วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 02:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กลับไปยังกระทู้  [ 315 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 21  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
อย่ามาแสดงละครเลย noomairu เอ๋ย :b32:
ก็รู้ :b32:


noomairu แสดงละครก็รู้ว่ากำลังแสดง

หลับอยู่ แสดงละคร ใส่ตัวตนอินกับบทเข้าไปเต็มๆ

เพราะมีตัวตน จึงไปยึดมั่นถือมั่นกับบทบาททั้งของตนและผู้อื่น



อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


สัตว์ 2 เพศ จะมาสอนผมหรอ???ก็รู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ :b32: :b32:
มีคุณธรรม คุณค่าประเสริฐอันใดหรอ มารยาททราม ปาดเขาไปทั่ว ก็รู้ :b32:

นักปาด จอม ตุ๊ดสสสสสสส์์์์ เลิกช่วยตัวเอง ให้ได้ก่อนเหอะ :b7: :b32:

ไม่อนุโมทนาจ้า :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 25 เม.ย. 2010, 14:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
เอรากอน เขียน:

คำถามเอกอนค่ะ แล้วผลอันแท้จริง ปรากฎเช่นไร

ท่านหลับอยู่ จะตอบว่าอย่างไรคะ

ท่านลองตอบ เอกอนขอคำตอบนี้ คำตอบเดียวค่ะ

:b8: :b8:


พระองค์ทรงบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้วไงครับ เอรากอน


พระพุทธเจ้าสมณโคดม

"เมื่อเราอยู่ในที่เฉพาะพระพักตร์พระพุทธทีปังกร เรารู้สึึกว่าไม่มีอะไร แม้แต่อนุภาคเดียวสำหรับเราเพื่อจะบรรลุถึง"


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
สัตว์ 2 เพศ จะมาสอนผมหรอ???ก็รู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ :b32: :b32:
มีคุณธรรม คุณค่าประเสริฐอันใดหรอ มารยาททราม ปาดเขาไปทั่ว ก็รู้ :b32:

นักปาด จอม ตุ๊ดสสสสสสส์์์์ เลิกช่วยตัวเอง ให้ได้ก่อนเหอะ :b7: :b32:

ไม่อนุโมทนาจ้า :b32:


บทบาทของ หลับอยู่ ก็มีแต่เรื่องไร้สาระละจ้า



อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 15:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ถือมานะว่า ดีกว่าสัตว์2เพสล่ะกัน
ก้รู้ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ถือมานะว่า ดีกว่าสัตว์2เพสล่ะกัน
ก้รู้ :b32:


อิอิ

สัตว์สองเพศที่ออกมาจากสภาวะเพี้ยนของเดียรถีย์หลับอยู่ละจ้า


หลับอยุ่ เขียน:

มีคุณธรรม คุณค่าประเสริฐอันใดหรอ มารยาททราม ปาดเขาไปทั่ว ก็รู้ :b32:

นักปาด จอม ตุ๊ดสสสสสสส์์์์ เลิกช่วยตัวเอง ให้ได้ก่อนเหอะ :b7: :b32:


อิอิ เดียรถีย์หลับอยู่ รู้ ที่ตัวเองให้ได้ก่อนเหอะ นะจ้าๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


น่าจะล็อกกระทู้ได้แล้วงับ

55+


ยุติสงครามกลาง ลานธรรมจักร

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 17:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถาม


ที่ เช่นนั้น บอกว่า มีฌานสี่เป็นบาท
อธิบายองค์ธรรม ของฌานสี่ หน่อยสิ
สภาวะในพระไตรปิฎก นั้น มีบาทเป็นฌานสี่ จริงหรือ

และอธิบาย นิวรณ์ สิ
ว่าปริวิตก เป็นอะไร
ฌานสี่ ที่มีปริวิตก เป็นสภาวะอะไร

และอธิบาย การยก การพิจารณา ที่ทำให้เกิด ปริวิตก
โดยขาดองค์ธรรมวิปัสสนา
สภาวะที่เกิด ปริวิตก นั้น เป็นยังไง

อธิบายสิว่า สัมมาสัมพุทธจิต เกิดนิวรณ์ได้อย่างไร

อธิบายสิ ว่า การบรรลุ เป็นเจตสิกประเภทไหน

อธิบายสิ ว่า เมื่อสัมมาสัมพุทธจิตแล้ว มีฌานสี่เป็นบาท
แต่โน้มไปโน้มมา ฌานหนึ่งสองสามสี่ เข้าอรูป ฌาน เพื่อแสวงหาอะไรอีก ในฌาน
อธิบายสิว่า พรหมสภาวะ ทำไม มองทะลุวาระจิตพระพุทธเจ้าได้

อธิบายสิว่า พระอนุรุธสาวก หยั่งอจินไตย ในสัพพัญญูของพระพุทธเจ้าได้ อย่างไร

หรือสภาวะที่ว่านั้น เพียง เท่ากับพรหม เท่ากับพระอรหันต์สาวก

เหอๆๆ

ตอบมาหน่อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
เอามาให้อ่านอีกที

๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.





ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง



ยังยืนยันเรื่องสภาวะนะว่าไม่ใช่ " ฌาน "
เพราะถ้าเป็นฌาน เวลาพระพุทธองค์ทรงแสดง
จะมีการแสดงองค์ประกอบของฌานที่เป็นสัมมาสมาธิด้วยทุกครั้ง

แล้วในรูปประโยคทั้งหมด ไม่มีคำว่า " สมาธิ " ประกอบอยู่
แต่สภาวะที่ยกมาเป็นตัวอย่างตรงนี้เจาะจงชัดเจนว่า " ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "


ถ้ามีคำว่า " สมาธิ " ประกอบอยู่ นั่นหมายถึงการเข้าผลาสมาบัติของอริยะแต่ละระดับ

สภาวะของฌานสมาบัติ จะมีสภาวะเหมือนกับการเข้าผลาสมาบัติของอริยะ
ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งดับ แล้วเกิด ซึ่งทำให้มีคนหลงสภาวะตรงนี้ได้

แต่ความแตกต่างอยู่ที่ การเข้าฌานสมาบัติที่เป็นโลกียฌานนั้น มีวันเสื่อม
แต่ฌานสมาบัติที่เป็นโลกุตระนั้น ไม่มีวันเสื่อม


แม่หนูน้อย

ปริวิตก เป็นสังขารประเภทใดหรือ






ดีแล้ว สงสัยอะไรก็ถามมา เพราะสิ่งที่คุณถามมานั้น คือ
คุณยังไปไม่ถึงโลกุตรฌาน แต่เข้าได้แค่ฌานสมาบัติ
สภาวะการเกิดและดับของฌานสมาบัติ ไม่มีความแตกต่างกับการเข้าผลาสมาบัติของอริยะแต่อย่างใด
เหตุนี้ จึงทำให้คุณสำคัญผิด คิดว่าตนเองเห็นแจ้งแล้ว แต่แท้จริงนั้น เปล่าเลย


ความแตกต่างระหว่างฌานสมาบัติกับผลาสมาบัติ

โลกียฌาน เป็นมิจฉาสมาธิ ซึ่งฌานลาภีบุคคลผู้ได้ฌานชั้นสุง จะเข้าทั้งฌานขั้นสูงและขั้นต่ำ
หาที่เข้าตั้งแต่ฌานขั้นต่ำขึ้นไปหาฌานขั้นสูง เท่าที่ทำได้
และเข้าฌานย้อนหลังตั้งแต่ขั้นสูงลงมาขั้นต่ำ ขึ้นๆลงๆได้

แต่ อริยบุคคล เข้าแต่ผลาสมาบัติ ( ในขั้น )ของๆตนเท่านั้น
โสดาบันเข้าได้โสดาปัตติผลสมาบัติ พระอริยะชั้นสูงไม่เข้าผลาสมาบัติชั้นต่ำ


ความแตกต่างเรื่องความคิด ระหว่างโลกียฌานกับโลกุตรฌาน

โลกียฌาน เมื่อใดเกิดความคิดนั่นคือ สมาธิคลายตัวแล้ว
โลกุตรฌาน ความคิดไม่มีผลส่งต่อสมาธิที่ดำเนินอยู่แต่อย่างใด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 17:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:
เอามาให้อ่านอีกที

๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา.





ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง



ยังยืนยันเรื่องสภาวะนะว่าไม่ใช่ " ฌาน "
เพราะถ้าเป็นฌาน เวลาพระพุทธองค์ทรงแสดง
จะมีการแสดงองค์ประกอบของฌานที่เป็นสัมมาสมาธิด้วยทุกครั้ง

แล้วในรูปประโยคทั้งหมด ไม่มีคำว่า " สมาธิ " ประกอบอยู่
แต่สภาวะที่ยกมาเป็นตัวอย่างตรงนี้เจาะจงชัดเจนว่า " ธรรมเป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง "


ถ้ามีคำว่า " สมาธิ " ประกอบอยู่ นั่นหมายถึงการเข้าผลาสมาบัติของอริยะแต่ละระดับ

สภาวะของฌานสมาบัติ จะมีสภาวะเหมือนกับการเข้าผลาสมาบัติของอริยะ
ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งดับ แล้วเกิด ซึ่งทำให้มีคนหลงสภาวะตรงนี้ได้

แต่ความแตกต่างอยู่ที่ การเข้าฌานสมาบัติที่เป็นโลกียฌานนั้น มีวันเสื่อม
แต่ฌานสมาบัติที่เป็นโลกุตระนั้น ไม่มีวันเสื่อม


แม่หนูน้อย

ปริวิตก เป็นสังขารประเภทใดหรือ






ดีแล้ว สงสัยอะไรก็ถามมา เพราะสิ่งที่คุณถามมานั้น คือ
คุณยังไปไม่ถึงโลกุตรฌาน แต่เข้าได้แค่ฌานสมาบัติ
สภาวะการเกิดและดับของฌานสมาบัติ ไม่มีความแตกต่างกับการเข้าผลาสมาบัติของอริยะแต่อย่างใด
เหตุนี้ จึงทำให้คุณสำคัญผิด คิดว่าตนเองเห็นแจ้งแล้ว แต่แท้จริงนั้น เปล่าเลย


ความแตกต่างระหว่างฌานสมาบัติกับผลาสมาบัติ

โลกียฌาน เป็นมิจฉาสมาธิ ซึ่งฌานลาภีบุคคลผู้ได้ฌานชั้นสุง จะเข้าทั้งฌานขั้นสูงและขั้นต่ำ
หาที่เข้าตั้งแต่ฌานขั้นต่ำขึ้นไปหาฌานขั้นสูง เท่าที่ทำได้
และเข้าฌานย้อนหลังตั้งแต่ขั้นสูงลงมาขั้นต่ำ ขึ้นๆลงๆได้

แต่ อริยบุคคล เข้าแต่ผลาสมาบัติ ( ในขั้น )ของๆตนเท่านั้น
โสดาบันเข้าได้โสดาปัตติผลสมาบัติ พระอริยะชั้นสูงไม่เข้าผลาสมาบัติชั้นต่ำ


ความแตกต่างเรื่องความคิด ระหว่างโลกียฌานกับโลกุตรฌาน

โลกียฌาน เมื่อใดเกิดความคิดนั่นคือ สมาธิคลายตัวแล้ว
โลกุตรฌาน ความคิดไม่มีผลส่งต่อสมาธิที่ดำเนินอยู่แต่อย่างใด


แม่หนูน้อย ความคิดไม่ส่งผลในโลกุตรญาน จริงหรือ
โลกุตรฌานระดับโสดาบัน
ยังมีปัจจัย ให้เกิดความคิด
ระดับอนาคามี ก็ยังมีปัจจัยให้เกิดความคิด
ระดับอรหันต์ ไม่มีเหตุ ไม่มีปัจจัย ให้เกิดความคิด

แต่ระดับในพระไตรปิฎกนั้น ระดับไหนล่ะจ๊ะแม่หนูน้อย
ตำราบังธรรมะ ซะแล้ว

ไม่รู้จัก ปัจจัยที่ทำให้เกิดความคิด ซะแล้ว นะแม่หนูน้อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นก็ ถามแม่หนูน้อยอีกคน

แม่หนูน้อย รู้จักไหม ว่า อะไร เป็นปัจจัยให้เกิดความคิด

และอธิบายองค์ธรรม ของอรูปฌานด้วย นะแม่หนูน้อย

ปริวิตก ในอรูปฌาน เป็นอรูปชนิดไหน


และที่ เช่นนั้น บอกว่า มีฌานสี่เป็นบาท

อธิบายองค์ธรรม ของฌานสี่ หน่อยสิ
สภาวะในพระไตรปิฎก นั้น มีบาทเป็นฌานสี่ จริงหรือ

และอธิบาย นิวรณ์ สิ
ว่าปริวิตก เป็นอะไร
ฌานสี่ ที่มีปริวิตก เป็นสภาวะอะไร เป็นฌานสี่ หรือไม่เป็น ฌานสี่

และอธิบาย การยก การพิจารณา ที่ทำให้เกิด ปริวิตก
โดยขาดองค์ธรรมวิปัสสนา
สภาวะที่เกิด ปริวิตก นั้น เป็นยังไง

อธิบายสิว่า สัมมาสัมพุทธจิต เกิดนิวรณ์ได้อย่างไร

อธิบายสิ ว่า การบรรลุ เป็นเจตสิกประเภทไหน

อธิบายสิ ว่า เมื่อสัมมาสัมพุทธจิตแล้ว

และ มีฌานสี่เป็นบาท
แต่โน้มไปโน้มมา ฌานหนึ่งสองสามสี่ เข้าอรูป ฌาน เพื่อแสวงหาอะไรอีก ในฌาน

อธิบายสิว่า พรหมสภาวะ ทำไม มองทะลุวาระจิตพระพุทธเจ้าได้

อธิบายสิว่า พระอนุรุธสาวก หยั่งอจินไตย ในสัพพัญญูของพระพุทธเจ้าได้ อย่างไร

หรือสภาวะที่ว่านั้น เพียง เท่ากับพรหม เท่ากับพระอรหันต์สาวก

เหอๆๆ

ตอบมาหน่อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 17:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ในการฝึกทำสมาธิแรกๆของผู้ปฏิบัติ ความคิด จัดเป็นนิวรณ์
แม้แต่ในฌานต่างๆก็เช่นกัน ถ้ามีความคิดเกิดขึ้น สภาวะของฌานจะเปลี่ยนไป
ฌานที่เป็นโลกียฌาน เป็นเพียง มิจฉาสมาธิ หรือที่ครูบาฯท่านชอบเรียกว่า สมาธิหัวตอ

ส่วนสัมมาสมาธิหรือโลกุตรฌานนั้น จะประกอบไปด้วยสติสัมปชัญญะ
แม้มีความคิดเกิดขึ้น ก็ไม่มีผลต่อสมาธิแต่อย่างใด
สมาธิยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง สภาวะญาณที่เกิดขึ้นก็ดำเนินอย่างต่อเนื่อง

ความคิด สมาธิ ญาณ ทุกอย่างจะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ ไม่มีมาปะปนกันแต่อย่างใด

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


enlighted เขียน:

๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา
.





นี่คือสภาวะของ นิโรธสมาบัติ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ในการฝึกทำสมาธิแรกๆของผู้ปฏิบัติ ความคิด จัดเป็นนิวรณ์
แม้แต่ในฌานต่างๆก็เช่นกัน ถ้ามีความคิดเกิดขึ้น สภาวะของฌานจะเปลี่ยนไป
ฌานที่เป็นโลกียฌาน เป็นเพียง มิจฉาสมาธิ หรือที่ครูบาฯท่านชอบเรียกว่า สมาธิหัวตอ

ส่วนสัมมาสมาธิหรือโลกุตรฌานนั้น จะประกอบไปด้วยสติสัมปชัญญะ
แม้มีความคิดเกิดขึ้น ก็ไม่มีผลต่อสมาธิแต่อย่างใด
สมาธิยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง สภาวะญาณที่เกิดขึ้นก็ดำเนินอย่างต่อเนื่อง

ความคิด สมาธิ ญาณ ทุกอย่างจะแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ ไม่มีมาปะปนกันแต่อย่างใด


เหอๆๆ


แม่หนูน้อย
ครูบาถึงระดับ สภาวะในพระไตรปิฎกแล้วหรือแม่หนูน้อย

แต่ยังไม่รู้จัก ว่า

ความคิด เป็นอะไรหรือ แม่หนูน้อย

เหตุและปัจจัยที่ทำให้เิกิดความคิด คืออะไร หรือแม่หนูน้อย

เกิดจากอะไรหรือแม่หนูน้อบ

พระอรหันต์ ไม่มีเหตุ และปัจจัยแล้ว

แล้วใยสภาวะในพระไตรปิฎก ยังเิกิด ล่ะแม่หนูน้อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2010, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2010, 08:14
โพสต์: 829

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
enlighted เขียน:

๕๕๕] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ที่ต้นอชปาล-
นิโครธ แถบฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา อุรุเวลาประเทศ.
ครั้งนั้น ความปริวิตกแห่งพระหฤทัยบังเกิดขึ้นแก่พระผู้มีพระภาคเจ้า
เสด็จเข้าที่สลับ ทรงพักผ่อนอยู่อย่างนี้ว่า ธรรมที่เราตรัสรู้แล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต คาคคะเนเอาไม่ได้ ละเอียด รู้ได้
เฉพาะบัณฑิต ก็หมู่สัตว์นี้แล ยังยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย เบิกบาน
แล้วในอาลัย ก็ฐานะนี้ คือ ความเป็นปัจจัยแห่งธรรมมีสังขารเป็นต้นนี้ เป็น
ธรรมอาศัยกันและกันเกิดขึ้น อันหมู่สัตว์ผู้ยินดีด้วยอาลัย ยินดีแล้วในอาลัย
เบิกบานแล้วในอาลัย จะพึงเห็นได้ยาก แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยาก คือ ธรรม
เป็นที่ระงับสังขารทั้งปวง ธรรมเป็นที่สละคืนอุปธิทั้งปวง ธรรมเป็นที่สิ้น
ตัณหา ธรรมเป็นที่สำรอก ธรรมเป็นที่ดับ นิพพาน ก็ถ้าเราจะพึงแสดงธรรม
แต่ชนเหล่าอื่นจะไม่พึงรู้ทั่วถึงธรรมของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความเหน็ดเหนื่อย
ของเรา ข้อนั้น จะพึงเป็นความลำบากของเรา
.





นี่คือสภาวะของ นิโรธสมาบัติ


อย่าเดาเลยแม่หนูน้อย

นิโรธะสมาบัติ มีปริวิตก ตกค้างหรือแม่หนูน้อย


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 315 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 21  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 14 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร