วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 11:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


tongue
:b1:
...เพราะสนใจขวนขวายในสิ่งที่อยู่นอกตัว...
...สิ่งที่อยู่ในตัวจึงถูกเพิกเฉย...ละเลยไม่ใยดี...
...การรู้โลกและจักรวาลดูกว้างขวางไม่มีประมาณ...
...รู้โลก...รู้จักรวาล...แต่ไม่รู้จักตัวเอง...ก็ไม่สิ้นสุด...
:b6:
...หยุดค้นหาสิ่งภายนอก...มองเข้ามาภายในกายตน...
...คิดค้นให้รู้รอบภายในกายและจิตตนอันแสนคับแคบนี้...
...แล้วจะรู้ว่าโลกและจักรวาลที่ว่ากว้างแสนกว้างนั้น...
...มันคับแคบตีบตันอยู่แค่ภายในใจดวงนี้ดวงเดียว...
:b11:
:b12: :b17:
:b55: :b55: :b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 14:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


แสดงว่าในนี้มีคนเจอแล้ว :b10: :b14: :b4: cool


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2009, 09:31
โพสต์: 639

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าไปสนเลยค่ะว่าโลกและจักรวาลเกิดขึ้นได้อย่างไรเพราะมันเป็นความรู้เหนือสัจธรรม มนุษย์หาคำตอบไม่ได้หรอกค่ะ รู้ไว้แค่ว่าโลกมีไว้เพื่อเป็นที่อยู่ให้ร่างที่มีดวงจิตอยู่ อยู่เพื่อชดใช้กรรมสร้างกรรมลดทอนกรรม สร้างบุญสร้างบาป

ส่วนคำว่าตื่นนั้นหมายถึงมีสติรู้ตัวแบบรู้ตามหลักสติปัฏฐานน่ะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 15:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
แล้วอวิชชาเกิดได้อย่างไร smiley


:b6: :b6: :b6:
:b23: :b23: :b23:
:b22: :b22: :b22:
:b21: :b21: :b21:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2010, 11:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


keaksim เขียน:
อจินไตย ...คือ ไม่ควรคิด.. :b8:


กูถูกครับ อจินไตย..ไม่ควรคิด เพราะสมองมันคิดไม่ออก

แต่ถ้าหยุดไม่คิด..มันรู้เอง ปัญหาคือ ต้องหยุดให้ได้อย่างน้อยขั้นอรหันต์ แต่ถ้าอยากรู้เรื่องอจินไตยมากขึ้น จนถึงมากที่สุด ก็ต้องหยุดให้ได้ถึงขั้นพระพุทธเจ้า ได้อนุสัมมาสัมโพธิญาณมันรู้ทั้งหมด เป็นสัพพัญญู


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2010, 11:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
แล้วอวิชชาเกิดได้อย่างไร smiley


ตอบคุณnadanaiด้วยนะครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจนะครับ

ก็เอ็งและข้ารวมกับทุกจิตบริสุทธิ์ ตอนที่พวกเราเป็นพระเจ้า(พุทธะ) พวกเราอยู่เป็นอมตะในนิพพาน ไม่มีความทุกข์ เราไม่ชอบ เพราะไม่มีสิ่งอื่นเปรียบเทียบให้เห็นว่า นิพพานของเราดีที่สุดแล้ว พวกเราเลยสร้างโลกและจักรวาล(จากจินตนาการ)ขึ้นมา และสร้างวิญญาณธาตุขึ้นมาด้วย เพื่อเป็นตัวแทนของพวกเรา เล่นเกมอยู่ในโลกและจักรวาล เกมนี้จะเล่นได้ เราต้องให้อิสระมันเลือกตัดสินใจเอาเองว่าจะติดอวิชชาชนิดไหน หรือจะไม่ติดเลยก็ได้ จากมายา(โลกและจักรวาล)ที่เราสร้างขึ้นให้พวกมันเล่นเกม เกมที่เล่นเป็นเกมค้นหาตัวเองว่า:

"แท้จริง...ข้าเป็นพุทธะ(พระเจ้า) แต่ข้าจะเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์นรก เป็นเทพ เทวา เป็นพรหมระดับไหนก็ได้ แล้วแต่ข้าจะเลือกเอา.... พระพุทธเจ้าทรงเบื่อจะเล่นเกมงี่เง่านี่แล้ว เลยกลับไปเป็นพระเจ้า(พุทธะ)เหมือนเดิม"


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 12 เม.ย. 2010, 22:34, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2010, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนดีที่โลกลืม เขียน:
ตอบคุณnadanaiด้วยนะครับ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจนะครับ

ก็เอ็งและข้ารวมครั้งทุกจิตบริสุทธิ์ ตอนที่พวกเราเป็นพระเจ้า(พุทธะ) พวกเราอยู่เป็นอมตะในนิพพาน ไม่มีความทุกข์ เราไม่ชอบ เพราะไม่มีสิ่งอื่นเปรียบเทียบให้เห็นว่า นิพพานของเราดีที่สุดแล้ว พวกเราเลยสร้างโลกและจักรวาล(จากจินตนาการ)ขึ้นมา และสร้างวิญญาณธาตุขึ้นมาด้วย เพื่อเป็นตัวแทนของพวกเรา เล่นเกมอยู่ในโลกและจักรวาล เกมนี้จะเล่นได้ เราต้องให้อิสระมันเลือกตัดสินใจเอาเองว่าจะติดอวิชชาชนิดไหน หรือจะไม่ติดเลยก็ได้ จากมายา(โลกและจักรวาล)ที่เราสร้างขึ้นให้พวกมันเล่นเกม เกมที่เล่นเป็นเกมค้นหาตัวเองว่า:

"แท้จริง...ข้าเป็นพุทธะ(พระเจ้า) แต่ข้าจะเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์นรก เป็นเทพ เทวา เป็นพรหมระดับไหนก็ได้ แล้วแต่ข้าจะเลือกเอา.... พระพุทธเจ้าทรงเบื่อจะเล่นเกมงี่เง่านี่แล้ว เลยกลับไปเป็นพระเจ้า(พุทธะ)เหมือนเดิม"

เอ็งเป็นเปรต เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นสัตว์นรก เป็นเทพ เทวา เป็นพรมหมระดับไหน เอ็งเป็นอะไรๆๆๆ เอ็งก็เป็นไปตามกรรม :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2010, 22:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


จักรวาลและโลกนี้..เกิดได้อย่างไรนะหรือ??

พระพุทธเจ้าท่านก็บอกแล้วละ...แต่พวกเราไม่ค่อยเชื่อกันเอง..เพราะนึกไม่ถึง

ดูได้ที่..ปฏิจจสมุปบาท..เริ่มที่อวิชชา..งั้ย

ดูเรียบง่ายไปละซิ :b32:

เดียวจะเล่าเรื่องอินไซค์ให้ดู.. :b16:

เรื่องมีอยู่ว่า..

มีจิตหนึ่ง..เรียกกันภายหลังว่า..ประภัสสร..เกิดความคิดใหม่ที่ยังไม่เคยมีจิตดวงใดคิดมาก่อนเลย..

จิตดวงนั้นคิดว่า..หากมีอะไร ๆ ที่มากกว่าจิต..จะเป็นอย่างไรหน่อ??

ภายหลังเรียกอุบัติการณ์นี้ว่า..อวิชชาจรมา

เมื่อจิตดวงนั้นคิด..จิตดวงอื่นก็ทราบความคิดนั้นด้วย..เพราะคุณสมบัติของจิตที่เรียกกันว่า..อภิฌชา

เมื่อจิตทั้งหลาย..คิดอย่างนั้นแล้ว..ก็ปราถณาไคร่รู้..จิตจึงไหว..เรียกจิตที่มีอาการอย่างนี้ว่า..จรจิต..หรือ..วิถีจิต..จิตไม่นิ่งเสียแล้ว..ไม่ประภัสสรแล้ว

จิตที่เป็นวิถีจิตทั้งหลาย..ได้ช่วยกันใช้ความสามารถที่จิตมีคืออภิฌชาเพ่งสร้างสิ่งหนึ่งขึ้นมาจนได้..เพราะความที่ไม่เคยเห็นสิ่งใดมาก่อน..(ก็มันไม่เคยมีสิ่งใดนอกจากจิตมาก่อนนี้..แล้วจะให้ไปเห็นอะไรที่นอกเหนือจากสิ่งที่มีได้งัยเน๊าะ)..สิ่งที่สร้างได้ครั้งแรกจึงมีสภาพคล้ายจิต..บางเบายิ่งกว่าพลังงานใด ๆ แต่ไม่ใช่จิต..ไม่มีคุณสมบัติของจิตคือ รู้..รู้คิด..รู้สึก..รู้จำ..และอภิฌชา..มาภายหลังเรียกสิ่งที่สร้างได้ครั้งแรกนี้ว่า..สังขาร..เพราะมันเกิดขึ้นได้..จากความคิดอยากรู้..นั้นเอง

ด้วยเหตุนี้..จึงเรียกว่า..อวิชชา..เป็นปัจจัยให้เกิด..สังขาร (วัตถุธาตุที่มีนิคเนมว่า..สังขาร )

จิตทั้งหลายเหล่านั้นก็พากันดีใจยกใหญ่..เกิดความรู้สึกรักในสิ่งที่พวกตนช่วยกันสร้างขึ้นมา..จากจิตที่เริ่มไม่ใสสะอาดอยู่แล้ว..ก็ยิ่งหมองไปกว่าเดิมอีก..เหตุเพราะรักในสิ่งที่ตนสร้างขึ้นมา..เรียกจิตที่มีสภาวะอย่างนี้ว่า..วิญญาณ..

ด้วยเหตุนี้..จึงเรียกว่า..สังขาร..เป็นปัจจัยให้เกิด..วิญญาณ

เพราะรักแท้ ๆ จิตจึงหมองไปมากกว่าเดิม..มิน่าละ..ที่เขาว่า..ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์..มันทุกข์ตั้งแต่ยังไม่เกิดสิ่งที่เรียกว่า..สิ่งมีชีวิต..แล้ว

จากสังขารแรก ๆ ที่บางเบา..ก็ค่อย ๆ สร้างสิ่งที่หยาบขึ้นมาเรื่อย ๆ ..จนมาเป็นพลังงานละเอียด..จากพลังงานละเอียกก็มเป็นพลังงานหยาบ..จากพลังงานหยาบ(ธาตุลม..ธาตุไฟ).ก็มาเป็นวัตถุละเอียด..จากวัตถุละเอียดก็มาเป็นวัตถุหยาบ (ธาตุดิน..ธาตุน้ำ)..จากวัตถุหยาบน้อยก็หยาบขึ้นมาเรื่อย ๆจนเป็นคว้ากซ์..เป็นอิเล็กตรอน..เป็นนิวตรอน..เป็นโปรตรอน..เป็นอะตอม..จากหนึ่งอะตอมก็กลายเป็นหลาย ๆ อะตอม..

จากหลาย ๆ อะตอมก็รวม ๆ กันเป็นธาตุ...(ดูตารางธาตุของวิชาเคมีได้)

จากหลาย ๆธาตุรวม ๆ กันก็เป็นสสาร..

จากสสารก็กลายมาเป็นสารประกอบ..สารผสม..

จากหลาย ๆ สารประกอบก็กลายมาเป็นเนื้อเยื่อ..

แต่ไม่ว่าจิตอวิชชาจะสร้างอะไรขึ้นมา..ที่สุด..สิ่งนั้นก็สลาย..ทุกครั้งไม่มียกเว้นเลย

สร้างแล้วสร้างอีก..ก็..สลายแล้วสลายอีก..

เสียใจไหมครับพี่น้อง..ที่ต้องเห็นสิ่งที่รักที่สร้างมากะมือ..แตกสลายไป..

แต่จิตอวิชชาไม่เคยยอมแพ้..จิตอวิชชาไม่เคยหยุดคิดว่า..ต้องมีอะไรที่ดีกว่านี้..

(ดูเถิดว่า..เศษซากเล็ก ๆ ของอวิชชาก็ยังโผล่ขึ้นมาแสดงตัวเองอยู่เสมอๆ..
ดูง่ายๆ ..ล้อลากดีกว่าแบกเดินด้วยเท้า..
สัตว์ลากล้อดีกว่าคนลากล้อ..
เครื่องยนต์ลากล้อดีกว่าสัตว์ลากล้อ..
เครื่องยนต์ลากล้อยี่ห้อเบ็นซ์ดีกว่ายี่ห้อโตโยต้า..
นี้แหละอวิชชามีสเต็บคิดอย่างนี้เสมอ..)

(มันรู้ดีเรื่องทำนั้นทำนี้..เพราะอยากหาความสุข..แต่มันไม่รู้ว่ายิ่งมีสิ่งใดมาก ๆขึ้น..มันยิ่งทุกข์..มันจะหาสุขแต่กลับมีทุกข์มากขึ้น..มันโง่ไหมพี่น้อง)

เพราะไม่ต้องการให้สิ่งที่ตนสร้างขึ้นมาสลาย..จึงเพียรพยายามควบคุมกลไกภายในเนื้อเยื่อนั้น ๆ อย่างใกล้ชิด..โดยการเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อนั้น ๆ เอง..

ด้วยเหตุนี้..จึงเรียกว่า..เพราะวิญญาณ..จึงเป็นปัจจัยให้เกิด..รูปนาม

รูปนาม คือ สังขาร (รูปขันธ์1) +วิญญาณที่มีคุณสมบัติของจิต 5 ประการ แต่ อภิฌชาไปรวมอยู่ที่วิญญาณขันธ์ จึงเหลือเพียง 4 เรียก นามขันธ์ 4..ด้วยเหตุที่อภิฌชาไปกองรวมกับวิญญาณเป็นวิญญาณขันธ์นี้เอง..อายตนะที่ 6 ที่เรียกว่า..มโนอายตนะ..ที่รู้ธรรมารมณ์ทั้งหลายนั้นเอง

รูปนามหรือขันธ์ทั้ง 5 นี้ จึงถือว่าเป็น..สิ่งมีชีวิตแรก..ที่อุบัติขึ้นในจักรวาลนี้

ดังนั้น..จงรู้ใว้สะว่า..ทุกสิ่งที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิต (สัตว์นรก..พืช..สัตว์..มนุษย์..เทวดา อินทร์..พรหม ฯลฯ)..ล้วนมีจิตด้วยกันทั้งนั้น

นิทานเรื่องนี้..สอนให้รู้ว่า..
ทุก ๆ สิ่งในจักรวาลนี้ หรือจักรวาลไหน..ล้วนเกิดมาจาก..ความคิด..ทั้งสิ้น

ฮา..ฮา..ฮา :b17: :b17:
เอวัง :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2010, 23:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮ..มัวแต่ก้มหน้าก้มตา..พิมพ์นิทานอยู่

โพล่ขึ้นมา..ความเห็นเต็มไปหมดเลย..นิ

:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต


พระองค์นั้นทรงชนะแล้ว กิเลสบางอย่างย่อมไม่ไปตามใน
โลก
ท่านทั้งหลายจักนำพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นผู้
ตรัสรู้แล้ว มีอารมณ์หาที่สุดมิได้ ผู้ไม่มีร่องรอย ไปด้วย
ร่องรอยอะไร ตัณหามีข่ายส่ายไปในอารมณ์ต่างๆ ไม่มี
แก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด เพื่อจะนำไปในภพ
ไหนๆ ท่านทั้งหลายจักนำพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ตรัสรู้แล้ว มีอารมณ์หาที่สุดมิได้ ผู้ไม่มีร่องรอย ไปด้วย
ร่องรอยอะไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเหล่าใด ผู้ขวนขวาย
แล้วในฌาน เป็นนักปราชญ์ ยินดีแล้วในธรรมเป็นที่เข้าไป
ระงับ คือ เนกขัมมะ แม้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ย่อม
รักใคร่พระสัมพุทธเจ้าผู้มีสติเหล่านั้น การได้เฉพาะความ
เป็นมนุษย์ยาก ความเป็นอยู่ของสัตว์ทั้งหลายยาก การฟัง
พระสัทธรรมยาก การเกิดขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายยาก
ความไม่ทำบาปทั้งปวง ความบำเพ็ญกุศลให้ถึงพร้อม ความ
ชำระจิตของตนให้ผ่องแผ้ว นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ทั้งหลาย ความอดทน คือ ความอดกลั้น เป็นตบะอย่างยิ่ง
ท่านผู้รู้ทั้งหลายย่อมกล่าวนิพพานว่าเป็นธรรมอย่างยิ่ง ผู้ฆ่า
สัตว์อื่นไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิต ผู้เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ชื่อ
ว่าเป็นสมณะเลย การไม่เข้าไปว่าร้ายกัน ๑ การไม่เข้าไป
ฆ่า ๑ ความสำรวมในพระปาติโมกข์ ๑ ความเป็นผู้รู้จัก
ประมาณในภัต ๑ การนอนการนั่งอันสงัด ๑ การประกอบ
ความเพียรในอธิจิต ๑ นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ทั้งหลาย ความอิ่มในกามทั้งหลาย ย่อมไม่มีเพราะฝน คือ
กหาปณะ กามทั้งหลายมีความเพลิดเพลิน [ยินดี] น้อย
เป็นทุกข์ บัณฑิตรู้ดังนี้แล้ว ท่านย่อมไม่ถึงความยินดีใน
ในกามทั้งหลายแม้อันเป็นทิพย์ สาวกของพระสัมมา-
สัมพุทธเจ้า เป็นผู้ยินดีแล้วในธรรมเป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา
มนุษย์เป็นอันมากแล ถูกภัยคุกคามแล้ว ย่อมถึงภูเขา ป่า
อารามและรุกขเจดีย์ว่า เป็นที่พึ่ง ที่พึ่งนั้นแลไม่เกษม ที่พึ่ง
นั้นไม่อุดม เพราะบุคคลอาศัยที่พึ่งนั้น ย่อมไม่พ้นจากทุกข์
ทั้งปวงได้ ส่วนผู้ใดถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์
ว่าเป็นที่พึ่ง ย่อมเห็นอริยสัจ ๔ คือ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์
ความก้าวล่วงทุกข์ และอริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ อัน
ให้ถึงความสงบระงับทุกข์ ด้วยปัญญาอันชอบ ที่พึ่งนั้นแล
เป็นที่พึ่งอันเกษม ที่พึ่งนั้นอุดม เพราะบุคคลอาศัยที่พึ่งนั้น
ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ บุรุษอาชาไนยหาได้ยาก ท่าน
ย่อมไม่เกิดในที่ทั่วไป ท่านเป็นนักปราชญ์ย่อมเกิดในสกุล
ใด สกุลนั้นย่อมถึงความสุข ความเกิดขึ้นแห่งพระ
พุทธเจ้าทั้งหลาย นำสุขมาให้ พระสัทธรรมเทศนานำสุขมา
ให้ ความพร้อมเพรียงแห่งหมู่นำสุขมาให้ ความเพียรของ
ผู้พร้อมเพรียงกันให้เกิดสุข ใครๆ ไม่อาจนับบุญของบุคคล
ผู้บูชาซึ่งปูชารหบุคคล คือ พระพุทธเจ้าหรือสาวกของพระ
พุทธเจ้า ผู้ก้าวล่วงธรรมเครื่องเนิ่นช้า ผู้ข้ามความโศกและ
ความร่ำไรได้แล้ว ว่าบุญนี้มีประมาณเท่านี้ ใครๆ ไม่อาจ
นับบุญของบุคคลผู้บูชาปูชารหบุคคลเหล่านั้น ผู้คงที่ ผู้นิพพาน
แล้ว ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ว่าบุญนี้ประมาณเท่านี้ ฯ
จบพุทธวรรคที่ ๑๔
จบปฐมภาณวาร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ บรรทัดที่ ๗๕๑ - ๗๙๘. หน้าที่ ๓๓ - ๓๕.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0


:b42: :b42: :b42:
:b44: :b44: :b44:
:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 10 เม.ย. 2010, 11:48, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2010, 20:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

มีแต่อริยบุคคลที่ใส่ใจว่าจะดับอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2010, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 21:37
โพสต์: 54

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผงธุลีดิน เขียน:
ครับ
ลองนับ 1 2 3.....ไปเรื่อยๆดูครับ

นับจนถึงที่สุด เมื่อไร คำตอบจึงอยู่ในนั้น


:b32: เราเคยตอบตัวเองอย่างนี้ จริง ๆ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 เม.ย. 2010, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2010, 13:35
โพสต์: 355

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kamonchanok เขียน:
ผงธุลีดิน เขียน:
ครับ
ลองนับ 1 2 3.....ไปเรื่อยๆดูครับ

นับจนถึงที่สุด เมื่อไร คำตอบ (จักรวาลและโลกนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร) จึงอยู่ในนั้น


:b32: เราเคยตอบตัวเองอย่างนี้ จริง ๆ :b32:


ศาสนาอื่นใช้วิธีคิดย้อนหลัง เราเกิดจากพ่อแม่ พ่อและแม่แต่ละคน เช่น พ่อก็เกิดจากพ่อของพ่อและแม่ของพ่อ แล้วก็คิดย้อนต่อไปเรื่อยๆ จะพบว่ามีสิ่งหนึ่งซึ่งเป็นผู้สร้างเริ่มต้น เรียกว่า "พระเจ้า"

ถ้ามีสิ่งที่เป็นผู้สร้าง"พระเจ้า" เช่นพ่อแม่พระเจ้า สิ่งนั้นที่เป็นสิ่งแรกก็คือ "พระเจ้า"

ในทางพุทธศาสนา สิ่งที่เป็นผู้สร้าง และมีมาก่อนสิ่งอื่นทั้งหมด คือ "นิพพาน" หรือ "อสังขตธาตุ" "นิพพาน" หรือ "อสังขตธาตุ" จึงเป็นผู้สร้างโลกและจักวาล


แก้ไขล่าสุดโดย คนดีที่โลกลืม เมื่อ 13 เม.ย. 2010, 14:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 28 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร