วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:49  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=2



กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 20, 21, 22, 23, 24, 25, 26  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2010, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
noohmairu เขียน:

สัจจธรรม มี หนึ่งเดียว

อนุโมทนาสาธุจ้า

หนึ่งเดียวนั้นคืออะไรหรือนู๋ระเริง...

อิอิ
หนึ่งเดียว
นั้น
คือ
สิ่งที่
อินทรีย์
สังหอน
ไม่รู้
ละจ้าๆ
อนุโมทนาสาธุจ้า



:b28: อ้าวหรอ นึกว่า นี่ =>

http://www.free-webboard.com/travel.php ... ha&qid=130

:b42: :b41: :b48:


อิอิ จานกัดกะจายมัวแต่หอนก็ไม่เห็น สัจจธรรม ละจ้าๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2010, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
กรัชกาย เขียน:
noohmairu เขียน:

สัจจธรรม มี หนึ่งเดียว

อนุโมทนาสาธุจ้า

หนึ่งเดียวนั้นคืออะไรหรือนู๋ระเริง...

อิอิ
หนึ่งเดียว
นั้น
คือ
สิ่งที่
อินทรีย์
สังหอน
ไม่รู้
ละจ้าๆ
อนุโมทนาสาธุจ้า


อิอิ จานกัดกะจายมัวแต่หอนก็ไม่เห็น สัจจธรรม ละจ้าๆ

อนุโมทนาสาธุจ้า


ก็บอกมาดิขอรับ สัจธรรมคืออะไร จะเห็นได้ด้วยวิธีใด :b13:

สาธุเด้อ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2010, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 17:04
โพสต์: 47

แนวปฏิบัติ: สวดมนต์
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 20

 ข้อมูลส่วนตัว


สัจธรรมก็คือความจริงยังไงค่ะ=_=


แล้วมันก็เป็นความจริงที่ว่า....พวกพี่ๆเริ่มมาป่วนกระทู้เพื่อนหนูต้องที่เขาไปปฎิบัติธรรมที่วัดแล้วละค่ะ

ยังไงก็เป็นคนที่ฝึกด้านจิต สมาธิกัน....ก็ไม่น่าจะมาหลงไปกับคำพูดคนไม่กี่คำหรอกค่ะ

ถ้ามันไม่ใช่ความจริงที่มีหลักฐานอะไร "พี่หนูไม่รู้"ก็ไม่ควรจะวิ่งเต้นอะไรไปมาขนาดนี้น่ะค่ะ

แล้วก็ถ้าพี่รู้ในบางสิ่งของคำถามจากพี่ๆคนอื่นๆก็อธิบายแถลงไขไปเถอะค่ะ

การที่บอกรู้แต่ไม่พูด รู้แต่ไม่รู้ มิได้ช่วยให้ใครผู้ใดแจ้งกระจ่าง แล้วก็ไม่แยบคายในความคิดหรือถ้อยคำ

"แยบคาย" กับ "อุบาย" นั้นมันต่างกัน แยบคายนั้นใครสอนไม่ถูกรู้เฉพาะตนเองเป็นแยบคาย เข้าถึงความสงบแล้วนั่นแหละเป็นแยบคายของเรา แยบคายนั้นเมื่อถึงความสงบแล้ว เราจะเอามาสอนคนอื่นว่า ต้องทำอย่างนั้นๆ มันจึงเข้าถึงความสงบ อันนั้นเป็นอุบายอีก แยบคายแล้วมาเกิดเป็นอุบายของคนนั้น สอนคนอื่นต่อไป คนอื่นได้ฟังอีกก็เป็นอุบาย ครั้นเมื่อฝึกฝนอบรมเข้าถึงความสงบจริงๆ จังๆ เป็นแยบคายของแต่ละคน แยบคาย ก็คือ ตัวปัญญานั่นเอง จึงว่าพระพุทธศาสนานี้สอนให้เข้าถึงความสงบเสียก่อน จึงเรียกว่า สมถะ ถ้าไม่เกิดสมถะ ก็ไม่มี ปัญญา สมถะคือความสงบ ความสงบเกิดขึ้นมาในใจของตน มองเห็นหมดทุกสิ่งที่มันไม่สงบนั่น โทษของความไม่สงบเห็นที่นี่ เห็นแจ้งประจักษ์ในใจของตนเลย ชัดขึ้นมา นั่นล่ะคือตัว ปัญญา



ถ้าพี่กรุณาแยบคายในความคิดพี่จะเป็นการดียิ่งแก่ผู้อื่นที่ได้ฟังนะค่ะ...

เพราะว่าตัวหนูก็ยังฝึกมาน้อย การเจริญธรรมยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที พี่ช่วยอธิบาย ซึ่งสิ่งที่พี่รู้

ดีกว่าจะทำให้คนอื่นไม่รู้น่ะ.....





















เพราะพี่จะรู้ก็ดี
ไม่รู้ก็ดี


หนูไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอันใด
กับการรู้หรือไม่รู้....ของพี่นั้น

แต่ถ้ารู้ก็ดี...

มันจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนทนาธรรมอันประเสริฐ

แต่การพูดสนทนาทางธรรมด้วยคำพูดอันประเสริฐ จะเป็นการพูดที่ดี เป็นบุญที่ดี





ขอบพระคุณค่ะ ที่ทนอ่าน

.....................................................
เกิดดับ...
[จิ เจ รุ นิ]


จงทำใจให้นิ่ง....แล้วจะได้พบความสงบ เมื่อสงบ ความสุขย่อมจะตามมา....


ราตรีนาน สำหรับคนนอนไม่หลับ
ระยะทางโยชน์หนึ่งไกล สำหรับผู้ล้าแล้ว
สังสารวัฎยาวนาน สำหรับคนพาล
ผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม


คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป


คนโง่ รุ้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

........What Goes Around... Comes Around........


แก้ไขล่าสุดโดย พลบค่ำ เมื่อ 01 พ.ค. 2010, 20:00, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ค. 2010, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พลบค่ำ เขียน:
สัจธรรมก็คือความจริงยังไงค่ะ=_=


แล้วมันก็เป็นความจริงที่ว่า....พวกพี่ๆเริ่มมาป่วนกระทู้เพื่อนหนูต้องที่เขาไปปฎิบัติธรรมที่วัดแล้วละค่ะ

ยังไงก็เป็นคนที่ฝึกด้านจิต สมาธิกัน....ก็ไม่น่าจะมาหลงไปกับคำพูดคนไม่กี่คำหรอกค่ะ

ถ้ามันไม่ใช่ความจริงที่มีหลักฐานอะไร "พี่หนูไม่รู้"ก็ไม่ควรจะวิ่งเต้นอะไรไปมาขนาดนี้น่ะค่ะ

แล้วก็ถ้าพี่รู้ในบางสิ่งของคำถามจากพี่ๆคนอื่นๆก็อธิบายแถลงไขไปเถอะค่ะ

การที่บอกรู้แต่ไม่พูด รู้แต่ไม่รู้ มิได้ช่วยให้ใครผู้ใดแจ้งกระจ่าง แล้วก็ไม่แยบคายในความคิดหรือถ้อยคำ

"แยบคาย" กับ "อุบาย" นั้นมันต่างกัน แยบคายนั้นใครสอนไม่ถูกรู้เฉพาะตนเองเป็นแยบคาย เข้าถึงความสงบแล้วนั่นแหละเป็นแยบคายของเรา แยบคายนั้นเมื่อถึงความสงบแล้ว เราจะเอามาสอนคนอื่นว่า ต้องทำอย่างนั้นๆ มันจึงเข้าถึงความสงบ อันนั้นเป็นอุบายอีก แยบคายแล้วมาเกิดเป็นอุบายของคนนั้น สอนคนอื่นต่อไป คนอื่นได้ฟังอีกก็เป็นอุบาย ครั้นเมื่อฝึกฝนอบรมเข้าถึงความสงบจริงๆ จังๆ เป็นแยบคายของแต่ละคน แยบคาย ก็คือ ตัวปัญญานั่นเอง จึงว่าพระพุทธศาสนานี้สอนให้เข้าถึงความสงบเสียก่อน จึงเรียกว่า สมถะ ถ้าไม่เกิดสมถะ ก็ไม่มี ปัญญา สมถะคือความสงบ ความสงบเกิดขึ้นมาในใจของตน มองเห็นหมดทุกสิ่งที่มันไม่สงบนั่น โทษของความไม่สงบเห็นที่นี่ เห็นแจ้งประจักษ์ในใจของตนเลย ชัดขึ้นมา นั่นล่ะคือตัว ปัญญา



ถ้าพี่กรุณาแยบคายในความคิดพี่จะเป็นการดียิ่งแก่ผู้อื่นที่ได้ฟังนะค่ะ...

เพราะว่าตัวหนูก็ยังฝึกมาน้อย การเจริญธรรมยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที พี่ช่วยอธิบาย ซึ่งสิ่งที่พี่รู้

ดีกว่าจะทำให้คนอื่นไม่รู้น่ะ.....


เพราะพี่จะรู้ก็ดี
ไม่รู้ก็ดี


หนูไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอันใด
กับการรู้หรือไม่รู้....ของพี่นั้น

แต่ถ้ารู้ก็ดี...

มันจะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสนทนาธรรมอันประเสริฐ

แต่การพูดสนทนาทางธรรมด้วยคำพูดอันประเสริฐ จะเป็นการพูดที่ดี เป็นบุญที่ดี


ขอบพระคุณค่ะ ที่ทนอ่าน

อิอิ

แม่หนูผู้เดือดร้อนเพราะเพื่อนของหนูๆๆๆๆๆ ซะแล้นละจ้าๆ
อ้างคำพูด:
เพราะว่าตัวหนูก็ยังฝึกมาน้อย การเจริญธรรมยังไม่ได้เติบโตอย่างเต็มที

แต่ตัวตนเจริญงอกงามอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ละจ้าๆ

อ้างคำพูด:
สัจธรรมก็คือความจริงยังไงค่ะ=_=
นั่นละจ้าๆ

มันก็ตำตาเธออยู่แท้ๆๆ ละจ้าๆ

หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต

แค่เธอหยุดใช้จิตวิ่งเต้นไปมาแสวงหา หลักฐาน นั่นละจ้าๆ


สิ่งที่ไม่มีทั้งการมาและการไป


ละจ้าๆๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 17:04
โพสต์: 47

แนวปฏิบัติ: สวดมนต์
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 20

 ข้อมูลส่วนตัว


เออ...ขอแก้ความเข้าใจผิดของพี่หน่อยนะค่ะ^^~

หนูไม่ได้เดือนร้อนเพราะเพื่อนของหนูหรอกนะค่ะ

แล้วหนูก็บอกไปแล้วว่าพี่จะรู้หรือไม่รู้ นั้นไม่ใช้โกงการอะไรของหนู

พี่จะรู้หรือไม่รู้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง

จิตพี่จะแตกดับตอนไหน พี่ก็ยังไม่รู้

แต่เพียงหนูไม่ชอบ บุคคลที่ทำตัวเองวิเศษวิโศแต่ก็ยังเดินดินเป็นมนุษย์ธรรมดา กินข้าวสามมื้อ ตกกลางคืนก็ต้องนอนหลับ ตื่นเช้าไปทำงาน

เที่ยวบอกว่ารู้แต่ไม่อธิบายหรือแสดงสิ่งใดให้เห็นไขข้องจิตแหละใจ

องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านยังทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์ทั้งหลายทั้งมุนษย์และเทวดาที่ไม่รู้ ให้รู้ข้องแก่จิต เพื่อดำรงชีวิตและเดินไปในทางธรรมอย่างสุขสงบและสติ




การเอาหลักธรรมทั้งหลายมาอ้าง หากรู้ก็ได้โปรดอธิบายเถอะค่ะ

เพราะหนูก็ยังเป็นเด็กน้อยไม่ได้รุ้อะไร มาอยู่บรอดนี้ก็ยังไม่ถึงเดือน


หนุไม่สนหรอกค่ะ ว่าพี่จะเป็นคนสองเพศหรือพวกตีสองหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่

เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าเทอมให้หนูเรียนหนังสือเสียหน่อย

เพียงแต่การที่พี่ ระรานกระทู้คนนู้นคนนี้ไปมา...ด้วยคำพูดที่ส่อได้ถึงกริยามารยาทอันพึ่งมีของพี่นั้น
มันก็ดูไม่เหมาะกับบรอดธรรมน่ะค่ะ

หนูเข้าใจค่ะ ว่าพี่แค่ไปตอบหรือไปแสดงความคิดเห็น
แต่ลิมิตของมารยาทและจิตของผู้ที่ปฎิบัติธรรม...ก็ควรที่จะมีหรือส่อมาให้เห็นบางน่ะค่ะ

เพราะคำพูดหรือกริยามันส่อได้ถึงจิตใจที่บ่งบอกได้ว่าโสมมหรือเปล่า


ขอบคุณค่ะที่ทนอ่าน


หากคำพูด ณ. ที่นี้อ่านแล้วดูแรงไป ก็ขอกราบอภัยค่ะ

.....................................................
เกิดดับ...
[จิ เจ รุ นิ]


จงทำใจให้นิ่ง....แล้วจะได้พบความสงบ เมื่อสงบ ความสุขย่อมจะตามมา....


ราตรีนาน สำหรับคนนอนไม่หลับ
ระยะทางโยชน์หนึ่งไกล สำหรับผู้ล้าแล้ว
สังสารวัฎยาวนาน สำหรับคนพาล
ผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม


คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป


คนโง่ รุ้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

........What Goes Around... Comes Around........


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 10:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b35: :b35: :b35: :b35:

:b32: :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พลบค่ำ เขียน:
เออ...ขอแก้ความเข้าใจผิดของพี่หน่อยนะค่ะ^^~

หนูไม่ได้เดือนร้อนเพราะเพื่อนของหนูหรอกนะค่ะ

แล้วหนูก็บอกไปแล้วว่าพี่จะรู้หรือไม่รู้ นั้นไม่ใช้โกงการอะไรของหนู

พี่จะรู้หรือไม่รู้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง

จิตพี่จะแตกดับตอนไหน พี่ก็ยังไม่รู้

แต่เพียงหนูไม่ชอบ บุคคลที่ทำตัวเองวิเศษวิโศแต่ก็ยังเดินดินเป็นมนุษย์ธรรมดา กินข้าวสามมื้อ ตกกลางคืนก็ต้องนอนหลับ ตื่นเช้าไปทำงาน

เที่ยวบอกว่ารู้แต่ไม่อธิบายหรือแสดงสิ่งใดให้เห็นไขข้องจิตแหละใจ

องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านยังทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์ทั้งหลายทั้งมุนษย์และเทวดาที่ไม่รู้ ให้รู้ข้องแก่จิต เพื่อดำรงชีวิตและเดินไปในทางธรรมอย่างสุขสงบและสติ




การเอาหลักธรรมทั้งหลายมาอ้าง หากรู้ก็ได้โปรดอธิบายเถอะค่ะ

เพราะหนูก็ยังเป็นเด็กน้อยไม่ได้รุ้อะไร มาอยู่บรอดนี้ก็ยังไม่ถึงเดือน


หนุไม่สนหรอกค่ะ ว่าพี่จะเป็นคนสองเพศหรือพวกตีสองหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่

เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าเทอมให้หนูเรียนหนังสือเสียหน่อย

เพียงแต่การที่พี่ ระรานกระทู้คนนู้นคนนี้ไปมา...ด้วยคำพูดที่ส่อได้ถึงกริยามารยาทอันพึ่งมีของพี่นั้น
มันก็ดูไม่เหมาะกับบรอดธรรมน่ะค่ะ

หนูเข้าใจค่ะ ว่าพี่แค่ไปตอบหรือไปแสดงความคิดเห็น
แต่ลิมิตของมารยาทและจิตของผู้ที่ปฎิบัติธรรม...ก็ควรที่จะมีหรือส่อมาให้เห็นบางน่ะค่ะ

เพราะคำพูดหรือกริยามันส่อได้ถึงจิตใจที่บ่งบอกได้ว่าโสมมหรือเปล่า


ขอบคุณค่ะที่ทนอ่าน


หากคำพูด ณ. ที่นี้อ่านแล้วดูแรงไป ก็ขอกราบอภัยค่ะ


อิอิ แม่หนูน้อยๆ ผู้มีอัตตาใหญ่เบ้งๆ ละจ้าๆ
เพราะมีตัวหนูๆๆๆๆๆ จึงมีเพื่อนของหนูๆๆๆๆๆๆ นั่นละจ้าๆ
ความยึดมั่นถือมั่นทำให้ตัวหนูเดือดร้อน หาความสงบไม่ได้ ละจ้าๆ

อ้างคำพูด:
แล้วหนูก็บอกไปแล้วว่าพี่จะรู้หรือไม่รู้ นั้นไม่ใช้โกงการอะไรของหนู

ไม่มีอะไร ที่หนูจะยึดมั่นว่าเป็นโกงการของหนูหรือของใครได้สักอย่าง ละจ้าๆ

อ้างคำพูด:
พี่จะรู้หรือไม่รู้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้สักอย่าง

รู้ หรือ ไม่รู้ ที่เป็นเหมือนความสว่าง และ ความมืด ก็เอาไปไม่ได้ ละจ้าๆ

แต่ รู้ ที่เป็นเหมือน ความว่าง ยังอยู่เหมือนเดิม ละจ้าๆ

อ้างคำพูด:
จิตพี่จะแตกดับตอนไหน พี่ก็ยังไม่รู้

จิตหนึ่ง ไม่เกิด ไม่ดับ ไม่ได้เป็นของใครๆ ละจ้าๆ
อ้างคำพูด:
แต่เพียงหนูไม่ชอบ บุคคลที่ทำตัวเองวิเศษวิโศแต่ก็ยังเดินดินเป็นมนุษย์ธรรมดา กินข้าวสามมื้อ ตกกลางคืนก็ต้องนอนหลับ ตื่นเช้าไปทำงาน

เพราะมีตัวตน จึงไปยึดมั่นกับทั้งชอบและไม่ชอบ ละจ้าๆ
อ้างคำพูด:
เที่ยวบอกว่ารู้แต่ไม่อธิบายหรือแสดงสิ่งใดให้เห็นไขข้องจิตแหละใจ

องค์ สัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านยังทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์ทั้งหลายทั้งมุนษย์และเทวดาที่ไม่รู้ ให้รู้ข้องแก่จิต เพื่อดำรงชีวิตและเดินไปในทางธรรมอย่างสุขสงบและสติ

การเอาหลักธรรมทั้งหลายมาอ้าง หากรู้ก็ได้โปรดอธิบายเถอะค่ะ

เพราะหนูก็ยังเป็นเด็กน้อยไม่ได้รุ้อะไร มาอยู่บรอดนี้ก็ยังไม่ถึงเดือน


หนุไม่สนหรอกค่ะ ว่าพี่จะเป็นคนสองเพศหรือพวกตีสองหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่

เพราะพี่ไม่ได้เป็นคนจ่ายค่าเทอมให้หนูเรียนหนังสือเสียหน่อย

เพียงแต่การที่พี่ ระรานกระทู้คนนู้นคนนี้ไปมา...ด้วยคำพูดที่ส่อได้ถึงกริยามารยาทอันพึ่งมีของพี่นั้น
มันก็ดูไม่เหมาะกับบรอดธรรมน่ะค่ะ

หนูเข้าใจค่ะ ว่าพี่แค่ไปตอบหรือไปแสดงความคิดเห็น
แต่ลิมิตของมารยาทและจิตของผู้ที่ปฎิบัติธรรม...ก็ควรที่จะมีหรือส่อมาให้เห็นบางน่ะค่ะ

เพราะคำพูดหรือกริยามันส่อได้ถึงจิตใจที่บ่งบอกได้ว่าโสมมหรือเปล่า


ขอบคุณค่ะที่ทนอ่าน


หากคำพูด ณ. ที่นี้อ่านแล้วดูแรงไป ก็ขอกราบอภัยค่ะ

จิต ไม่มีทั้งโสมมและไม่โสมม ละจ้าๆ
มีแต่กิเลสของเธอที่เพาะความโสมมสะสมไว้ในใจ ละจ้าๆ

ปากก็ทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนบอกว่าเป็นผู้รู้น้อย ละจ้าๆ
แต่ในใจมีแต่มานะกิเลสถือตัวถือตน ละจ้าๆ
ก็ไม่อาจน้อมใจมารับธรรมะได้ละจ้าๆ

noohmairu เขียน:

อ้างคำพูด:
สัจธรรมก็คือความจริงยังไงค่ะ=_=
นั่นละจ้าๆ

มันก็ตำตาเธออยู่แท้ๆๆ ละจ้าๆ

หลักธรรมที่แท้จริงก็คือ จิต

แค่เธอหยุดใช้จิตวิ่งเต้นไปมาแสวงหา หลักฐาน นั่นละจ้าๆ


สิ่งที่ไม่มีทั้งการมาและการไป


ละจ้าๆๆ


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:

เมื่อในใจเธอมีแต่ความโสมม จึงเห็นว่าธรรมะที่ให้เป็นของโสมม ละจ้าๆ

สงบจิต สงบใจ ให้ได้ซะก่อน นะจ้าๆ

แล้วค่อยมาพิจารณา ก็ยังไม่สาย นะจ้าๆๆๆ



อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย noohmairu เมื่อ 02 พ.ค. 2010, 13:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b35: :b35: :b35: :b35:

:b32: :b32: :b32: :b32:


อนุโมทนาสาธุจ้า :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กลับมาแล้วคะ :b48:

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2010, 17:04
โพสต์: 47

แนวปฏิบัติ: สวดมนต์
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
อายุ: 20

 ข้อมูลส่วนตัว


ค่ะเพราะหนูยังมีตัวตน ตื่นเช้า กินข้าวสามมื้อ ยังมีเนื้อหนังมังสาอันเป็นภาชนะของจิตใจเนี้ยแหละค่ะ

พอตายไปแล้วก็คงไม่สามรถที่จะรับรู้สิ่งใดได้อีก

มันเป็นแค่ภาชนะที่ห่อหุ้มจิตของหนูไว้นั้นแหละค่ะ


หนูก็พึ่งจะทราบน่ะค่ะ ว่าพี่เป็นผุ้ตัดสินคนอื่นเสียแล้ว

แถมพี่ไม่มีตัวตน....พี่เป็นผีเหรอค่ะ

แล้วต้องกินข้าวหรือเปล่า ต้องไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่า ต้องนอนหรือเปล่า

โอ ช่างน่าประหลาดดีแท้!!~....ที่ผ่านๆมาพวกพี่ๆในบรอดทุกๆคนคุยกับผีไม่มีตัวตนหรือเนี้ย!!~

ถ้าไม่มีตัวตน หนูคุยกับอะไรเนี้ย!!~

หนูทราบค่ะ ว่าการไม่มีตัวตนคือการพึ่งไม่คิดยึดติดกับกายหยาบ
ไม่พึ่งมีพึ่งได้หรือพี่งเสียดาย

ท่านสอนให้มีแค่นามรุปก็เพียงพอ

สังขารไม่เที่ยง จะตายวันตายพรุ่งก็มิรู้ เดินๆไปข้างนอกไม่กี่วีนาที รถชนตายซะงั้นก็ได้ ทางพุทธเขาเลยสอนไม่ให้ประมาทพึ่งมีสติอันดี


คนเรา ทำอะไรอยุ่ย่อมรู้ดีและมีสติที่จะรับรู้ค่ะ ขอบคุณที่สอนสั่งน่ะค่ะ^^~





ปล. หนูเชื่อว่าพี่ยังมีตัวตนแหละค่ะ ละจ๊าๆ^^~ ถึงได้มาคอยตอบกระทู้ไปมาเรื่อยๆ ตามอารมณ์อันพึ่งมีแหละเกิดในขณะที่อ่านข้อความแต่ละข้อความละจ๊าๆ จิตพี่ยังไม่นิ่งนะเนี้ย อย่างนี้เขาเรียกว่ายัง อัตตา ไม่ใช่ อนัตตาเสียแล้วละค่ะ



อนุโมทนาบุญค่ะ^^~


มะโทรัง อะตะระโร เวสะวะโน นะหากปิ ปิสาคะตาวาโหมิ
มหายักขะ เทพะอนุตะรัง เทพะดา เทพะเอรักขัง ยังยังอิติ เวสะวะนัน
ภูตัง มหาลักชามะนง มะภูอารักขะ นะพุททิมะมัตตะนัง กาลปะติทิศา
สัพเพยักขา ปะลายัตตะนิ


สาธุๆ

.....................................................
เกิดดับ...
[จิ เจ รุ นิ]


จงทำใจให้นิ่ง....แล้วจะได้พบความสงบ เมื่อสงบ ความสุขย่อมจะตามมา....


ราตรีนาน สำหรับคนนอนไม่หลับ
ระยะทางโยชน์หนึ่งไกล สำหรับผู้ล้าแล้ว
สังสารวัฎยาวนาน สำหรับคนพาล
ผู้ไม่รู้แจ้งพระสัทธรรม


คนพาลได้ความรู้มา
เพื่อการทำลายถ่ายเดียว
ความรู้นั้น ทำลายคุณความดีเขาสิ้น
ทำให้มันสมองของเขาตกต่ำไป


คนโง่ รุ้ตัวว่าโง่
ยังมีทางเป็นบัณฑิตได้บ้าง
แต่โง่แล้ว อวดฉลาด
นั่นแหละเรียกว่าคนโง่แท้

........What Goes Around... Comes Around........


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2010, 20:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พลบค่ำ ที่รัก

เขามีสกิล "แถขั้นเทพ" อยู่ในตัว

ปล่อยเขาไปเถอะ เพราะเขามีสกิล "ฉาบปูน" บนใบหน้าด้วย

ทำอย่างไร เขาก็ไม่รู้สึกหรอก


ไหนๆ เขาก็ไม่มีตัวตนแล้ว ดังนั้น เขาจะเป็นเพียง "ธาตุอากาศ" สำหรับพวกเรา ละกัน

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2010, 23:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 5 พฤษาคม 2553
เดิน 10 นอน 3

ทำดึกอีกแล้ว เลยง่วงนอน
วันนี้ก็เดินดูเท้าไป หลังจากที่ได้ไปค้างที่วัดตาลเอนก็ได้แนวทางการเจริญสติที่เด่นชัดมากขึ้น
รุ้สึกว่าอยากจะไปอยู่วัดทุกวัน ถ้าเป็นไปได้
ตอนที่เดินดูเท้านั้นก็เลยรู้ว่า เดินก็เดินดูเท้าไป ดูความคิดแล้วฟุ้ง ต่อไปให้ดูเท้า
จะเป็นการเพิ่มสติ
มีอยู่หลายช่วงที่คิดว่าจะทำไปทำไม ก็ลองมองดูชีวิตที่ผ่านมาของตัวเองแล้วมันยังไม่ดีเท่าไรเลย
อยากจะดีมากกว่านี้
ถ้าคนเราเป็นอิสระ อยู่เหนือจากกองกิเลสได้คงทำไรได้มากกว่านี้
ก็คงจะไม่รู้สึกถึงความทุกข์เลย

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 22:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อวานเดิน 16 นาที
วันนี้เดิน 30 นาที นั่ง 2 นาที

ตอนนี้ที่เดินก็ ดูเท้าอย่างเดียว
คิดอะไรได้หลายๆอย่าง
ควรตั้งจิตให้อยู่ที่ปัจจุบัน อย่าหลงไปอยู่อดีตมาก
วันนี้ได้รู้ว่า ตัวประมาท สามารถตัดตัวสติออกไปได้หมดเลย รู้ว่าตัวเรามีความประมาทมาก
วันนี้ได้เห็นความประมาทแล้วจึงได้รู้ว่าตัวนี้ค่อนข้างอันตราย
มีอยู่หลายช่วงที่แว่บสติดีขึ้นมา มองเห็นหลายๆอย่างได้ชัด แต่บางช่วงก็หลงไปอยู่กับกิเลส
กิเลสนั้นมีทั้งเรื่องที่รื่นรมณ์ใจกับเรื่องที่บั่นทอนจิตใจ
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ก็เป็นกิเลสทั้งสิ้น แต่กิเลสตัวแรกนั้นจะน่ากลัวกว่า เพราะทำให้คนหลงมาเยอะแล้ว
มนุษย์เราดำรงอยู่บนโลกด้วยความประมาททั้งหมดเลยละนะ
ไม่เคยคิดว่าตัวเองอาจจะตายวันนี้ หรือพรุ่งนี้
ดังนั้นนิพพานจึงเป็นเรื่องไกลตัวยังไงละ

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 23:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มี.ค. 2010, 23:38
โพสต์: 193

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 6 พค. 2553
เดิน 10 นั่ง 1

ศัตรูของสติคือความประมาท
วันนี้เห็นเท้าชัดบ้าง มีอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์เข้ามาก็ใช้จิตจับอารมณ์นั้นแล้วดู แล้วก็เริ่มเห็นที่มาของอารมณ์นั้น
ว่าเกิดการปรุงแต่งอย่างไรถึงออกมาเป็นอารมณ์นี้

จบการบันทึกเพียงเท่านี้

.....................................................
หากไม่สนใจหลักธรรมปลีกย่อย แล้วจะบรรลุหลักธรรมใหญ่ได้ยังไง -- กวนอู

"ทรัพยกรมนุษย์หากตายไป บริษัทฯ สามารถหามาแทนได้ แต่ทรัพยากรครอบครัวนั้น ครอบครัวไม่สามารถหามาแทนได้"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 23:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว



สู้ๆนะคะ :b4:
ทำไปเรื่อยๆ ทำตามกำลังของเรา ไม่ต้องไปสนใจหรือไปคิดอะไรนะคะ
ทำได้แค่ไหน ทำแค่นั้น ใครจะทำแบบไหนๆก็เรื่องของคนอื่นเขา สภาวะของแต่ละคนนั้น
ล้วนเกิดจากเหตุที่เคยทำไปด้วยความไม่รู้ทั้งนั้นแหละ ผลรับของแต่ละคนจึงแตกต่างกันไป
การปฏิบัติของแต่ละคนจึงเจอสภาวะที่แตกต่างกันไป ทั้งในเรื่องราวของชีวิตด้วย

ก็นำเรื่องของเจ้าของร้านเกมส์ ที่เคยติดเกมส์มากๆ
ทุกอย่างมันมีเหตุมาก่อน ถึงเวลาหมดเหตุที่เคยทำ ก็ทำให้เขาให้เขาเลิกเล่นเกมส์ไปได้เอง
ยิ่งอยากเลิก ยิ่งเลิกไม่ได้ ปัจจุบันนี้ เขาเลิกเล่นเกมส์แล้วค่ะ
หันมาเอาดีด้านปฏิบัติ แต่ก็เกือบเลิกปฏิบัติไปเหมือนกัน เหตุมี ผลย่อมมี
จะนำมาลงให้อ่านเรื่อยๆนะคะ เพราะเขาเพิ่งบันทึก เป็นคนแนะนำให้เขาบันทึกเรื่องการปฏิบัติ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 387 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 20, 21, 22, 23, 24, 25, 26  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 17 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร