วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 22:23  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 37 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




1151047080.jpg
1151047080.jpg [ 63.63 KiB | เปิดดู 6300 ครั้ง ]
:b43: ขอเปิดประเด็นนะครับ :b43:

ทำบาป 100 ครั้ง ก่อนตายจิตได้ระลึกถึงคุณพระศาสดา ทำให้ไปเกิดในสุขติภูมิได้
(หลายท่านคงเคยได้ยินมาแล้ว)

คนที่ทำความชั่ว สร้างเวร กรรม มาแล้วเป็นร้อยครั้ง
แต่ครั้นเมื่อจะหมดลมหายใจ จิตเขากลับสว่างแจ้ง
รำลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า..สามารถทำให้เขาได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีได้


เหมือนกับก้อนหินก้อนเดียวสามารถจมน้ำได้..
เฉกเช่นก้อนหิน 100 ก้อน มีหรือจะไม่จม?
เว้นแต่มีเรือมารองรับมันเอาไว้ ..


คนที่ทำบาปมานานาประการในอดีต ถ้าก่อนจะหมดลมหายใจ(ช่วงชี้เป็นชี้ตาย)
จิตเขาไม่ได้ขุ่นมัวไปกับบาปกรรมที่เขาทำ สามารถทำให้เขาไปบังเกิดในภพภูมิที่ดีได้


แล้วคนที่ทำดีมาตลอดชีวิต แล้วช่วงชี้เป็นชี้ตายนี้ จิตเขาได้ขุ่นมัวเสียก่อน ไม่เป็นการเสียดายแย่หรือ?

แล้วคนที่ทำบาปมาทั้งชีวิตนั้น.. เขาจะฉกฉวยโอกาสอันงามนี้ได้จริงหรือ?



ขอเชิญร่วมแสดงทัศนคติด้วยกันครับกัลยาณมิตรทุกท่าน
อนุโมทนาครับ

:b8: :b8: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


yothininsuk เขียน:

[color=#BF40BF]ทำบาป 100 ครั้ง ก่อนตายจิตได้ระลึกถึงคุณพระศาสดา ทำให้ไปเกิดในสุขติภูมิได้
(หลายท่านคงเคยได้ยินมาแล้ว)



โดยหลักการน่ะ พูดอย่างนั้นได้ครับ
เพราะมันจริงที่ว่า กุศลจิต นำไปสู่ภูมิที่ดี

แต่ไม่มีทางเลย ที่จะเลือกได้ว่าจะไปสุขคติ หรืออบาย
ขึ้นอยู่กับจิตว่าจะไปคว้าสิ่งใด

คนทำบาป 100 ครั้ง ทำดีครั้งเดียว
ต่อให้คว้าได้กุศลจิต ก็สุคติไม่นานหรอกครับ แรงมันน้อย

ถ้าจะพูดตามคัมภีร์
เวลาคนจะตาย ท่านไล่ลำดับให้เลยว่า กรรมประเภทไหนให้ผลก่อน

อ้างคำพูด:
จำแนกลำดับการให้ผลของกรรม

กรรมจำแนกตามลำดับการให้ผลของกรรม (ปากทานปริยายจตุกะ) จำแนกตามความยักเยื้อง หรือ ลำดับความแรงในการให้ผล 4 อย่าง

1. ครุกกรรม (หนังสือพุทธธรรมสะกดครุกกรรม หนังสือกรรมทีปนีสะกดครุกรรม) หมายถึง กรรมหนัก ให้ผลก่อน เช่น ฌานสมาบัติ 8 หรือ อนันตริยกรรม
2. พหุลกรรม หรือ อาจิณกรรม หมายถึง กรรมที่ทำมาก หรือ ทำจนเคยชิน ให้ผลรองจากครุกรรม
3. อาสันนกรรม หมายถึง กรรมจวนเจียน หรือ กรรมใกล้ตาย คือกรรมที่ทำเมื่อจวนจะตาย จับใจอยู่ใหม่ๆ ถ้าไม่มีสองข้อก่อน ก็จะให้ผลก่อนอื่น
4. กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม หมายถึง กรรมอื่นที่เคยทำไว้แล้ว นอกจากกรรม 3 อย่างข้างต้น, ฏีกากล่าวว่า กรรมนี้ให้ผลในชาติที่ 3 เป็นต้นไป(กตตฺตา-สิ่งที่เคยทำไว้, วา ปน-ก็หรือว่า, กมฺม-กรรม).กตัตตากรรมนี้ ในตำราทางพุทธศาสนาหลายแห่ง(เช่น หนังสือกรรรมทีปนี พจนานุกรมพุทธศาสน์ฉบับประมวลธรรม และหนังสือพุทธธรรมฉบับขยายความ) ได้บรรยายไว้ว่า หมายถึง กรรมสักแต่ว่าทำ กรรมที่ทำไว้ด้วยเจตนาอันอ่อน หรือมิใช่เจตนาอย่างนั้นโดยตรง ต่อเมื่อไม่มีกรรมอันอื่นให้ผลแล้ว กรรมนี้จึงจะให้ผล

ที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/กรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


คนทำบาป ด้วยจิตใจที่ไม่นึกถึงความดีเลย ถึงแม้ใกล้จะตาย เห็นทางสว่างอย่างไร ก็สายเกินไปที่ขจัดความชั่วดำในจิต ในวิญญาณ ในอนูแห่งร่างกาย ให้ออกไปได้ ตกนรกอย่างเดียวขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2009, 19:31
โพสต์: 169

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: ทำดี
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มที่ชอบ
ชื่อเล่น: เก็บเกี่ยว
อายุ: 0
ที่อยู่: ในธรรม

 ข้อมูลส่วนตัว


ในความเห็นของ ผม นั้น ทำชั่ว ๑๐๐ ครั้ง ในเวลาใกล้ตายจิตเป็นกุศลไม่ตกอบายภูมิ นั้น หากเขาไปเกิดเป็น เทวดาหรือมนุษย์ใหม่ ก็จะมีอายุสั้น หากทำผิด ศีลข้อที่ ๑
คนทำดี ๑๐๐ ครั้ง ตกนรก แต่ไปไม่นาน ดุลเช่น ไปเชียงใหม่เที่ยวแล้วกลับไม่ได้อยู่
กลับมาเกิดใหม่ก็เป็นบุคคลชั้นดีไป อย่างนี้เป็นต้น

.....................................................
รักษาที่ดีไว้ ก่อความดีใหม่ๆ ละๆๆชั่วต่อๆไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 16:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณสำหรับทัศนคติของทุกท่านนะครับ
ไว้โอกาสหน้ามาสนทนากันใหม่ครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


yothininsuk เขียน:

แล้วคนที่ทำดีมาตลอดชีวิต แล้วช่วงชี้เป็นชี้ตายนี้ จิตเขาได้ขุ่นมัวเสียก่อน ไม่เป็นการเสียดายแย่หรือ??


เสียดายไปก็เท่านั้นครับ....คนที่ทำความดีมาตลอดชีวิต แต่ว่าประมาท ไม่มีการฝึกจิตใจ ไกลจากธรรมะ จึงทำให้เขาเป็นเช่นนั้น :b6: :b6:

yothininsuk เขียน:
แล้วคนที่ทำบาปมาทั้งชีวิตนั้น.. เขาจะฉกฉวยโอกาสอันงามนี้ได้จริงหรือ



ทำบาปมาทั้งชีวิต...แล้วจะเอาสัญญาบุญมาจากไหนให้ระลึกล่ะครับ :b10: :b10:


กระผมคิดถึง องค์คุลีมาร ฆ่าคนตั้ง 999 คน แต่ก็ยังไปนิพพานได้ เพราะเข้าถึงธรรมะ :b13: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 18:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2009, 12:55
โพสต์: 36

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนทำบาปมากๆทำบาปหนักๆแน่ใจหรือว่าจะมีโอกาสได้ตั้งสติก่อนตาย ที่เห็นส่วนมากตายแบบไม่รู้ตัวไม่ได้ตั้งตัวเสียส่วนมาก โป่ง ตูมเดียวดับ จิตก็ต้องไปตามวิบากกรรม(นรก) ยกเว้นแต่เขาผู้นั้นได้สร้างกุศลกรรมหนักเอาไว้ คงพอมีโอกาสได้เห็นแสงสว่างก่อนตายได้บ้าง คิดว่าอย่างนั้นนะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า
บุคคลที่มีจิตใจเต็มไปด้วยความชั่ว ความไม่ดี กิเลสหนา คลื่นภายในร่างกายก็จะดำ ความคำของคลื่นแห่งกิเลสก็จะทำให้เวลาตาย ก็จะถูกนรกดึงดูดไป นรกอยู่ใต้พิภพของโลกเรานี้แหละขอรับ
ถ้าบุคคลที่มีจิตใจดีงาม กิเลสน้อย คลื่นภายในร่างกายก็จะสว่างใส มีสีดำเล็กน้อย มีสีขาวสว่างใสมากกว่า เวลาตายไป ก็จะถูกดึงดูดไปนอกโลกขอรับ อาจไปดวงจันทร์ ฯลฯ ดวงอาทิตย์ ก้แล้วแต่ขอรับ เรื่องจริงนะขอรับ ไม่ใช่หลอกลวงให้หลงเชื่อนะขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแอบกระเดือกน้ำลายลงคอก่อน... :b12: :b12:

ก่อนที่จะกล่าวคำทักทาย คุณ Bud
สวัสดีครับ.. อิ อิ (เอือก ~ ... เอือก ~) ... อิ อิ

คือแบบผมมันชามต้มจืด ส่วนคุณหน่ะ ต้มแซบ... :b12:
เกิดผมพูดไม่ถูกหูคุณ ผมเกรงว่าคุณจะพ่นข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาใส่ผมน่ะดิ่... :b32: :b32:

จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ...
เพียงแต่ว่า เวลาที่ติดตามการเสวนาของคุณ ...
ผมเห็นว่าดีกรีของคุณมันแปร่ง ๆ อยู่ ...
จะว่าถูกก็..ไม่ใช่ จะว่าเพี้ยนก็..ไม่ใช่ ...
แต่ขอเสวนากับคุณในบางประเด็นให้ผมได้ทบทวนประสาทสัมผัสของตัวเองสักนิ๊ด ...
และตรงนี้ พักว่าคุณเป็นใครไว้ก่อนนะครับ... เพราะถ้าผมต้องมาคิดว่าคุณเป็นใคร...
มันจะทำให้ผมกลับไปเริ่มวิตกกังวลกับตัวเองอีก... ว่าถ้าคุณเป็นนั่น แล้วผมจะเป็นอะไรกันล่ะ...วะนี่

:b13: :b13:

Buddha เขียน:
ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า
บุคคลที่มีจิตใจเต็มไปด้วยความชั่ว ความไม่ดี กิเลสหนา คลื่นภายในร่างกายก็จะดำ ความดำของคลื่นแห่งกิเลสก็จะทำให้เวลาตาย ก็จะถูก... :b21: ดึงดูดไป :b21:...อยู่.... :b21: นี้แหละขอรับ

...ถ้าบุคคลที่มีจิตใจดีงาม กิเลสน้อย คลื่นภายในร่างกายก็จะสว่างใส มีสีดำเล็กน้อย มีสีขาวสว่างใสมากกว่า เวลาตายไป ก็จะถูกดึงดูดไป... :b21: เรื่องจริงนะขอรับ ไม่ใช่หลอกลวงให้หลงเชื่อนะขอรับ


ช่วยขยายความเพิ่มเติมสักหน่อยได้รึเปล่าครับ
คลื่นภายในกาย และหลักการดึงดูดครับ ...
และแหล่งรวมคลื่นประเภทเดียวกัน ...

และถ้าเป็นไปได้ ผมขอให้คุณช่วยละคำกล่าวที่ผมละไว้ด้วยนะครับ
ไม่ใช่เพราะผมเห็นว่าคุณไม่มีความรู้ความเข้าใจนะครับ...
แต่ด้วยภาษาและการอธิบายที่ค่อนข้างเปิด ๆ ปิด ๆ วั๊บ ๆ แวม ๆ ของคุณ
เหมือนอยากจะเปิดเผย ถึงความรู้ของตน
แต่ก็ยังเกรงอะไรบางอย่างอยู่ ก็เลย เปิด แบบแง้ม
ซึ่งมันเป็นการเปิดโอกาสให้คนอ่านจินตนาการผิดเพี้ยนได้มากกว่าที่จะทำให้คนอ่านพิจารณาตามแล้วเข้าใจการสื่อความหมายของคุณ.. น่ะครับ..


:b1: :b1:


แก้ไขล่าสุดโดย yahoo เมื่อ 13 พ.ย. 2009, 13:28, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 13:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


yahoo เขียน:
ขอแอบกระเดือกน้ำลายลงคอก่อน... :b12: :b12:

ก่อนที่จะกล่าวคำทักทาย คุณ Bud
สวัสดีครับ.. อิ อิ (เอือก ~ ... เอือก ~) ... อิ อิ

คือแบบผมมันชามต้มจืด ส่วนคุณหน่ะ ต้มแซบ... :b12:
เกิดผมพูดไม่ถูกหูคุณ ผมเกรงว่าคุณจะพ่นข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาใส่ผมน่ะดิ่... :b32: :b32:

จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ...
เพียงแต่ว่า เวลาที่ติดตามการเสวนาของคุณ ...
ผมเห็นว่าดีกรีของคุณมันแปร่ง ๆ อยู่ ...
จะว่าถูกก็..ไม่ใช่ จะว่าเพี้ยนก็..ไม่ใช่ ...
แต่ขอเสวนากับคุณในบางประเด็นให้ผมได้ทบทวนประสาทสัมผัสของตัวเองสักนิ๊ด ...
และตรงนี้ พักว่าคุณเป็นใครไว้ก่อนนะครับ... เพราะถ้าผมต้องมาคิดว่าคุณเป็นใคร...
มันจะทำให้ผมกลับไปเริ่มวิตกกังวลกับตัวเองอีก... ว่าถ้าคุณเป็นนั่น แล้วผมจะเป็นอะไรกันล่ะ...วะนี่

:b13: :b13:

Buddha เขียน:
ขอเพิ่มเติมอีกนิดว่า
บุคคลที่มีจิตใจเต็มไปด้วยความชั่ว ความไม่ดี กิเลสหนา คลื่นภายในร่างกายก็จะดำ ความดำของคลื่นแห่งกิเลสก็จะทำให้เวลาตาย ก็จะถูก... :b21: ดึงดูดไป :b21:...อยู่.... :b21: นี้แหละขอรับ

...ถ้าบุคคลที่มีจิตใจดีงาม กิเลสน้อย คลื่นภายในร่างกายก็จะสว่างใส มีสีดำเล็กน้อย มีสีขาวสว่างใสมากกว่า เวลาตายไป ก็จะถูกดึงดูดไป... :b21: เรื่องจริงนะขอรับ ไม่ใช่หลอกลวงให้หลงเชื่อนะขอรับ


ช่วยขยายความเพิ่มเติมสักหน่อยได้รึเปล่าครับ
คลื่นภายในกาย และหลักการดึงดูดครับ ...
และแหล่งรวมคลื่นประเภทเดียวกัน ...

และถ้าเป็นไปได้ ผมขอให้คุณช่วยละคำกล่าวที่ผมละไว้ด้วยนะครับ
ไม่ใช่เพราะผมเห็นว่าคุณไม่มีความรู้ความเข้าใจนะครับ...
แต่ด้วยภาษาและการอธิบายที่ค่อนข้างเปิด ๆ ปิด ๆ วั๊บ ๆ แวม ๆ ของคุณ
เหมือนอยากจะเปิดเผย ถึงความรู้ของตน
แต่ก็ยังเกรงอะไรบางอย่างอยู่ ก็เลย เปิด แบบแง้ม
ซึ่งมันเป็นการเปิดโอกาสให้คนอ่านจินตนาการผิดเพี้ยนได้มากกว่าที่จะทำให้คนอ่านพิจารณาตามแล้วเข้าใจการสื่อความหมายของคุณ.. น่ะครับ..


:b1: :b1:

ถ้าจะตอบละเอียดคงต้องอฺธิบายยาว ควานมจริงแล้ว ในเวบธรรมจักร นี้ข้าพเจ้าก็เคยเขียนอธิบายไว้ เกี่ยวกับเรื่องการระลึกชาติ อะไรนี่เแหละ เอาเ็นว่า จะอธิบายสั้นๆ เพราะบุคคลแบบคุณยังมีอีกมาก ที่ไม่รู้ มีข้อสงสัย แล้วถาม ยังดีนะ บางคนไม่ถาม แต่มันกลับกล่าวหาให้ร้ายข้าพเจ้า
ตอบ.......
ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของมนุษย์ มีสภาพสภาวะเป็นคลื่นไฟฟ้า
กิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง คือ คลื่นไฟฟ้า ที่ทำให้เกิดของเสียภายในร่างกาย จึงมีสีดำ ถ้ามีความโลภ ความโกรธ ความหลงมาก คลื่นไฟฟ้าที่เป็นคลื่นไฟฟ้าของเสียก็มีมาก ทำให้มีสีดำ เริ่มต้้งแต่หัวใจ เป็นต้นไป
หากบุคคลมีศีละรรม หรือมี ความโลภ ความโกรธ น้อย คลื่นไฟฟ้าของเสียก็มีน้อย มีแต่คลื่นไฟฟ้าปกติ ก็จะมีสีขาวออกแสดนิดๆ นี้เป็นคลื่นไฟฟ้าธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวมนุษย์
คลื่นไฟฟ้าที่เป็นของเสียมีสีดำ ก็จะถูกกลไกสนามแม่เหล้กของโลก ดึงดุด เป็นไปตามธรรมชาติของระบบพลังงานสนามแม่เหล็ก
ถ้าคลื่นไฟฟ้าที่เป็นของเสียมีน้อย แรงดึงดูดของพลังงานสนามแม้เหล็กของโลก ที่มีต่อตัวบุคคลก็จะน้อยตามไปด้วย ซึ่งศาสมารถพิสูจน์ได้ จากนักกีฬาต่างๆที่ต้องการความดึงดูดของโลกน้อย เช่น พวกนักวิ่ง ฯลฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
...เพราะบุคคลแบบคุณยังมีอีกมาก ที่ไม่รู้ มีข้อสงสัย แล้วถาม ยังดีนะ ...


ขอบคุณครับ ที่เห็นกระผมยังดีอยู่ และเมตตาที่ให้ความกระจ่างกับกระผม

งั๊นกระผมถามต่อเลยนะครับ

จากคำตอบของคุณ นั่นเป็นการอิงความสัมพันธ์ของจิต เข้ากับ สสาร...
ซึ่งตรงนี้ คุณช่วยไขความกระจ่างให้กับผมได้รึเปล่าครับว่า
ว่า จิต กับ สสาร เป็นสิ่งที่แยกจากกัน หรือ ไม่แยกจากกัน
หรือ แยกจากกัน แต่ทำงานร่วมกัน
และ ไม่ว่ามันจะทำงานอย่างไร มันต้องมีกฎพื้นฐานที่สนับสนุน...

และจิตเกิดก่อน หรือ สสารเกิดก่อน :b12:


แก้ไขล่าสุดโดย yahoo เมื่อ 13 พ.ย. 2009, 14:25, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


yahoo เขียน:
Buddha เขียน:
...เพราะบุคคลแบบคุณยังมีอีกมาก ที่ไม่รู้ มีข้อสงสัย แล้วถาม ยังดีนะ ...


ขอบคุณครับ ที่เห็นกระผมยังดีอยู่ และเมตตาที่ให้ความกระจ่างกับกระผม

งั๊นกระผมถามต่อเลยนะครับ

จากคำตอบของคุณ นั่นเป็นการอิงความสัมพันธ์ของจิต เข้ากับ สสาร...
ซึ่งตรงนี้ คุณช่วยไขความกระจ่างให้กับผมได้รึเปล่าครับว่า
ว่า จิต กับ สสาร เป็นสิ่งที่แยกจากกัน หรือ ไม่แยกจากกัน
หรือ แยกจากกัน แต่ทำงานร่วมกัน
และ ไม่ว่ามันจะทำงานอย่างไร มันต้องมีกฎพื้นฐานที่สนับสนุน...

และจิตเกิดก่อน หรือ สสารเกิดก่อน :b12:


คุณขอรับ คุณอ่านที่ข้าพเจ้าตอบไป แล้วคุณไม่เข้าใจ แต่คุณกลับเข้าใจว่า ข้าพเจ้าอ้างอิงเอาจิต สัมพันธ์กับ สสาร
ไม่ถูกขอรับ และเป็นการบิดเบือนคำอธิบายของข้าพเจ้าอย่างชัดเจน ลักษณะอย่างคุณมีเยอะขอรับ ศาสนามันถึงได้มั่ว เขาเขียนอย่าง แต่ดันเข้าใจไปอีกอย่าง
ข้าพเจ้าไม่ได้อ้างอิง ควมสัมพันธ์ของจิต เข้ากับ สสาร (หมายถึงมวลสารของวัตถู ที่สามารถสัมผัสได้) คำถามของคุณ ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ แต่ถ้าจะตอบตามที่คุณถามมาก็ตอบได้ง่ายๆ ซึ่งคุณก็คงไม่รู้เรื่องต่อไปอีก ดังนั้นข้าพเจ้าจะอธิบายใหม่อีกครั้ง
จิตที่คุณกล่าวถึง หากเป็นในทางพุทธศาสนาแล้ว หมายถึง ธรรมชาติการรับรู้อารมณ์ แต่ในหลักการของข้าพเจ้าแล้ว
จิต หมายถึง อะตอม ซึ่งประกอบด้วยนิวเคลียส รวมกันหลายอะตอม เป็นโมเลกุล หลายโมเลกุล รวมกันเป็นเซลล์ หลายเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ หลายเนื้อเยื่อรวมกันเป็นอวัยวะ อวัยวะหลายอวัยวะรวมกันเป็นระบบการทำงานของอวัยวะ และร่างกาย ซึ่งทำให้สามารถรับรูู้ อารมณ์ ความรุ้สึก จากการได้รับการสัมผัสจากสิ่งภายนอกร่างกายและภายในร่างกาย
นิวเคลืยส ภายในอะตอม ของอวัยวะต่างๆจะเป็นตัวรับคลื่นไฟฟ้า และตัวนิวเคลียสในร่างกายของคนเรานี้แหละ ก็จะแปลงคลื่นไฟฟ้าต่างๆ ให้เป็นอารมณ์ ความรู้สึก การรับรู้สิ่งต่างๆ และ ตัวนิวเคลียสนี้แหละที่จะแปลงคลื่นอารมณ์ ความรู้สึก การรับรู้ต่างๆ ให้เป็นพลังงานแม่เหล็ก มีทั้งแรงดึงดูด และแรงดันออกหรือ ผลักออก
เอาแค่นี้ก่อน ให้คุณลองพิจารณาดู พอจะเข้าใจหรือไม่ ในข้อความที่ข้าพเจ้าได้อธิบายไปเกี่ยวกับเรื่องของจิต ลองใช้สมองสติปัญญาพิจารณาดู
และคำถามของคุณ ก็มีคำตอบอยู่ในที่ข้าพเจ้าอธิบายไปข้างต้น
แต่ถ้าคำว่า สสาร ที่คุณตั้งเป็นคำถาม หมายถึง สิ่งที่อยู่รอบตัวเราแล้วละก้อ สสาร ย่อมเกิดก่อน เพราะ อากาศ ดิน น้ำ หิน มีมาก่อน ตัวคุณ ตัวคุณก็คือ จิตนั่นแหละ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ย. 2009, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
จิตที่คุณกล่าวถึง หากเป็นในทางพุทธศาสนาแล้ว หมายถึง ธรรมชาติการรับรู้อารมณ์ แต่ในหลักการของข้าพเจ้าแล้ว
จิต หมายถึง อะตอม ซึ่งประกอบด้วยนิวเคลียส รวมกันหลายอะตอม เป็นโมเลกุล หลายโมเลกุล รวมกันเป็นเซลล์ หลายเซลล์รวมกันเป็นเนื้อเยื่อ หลายเนื้อเยื่อรวมกันเป็นอวัยวะ อวัยวะหลายอวัยวะรวมกันเป็นระบบการทำงานของอวัยวะ และร่างกาย ซึ่งทำให้สามารถรับรูู้ อารมณ์ ความรุ้สึก จากการได้รับการสัมผัสจากสิ่งภายนอกร่างกายและภายในร่างกาย
นิวเคลืยส ภายในอะตอม ของอวัยวะต่างๆจะเป็นตัวรับคลื่นไฟฟ้า และตัวนิวเคลียสในร่างกายของคนเรานี้แหละ ก็จะแปลงคลื่นไฟฟ้าต่างๆ ให้เป็นอารมณ์ ความรู้สึก การรับรู้สิ่งต่างๆ และ ตัวนิวเคลียสนี้แหละที่จะแปลงคลื่นอารมณ์ ความรู้สึก การรับรู้ต่างๆ ให้เป็นพลังงานแม่เหล็ก มีทั้งแรงดึงดูด และแรงดันออกหรือ ผลักออก
เอาแค่นี้ก่อน ให้คุณลองพิจารณาดู พอจะเข้าใจหรือไม่ ในข้อความที่ข้าพเจ้าได้อธิบายไปเกี่ยวกับเรื่องของจิต ลองใช้สมองสติปัญญาพิจารณาดู
และคำถามของคุณ ก็มีคำตอบอยู่ในที่ข้าพเจ้าอธิบายไปข้างต้น
แต่ถ้าคำว่า สสาร ที่คุณตั้งเป็นคำถาม หมายถึง สิ่งที่อยู่รอบตัวเราแล้วละก้อ สสาร ย่อมเกิดก่อน เพราะ อากาศ ดิน น้ำ หิน มีมาก่อน ตัวคุณ ตัวคุณก็คือ จิตนั่นแหละ


ขอบคุณครับ ที่พยายามชี้แจงให้ผมเข้าใจ
ซึ่งตอนนี้ผมเข้าใจแล้วครับ ว่าผมคงไม่อาจเอื้อมมาเข้าใจความรู้ของคุณได้เลย...
ต้องขอโทษด้วยนะครับ...ที่ทำให้คุณต้องลำบากกับการพยายามอธิบาย...
ในสิ่งที่คุณเองก็รู้อยู่แล้วว่า...อธิบายไปผมไม่มีทางจะเข้าใจสิ่งที่คุณรู้ได้...
ยังไงซะ ผมคงทำได้เพียงกล่าวขอบคุณ...นะครับ

:b16: ผมหมดคำถาม...ที่จะถามคุณแล้วครับ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 09:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ม.ค. 2009, 20:45
โพสต์: 1094

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุก ๆ ความเห็นครับ
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ย. 2009, 10:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2009, 15:28
โพสต์: 307

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาครับ
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 37 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 42 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร