 3758 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:


“ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เหตุไรหนอ เมื่อบุคคลบางคนในโลกนี้พอเห็นกันเข้าก็เฉย ๆ หัวใจก็เฉย บางคนพอเห็นกันเข้า จิตก็เลื่อมใส”

“ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำ ย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ น้ำและเปือกตม ฉะนั้น”


จึงเห็นว่าการที่หญิงชายมารักกัน ชอบกัน และอาจได้อยู่ร่วมกันนั้นไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่มีปัจจัยมาจาก ๒ ประการ ดังที่พระพุทธองค์ทรงแสดงเหตุไว้ :b45: :b45: :b45:

คู่
บุพเพสันนิวาส คือ การได้เคยอยู่ร่วมกันในอดีตชาติ จนส่งผลให้ได้มาเป็นคู่ครองกันในปัจจุบัน ซึ่งส่วนใหญ่จะคิดว่าเคยอยู่ร่วมกันเป็นสามีภรรยาเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วบุพเพสันนิวาส หมายถึงการที่อาจจะได้อยู่ร่วมกันในฐานะอื่นก็ได้ เช่น พี่กับน้อง พ่อกับลูก แม่กับลูก เพื่อนกับเพื่อน ครูกับศิษย์ นายกับบ่าว เป็นต้น การที่มีบุพเพสันนิวาสร่วมกันนี้ เมื่อเกิดมาร่วมกัน ก็มักจะสร้างบุญสร้างกุศลร่วมกันมา ทำอะไรตามกัน มีความเห็นสอดคล้องกัน ทำให้อยู่ร่วมกันแล้วมีความสุข :b51: :b51: :b51:

เนื้อคู่ คือ หญิงและชายที่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นสามีภรรยากันมาก่อนในอดีตชาติ
คู่ครอง คือ หญิงและชายที่ใช้ชีวิตร่วมกัน เป็นสามีภรรยากันในชาติปัจจุบัน
คู่กรรม คือ หญิงและชายที่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสามีภรรยา แต่มักไม่มีความสุข เนื่องจากการมาอยู่ร่วมกันนั้น เกิดจากวิบากของกรรมที่ทำร่วมกัน หรือวิบากกรรมที่มีต่อกันมาส่งผล เช่น อาจเคยทำบาปร่วมกัน หรือเป็นศัตรูกันมาก่อน เป็นต้น
คู่บารมี คือ เนื้อคู่ที่ได้ติดตามกันมา ส่งเสริมกันและกันในทางที่ดี ได้ใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยาร่วมกันนับชาติไม่ถ้วน และจะติดตามกันต่อไปจนกว่าจะสามารถหลุดพ้นจากวัฏสงสารได้ มักใช้คำนี้กับพระโพธิสัตว์ที่บำเพ็ญบารมีกับเนื้อคู่ลำดับ ๑ ที่จะได้เป็นคู่ครองกันในชาติสุดท้าย

เหตุแห่งการได้อยู่ร่วมกัน

ดังที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงเหตุที่หญิงชายได้รักและได้เป็นสามีภรรยากันนั้น มี ๒ ปัจจัย คือ
๑. การได้อยู่ร่วมกันในกาลก่อน
๒. การได้เกื้อหนุนกันในชาติปัจจุบัน

เนื่องจากวัฏสงสารยาวไกลจนหาจุดเริ่มต้นและหาที่สุดไม่ได้ หญิงชายแต่ละคนจึงมีเนื้อคู่มากมายเป็นหมื่นเป็นแสนคน แต่ละชาติที่เกิดมาก็อาจได้พบเจอเนื้อคู่ได้หลาย ๆ คนพร้อม ๆ กัน หรืออาจไม่ได้เจอเนื้อคู่เลยสักคนก็เป็นได้ กรณีที่ไม่เจอเนื้อคู่เลยนั้น หญิงชายนั้นก็อาจมีคู่ได้กับบุคคลใกล้ชิด ที่ได้เกื้อหนุนกันในปัจจุบัน ซึ่งเมื่อได้เป็นคู่กันในปัจจุบันแล้ว หญิงชายนั้นก็จะได้เป็นเนื้อคู่กันต่อไป :b16:

:b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53:

(จากหนังสือเหตุแห่งความรัก เรียบเรียงโดย คุณอังคาร)



เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:


:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


แก้ไขล่าสุดโดย ningnong เมื่อ 08 ก.ย. 2009, 16:39, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2009, 00:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




.jpg
.jpg [ 21.1 KiB | เปิดดู 3694 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

cool :b48: :b48: :b48:

:b8: พระพุทธเจ้าตรัสว่าความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกันไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ บุญที่สร้าง ‘คู่บุญ’ ขึ้นมาจะเหมือนๆกัน พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ได้แก่

๑) มีศรัทธาไปในแนวทางเดียวกัน เช่นถือศาสดาองค์เดียวกัน เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากด้วยกันเชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือนๆกัน เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบบเดียวกันเป็นต้น เมื่อศรัทธาไม่ตรงกันก็คุยเรื่องไม่ตรงกันเมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกันก็คุยกันได้ไม่นาน เมื่อคุยกันได้ไม่นานก็เบื่อกันเร็วอันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกรูปนาม ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้นขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือนกันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทเลยครับศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคงย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มองไปในทิศเดียวกันไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน :b43:

๒) มีศีลอันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน คือมีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกัน เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่นไส้กันพรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอายฆ่าฟันของกันและกันได้แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชีวิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมือปืนร้อยศพที่ทะมึนด้วยรังสีเอาชีวิตอย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตรงข้ามของกันและกันไม่ไหว และนั่นก็เช่นเดียวกันถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวน สำส่อนไปเรื่อยโดยไม่สนใจความสกปรกหมกมุ่นย่อมน่ารังเกียจยิ่งสำหรับคนใจซื่อถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดียวศีลที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้วย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นเชื่อมั่นในกันและกันสนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ :b43:

๓) มีจาคะอันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน อย่างน้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่งไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดอยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอดเช่นอีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้นการเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะที่ไม่เสมอกันเป็นมูลยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานคนอื่นเห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิดตรงกันว่าน่าบริจาคแก่คนที่เขาไม่มีอย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อยๆยิ่งให้คนอื่นมากก็ยิ่งได้ความสุขในการสละมาเสริมใยแก้วร้อยสัมพันธ์ให้กันแน่นแฟ้นขึ้นจาคะที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพรียงย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่างใหญ่เหมือนอยู่ด้วยกันจะเป็นที่พึ่งให้กัน ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกันไม่มีวันล้มพร้อมกัน :b43:

๔) มีปัญญาเสมอกัน กล่าวทางโลกคือคุยกันรู้เรื่องกล่าวทางธรรมคือมีระดับการเห็นตามจริงใกล้เคียงกันหรืออย่างน้อยเป็นไปไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่พูดคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิดอีกฝ่ายคิดก่อนทำ หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญาหรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่าอะไรๆไม่เที่ยง ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อยแต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อยก็ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป็นอย่างยิ่งปัญญาที่ร่วมเสริมส่งกันและกันย่อมทำหน้าที่สร้างความร่าเริงในการสนทนาและความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน :b43:

:b43: หากอดีตกาลคุณเคยครองเรือนกับผู้มีบุญเสมอกันทั้ง ๔ ข้อ ขอเพียงได้มาพบกันในชาตินี้ก็จะเกิดแรงดึงดูดที่ก่อความรู้สึกแสนดีอย่างประหลาด เหมือนเข้ากันได้ทุกอย่างเหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุมด้วยความเข้าใจกระจ่าง และขอเพียงเกื้อกูลกันนิดๆหน่อยๆ เช่นฝ่ายหนึ่งมาถามทาง อีกฝ่ายบอกทางให้เท่านี้ก็จะเกิดแรงปฏิพัทธ์ขึ้นอย่างรุนแรง ชนิดที่ฝ่ายชาย อาจยื่นข้อเสนอเดินพาไปส่ง และฝ่ายหญิงก็ตกลงรับข้อเสนออย่างยินดีเต็มใจทันทีแล้วการตกลงร่วมทางกันไปจนกว่าจะตายก็ติดตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรซับซ้อนไม่มีเหตุการณ์น่าปวดหัว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคู่บุญประเภทนี้ แน่นอนว่าสายตาทั่วไปมองแล้วย่อมนึกอิจฉาโดยไม่มีใครเข้าใจต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดจึงมีคู่ที่น่าอิจฉาได้ปานนั้นรู้แต่ว่ามีจริง แต่ไม่รู้ว่ามีขึ้นมาได้อย่างไร ต้องต่อว่าใครที่แกล้งลำเอียง ความจริงคือคู่บุญได้รับความยุติธรรมจากธรรมชาติกรรมวิบากต่างหากแต่อาจเป็นความยุติธรรมที่ลึกลับเพราะนำอดีตชาติมาแสดงให้เห็นเป็นภาพยนตร์ตามโรงไม่ได้..... :b43:

(จากบางส่วนหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ...ดังตฤณ)



เจริญในธรรมครับ :b8: :b8: :b8:

:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 14:32
โพสต์: 874

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราเกิดมาใช้กรรม แล้วอุปสรรคที่เข้ามาในชีวิตคู่ จะรู้ได้อย่างไรว่านี้เป็น เพราะเราใช้กรรมกับเขาหมดแล้ว หรือ เป็นเพียงอุปสรรคที่เข้ามาเท่านั้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 7 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 15 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร