23050.คุยเรื่องอาหารเจ ภาค 2

ปลายฟ้า...ค่ะ

เอาเต้าฮวยมาฝาก..

bbby

วิธีทำล่ะค่ะคุณปลายฟ้า :b10:

เคยทำเต้าฮวยหลายครั้งแล้วค่ะ
ไม่ประสบความสำเร็จซักที :b38:

walaiporn

ท่าทางคุณเต้จะถามผิดคนละคะ :b12:

ฟ้าเขาถนัดทานกับล้างชามค่ะ ไม่ถนัดทำ :b32:

น้ำหามาให้ ลองทำดูค่ะ ...
แต่ที่น้ำทำทานเอง ทำแบบง่ายๆค่ะ
ซื้อเต้าหู้หลอด ถั่วเหลืองน่ะค่ะ
แล้วต้มน้ำขิงทิ้งเอาไว้
เวลาจะทานก็นำน้ำขิงมาต้ม พร้อมๆกับใส่เต้าหู้ถั่วเหลืองแบบหลอดลงไป
รอเดือดค่ะ ก็นำมาทานได้แล้วค่ะ รสชาติอร่อยหรือไม่อร่อย อยู่ที่น้ำขิงค่ะ

เต้าฮวยน้ำขิง สูตร 1

ส่วนผสม

ถั่วเหลือง 500 กรัม
น้ำเปล่า 12 ถ้วย
หินอ่อนเผาไฟหรือเจี๊ยะกอ (Calcium Sulfate) 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่าสำหรับละลายแป้งมัน 1 /4 ถ้วย

วิธีทำ

นำถั่วเหลืองมาแช่น้ำร้อนประมาณ 1 - 3 ชั่วโมงค่ะ จนถั่วพองดี นำมาขยี้เปลือกออกให้หมด
ล้างให้สะอาด บดถั่วเหลืองให้ละเอียดที่สุด ขณะบดใส่น้ำลงไปด้วย แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
ซึ่งจะทำให้เนื้อเต้าฮวยออกมาเนียนสวยค่ะ บีบน้ำถั่วออกให้หมด ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน
หมั่นคน พอเดือดยกลงทิ้งไว้

เผาหินอ่อนแล้วโขลกให้ละเอียด ร่อนอีกครั้ง จากนั้นละลายแป้งมันและหินอ่อนกับน้ำ 1 /4 ถ้วย
ในถังไม้หรือภาชนะที่จะใส่ตัวเต้าฮวย คอยคนอยู่ตลอดอย่าให้นอนก้น จากนั้นจึงเทน้ำถั่วเหลือง
ที่เตรียมไว้ลงไป เทแรง ๆ ลงไปในภาชนะที่เตรียมไว้ ไม่ต้องคน วางถังไม้หรือภาชนะนั้น
บนที่เรียบ ไม่กระเทือนและห้ามเคลื่อนย้าย จนตัวเต้าฮวยจะแข็งตัว

วิธีทำน้ำขิง

นำขิงแก่ 1 กิโลกรัมมาล้างให้สะอาด แล้วบุบพอแตก ห่อด้วยผ้าขาวบางแล้วต้มกับน้ำ 2 กาใหญ่
เวลารับประทานจึงเติมน้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลทรายขาว

***เคล็ดลับที่ทำให้เนื้อเต้าฮวยเนียนก็อยู่ที่การกรองด้วยผ้าขาวบางค่ะ

เคล็ดไม่ลับสำหรับทำเต้าฮวย

-ใช้หินอ่อนที่ใหม่ไม่หมดอายุ
-อย่าย้ายภาชนะที่ทำเต้าฮวยเมื่อผสมเสร็จแล้วค่ะ

ดุสิตธานี

อิจฉาจริงๆในความเป็น กุลสตรีของคุณน้ำ..มดมีความเป็นผู้หญิงแค่เพศ (คุคุ) คุณสมบัติทางนี้ไม่ได้กอบโกยมาเลยค่ะ..วันนี้เข้ามาเยี่ยมเยียน กระทู้สุดฮิตของคุณน้ำ

พอดีไม่มีเวลาได้อ่านของคุณน้ำเยอะทุกหน้า..เลยไม่รู้ว่ามี น้ำกล้วย หรือไม่พอดีมีคนเขาทำให้ดื่ม อร่อยใช้ได้กินง่ายๆไม่ข้น หอม ไม่คิดว่ากลัวยสุกจะทำอะไรน่าอร่อยสดชื่น ได้แบบนี้ด้วย (เคยเห็นแต่กล้วยในแบบเดิมทั่วๆไป)

:b8:

อนุโมทนาบุญ ความคิดสร้างสรรค์ของคุณน้ำ

ภาพนี้ให้คุณน้ำค่ะ ความคิดคุณน้ำหลากสีสรรค์และมีคุณค่ากับใครๆอีกหลายท่าน

:b44:

................. :b45:

walaiporn

ดื่มอย่างไร...ให้ผิวดี

เครื่องดื่มระดับขุนพลแก้วเด็ด ที่ช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง ต้านพิษ แถมยังบำรุงผิวพรรณ...ความสามารถทั้งหมดนี้มาจาก ‘บร็อกโคลี’ และ ‘องุ่นเขียว’

สำหรับ ‘บร็อกโคลี’ ผักสีเขียว ๆ นี้อุดมไปด้วย ซัลโฟราเฟน กลูโคซิโนเลต สารต้านการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง และยังช่วยเพิ่มระดับกลูตาไทโอน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระตัวสำคัญที่ช่วยเหลือตับให้ขับสารพิษ ด้วยเป็นผักที่มีเส้นใยสูงนี้ ยังพบเบตาแคโรทีน วิตามินซี กรดโฟลิก มาเสริมพลังต้านอนุมูลอิสระ ส่วนทีเด็ดของ บร็อกโคลี คือ ช่วยกระตุ้นเอนไซม์ชนิดที่ใช้ล้างพิษ และช่วยทำลายเซลล์มะเร็ง ทั้งยังมีความมหัศจรรย์เฉพาะตัว เพราะเมล็ดบร็อกโคลีที่กำลังแตกหน่อจะมีสารประกอบต้านมะเร็งมากกว่าเมล็ดพืชชนิดอื่น ๆ ถึง 50-100 เท่า

ส่วน ‘องุ่นเขียว’ ผลไม้ขวัญใจการล้างพิษ เต็มไปด้วยฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม เหล็ก
วิตามินบี 1 และบี 2 วิตามินซี กรดไฟโตเคมิคอลเอลลาจิก และกรดทาร์ทาริก ช่วยเพิ่มความเร็วให้แก่กระบวนการเผาผลาญอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก ดีต่อเลือดลม ช่วยขับปัสสาวะ

หันมาเตรียมส่วนผสมก่อนปรุงเครื่องดื่มเปี่ยมล้นกำลัง เพียงมี....

-บร็อกโคลี 1 ถ้วย
-องุ่นเขียว 2 ถ้วย
-น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

เริ่มที่บร็อกโคลีหั่นให้เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ส่วนองุ่นเขียวให้ผ่าครึ่งโดยไม่ต้องเอาเมล็ดออก
นำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผัก-ผลไม้ เติมน้ำแข็งป่น เพิ่มความเย็นสดชื่น
แถมยังได้ส่งสารอาหารตัวเด็ดเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งร้าย.

น้ำกล้วยหอมปั่น

ส่วนผสม

◊ กล้วยหอม ๒ ลูก
◊ น้ำเชื่อม ๑ ถ้วย
◊ น้ำแข็งป่น
◊ น้ำดื่มเล็กน้อยพอให้ปั่นได้
◊ นมสดคาเนชั่น นิดหน่อยพอค่ะ
◊ กลิ่นวานิลา ๑/๒ ช้อนชา
◊ เกลือป่นนิดหน่อย

วิธีทำ

◊ ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ ปั่นให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะปั่นได้ จนเนื้อเนียนดี จากนั้นก็เทใส่แก้ว ดื่มได้เลยค่ะ

Banana Smoothy Chocolate

ส่วนผสม

◊ กล้วยหอมสุก ๑ ผล
◊ ผงโกโก้ ๑-๒ ช้อนโต๊ะ
◊ นมสด ๑/๒ ถ้วย
◊ นมข้นจืด ๑/๔ ถ้วย

วิธีทำ
เอาทุกอย่างลงไปปั่นด้วยกันในโถปั่น ปั่นให้เข้ากัน จนส่วนผสมเนียน
เทใส่แก้ว หรือถ้วย แล้วนำไปแช่เย็น โรยหน้าด้วยผงโกโก้อีกทีตามชอบ

น้ำปั่น : กาแฟ โก้โก กล้วย

สูตร นี้จะต้องทำเตรียมไว้ล่วงหน้าก่อน เพื่อให้ กาแฟแข็งเป็นน้ำแข็ง จะได้ใส่น้ำแข็งน้อย ๆ รสชาติ จะเข้มข้นดีคะ

ส่วนประสมสำหรับชง

1. กาแฟ 3 ช้อนชา
2. นมสด 1 ถ้วย
3. ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลทรายแบบไม่ขัดสี 3 ช้อนโต๊ะ หรือนมข้นหวาน ต้องกะเองนะคะ
5. น้ำร้อน 1/4 ถ้วย

และอีกส่วนใช้ตอนที่จะปั่นกาแฟนะคะ

6.กล้วยหอม 1 ใบ แบบสุข หน่อย จะได้มีกลิ่นอ่อน ๆ
7. นมสด 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

1. นำกาแฟ ผสมกันน้ำร้อน 1/4 ถ้วย คนให้ละลาย

2. ใส่ผงโกโก้ และน้ำตาล คนให้เข้ากัน หากเปลี่ยนจากน้ำตาลเป็นนมข้นหวาน
ก็กะว่าใส่นมประมาณ 3 ช้อนโต๊ะดูก่อนนะว่าจะหวานไปหรือเปล่า ก็ชอบรสนี้ ก็ใส่นมสด 1 ถ้วย
จากนั้นนำเข้าแช่แข็ง ไว้คืนหนึ่ง หรือประมาณ ทำชงไว้ตอนเช้า กินตอนเที่ยงก็ได้คะ

3. นำกาแฟที่แช่แข็งไว้ มาตั้งไว้ในห้องสักครู่ กะว่าประมาณให้อ่อนตัวนิดหน่อยพอปั่นได้
ก็นำเข้าเครื่องปั่น

4. ใส่นมสด 1/2 ถ้วย เข้าไป แล้ว ก็ปั่นคะ

วิธีทำกล้วยปั่น

ส่วนประกอบ :

1. กล้วยหอม 2 ลูก
2. นมสด 1 ถ้วย
3. น้ำเชื่อม 1 ถ้วย
4. น้ำแข็ง 2 ถ้วย
5. เกลือปลายช้อนชา

วิธีทำ :

1. นำน้ำตั้งไฟให้เดือด เทน้ำตาลทรายลงไปเคี่ยวให้เหนียวหรือไม่เหนียวก็ได้แล้วแต่
2. พอน้ำเชื่อมเย็นแล้ว เอาน้ำแข็งใส่ที่ปั่นแล้วตามด้วยกล้วย แล้วก็น้ำเชื่อมกับ เกลือแล้วนม

ประโยชน์ของกล้วย

1. โรคโลหิตจาง ในกล้วยมีธาตุเหล็กสูงจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการผลิตฮีโมโกลบินในเลือด และจะช่วยในกรณีที่มีสภาวะขาดกำลัง หรือภาวะโลหิตจาง

2. โรคความดันโลหิตสูง มีธาตุโปรแตสเซียมสูงสุด แต่มีปริมาณเกลือต่ำ ทำให้เป็นอาหารที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะช่วยความดันโลหิตมาก อย.ของอเมริกา ยินยอมให้อุตสาหกรรมการปลูกกล้วยสามารถ โฆษณาได้ว่า กล้วยเป็นผลไม้พิเศษช่วยลดอันตรายอันเกิดจากเรื่องความดันโลหิตหรือโรคเส้น เลือดฝอยแตก

3. กำลังสมอง นักเรียน 200 คน ที่โรงเรียน Twickenham ได้รับผลดีจากการสอบตลอดปีนี้ ด้วยการรับประทานกล้วย ในมื้ออาหารเช้า ตอนพัก และมื้ออาหารกลางวันทุกวัน เพื่อช่วยส่งเสริมกำลังของสมองในพวกเขา จากงานวิจัยแสดง ให้เห็นว่าปริมาณโปรแตสเซียมที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในกล้วยสามารถให้นักเรียนมี การตื่นตัวในการเรียนมากขึ้น

4. โรคท้องผูก ปริมาณเส้นใยและกากอาหารที่มีอยู่ในกล้วยช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ และยังช่วยแก้ ปัญหาโรคท้องผูกโดยไม่ต้องกินยาถ่ายเลย

5. โรคความซึมเศร้า จากการสำรวจเร็ว ๆ นี้ ในจำนวนผู้ที่มีความทุกข์เกิดจากความซึมเศร้าหลายคนจะมี ความรู้สึกที่ดีขึ้นมากหลังการกินกล้วย เพราะมีโปรตีนชนิดที่เรียกว่า try potophan เมื่อสารนี้เข้าไปในร่างกายจะ ถูกเปลี่ยนเป็น serotonin เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นตัวผ่อนคลายปรับปรุงอารมณ์ให้ดีขึ้นได้ คือทำให้เรารู้สึกมีความสุขเพิ่มขึ้นนั่นเอง

6. อาการเมาค้าง วิธีที่เร็วที่สุดที่จะแก้อาการเมาค้าง คือ การดื่มกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง กล้วยจะทำให้ กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไปในขณะที่ นมก็ช่วย ปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา

7. อาการเสียดท้อง กล้วยมีสารลดกรดตามธรรมชาติที่มีผลต่อร่างกายของเรา ถ้าปัญหาเกี่ยวกับอาการเสียด ท้อง ลองกินกล้วยสักผล คุณจะรู้สึกผ่อนคลายจากอาการเสียดท้องได้

8. ความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า การกินกล้วยเป็นอาหารว่างระหว่างมื้ออาหาร จะรักษาระดับน้ำตาลใน เส้นเลือดให้คงที่ เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกไม่สบายในตอนเช้า

9. ยุงกัด ก่อนใช้ครีมทาแก้ยุงกัด ลองใช้ด้านในของเปลือกกล้วยทาบริเวณที่ถูกยุงกัด มีหลายคนพบอย่าง มหัศจรรย์ว่า เปลือกกล้วยสามารถแก้เม็ดผื่นคันที่เกิดจากยุงกัดได้

10. ระบบประสาท ในกล้วยมีวิตามินบี สูงมาก ช่วยทำให้ระบบประสาทสงบลงได้ โรคน้ำหนักเกินและโรคที่ เกิดในที่ทำงาน จากการศึกษาของสถาบันจิตวิทยาในออสเตรียค้นพบว่า ความกดดันในที่ทำงานเป็นเหตุนำไปสู่ การกินอย่างจุบจิบ เช่นอาหารพวกช็อคโกแล็ต และอาหารประเภททอดกรอบต่าง ๆ ในจำนวนคนไข้ 5,000 คน ในโรงพยาบายต่าง ๆ นักวิจัยพบว่า ส่วนใหญ่เป็นโรคอ้วนมากเกินไป และส่วนใหญ่ทำงานภายใต้ความกดดันสูง มาก จากรายงานสรุปว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการตื่นตระหนกและนำไปสู่การกินอาหารอย่างบ้าคลั่ง เราจึงต้องควบคุม ปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด ด้วยการกินอาหารว่างที่มีปริมาณคาร์โบโฮเดรตสูง เช่น กินกล้วยทุก 2 ชั่วโมง เพื่อรักษาปริมาณน้ำตาลให้คงที่ตลอดเวลา ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่อยยา การกินกล้วยที่มีวิตามินบี 6 ซึ่งประกอบด้วย สารควบคุมระดับกลูโคสที่สามารถมีผลต่ออารมณ์ได้

11. โรคลำไส้เป็นแผล กล้วยเป็นอาหารที่แพทย์ใช้ควบคุม เพื่อต้านทานการเกิดโรคลำไส้เป็นแผล เพราะ เนื้อของกล้วยมีความอ่อนนิ่มพอดี เป็นผลไม้ชนิดเดียวที่ทานได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องโรค ลำไส้เรื้อรัง และกล้วยยังมีสภาพเป็นกลางไม่เป็นกรด ทำให้ลดการระคายเคือง และยังไปเคลือบผนังลำไส้และ กระเพาะอาหารด้วย

12. การควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย ในวัฒนธรรมของหลายแห่งเห็นว่ากล้วย คือผลไม้ที่สามารถทำให้ อุณหภูมิเย็นลงได้ทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะอุณหภูมิของอารมณ์ของคนที่เป็นแม่ที่ชอบคาดหวัง ตัวอย่างในประเทศไทย จะให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์รับประทานกล้วยทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่า ทกรกที่เกิดมา จะมีอุณหภูมิเย็น

ขอบคุณที่มาจาก http://www.samunpri.com

walaiporn

ข้าวเหนียวกล้องไส้เห็ด

ส่วนผสม

ข้าวเหนียวกล้องหุงสุก 4 ถ้วย
งาขาว 1/4 ถ้วย
งาดำ 1/4 ถ้วย
เห็ดหอมแห้งแช่น้ำแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก 10 ดอก
แครอทหั่นเป็นเส้นยาว 10 เส้น
สามเกลอ (รากผักชี 3 ราก งาขาวคั่ว 1 ช้อนชา พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา โขลกรวมกัน)
2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาล 1 ช้อนชา
เกลือ 1/2 ช้อนชา
แผ่นสาหร่าย 1 ห่อ (ประมาณ 10 แผ่น)
น้ำแช่เห็ดหอม 1/2 ถ้วย
เสื่อสำหรับห่อสาหร่าย 1 แผ่น

วิธีทำ
- ผัดสามเกลอกับน้ำมันพืชให้หอม ใส่เห็ดหอมลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาล เกลือ
ตามด้วยน้ำแช่เห็ดหอม เคี่ยวจนแห้งได้ที่ แล้วพักไว้
- คลุกข้าวเหนียวกล้องหุงสุกกับงาขาวและงาดำให้งากระจายทั่วกัน พักไว้
- วางเสื่อบนพื้นโต๊ะ นำแผ่นสาหร่ายวางบนเสื่อ โดยหงายด้านหยาบขึ้น จากนั้นเกลี่ยข้าวเหนียวบางๆ บนแผ่นสาหร่าย ให้เกือบชิดริมขอบสาหร่ายทั้งสี่ด้าน
- วางเห็ดหอมปรุงรสไว้และแครอทบนข้าว ให้เกือบชิดริมขอบข้าว
- ม้วนให้แน่น จะทำเป็นวงกลมหรือเหลี่ยม ก็แล้วแต่การบีบเสื่อ
- ตัดออกเป็นชิ้นพอคำ ประดับหน้าด้วยผักชี จิ้มกับน้ำจิ้มแจ่ว

walaiporn

น้ำพริกตาแดง

ส่วนผสม :

โปรตีนเกษตรป่น 1 ถ้วย

พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด

เห็ดฟาง 3 ดอก

เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ

มะเขือเทศเผา 1 ลูก

มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ :

คั่วโปรตีนเกษตรพอหอม เผาพริกขี้หนูแห้ง เห็ดฟาง มะเขือเทศ เครื่องปรุงทั้งหมดโขลกเข้า ด้วยกันให้ละเอียดพอประมาณ เก็บไว้รับประทานได้ หลายวัน

ข้าวผัดน้ำพริกตาแดง

ข้าวสวย คลุกกับ น้ำพริกตาแดง ไว้เลย

ถั่วแขก หั่นฝอย งาขาวคั่ว

ผัดข้าว เริ่มจาก ตั้งกระทะ ใส่ น้ำมันพืช เล็กน้อย ใส่งาขาวคั่ว
ใส่ ถั่วแขก จากนั้นปรุงรสด้วย ซอสเห็ดหอมเจ, ซอสปรุงรส, พริกไทยป่น, น้ำตาลทราย, ซีอิ้วขาว
บางคนอาจจะชอบไข่เจียวหั่นฝอยโรยหน้า สำหรับคนทานมังสะนะคะ
ส่วนผักนั้น เราอาจจะใช้ผักอื่นๆได้ตามชอบค่ะ
ถ้าชอบเผ็ดก็บุบๆพริกขี้หนูใส่ลงไปตอนที่ผัดน้ำมันน่ะค่ะ แล้วค่อยใส่ข้าวลงไปผัด

walaiporn

แกงเลียง

ส่วนผสม :

กระชาย 4 ราก

เห็ดต่างๆ 1/2 ถ้วย

ฟักทอง 1/2 ถ้วย

พริกไทย 1 ช้อนชา

กะปิเจ 1 ช้อนชา

ใบแมงลัก 50 กรัม

ใบตำลึง 1 กำ

ข้าวโพดอ่อน 5 ฝัก

บวบ 2 ลูก

ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีการทำ :

โขลกพริกไทย กระชาย กะปิเจ ผสมกัน ไม่ต้องละเอียดมาก ละลายน้ำเล็กน้อยขึ้นตั้งไฟ ใส่เห็ดลงในหม้อรวมกันน้ำประมาณ 4 ถ้วย ยกขึ้นตั้งไฟ พอเดือดใส่ฟักทอง ต้มจนฟักทองใกล้สุก ใส่บวบพอบวบสุก (ไม่ต้องสุกมาก) ใส่ข้าวโพดอ่อน เห็ดต่างๆตามชอบ เติมซีอิ้วขาว จึงใส่ตำลึงยกลง ใส่ใบแมงลัก

walaiporn

ห้องครัวอาหารเจตรงนี้ คงจะมีการเคลื่อนไหวน้อยลง
ช่วงนี้แม่ครัวขอปลีกวิเวกค่ะ

ก็ขอมอบความรู้สึกดีๆ มอบสิ่งดีๆให้กับทุกๆคน และตอบแทนบุญคุณสำหรับเว็บนี้ด้วย
ที่ได้ให้โอกาสการปลดปล่อยข้อคิดเห็นที่เป็นจริงของตัวเองออกมา
ทำให้ได้ทำอาหารไปด้วย ถากถางกิเลสตัวเองออกไปด้วย
รสชาติคงจะอร่อยพิลึก :b32:

เป็นลิงค์ที่ตัวเองเก็บรวบรวมสูตรอาหารเจ และ มังสะวิรัติเอาไว้
นำมาแบ่งปันให้กับทุกคน ซึ่งในนั้นจะแบ่งเป็นหมวดหมู่ไว้

ก็ให้เสียดายในกระทู้ห้องครัวอาหารเจ ทั้ง 2 ห้อง ถ้าแยกหมวดหมู่ได้คงจะดีไม่น้อย
แต่ตัวเองทำแบบนั้นไม่เป็น ใครพอจะทำตรงนี้ได้บ้าง
ถ้าเมตตาต่อห้องครัวอาหารเจ ก็ขอความรับกวนด้วยค่ะ

http://images.google.co.th/imgres?imgur ... 0%26um%3D1

http://images.google.co.th/imgres?imgur ... 0%26um%3D1

อาหารเจ 108

http://www.geocities.com/thaivege/recipe/recipe.htm

อาหารเพื่อสุขภาพ

http://www.yourhealthyguide.com/Menu/ml ... hroom.html

อาหารเจ และ อาหารเพื่อสุขภาพ

http://www.mindcyber.com/recipe/searchr ... bcat_id=27

http://images.google.co.th/imgres?imgur ... X%26um%3D1

http://www.thaifooddb.com/recipe/vegetarian.html

เอาไปเท่านี้ก่อนละกันนะคะ ไม่น้อยเลยนะคะ รับประกันทำทานได้ไม่ซ้ำแต่ละวันเลยค่ะ

walaiporn

ห้องครัวอาหารเจนี่ เดี๋ยวถ้ามีเมนูใหม่ๆ จะนำมาลงให้เรื่อยๆค่ะ
ถ้าไม่มีคือ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ห้องครัวนะคะ

ข้าวต้มฟองเต้าหู้ เผือก มันเทศ

ส่วนผสม

ข้าวสาร 1/2 ถ้วย

ฟองเต้าหู้แช่น้ำหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย

เผือก มันเทศ อย่างละ 1 ถ้วย

เกลือ ซีอิ้วขาว

ซอสปรุงรส (ตามชอบ)

วิธีทำ

1. ปอกเปลือกเผือก มันเทศ แล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม หรือจะใช้ที่ควักผลไม้ควักเป็นลูกกลมๆ ก็ได้

2. หุงข้าวต้มกับน้ำซุปผัก พอข้าวเริ่มบานใส่ฟองเต้าหู้และเผือกลงไปต้มรวมกัน จนเผือกเริ่มสุก แล้วจึงใส่มันเทศต้มรวมกันจนข้าวสุกบาน เผือกและมันสุก (ขณะต้มถ้าน้ำน้อยเติมน้ำซุปผักได้อีก) ปรุงรสด้วยเกลือ ซีอิ้วขาวหรือซอสปรุงรส ตักขึ้นรับประทานร้อนๆ

ส่วนผสม - น้ำซุปผัก

แครอท 2 หัวเล็ก

หัวไชเท้า 1 ลูกใหญ่

กะหล่ำปลี 1 หัวเล็ก

พุทราจีนล้างสะอาด 12 เม็ด

เกลือและน้ำตาลอย่างละเล็กน้อย

วิธีทำ

หั่นแครอท หัวไชเท้า กระหล่ำปลี เป็นชิ้นใหญ่ ต้มรวมกับพุทธาจีนจนเดือดและผักนิ่ม ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลกรวดอย่างละเล็กน้อย กรองน้ำนี้ไว้ใช้ทำอาหาร

walaiporn

ส่วนผสม

หมี่กึงสดหั่นเป็นชิ้น 3/4 ถ้วย

แปะก๊วยต้มสุก 3/4 ถ้วย

พุทราจีน 3/4 ถ้วย

เห็ดหอมดอกเล็กหรือดอกใหญ่หั่นเป็นชิ้นเล็ก 3/4 ถ้วย

แครอทหั่นเป็นชิ้นยาวรี 3/4 ถ้วย

เม็ดมะม่วงหิมพานต์โรยหน้า 1/4 ถ้วย

ใบโหระพาทอดโรยหน้า 3/4 ถ้วย

พริกหวานเม็ดใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมเล็กโรยหน้าพอสวย

เกลือหรือซีอิ้วขาว

น้ำมันงาเล็กน้อย

วิธีทำ

1. ลวกหมี่กึง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ ลวกแครอทจนสุก พักไว้

2. ล้างพุทราแล้วนำลงเชื่อมในน้ำเชื่อมให้หวานประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ตักขึ้นพักไว้

3. ตั้งกะทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่ส่วนผสมทุกอย่างที่เตรียมไว้ลงไปผัดรวมกัน เติมน้ำซุปผักเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือหรือซีอิ้วขาว แล้วใส่น้ำมันงา ผัดจนทุกอย่างเข้ากัน ตักขึ้นโรยมะม่วงหิมพานต์ ใบโหระพาทอดและพริกหวานสีเขียว และแดง

Tips

ใบโหระพาล้างให้สะอาด พักให้สะเด็ดน้ำเกือบแห้ง แล้วจึงทอดในน้ำมันร้อน ไม่เช่นนั้นน้ำมันจะกระเด็น พอเหลืองรีบตักขึ้น

แป๊ะก๊วยจะซื้อชนิดใส่ในน้ำเชื่อมรสไม่หวานจัดก็ได้

walaiporn

ข้าวผัดหนำเลี๊ยบ

ส่วนผสม

ข้าวซ้อมมือหุงสวย 3 ถ้วย

เนื้อหนำเลี๊ยบหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ

เม็ดข้าวโพดสุก 3/4 ถ้วย

ถั่วลิสงต้มสุก 3/4 ถ้วย

วิธีทำ

ตั้งกระทะพอร้อนใส่น้ำมัน ใส่เนื้อหนำเลี๊ยบลงผัด (ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน) จนหอม ใส่ข้าวลงผัดให้เข้ากัน แล้วจึงใส่เม็ดข้าวโพดสุก ตามด้วยถั่วลิสงต้มสุก ผัดทั้งหมดให้เข้ากัน ตักขึ้นรับประทานร้อนๆ

Tips

เนื้อหนำเลี๊ยบใช้ชนิดเม็ดในกระป๋องและนำมาแกะเนื้อดีกว่าที่มีขายเฉพาะเนื้อ เพราะมักจะเค็มกว่า

ถั่วลิสงที่ซื้อมาต้มควรเป็นถั่วใหม่ วิธีสังเกตเม็ดจะต้องไม่ลีบและแห้งจะต้มสุกง่ายกว่า และก่อนต้มควรแช่น้ำไว้ข้ามคืนจึงจะต้มสุกง่าย

walaiporn

ข้าวห่อใบบัว

ส่วนผสม

ข้าวกล้องหุงสุกสวยประมาณ 3 ถ้วย

เห็ดเป๋าฮื้อหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/2 ถ้วย

หน่อไม้ฝรั่งหั่นเป็นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย

แปะก๊วยหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย

เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย

น้ำมันหอยเจประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันงา 1 ช้อนชา

เกลือ ซีอิ้วขาว น้ำตาลทรายอย่างละเล็กน้อย

แป้งข้าวโพดละลายน้ำเล็กน้อย (จะไม่ใส่ก็ได้)

ใบบัว 1-2 ใบ

วิธีทำ

1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่ส่วนผสมผักทั้งหมดลงผัดรวมกัน ไฟแรง ผัดพอผักสลด ใส่น้ำซุปผักพอชุ่มๆใส่แป้งข้าวผสมน้ำให้พอเหนียว แล้วจึงใส่ข้าวลงผัด ค่อยๆ ผัดข้าวกับผักให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำมันงา เกลือ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย ชิมรส ผัดจนข้าวแห้ง พักไว้

2. ลวกใบบัวในน้ำเดือดจนสลด ตักขึ้นพักให้เย็นและแห้งหมาด ใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง ตักข้าวใส่ ห่อพับให้เรียบร้อยจะใช้ไม้กลัดกลัดก็ได้ นำไปนึ่ง 15 นาที ยกขึ้น จะใช้กรรไกรตัดใบบัวหรือเปิดห่อก็ได้ รับประทานร้อนๆ

Tips

ใบบัวต้องลวกจนสลด จึงจะไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว เพราะถ้าไม่ลวกให้สลดเมื่อนำไปห่อข้าวข้าวจะมีรสขื่นๆ ได้

walaiporn

ผัดเมี่ยงเจ

ส่วนผสม

แห้วหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก 1/2 ถ้วย

หน่อไม้หั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1/2 ถ้วย

แครอทหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1/2 ถ้วย

แปะก๊วยหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1/2 ถ้วย

เต้าหู้เหลืองหรือเต้าหู้ทอดหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1/2 ถ้วย

เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 1/2 ถ้วย

ผักกาดแก้ว 1 ต้น

น้ำซุปผักเล็กน้อย

น้ำตาลทราย เกลืออย่างละประมาณ 1-2 ช้อนชา

แป้งข้าวโพดผสมน้ำประมาณ 1/4 ถ้วย

พริกไทยขาว

วิธีทำ

1. พยายามหั่นผักทุกอย่างเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กให้เท่ากัน

2. ทอดเต้าหู้ในน้ำมันร้อนจนเหลือง พักไว้

3. ผัดผักทุกอย่างพร้อมกันในกระทะ ยกเว้นเต้าหู้ ผัดจนผักสลด เติมน้ำซุปผัก ผัดพอผักเริ่มสุก ใส่เต้าหู้ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล พริกไทยขาว ชิมรส ผัดพอให้มีน้ำขลุกขลิก ใส่แป้งข้าวโพดผสมน้ำทีละน้อยพอให้ผักเกาะติดกัน ตักขึ้น กินกับผักกาดแก้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ

ชาติสยาม

ใกล้เจแล้วแวะมาดูแม่ครัวทำเจ

อะ ลัง กาน งาน สร้าง มั่กๆ
:b22:

กฎการใช้บอร์ด

23050.คุยเรื่องอาหารเจ ภาค 2

ผู้ใช้งานขณะนี้