วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ท่านใดมีวิธีแก้ช่วยหน่อยนะเจ้าคะ...เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากฝึกปฏิบัติกรรมฐานเรียบร้อยแล้ว (ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง ) จะนอนไม่หลับ เป็นอย่างงี้มาหลายวันแล้วค่ะ พอพยายามหลับตาลง ก็เหมือนหลับ ๆ ตื่น ๆ เป็นอย่างงี้ทั้งคืนจนกระทั่งเช้า และที่หนักไปกว่านั้น คือบางคืนเหมือนตัวเองนอนสวดมนต์ตลอดทั้งคืนทำให้เหมือนไม่ได้หลับ...ปัญหาแบบนี้ควรจะแก้ยังไงดีคะ...เพราะตอนนี้จะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้ว ตาก็จะแดงๆ เหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายคืน...นู๋เอแย่แล้น แย่แล้น :b2: :b2: :b2: แต่ถ้าจะให้งดฝึกปฏิบัติกรรมฐาน หรือให้งดสวดมนต์คงทำไม่ได้เพราะเหมือนเป็นหน้าที่ประจำวันไปแล้ว...เคยลองไม่ปฏิบัติเหมือนกัน แต่เหมือนขาดอะไรไปอย่างก็จะไม่สบายใจอีก...

huh huh huh นู๋เอค่ะ
( 5555 สามหาว )

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2009, 08:46
โพสต์: 405

แนวปฏิบัติ: ดูจิต-อานา
ชื่อเล่น: ขวานผ่าซาก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sasikarn เขียน:
tongue ท่านใดมีวิธีแก้ช่วยหน่อยนะเจ้าคะ...เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากฝึกปฏิบัติกรรมฐานเรียบร้อยแล้ว (ประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง ) จะนอนไม่หลับ เป็นอย่างงี้มาหลายวันแล้วค่ะ พอพยายามหลับตาลง ก็เหมือนหลับ ๆ ตื่น ๆ เป็นอย่างงี้ทั้งคืนจนกระทั่งเช้า และที่หนักไปกว่านั้น คือบางคืนเหมือนตัวเองนอนสวดมนต์ตลอดทั้งคืนทำให้เหมือนไม่ได้หลับ...ปัญหาแบบนี้ควรจะแก้ยังไงดีคะ...เพราะตอนนี้จะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้ว ตาก็จะแดงๆ เหมือนคนอดหลับอดนอนมาหลายคืน...นู๋เอแย่แล้น แย่แล้น :b2: :b2: :b2: แต่ถ้าจะให้งดฝึกปฏิบัติกรรมฐาน หรือให้งดสวดมนต์คงทำไม่ได้เพราะเหมือนเป็นหน้าที่ประจำวันไปแล้ว...เคยลองไม่ปฏิบัติเหมือนกัน แต่เหมือนขาดอะไรไปอย่างก็จะไม่สบายใจอีก...

huh huh huh นู๋เอค่ะ
( 5555 สามหาว )


-- :b18:

เป็นปกติสำหรับนักปฏิบัติ ทั้งใหม่และเก่า ก็ต้องพบเจอ อาการดังกล่าว

ถ้านอนไม่หลับก็ไม่ต้องตกใจ เป็นการดีเสียอีก เพราะจิตนั้นได้ตื่นจาก กิเลสเป็นการชั่วคราว ( ความง่วง) จนหมดกำลังเมื่อไหร่ ความง่วงก็เข้ามาเยือนอีกคำรบ

ในเมื่อเรามีอาการดังกล่าวแล้วนั้น ก็ไม่ควรที่จะทิ้งโอกาสอันดี ในการที่จะกำหนดจิต ที่มีกำลังจากการปฏิบัติสมาธิ หรือสวดมนต์นั้น ให้เสียเปล่าไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากความไม่ง่วง

จึงควรยกจิต ที่มีกำลังนั้น แล้ว เพ่งพิจารณา ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา โดยรอบกายและใจ ที่กำลังปรากฏ ขึ้นในขณะนั้น ไม่ว่าเป็นเป็นภายนอกก็ดี หรือภายในก็ดี ก็พิจารณา ไปในทำลองลักษณะเดียวกัน คือ ถ้าเพ่งพิจารณาภายนอกก่อน ก็หยิบยกอะไรก็ได้ ที่เราเห็น และพิจารณาถึงความเสื่อม ความสิ้นไปของสิ่ง ๆนั้น แล้วจึงน้อมการพิจารณา กลับเข้ามาที่กายของเรา ว่าต้องเป็นอย่างเดียวกัน กับสิ่งที่เราเห็นนั้น นั่นทีเดียว อันนี้เรียกว่า เห็นจากภายนอกแล้วน้อมกลับเข้ามาภายใน

แต่ถ้าเห็นจากข้างในไปเลยก็จะเป็นการดี เพราะใช้กำลังไม่สิ้นเปลืองเหมือนข้างนอก เพราะเพ่งกายในภายใน ทำให้จิตมีกำลัง หมุนเวียนอยู่ภา่ยในโดยอัตโนมัติ และเห็นอาการ ของนาม ขันธ์ หรือ รูป ขันธ์นั้นชัดเจนกว่า การเพ่งพิจารณาภายนอกมากนัก และมีความละเอียดในการพิจารณาก็มากกว่า

ทำอย่างนี้แล้วกำลังจิตก็จะตก ให้เราบริกรรมเรียกกำลังคืนก่อนเลิกอีกครั้งหนึ่ง

นี่ถ้ายังนอนไม่หลับอีก ก็แสดงว่า กำลังนั้นดีมาก ก็ให้ดูจิตไปจนกว่าจะหลับ อย่าไปบังคับถ้าบังคับ จะทำให้เกิด ปฏิฆารมณ์ ถ้าไม่บังคับ ดูไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็หลับไปเอง

ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

.....................................................
สุ จิ ปุ ลิ...(หัวใจนักปราชญ์)

ปัจจุบันธรรม

โยนิโส มนสิการ
สติ สัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 12:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรรมฐาน ใดที่พัวพันในกามสัญญา อันเป็นส่วนแห่งความเนิ่นช้า จิตย่อมฟุ้งไป
การที่จิตแนบแน่น อยู่กับสิ่งนั้น ทุกข์ ย่อมเกิดขึ้น
การเกิดทุกครา เป็นทุกข์ร่ำไป


นู๋เอ น้อมจิตในพระธรรมเทศนา บทนี้ ให้รู้ชัด ย่อมได้อานิสงส์คือ
นู๋เอ ก็ได้สวดมนต์ไปในตัว เพราะ บทนี้เป็นบทพระธรรมเทศนา
และ ด้วยพระธรรมเทศนา บทนี้ ย่อมไม่คำนึงสิ่งทั้งปวงด้วยอาลัย ปฐมฌานย่อมเกิดขึ้น อ้นเป็นจิตที่เป็นกุศล

ผู้มีปัญญาไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย
ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึงด้วยกังวล
สิ่งใดที่ล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็ละไปแล้ว
และสิ่งใดที่ยังมาไม่ถึง สิ่งนั้นก็ยังมาไม่ถึง
ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในที่นั้น ๆ ไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลน
บุคคลนั้นเมื่อรู้แจ้งธรรมนั้นแล้ว ควรเจริญธรรมนั้นไว้เนือง ๆ
"



จิตไม่พัวพัน รูป นาม ไม่ตรึกตาม รูป นาม ใส่ใจอย่างเดียว "ละ ความยินดี ยินร้าย" กายย่อมสงบรำงับ จิตย่อมเกิดปิติ สุข

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 18 ก.ย. 2009, 12:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
กรรมฐาน ใดที่พัวพันในกามสัญญา อันเป็นส่วนแห่งความเนิ่นช้า จิตย่อมฟุ้งไป
การที่จิตแนบแน่น อยู่กับสิ่งนั้น ทุกข์ ย่อมเกิดขึ้น
การเกิดทุกครา เป็นทุกข์ร่ำไป


นู๋เอ น้อมจิตในพระธรรมเทศนา บทนี้ ให้รู้ชัด ย่อมได้อานิสงส์คือ
นู๋เอ ก็ได้สวดมนต์ไปในตัว เพราะ บทนี้เป็นบทพระธรรมเทศนา
และ ด้วยพระธรรมเทศนา บทนี้ ย่อมไม่คำนึงสิ่งทั้งปวงด้วยอาลัย ปฐมฌานย่อมเกิดขึ้น อ้นเป็นจิตที่เป็นกุศล

ผู้มีปัญญาไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย
ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังมาไม่ถึงด้วยกังวล
สิ่งใดที่ล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็ละไปแล้ว
และสิ่งใดที่ยังมาไม่ถึง สิ่งนั้นก็ยังมาไม่ถึง
ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าในที่นั้น ๆ ไม่ง่อนแง่นไม่คลอนแคลน
บุคคลนั้นเมื่อรู้แจ้งธรรมนั้นแล้ว ควรเจริญธรรมนั้นไว้เนือง ๆ
"



จิตไม่พัวพัน รูป นาม ไม่ตรึกตาม รูป นาม ใส่ใจอย่างเดียว "ละ ความยินดี ยินร้าย" กายย่อมสงบรำงับ จิตย่อมเกิดปิติ สุข




ภาวนาไม่เป็นแล้วก็พูดไปสามวาสองศอก
ถามอย่างตอบอย่าง

อายคนที่เขารู้ไหมนั่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 12:06
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตที่มุ่งปฏิบัติ โดยไม่คำนึงถึงความพอดีของจิดย่อมเป็นการเพ่ง ให้ปล่อยวางอาการของจิดลง
เราเดินตามดูอาการ แต่ไม่ได้ไปรับรู้อาการ เอาความสงบเป็นที่ตั้ง นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง ครับ
:b8: :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
ภาวนาไม่เป็นแล้วก็พูดไปสามวาสองศอก
ถามอย่างตอบอย่าง

อายคนที่เขารู้ไหมนั่น


5. โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ หรือข้อความที่เป็นการท้าทาย ชักชวน หรือเจตนาที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายแก่สังคม

เว็บบอร์ดนี้ สำหรับสมาชิกเว็บไซต์ดอยแสงธรรม ใช้แลกเปลี่ยนความรู้ความเห็นในทางธรรม โดยมุ่งเน้นความรู้ความเห็นอันเกิดจากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแนวคำสอนของ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ธรรมะ จึงอยากให้สมาชิกแสดงความเห็น ในเรื่องที่สร้างสรรค์ และจรรโลงหลักธรรมความดีงาม อันจะก่อให้เกิดความอาจหาญ ร่าเริง ในสัมมาปฏิบัติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป สมาชิกไม่พึงประทุษร้ายผู้อื่นด้วยวาจา อันประกอบด้วยวจีทุจริต ๔ ประการ คือ การพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ สมาชิกพึงพูดคุยกันเยี่ยงบัณฑิตทั้งหลายคุยกัน มีความปรารถนาดีต่อกัน เคารพในเหตุผลของกันและกัน พร้อมที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน

คุณสมบัติของผู้ดูแลบอร์ด ท่านADMIN ... ใช้หลักเกณฑ์ ใดพิจารณา
ผู้ดูแลบอร์ด: ชาติสยาม, natdanai, อมิตาพุทธ, คนไร้สาระ, tanaphomcinta, ผู้ช่วยดูแลบอร์ด

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: ขอขอบคุณทุกคำแนะนำค่ะ เด๋วจาลองปฏิบัติตามดูค่ะ...เนี่ยยังมะได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อวานนี้ แสบตาแต่ไม่ยอมหลับเหมือนตามันแข็ง ๆ ชอบกล เด๋วจาลองไปนั่งดูอีกทีค่ะ...และจาค่อย ๆ ถอนออกมา แต่ยังไม่เคยทำไม่รู้จะทำได้ป่าวอ่ะจิคะ :b4: :b4: :b4: ดีที่วันนี้หยุด...

:b25: :b25: :b25: นู๋เอค่ะ... huh

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 12:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ชาติสยาม เขียน:
ภาวนาไม่เป็นแล้วก็พูดไปสามวาสองศอก
ถามอย่างตอบอย่าง

อายคนที่เขารู้ไหมนั่น


5. โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ หรือข้อความที่เป็นการท้าทาย ชักชวน หรือเจตนาที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายแก่สังคม

เว็บบอร์ดนี้ สำหรับสมาชิกเว็บไซต์ดอยแสงธรรม ใช้แลกเปลี่ยนความรู้ความเห็นในทางธรรม โดยมุ่งเน้นความรู้ความเห็นอันเกิดจากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามแนวคำสอนของ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า

เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ธรรมะ จึงอยากให้สมาชิกแสดงความเห็น ในเรื่องที่สร้างสรรค์ และจรรโลงหลักธรรมความดีงาม อันจะก่อให้เกิดความอาจหาญ ร่าเริง ในสัมมาปฏิบัติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป สมาชิกไม่พึงประทุษร้ายผู้อื่นด้วยวาจา อันประกอบด้วยวจีทุจริต ๔ ประการ คือ การพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ สมาชิกพึงพูดคุยกันเยี่ยงบัณฑิตทั้งหลายคุยกัน มีความปรารถนาดีต่อกัน เคารพในเหตุผลของกันและกัน พร้อมที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน

คุณสมบัติของผู้ดูแลบอร์ด ท่านADMIN ... ใช้หลักเกณฑ์ ใดพิจารณา
ผู้ดูแลบอร์ด: ชาติสยาม, natdanai, อมิตาพุทธ, คนไร้สาระ, tanaphomcinta, ผู้ช่วยดูแลบอร์ด


1. นะ ก็ไปดอยแสงธรรมสิ
2. หน้าที่ ผู้ดูแลบอร์ดของผมมีแค่ 3 อย่าง คือ กระทู้พลศักดิ์ / กระทู้ลบหลู่พระพุทธเจ้า /กระทู้นอกศาสนา
เพราะว่า admin ก็มีงานมาก หลายครั้งมาดูไม่ทัน ผมก็อาสาช่วยในกรอบแค่นั้น
แต่ไม่ใช่เครื่องแสดงว่าผมเป็นคนดีเด่อะไร

ส่วนกระทู้อื่นๆ ผมก็ไม่ไปแตะอะไรนี่ อย่างคุณผมก็ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ไปทำอะไรคุณนี่นะ

อยากจะให้ผมประจานกรรมฐานคุณอีกไหมล่ะ
ได้นะ มีจุดบกพร่องเยอะแยะไปหมด ไม่อยากพูดมากเฉยๆ


ภาวนาไม่เป้นก็อย่าสอนใครเขา
เช่นนั้น เขียน:
จิตไม่พัวพัน รูป นาม ไม่ตรึกตาม รูป นาม ใส่ใจอย่างเดียว "ละ ความยินดี ยินร้าย" กายย่อมสงบรำงับ จิตย่อมเกิดปิติ สุข

มีอย่างที่ไหน กรรมฐานแบบนี้ใครสั่งใครสอน
ช่วยไปยกพระไตรปิฏกมาสนับสนุนหน่อยซิ ถ้าคิดว่ารู้จริงน่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 13:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชาติสยาม เขียน:
มีอย่างที่ไหน กรรมฐานแบบนี้ใครสั่งใครสอน
ช่วยไปยกพระไตรปิฏกมาสนับสนุนหน่อยซิ ถ้าคิดว่ารู้จริงน่ะ


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
๕. สมนุปัสสนาสูตร
ว่าด้วยการพิจารณาเห็นอุปาทานขันธ์ ๕
[๙๔] พระนครสาวัตถี ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
เมื่อพิจารณาเห็น ย่อมพิจารณาเห็นตนเป็นหลายวิธี สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อม
พิจารณาเห็นอุปาทานขันธ์ ๕ หรือแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง.


อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ไม่ได้เห็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ฯลฯ ไม่ได้รับการแนะนำในสัปปุริสธรรม

ย่อมตามเห็นรูปโดยความเป็นตน ๑ ย่อมตามเห็นตนมีรูป ๑ ย่อมตามเห็นรูปใน
ตน ๑ ย่อมตามเห็นตนในรูป ๑ ย่อมตามเห็นเวทนาโดยความเป็นตน ... ย่อมตามเห็นสัญญาโดย
ความเป็นตน ... ย่อมตามเห็นสังขารโดยความเป็นตน ... ย่อมตามเห็นวิญญาณโดยความเป็นตน ๑
ย่อมตามเห็นตนมีวิญญาณ ๑ ย่อมตามเห็นวิญญาณในตน ๑ ย่อมตามเห็นตนในวิญญาณ ๑.

การตามเห็นด้วยประการดังนี้แล เป็นอันผู้นั้นยึดมั่นถือมั่นว่า เราเป็น เมื่อผู้นั้น ยึดมั่นถือมั่นว่า เรา
เป็นในกาลนั้นอินทรีย์ ๕ คือ จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ กายินทรีย์ ย่อมหยั่ง
ลง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนะมีอยู่ ธรรมทั้งหลายมีอยู่ อวิชชาธาตุมีอยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้ว อันความเสวยอารมณ์ ซึ่งเกิดจากอวิชชาสัมผัสถูกต้องแล้ว เขาย่อมมีความยึดมั่นถือมั่นว่า เราเป็นดังนี้บ้าง นี้เป็นเราดังนี้บ้าง เราจักเป็นดังนี้บ้าง จักไม่เป็นดังนี้บ้างจักมีรูปดังนี้บ้าง จักไม่มีรูปดังนี้บ้าง จักมีสัญญาดังนี้บ้าง จักไม่มีสัญญาดังนี้บ้าง จักมีสัญญาก็หามิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ดังนี้บ้าง.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อินทรีย์ ๕ ย่อมตั้งอยู่ ในเพราะการตามเห็นนั้นทีเดียว

เมื่อเป็นเช่นนี้ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมละอวิชชาเสียได้ วิชชาย่อมเกิดขึ้น เพราะความคลายไปแห่งอวิชชา เพราะความเกิดขึ้นแห่งวิชชา อริยสาวกนั้น ย่อมไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในอินทรีย์เหล่านั้นว่า เราเป็นดังนี้บ้าง นี้เป็นเราดังนี้บ้าง เราจักเป็นดังนี้บ้าง จักไม่เป็นดังนี้บ้าง จักมีรูปดังนี้บ้าง จักไม่มีรูปดังนี้บ้าง จักมีสัญญาดังนี้บ้าง จักไม่มีสัญญาดังนี้บ้างจักมีสัญญาก็หามิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ดังนี้บ้าง.
จบ สูตร ๕.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 13:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไร้ความรู้ในพระสูตร ไร้ความรู้ในพระวินัย ไร้ความรู้ในพระอภิธรรม

2. หน้าที่ ผู้ดูแลบอร์ดของผมมีแค่ 3 อย่าง คือ กระทู้พลศักดิ์ / กระทู้ลบหลู่พระพุทธเจ้า /กระทู้นอกศาสนา
เพราะว่า admin ก็มีงานมาก หลายครั้งมาดูไม่ทัน ผมก็อาสาช่วยในกรอบแค่นั้น
แต่ไม่ใช่เครื่องแสดงว่าผมเป็นคนดีเด่อะไร


จะเอาปัญญาอะไรมาแยกแยะ

สิ่งที่ท่านควรถาม คือ
"ช่วยไปยกพระไตรปิฏกมาสนับสนุนหน่อยซิ"

สั้นๆ ง่ายๆ มีความเป็นบัณฑิต

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แก้ไขล่าสุดโดย เช่นนั้น เมื่อ 18 ก.ย. 2009, 13:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 13:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ส.ค. 2009, 15:54
โพสต์: 640

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


อ้างคำพูด:
อริยทรัพย์...

:b44: การปฏิบัติ เมื่อมีศีลเป็นภาคพื้น มีวิริยะความเพียรอย่างเต็มที่ กาย วาจา เป็นปกติ จิตเป็นปกติ คุณธรรมจะเกิดขึ้นได้เมื่อไม่มีความอยาก ถ้าปฏิบัติด้วยความอยาก มักไม่ได้ ไม่เป็นไปเพราะความอยากเป็นกิเลสปิดบัง เพราะฉะนั้นขอให้ปฏิบัติต่อไป จะได้หรือไม่ได้ ไม่สำคัญ ให้ปฏิบัติให้ถูกต้อง....

ควรทำกรรมฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเห็นอย่างหนึ่งชัดเจนก็ใช้ได้ อย่างอื่นไม่เห็นไม่สำคัญ สิ่งที่รู้เห็นแล้วบางทีก็ไม่กลับมารู้เห็นอีก เป็นอย่างใหม่เรื่อยไป สิ่งที่รู้เห็นแล้วเป็นอารมณ์ของจิต เมื่อจิตมีพลังแก่กล้าขึ้น มีปัญญาแก่กล้าแล้ว นิมิตต่าง ๆ จะไม่ค่อยมี รู้แล้ว รู้ทัน รู้ทันแล้ว ไม่ยึดมั่น ปล่อยวางทันที

หลักการปฏิบัติ มีสติรู้ในปัจจุบันให้มาก ๆ พยายามทำจิตที่เกิดขึ้นในปัจจุบันให้ชัดเจน แล้วจะรู้แจ้งเห็นจริงเอง เมื่อจิตยังปรุงอยู่ ดูความปรุงของจิต จิตมักปรุงไปตามสัญญาเก่า ต้องปล่อยไป แต่ตามดูจิตให้ดี จนกระทั่งให้ถึงความเป็นเองจนเป็นอัตโนมัติ ไม่ควรบังคับจิตหรือข่มจิตให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ การปฏิบัติจะไม่เป็นไป ตามดูจิต พอจิตสงบแล้ว จะรู้เห็นเอง

การทำสมาธิ ไม่มีศีลก็ทำได้ ทำจนได้ถึงขั้นญาณสมามัติ ไปเกิดเป็นพระพรหม ซึ่งการเป็นพรหมก็ยังทำบาปอยู่

สรุปการทำสมาธิ ต้องมีศีลเป็นภาคพื้น จึงจะประกันความปลอดภัยถึงขั้นเป็นไปเพื่อมรรคผลนิพพาน


ที่มา : สรุปการสนทนาธรรมพิเศษระหว่างศิษย์และอาจารย์ หลวงพ่อพุธ ฐานิโย ณ.วัดป่าสาลวัน พย.2532

http://www.watthummuangna.com/board/sho ... php?t=1385

:b51: :b53: :b51: :b53: :b51: :b53: :b51:

:b8: ขอกราบอาราธนาบทสนทนาธรรมของพระเดชพระคุณเจ้า หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
นำมาฝาก และขออนุโมทนากับความเพียรของคุณนู๋เอนะคะ สา...ธุ

.....................................................
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่าธรรมชาติของจิตนั้นไหลลงต่ำ
จะขึ้นสูงต้องออกแรงทวนกระแส
เพราะฉะนั้นให้ถามตัวเองว่าเราคิดดีได้เป็นปกติหรือยัง
ถ้ายัง ก็ยอมรับตรงๆ ว่ายัง..
อย่าหลอกตัวเองว่าดีแล้ว
เพราะผลเสียหายไม่ใช่ใครอื่น นอกจากตัวเราเองที่ยังหลงวน
ไม่รู้ตัวว่าขาดเสบียงเพื่อความพร้อมตาย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue ขอบคุณค่ะคุณ ณ มรณา :b8: :b8: :b8:

:b4: :b4: :b4: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 15:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ส.ค. 2009, 02:56
โพสต์: 290

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆซาหนุก ซาหนุก พรุ่งนี้เปลี่ยนรูปใหม่เอารูปอื่นมั่ง หมู ๆๆๆ ชอบหมูสีชมพู อิอิอิ :b17: :b17: :b17: เพิ่งทำเปง คราวที่แล้วคนอื่นทำให้ :b4: :b4: :b4:

:b19: :b19: :b19: นู๋เอค่ะ

.....................................................
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระพุทธเจ้า
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระธรรม
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระสงฆ์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในพระมารดาพระบิดา
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในครูอุปัชฌาย์อาจารย์
ข้าพเจ้าเคารพพระธรรม ที่มีอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่าง...สาธุ สาธุ สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณจะบอกว่า คุณพูดว่าอย่างนี้
เช่นนั้น เขียน:
จิตไม่พัวพัน รูป นาม ไม่ตรึกตาม รูป นาม ใส่ใจอย่างเดียว "ละ ความยินดี ยินร้าย" กายย่อมสงบรำงับ จิตย่อมเกิดปิติ สุข



เพราะเอามาจากพระสุตรนี้น่ะเหรอ
เช่นนั้น เขียน:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
๕. สมนุปัสสนาสูตร
ว่าด้วยการพิจารณาเห็นอุปาทานขันธ์ ๕
[๙๔] พระนครสาวัตถี ฯลฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
เมื่อพิจารณาเห็น ย่อมพิจารณาเห็นตนเป็นหลายวิธี สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อม
พิจารณาเห็นอุปาทานขันธ์ ๕ หรือแต่อย่างใดอย่างหนึ่ง.


อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนไม่ได้สดับแล้วในโลกนี้ ไม่ได้เห็นพระอริยเจ้าทั้งหลาย ฯลฯ ไม่ได้รับการแนะนำในสัปปุริสธรรม

ย่อมตามเห็นรูปโดยความเป็นตน ๑ ย่อมตามเห็นตนมีรูป ๑ ย่อมตามเห็นรูปใน
ตน ๑ ย่อมตามเห็นตนในรูป ๑ ย่อมตามเห็นเวทนาโดยความเป็นตน ... ย่อมตามเห็นสัญญาโดย
ความเป็นตน ... ย่อมตามเห็นสังขารโดยความเป็นตน ... ย่อมตามเห็นวิญญาณโดยความเป็นตน ๑
ย่อมตามเห็นตนมีวิญญาณ ๑ ย่อมตามเห็นวิญญาณในตน ๑ ย่อมตามเห็นตนในวิญญาณ ๑.

การตามเห็นด้วยประการดังนี้แล เป็นอันผู้นั้นยึดมั่นถือมั่นว่า เราเป็น เมื่อผู้นั้น ยึดมั่นถือมั่นว่า เรา
เป็นในกาลนั้นอินทรีย์ ๕ คือ จักขุนทรีย์ โสตินทรีย์ ฆานินทรีย์ ชิวหินทรีย์ กายินทรีย์ ย่อมหยั่ง
ลง


ดูกรภิกษุทั้งหลาย มนะมีอยู่ ธรรมทั้งหลายมีอยู่ อวิชชาธาตุมีอยู่.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อปุถุชนผู้ไม่ได้สดับแล้ว อันความเสวยอารมณ์ ซึ่งเกิดจากอวิชชาสัมผัสถูกต้องแล้ว เขาย่อมมีความยึดมั่นถือมั่นว่า เราเป็นดังนี้บ้าง นี้เป็นเราดังนี้บ้าง เราจักเป็นดังนี้บ้าง จักไม่เป็นดังนี้บ้างจักมีรูปดังนี้บ้าง จักไม่มีรูปดังนี้บ้าง จักมีสัญญาดังนี้บ้าง จักไม่มีสัญญาดังนี้บ้าง จักมีสัญญาก็หามิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ดังนี้บ้าง.

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อินทรีย์ ๕ ย่อมตั้งอยู่ ในเพราะการตามเห็นนั้นทีเดียว

เมื่อเป็นเช่นนี้ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมละอวิชชาเสียได้ วิชชาย่อมเกิดขึ้น เพราะความคลายไปแห่งอวิชชา เพราะความเกิดขึ้นแห่งวิชชา อริยสาวกนั้น ย่อมไม่มีความยึดมั่นถือมั่นในอินทรีย์เหล่านั้นว่า เราเป็นดังนี้บ้าง นี้เป็นเราดังนี้บ้าง เราจักเป็นดังนี้บ้าง จักไม่เป็นดังนี้บ้าง จักมีรูปดังนี้บ้าง จักไม่มีรูปดังนี้บ้าง จักมีสัญญาดังนี้บ้าง จักไม่มีสัญญาดังนี้บ้างจักมีสัญญาก็หามิได้ ไม่มีสัญญาก็หามิได้ดังนี้บ้าง.
จบ สูตร ๕.


อ้าว แล้วมันยังไงล่ะ เหมือนกันตรงไหนมิทราบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2009, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




58.jpg
58.jpg [ 33.97 KiB | เปิดดู 6896 ครั้ง ]
คุณเออ่านกระทู้นี้หรือยัง นี่ก็นอนไม่หลับ

viewtopic.php?f=2&t=25001


เงียบไปไม่รู้ว่า หลับนอนได้ปกติหรือยัง



คุณเอ เล่าการภาวนาของคุณโดยละเอียดสิครับ

พอๆ รู้ล่ะว่าคุณเอ ใช้ลมหายใจเข้าออกเป็นกรรมฐาน
แล้วใช้คำภาวนาพุทโธ กำกับลมไปพร้อมๆกัน เช่น
ลมเข้าพุท ลมออกโธ อย่างนี้นะครับ ใช่ไหมครับ

เดินจงกรมด้วยไหมครับ
ส่วนใหญ่คุณจะทำกรรมฐานก่อนนอนตอนกลางคืนใช่ไหมครับ





ในเบื้องต้นนี้เห็นว่า คุณเอควรหยุด หยุดหมดเลย ทั้งทำวัตรทำกรรมฐานเนี่ย พักสักระยะหนึ่ง
เพื่อให้จิตใจ หรือ องค์ธรรมมีวิริยะเป็นต้นลดระดับลง ต้องหยุดครับ

ในแต่ละวัน เรามีหน้าที่อะไรก็ทำไป ตามปกติ ไม่ต้องนึกถึงเรื่องทำกรรมฐาน ปล่อยไปก่อน
แล้วจะคืนเป็นปกติดังเดิม
หลังจากนั้นค่อยว่ากันใหม่ อย่างถูกวิธี


อ้อ...สุดท้าย แล้วอย่าไปกินยาอะไรล่ะ ไม่ว่ายาคลายเครียดหรือยานอนหลับอะไรก็ไม่ได้
ต้องหยุดทำกรรมฐานเนี่ยล่ะ หยุดชั่วคราวครับ ไม่ได้ให้หยุดชั่วชีวิต
เมื่อจิตใจปรับตัวเป็นปกติแล้ว ค่อยว่ากัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 18 ก.ย. 2009, 16:37, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 52 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 12 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร