วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 18:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 22:09
โพสต์: 1

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเป็นคนที่มีนิสัยใจร้อนโกรธง่าย ตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งท้องอยู่ได้ 6 เดือน ซึ่งนิสัยใจร้อนโกธรง่ายโมโหง่ายไม่เป็นผลดีกับลูกในท้อง (คงไม่สายเกินไปใช่ไหมคะ) จึงอยากจะปรับเปลี่ยนนิสัยนี้เพื่อลูกคนแรก แต่ยังไม่มีแนวทางในการเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีนี้คะ รบกวนช่วยตอบกันหน่อยนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อโกรธ ลองพิจารณาความโกรธเป็นเหมือนฝีหนอง เป็นแผลเน่า เป็นลูกศรปักอก เป็นสิ่งน่าคับแค้นใจ ไม่ใช่สิ่งที่จะน่ายึดถือ ไม่ใช่ตัวเราที่โกรธ ความโกรธนั้นกิดขึ้น คงอยู่สักพัก มันก็หายไป จะพูดออกเสียง ตรึกในใจ หรือระลึกเอา ได้ทั้งนั้น

ลองทำดูนะครับ เป็นเวทนานุสติวิปัสนนาง่ายๆ เอาไว้เป็นคาถาดับโกรธ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 23:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


10 วิธีจัดการอารมณ์ไม่ดี (ป้องกัน)

1. มองโลกในแง่ดี

เมื่อเรามีความคิดที่ทำให้ซึมเศร้า เช่น "ฉันทำวิชาเลขไม่ได้" ให้คิดใหม่ว่า "ถ้าฉันได้รับความช่วยเหลือที่ถูกต้องฉันก็จะทำได้" แล้วไปหาครู ครูพิเศษ หรือให้เพื่อนช่วยติวให้

2. หาสมุดบันทึกสักเล่มไว้เขียนก่อนเข้านอนทุกวัน

ในสมุดบันทึกเล่มนี้ ห้ามเขียนเรื่องไม่ดี จงเขียนแต่เรื่องดีๆที่เกิดขึ้นในวันนั้น ตอนแรกอาจจะยากหน่อย แต่ให้เขียนเรื่องอย่างเช่น มีคนแปลกหน้ายิ้มให้ ถ้าได้ลองตั้งใจทำ มันจะเปลี่ยนความคิดให้เรามองหาแต่เรื่องดีๆ จากการศึกษาพบว่า คนที่คิดฆ่าตัวตายมีอาการดีขึ้นหลังจากเริ่มเขียนบันทึกเรื่องดีๆได้เพียงสองสัปดาห์

3. ใช้เวลาอยู่กับคนที่ทำให้เธอหัวเราะได้


4. ใส่ใจกับความรู้สึกของตนเองในเวลาแต่ละช่วงวัน

การตระหนักรู้ถึงอารมณ์ของตัวเองจะทำให้เราจับคู่งานที่เราต้องทำกับระดับพลังงานในตัวได้อย่างเหมาะสม เช่น ถ้าเรารู้สึกดีที่สุดตอนเช้าแสดงว่าตอนเช้าคือเวลาจัดการกับงานเครียดๆ

เช่นไปเจอเพื่อนที่ทำร้ายจิตใจเรา หรือคุยกับครูที่เราคิดว่าให้เกรดเราผิด ถ้าปรกติเราหมดแรงตอนบ่าย ให้เก็บเวลาช่วงนั้นเอาไว้ทำกิจกรรมที่ไม่ต้องใช้พลังทางอารมณ์มาก เช่น อ่านหนังสือหรืออยู่กับเพื่อน อย่าทำอะไรเครียดๆเวลาเหนื่อยหรือเครียด

5. สังเกตอารมณ์ตัวเองในเวลาช่วงต่างๆของเดือน

ผู้หญิงบางคนพบว่า ช่วงเวลาที่ตัวเองอารมณ์ไม่ดีสัมพันธ์กับรอบเดือน (ระดับฮอร์โมน)

6. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายช่วยให้เราแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ การออกกำลังกายอย่างน้อยแค่วันละ 20 นาที สามารถทำให้รู้สึกสงบและมีความสุขได้ การออกกำลังจะช่วยเพิ่มการผลิตเอ็นดอร์ฟีนของร่างกายด้วย เอ็นดอร์ฟีนเป็นสารเคมีในร่างกาย ที่ทำให้เกิดความรู้สึกดีและมีความสุขตามธรรมชาติโดยไม่ต้องพึ่งยาเสพติด

7. รู้จักไตร่ตรองแยกแยะ

8. ฟังเพลง

งานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่า จังหวะของเสียงเพลงช่วยจัดระเบียบความคิดและความรู้สึกมั่นคงภายในจิตใจ และช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ

9. โทรหาเพื่อน

การขอความช่วยเหลือทำให้คนเรารู้สึกผูกพันกับคนอื่นและรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง และการโอบกอดช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้รู้สึกดีออกมา ซึ่งจะช่วยให้เรารับมือกับอารมณ์ได้

10. อยู่ท่ามกลางคนที่มีความสุข

อารมณ์ดีเป็นโรคติดต่อที่แพร่ได้เร็วมา เราจะเลียนแบบสีหน้า การแสดงออก กล้ามเนื้อ ท่าทาง รูปแบบการพูด เพื่อให้เข้ากับคนที่เราอยู่ด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัว .... :b53: :b51: :b53: :b51: :b53: :b51: :b53:

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2009, 23:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟังหลวงพ่อปราโมทย์สิครับ
www.wimutti.net เข้าไปโหลด mp3 ของหลวงพ่อมาฟังนะ

รู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ฟังเล่นๆไปเรื่อยๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 00:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

cool
เหตุที่เกิดความโกรธโดยตรง คือ ปฏิฆานุสัย – อนุสัยกิเลสคือปฏิฆะ ในทางพุทธศาสนาจึงมีหลักธรรมที่ระงับความโกรธโดยตรงก็คือ “เมตตา” โดยหมั่นเจริญบ่อย ๆ ความโกรธก็จะระงับลง แต่ถ้าจะถอนทำลายให้สิ้นเชิง ก็ต้องเจริญวิปัสนาถอนความยึดมั่นในสิ่งทั้งปวงลง แต่คงต้องใช้เวลา อาจจะนานถึงข้ามภพข้ามชาติเลยทีเดียว

ขอยกอุบายระงับโกรธของพระธรรมวิสุทธิกวี มาให้ครับ


๑. ให้เห็นโทษของโทสะก่อน...ความโกรธนี้ไม่ดีเลย เมื่อเกิดขึ้นกับใครจะทำให้หัวใจเต้นแรง เกรี้ยวกราด ปากสั่น มือสั่น ฉุนเฉียว ทำลายข้าวของเครื่องใช้ ทำร้ายคนอื่น ฆ่าคนอื่น ทำให้เป็นโรคกระเพาะ เป็นโรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ทำลายคุณธรรม ทำลายศักดิ์ศรี ของตัวเอง มีโทษต่าง ๆ นา ๆ นับประมาณไม่ได้
๒. ให้เห็นอานิสงส์ของขันติ...ขันติเป็นตบะธรรมอันสูงที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญ ทำให้เป็นคนควรยกย่อง น่าเคารพนับถือ เป็นเครื่องประดับของนักปราชญ์ เป็นตัวเผาผลาญกิเลส นำความสุขมาให้ มีอานิสงส์มากมายจริง ๆ
๓. ให้รู้จักการแผ่เมตตา...ในขั้นแรกให้เริ่มแผ่เมตตาไปที่ตัวเราเองก่อน แล้วก็แผ่ไปยังบุคคลที่เรารัก แล้วก็แผ่ไปยังบุคคลที่เรารู้สึกเฉย ๆ ต่อจากนั้นก็แผ่ให้กับศัตรูคู่เวรของเรา
๔. ให้เรานึกถึงโอวาทของพระพุทธเจ้า...เช่น “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้หากว่าโจรที่หยาบช้าจะพึงใช้เลื่อยซึ่งมีคมสองข้าง ตัดอวัยวะน้อยใหญ่ของเธอ ผู้ใดโกรธต่อโจรนั้น ผู้นั้นชื่อว่าไม่ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่ทำใจประทุษร้ายต่อโจรนั้น” หรือ “ผู้ใดโกรธตอบต่อคนที่โกรธตนแล้ว ผู้นั้นเลวเสียกว่าคนที่โกรธครั้งแรกเสียอีก”
๕. ให้ระลึกถึงความดีของคนที่เราโกรธ...ให้พยายามนึกถึง แม้จะนิดเดียวก็พยายามนึกถึงความดีผู้นั้นบ่อย ๆ มองในแง่ดีอย่ามองในแง่ร้าย
๖. ให้รู้จักสอนตัวเอง เตือนตัวเอง...อย่าไปมุ่งแก้ไขคนอื่น แก้ที่ตัวเราเองก่อนดีกว่า เช่น สอนตัวเองว่าเมื่อโกรธเขาแล้วทุกข์ที่เกิดไม่ได้เกิดแก่เขาทันที แต่เราเองต่างหากที่ทุกข์แล้ว
๗. ให้นึกถึงกรรมของตน...ให้นึกว่าทุกคนมีกรรมเป็นของ ๆ ตนใครทำไว้คนนั้นก็ต้องได้รับ ใครทำดีต้องได้รับผลดี ทำชั่วก็ต้องรับผลชั่ว เป็นไปตามกฎแห่งกรรม จะโกรธไปทำไม
๘. ให้นึกถึงพระจริยาของพระพุทธเจ้า...พระองค์ไม่ทรงโกรธตอบ กลับมีพระเมตตาต่อผู้โกรธที่ด่าพระองค์เสียอีก โดยตรัสไว้ว่า “เราจะอดทนต่อคำกล่าวล่วงเกิน คำหยาบช้าของคนอื่น ดุจช้างในสงครามอดทนต่อลูกศรที่ยิงมาจากสี่ทิศ เพราะในโลกนี้มีคนชั่วอยู่มาก ในบรรดามนุษย์ทั้งหลาย ผู้ที่ฝึกตนแล้วเป็นผู้ประเสริฐที่สุด”
๙. ให้ระลึกถึงการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ...การเวียนว่ายตายเกิดของคนเรานั้น ไม่รู้กี่แสนกี่ล้านชาติแล้ว เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งคนที่รัก คนที่เป็นศัตรู เมื่อพิจารณาบ่อย ๆ ความโกรธก็จะระงับลงได้
๑๐. ให้พิจารณาถึงอานิสงส์ของเมตตา...เช่น หลับเป็นสุข ตื่นเป็นสุข ไม่ฝันร้าย เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย เป็นที่รักของอมนุษย์ เทวดาย่อมรักษา ทำให้หน้าตาผิวพรรณผ่องใส จิตตั้งเป็นสมาธิได้เร็ว เวลาตายไม่หลง ฯลฯ
๑๑. ให้ทำการแยกธาตุ...คือคนเราประกอบด้วยธาตุ ๔ หรือธาตุ ๖ คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาศ วิญญาน มารวมตัวกันเข้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ตัวตน บุคคล เรา เขา ถ้าโกรธใครสักคนหนึ่ง ให้ถามตนเองว่า เราโกรธส่วนไหนในร่างกายเขา ซึ่งล้วนแต่ไม่ใช่ตัวตนของเขาเลย เป็นธาตุต่าง ๆ ที่มารวมตัวเข้า จะโกรธดิน โกรธน้ำ โกรธไฟ ไปทำไม คำพูดก็เป็นเพียงคลื่นเสียงต่างหาก จะไปโกรธอากาศธาตุหรือ ความโกรธก็จะระงับลงได้
๑๒.ให้ทำการเผื่อแผ่...คือให้ของของเราบ้าง รับของของเขาบ้าง เมื่อเราต้องการชนะความโกรธ ก็ให้ฝืนใจให้ของแก่เขาบ้าง เมื่อเขาให้ก็รับบ้าง ความโกรธก็จะจางไป

แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความโกรธหรือความฉุนเฉียวยังบังเกิดขึ้นบ้าง ก็ให้ใช้น้ำคือ “เมตตา” รดเข้าบ่อย ๆ หรือใช้อุบายวิธีดังที่กล่าวมาเข้าประกอบด้วย ในที่สุดจิตของเราก็จะเต็มได้ด้วยเมตตา หวังว่าอุบายระงับโกรธของของพระธรรมวิสุทธิกวี (พิจิตร ฐิตวัณโณ) คงช่วยได้บ้าง


เจริญในธรรมครับ
:b8: :b8: :b8:


:b41: :b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ คุณ Chutinutcha

Chutinutcha เขียน:
ดิฉันเป็นคนที่มีนิสัยใจร้อนโกรธง่าย ตอนนี้ดิฉันกำลังตั้งท้องอยู่ได้ 6 เดือน ซึ่งนิสัยใจร้อนโกธรง่ายโมโหง่ายไม่เป็นผลดีกับลูกในท้อง (คงไม่สายเกินไปใช่ไหมคะ) จึงอยากจะปรับเปลี่ยนนิสัยนี้เพื่อลูกคนแรก แต่ยังไม่มีแนวทางในการเปลี่ยนนิสัยที่ไม่ดีนี้คะ รบกวนช่วยตอบกันหน่อยนะคะ


ท่องบทอรหัตมัคคฺ นี้ไว้ให้ขึ้นใจและปฏิบัติตามข้อความนี้ เป็นอารมณ์กัมมฐานนะครับ
ความฟุ้งซ่าน หรือ ราคะ โทสะ โมหะ จะสงบระงับไปครับ และจิตจะเป็นสมาธิมีปีติสุขในธรรมเกิดขึ้น

" จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา
ไม่กำหนัดในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ไม่โกรธในอารมณ์
อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
จิตของบุคคลใดอบรมได้ดั่งนี้
ความทุกข์จักมีมาแต่ที่ใดเล่า ? "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 02:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: คำเดียวสั้น ๆ ค่ะ " อภัย "

:b4: :b4: :b4: นู๋เอค่ะ :b9: :b9: :b9:

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 05:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 08:25
โพสต์: 19

อายุ: 0
ที่อยู่: เชียงใหม่

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

สร้างความเมตตาให้มีในใจ คุง บ่อยๆ ความโกรธ ก็จะน้อยลง

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 06:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




45210713yj6.gif
45210713yj6.gif [ 7.49 KiB | เปิดดู 4640 ครั้ง ]
จขกท. กำลังท้องกำลังไส้อยู่ คงไม่ออกทำงานนอกบ้านใช่ไหมครับ มีเวลาว่างอยู่กับบ้าน ก็ทำวัตรสวดมนต์
จำไม่ได้ก็กางหนังสือเอา
สวดไปๆ ก็เพ่งพระพุทธรูปไปด้วย เพียงเท่านี้จะมีผลดีถึงเด็กในครรภ์ด้วย ลูกเกิดมาจะเป็นคนจิตใจดีฝักใฝ่ในธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โกธัง ฆัตตะวา สุขัง เสติ
ฆ่าความโกรธได้มีความสุข


วิธีระงับความโกรธ..
เราไม่ควรคิดอะไร พูดอะไร ทำอะไร
ที่เป็นไปในทางเหี้ยมโหด ดุร้าย
แต่ควรที่จะคิด พูด ทำ แต่ในทางที่เป็นคุณเป็นประโยชน์แก่ชีวิตของเรา
ของผู้อื่นอย่างแท้จริงความรักมีความมุ่งหมายอย่างนี้
ในทางพุทธศาสนานั้น พระพุทธเจ้าสอนให้เราถือว่า
สัตว์ทั้งหลายเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
คือคิดว่า ขอให้สัตว์ทั้งหลายมีความสุขความเจริญ
งดเว้นจากการคิดเบียดเบียนกัน ริษยากัน พยาบาทอาฆาตจองเวรกัน ไม่มีอารมณ์เกลียด ไม่มีอารมณ์ชังต่อสิ่งใดๆไม่ว่าคนนั้นจะเป็นคนดี หรือว่าจะเป็นคนเสีย
ถ้าเป็นคนดีเราก็ดีใจกับเขา ถ้าเป็นคนเสียเราก็เสียใจกับเขา
แล้วเราก็ตั้งใจไว้ว่าขอให้เขาดีเสียเถิด ขออย่าได้เป็นเช่นนั้นเลย
ขอให้พ้นจากความชั่วในชีวิตประจำวันกันเสียเถิด

ขอกราบอนุโมทนาบุญ สาธุ........... tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 08:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิดซะว่า

เรามาเจริญเมตตา แทนการเจริญความโกรธ ก็เพื่อลูในท้องครับ

ขอให้คลอดลูกง่ายนะครับ บทสวดมนต์ ของพระองคุลิมาลทำให้คลอดง่าย ไม่เจ็บท้องครับ

ยะโตหัง ภะคินิ อะริยายะ ชาติยา ชาโต นาภิชานามิ สัญจิจจะ ปาณัง ชีวิตา โวโรเปตาฯ

เตนะ สัจเจนะ โสตถิ เต โหตุ โสตถิ คัพภัสสะฯ

cool

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2009, 22:12
โพสต์: 37

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยถามเพื่อนคนนึง(เป็นสมาชิกของลานนี้แหละแต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร :b32: )เกี่ยวกับการระงับโกรธนี่แหละ...เขาตอบเรามาอย่างนี้

ถ้าเราเดินไปไหนแล้วได้ยินเสียงดังมาว่า "ไอ้..(ตามด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย)" เราก็แค่หันไปมองหาว่าใครด่ากัน

แต่ถ้าเราเดินๆไปแล้วได้ยินเสียงดังมาว่า "ไอ้..(ตามด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย)+ชื่อเรา" เราก็จะหันไปตามเสียงนั้นเหมือนกัน แต่อารมณ์จะเป็นอีกอย่างแล้ว ไม่ใช่ใครด่ากัน แต่จะกลายเป็น ใครด่ากู

จะเห็นได้ว่าที่โกรธก็เพราะ กู ถ้าไม่มี กู ก็จะไม่โกรธ


แก้ไขล่าสุดโดย สุคโต เมื่อ 07 ก.ย. 2009, 13:32, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2009, 14:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีเจริญเมตตา

โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก


http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4232


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2009, 00:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2009, 20:26
โพสต์: 1589

แนวปฏิบัติ: อรหัตตมัคค
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฎก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่องและปฏิบัติตามนี้ครับ


จิตที่ตั้งมั่นไม่หวั่นไหวดั่งภูเขาศิลา
ไม่กำหนัดในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด
ไม่โกรธในอารมณ์ อันเป็นที่ตั้งแห่งความโกรธ
จิตของบุคคลใด อบรมได้ดั่งนี้
ความทุกข์ จะมีมาแต่ที่ใดเล่า ?



เจริญในธรรมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 39 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร