วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 22:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ทฤษฎีความอลวน[1] (อังกฤษ: Chaos theory) เป็นทฤษฎีที่อธิบายถึงลักษณะพฤติกรรมของระบบพลวัต (คือ ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น เปลี่ยนแปลงตามเวลาที่เปลี่ยนไป) โดยลักษณะการเปลี่ยนแปลงของระบบที่เรียกว่าเคออสนี้ จะมีลักษณะที่ปั่นป่วนจนดูคล้ายว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ (random/stochastic) แต่จริง ๆ แล้ว ระบบเคออสนี้เป็นระบบแบบไม่สุ่ม หรือระบบที่มีระเบียบ (deterministic)

ในทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ คำจำกัดความของระบบเคออส คือ ระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ประเภทหนึ่ง ที่มีความไวต่อสภาวะเริ่มต้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าระบบ 2 ระบบนั้นเริ่มต้นจากสภาวะที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย คือเกือบจะเหมือนกันทุกประการ เมื่อระบบได้มีการเปลี่ยนไปสักระยะหนึ่ง สภาวะของระบบทั้งสองที่เราสังเกตได้เมื่อเวลาผ่านไปจะแตกต่างกันอย่างสังเกตเห็นได้ชัด

เรามักจะได้ยินคำพูดที่นิยมพูดกันอย่างกว้างขวางที่ว่า "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" หรือ "ผีเสื้อขยับปีกทำให้เกิดพายุ" (จาก "butterfly effect") ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตีความคำพูดนี้ในลักษณะของขนาดความรุนแรงของผลลัพธ์เท่านั้น ระบบเคออสนั้นไม่จำเป็นจะต้องแตกต่างกันในแง่ของ ขนาด ของผลลัพธ์เสมอไป แต่อาจแตกต่างกันในแง่ของ พฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงก็ได้ จากตัวอย่างข้างต้น การเปลี่ยนแปลงของระบบทั้งสองนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมากในขณะเริ่มต้น เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงนั้นแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย




ประวัติ
จุดเริ่มต้นของทฤษฎีความอลวนนี้ สามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงในช่วงปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) จากการศึกษาปัญหาวงโคจรของวัตถุสามชิ้นในสนามแรงดึงดูดระหว่างกัน ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นทางการว่า ปัญหาสามวัตถุ (three-body problem) โดย อองรี ปวงกาเร ซึ่งได้ค้นพบว่า วงโคจรที่ศึกษานั้นอาจจะมีลักษณะที่ไม่ได้เป็นวงรอบ (periodic) คือไม่ได้มีทางวิ่งซ้ำเป็นวงรอบ ยิ่งไปกว่านั้น วงโคจรนั้นก็ไม่ได้ขยายวงออกไปเรื่อย ๆ หรือมีลักษณะที่ลู่เข้าหาจุดใด ๆ ต่อมาได้มีการศึกษาถึงปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์ไม่เป็นเชิงเส้นที่เกี่ยวข้อง โดยที่ เบอร์คอฟ (G.D. Birkhoff) นั้นศึกษาปัญหาสามวัตถุ คอลโมโกรอฟ ศึกษาปัญหาความปั่นป่วน (หรือ เทอร์บิวเลนซ์) และปัญหาเกี่ยวกับดาราศาสตร์. ส่วน คาร์ทไรท์ (M.L. Cartwright) และ ลิตเติลวูด (J.E. Littlewood) นั้นศึกษาปัญหาทางวิศวกรรมการสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุ. สเมล (Stephen Smale) นั้นอาจเป็นนักคณิตศาสตร์คนแรก ที่ทำการศึกษาถึงปัญหาทางด้านพลศาสตร์ของระบบไม่เป็นเชิงเส้น. ถึงแม้ว่าความอลวนของเส้นทางโคจรของดาว นั้นยังไม่ได้มีการทำการสังเกตบันทึกแต่อย่างใด แต่ก็ได้มีการสังเกตพบ พฤติกรรมความอลวนในความปั่นป่วนของการเคลื่อนที่ของของไหล และ ในการออสซิลเลท แบบไม่เป็นวงรอบของวงจรวิทยุ ซึ่งไม่มีทฤษฎีใดในขณะนั้นสามารถอธิบายพฤติกรรมเหล่านี้ได้

ความตื่นตัวในการพัฒนาทฤษฎีความอลวนนี้ เกิดขึ้นในช่วงกลางของศตวรรษที่ 20 เมื่อเป็นที่ประจักษ์ว่า ทฤษฎีของระบบเชิงเส้นนั้นไม่สามารถใช้อธิบายพฤติกรรมบางอย่าง แม้กระทั่งพฤติกรรมของระบบที่ไม่ซับซ้อนอย่าง แมพลอจิสติก (Logistic map) อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้พัฒนาการของทฤษฎีความอลวนเป็นไปอย่างรวดเร็วก็คือ คอมพิวเตอร์ การคำนวณในทฤษฎีความอลวนนั้น โดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่เป็นการคำนวณค่าแบบซ้ำ ๆ จากสูตรคณิตศาตร์ และสามารถใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ (Edward Lorenz) เป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกทฤษฎีความอลวน เขาได้สังเกตพฤติกรรมความอลวน ในขณะทำการทดลองทางด้านการพยากรณ์อากาศ ในปี ค.ศ. 1961 ลอเรนซ์ใช้คอมพิวเตอร์ซิมูเลชันแบบจำลองสภาพอากาศ ซึ่งในการคำนวณครั้งถัดมาเขาไม่ต้องการเริ่มซิมูเลชันจากจุดเริ่มต้นใหม่ เพื่อประหยัดเวลาในการคำนวณ เขาจึงใช้ข้อมูลในการคำนวณก่อนหน้านี้เพื่อเป็นค่าเริ่มต้น ปรากฏว่าค่าที่คำนวณได้มีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาพบว่าสาเหตุเกิดจากการปัดเศษ ของค่าที่พิมพ์ออกมา จากค่าที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีค่าน้อยมาก แต่สามารถนำไปสู่ความแตกต่างอย่างมากมาย เรียกว่า ไวต่อสภาวะเริ่มต้น

คำ "butterfly effect" ซึ่งเป็นคำที่นิยมใช้เมื่อกล่าวถึงทฤษฎีความอลวน นั้นมีที่มาไม่ชัดเจน เริ่มปรากฏแพร่หลายหลังจากการบรรยายของ ลอเรนซ์ ในปี ค.ศ. 1972 ภายใต้ชื่อหัวข้อ "Does the Flap of a Butterfly's Wings in Brazil Set Off a Tornado in Texas?" นอกจากนี้แล้วยังอาจมีส่วนมาจาก รูปแนวโคจรของตัวดึงดูดลอเรนซ์[2] (ดังรูปด้านขวามือ) ที่มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ ซึ่งเขาได้ตีพิมพ์ในบทความวิชาการก่อนหน้านี้

ส่วนคำ "chaos" (เค-ออส) บัญญัติขึ้นโดย นักคณิตศาสตร์ประยุกต์ เจมส์ เอ ยอร์ค (James A. Yorke)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ทฤษฎีความอลวน[1] (อังกฤษ: Chaos theory) เป็นทฤษฎีที่อธิบายถึงลักษณะพฤติกรรมของระบบพลวัต (คือ ระบบที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น เปลี่ยนแปลงตามเวลาที่เปลี่ยนไป) โดยลักษณะการเปลี่ยนแปลงของระบบที่เรียกว่าเคออสนี้ จะมีลักษณะที่ปั่นป่วนจนดูคล้ายว่า การเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นแบบสุ่มหรือไร้ระเบียบ (random/stochastic) แต่จริง ๆ แล้ว ระบบเคออสนี้เป็นระบบแบบไม่สุ่ม หรือระบบที่มีระเบียบ (deterministic)

ในทางคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ คำจำกัดความของระบบเคออส คือ ระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ประเภทหนึ่ง ที่มีความไวต่อสภาวะเริ่มต้น กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้าระบบ 2 ระบบนั้นเริ่มต้นจากสภาวะที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย คือเกือบจะเหมือนกันทุกประการ เมื่อระบบได้มีการเปลี่ยนไปสักระยะหนึ่ง สภาวะของระบบทั้งสองที่เราสังเกตได้เมื่อเวลาผ่านไปจะแตกต่างกันอย่างสังเกตเห็นได้ชัด

เรามักจะได้ยินคำพูดที่นิยมพูดกันอย่างกว้างขวางที่ว่า "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" หรือ "ผีเสื้อขยับปีกทำให้เกิดพายุ" (จาก "butterfly effect") ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยที่ตีความคำพูดนี้ในลักษณะของขนาดความรุนแรงของผลลัพธ์เท่านั้น ระบบเคออสนั้นไม่จำเป็นจะต้องแตกต่างกันในแง่ของ ขนาด ของผลลัพธ์เสมอไป แต่อาจแตกต่างกันในแง่ของ พฤติกรรม การเปลี่ยนแปลงก็ได้ จากตัวอย่างข้างต้น การเปลี่ยนแปลงของระบบทั้งสองนั้นจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันมากในขณะเริ่มต้น เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงนั้นแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย




ประวัติ
จุดเริ่มต้นของทฤษฎีความอลวนนี้ สามารถสืบย้อนกลับไปได้ถึงในช่วงปี พ.ศ. 2443 (ค.ศ. 1900) จากการศึกษาปัญหาวงโคจรของวัตถุสามชิ้นในสนามแรงดึงดูดระหว่างกัน ซึ่งมีชื่อเรียกเป็นทางการว่า ปัญหาสามวัตถุ (three-body problem) โดย อองรี ปวงกาเร ซึ่งได้ค้นพบว่า วงโคจรที่ศึกษานั้นอาจจะมีลักษณะที่ไม่ได้เป็นวงรอบ (periodic) คือไม่ได้มีทางวิ่งซ้ำเป็นวงรอบ ยิ่งไปกว่านั้น วงโคจรนั้นก็ไม่ได้ขยายวงออกไปเรื่อย ๆ หรือมีลักษณะที่ลู่เข้าหาจุดใด ๆ ต่อมาได้มีการศึกษาถึงปัญหาสมการเชิงอนุพันธ์ไม่เป็นเชิงเส้นที่เกี่ยวข้อง โดยที่ เบอร์คอฟ (G.D. Birkhoff) นั้นศึกษาปัญหาสามวัตถุ คอลโมโกรอฟ ศึกษาปัญหาความปั่นป่วน (หรือ เทอร์บิวเลนซ์) และปัญหาเกี่ยวกับดาราศาสตร์. ส่วน คาร์ทไรท์ (M.L. Cartwright) และ ลิตเติลวูด (J.E. Littlewood) นั้นศึกษาปัญหาทางวิศวกรรมการสื่อสารด้วยคลื่นวิทยุ. สเมล (Stephen Smale) นั้นอาจเป็นนักคณิตศาสตร์คนแรก ที่ทำการศึกษาถึงปัญหาทางด้านพลศาสตร์ของระบบไม่เป็นเชิงเส้น. ถึงแม้ว่าความอลวนของเส้นทางโคจรของดาว นั้นยังไม่ได้มีการทำการสังเกตบันทึกแต่อย่างใด แต่ก็ได้มีการสังเกตพบ พฤติกรรมความอลวนในความปั่นป่วนของการเคลื่อนที่ของของไหล และ ในการออสซิลเลท แบบไม่เป็นวงรอบของวงจรวิทยุ ซึ่งไม่มีทฤษฎีใดในขณะนั้นสามารถอธิบายพฤติกรรมเหล่านี้ได้

ความตื่นตัวในการพัฒนาทฤษฎีความอลวนนี้ เกิดขึ้นในช่วงกลางของศตวรรษที่ 20 เมื่อเป็นที่ประจักษ์ว่า ทฤษฎีของระบบเชิงเส้นนั้นไม่สามารถใช้อธิบายพฤติกรรมบางอย่าง แม้กระทั่งพฤติกรรมของระบบที่ไม่ซับซ้อนอย่าง แมพลอจิสติก (Logistic map) อีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้พัฒนาการของทฤษฎีความอลวนเป็นไปอย่างรวดเร็วก็คือ คอมพิวเตอร์ การคำนวณในทฤษฎีความอลวนนั้น โดยส่วนใหญ่จะมีลักษณะที่เป็นการคำนวณค่าแบบซ้ำ ๆ จากสูตรคณิตศาตร์ และสามารถใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เอ็ดเวิร์ด ลอเรนซ์ (Edward Lorenz) เป็นผู้ริเริ่มบุกเบิกทฤษฎีความอลวน เขาได้สังเกตพฤติกรรมความอลวน ในขณะทำการทดลองทางด้านการพยากรณ์อากาศ ในปี ค.ศ. 1961 ลอเรนซ์ใช้คอมพิวเตอร์ซิมูเลชันแบบจำลองสภาพอากาศ ซึ่งในการคำนวณครั้งถัดมาเขาไม่ต้องการเริ่มซิมูเลชันจากจุดเริ่มต้นใหม่ เพื่อประหยัดเวลาในการคำนวณ เขาจึงใช้ข้อมูลในการคำนวณก่อนหน้านี้เพื่อเป็นค่าเริ่มต้น ปรากฏว่าค่าที่คำนวณได้มีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เขาพบว่าสาเหตุเกิดจากการปัดเศษ ของค่าที่พิมพ์ออกมา จากค่าที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีค่าน้อยมาก แต่สามารถนำไปสู่ความแตกต่างอย่างมากมาย เรียกว่า ไวต่อสภาวะเริ่มต้น

คำ "butterfly effect" ซึ่งเป็นคำที่นิยมใช้เมื่อกล่าวถึงทฤษฎีความอลวน นั้นมีที่มาไม่ชัดเจน เริ่มปรากฏแพร่หลายหลังจากการบรรยายของ ลอเรนซ์ ในปี ค.ศ. 1972 ภายใต้ชื่อหัวข้อ "Does the Flap of a Butterfly's Wings in Brazil Set Off a Tornado in Texas?" นอกจากนี้แล้วยังอาจมีส่วนมาจาก รูปแนวโคจรของตัวดึงดูดลอเรนซ์[2] (ดังรูปด้านขวามือ) ที่มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ ซึ่งเขาได้ตีพิมพ์ในบทความวิชาการก่อนหน้านี้

ส่วนคำ "chaos" (เค-ออส) บัญญัติขึ้นโดย นักคณิตศาสตร์ประยุกต์ เจมส์ เอ ยอร์ค (James A. Yorke)


:b32: อิอิ

ผีเสื้อขยับปีกเพราะกรรม

:b41: :b41: :b41:


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




กดดูหนังฟรี ได้ เลยครับ



อีแวน ทรีบอร์น หลงเข้าไปในกาลเวลา ในช่วงแรกๆ ช่วงสำคัญในชีวิตของเขาสาปสูญไปกับการหลงลืม ชีวิตวัยเด็กของเขาเต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากมายที่เขาจำไม่ได้ สิ่งที่หลงเหลือ คือ วิญญาณร้ายของความทรงจำ และชีวิตที่แตกสลายรอบๆ ตัวเขา ซึ่งก็คือชีวิตของเพื่อนวัยเด็กของเขา ได้แก่ เคย์ลีห์ เลนนี่ และ ทอมมี่

อีแวนอยู่ภายใต้การดูแลของหมอโรคจิต(จิตแพทย์) ผู้ที่ซึ่งกระตุ้นให้เขาบันทึกรายวัน โดยจดรายละเอียดเหตุการณ์ในชีวิตของเขาแบบวันต่อวัน บัดนี้เขาอยู่ในมหาวิทยาลัย อีแวนได้อ่านบันทึกอันหนึ่งของเขา และพบว่าตัวเองถูกผลักให้ย้อนเวลากลับไปในทันใด เขารู้ว่าสมุดจดที่เขาเก็บไว้ใต้เตียงเป็นยานพาหนะ ซึ่งเขาสามารถย้อนกลับไปยังอดีต และเตือนความทรงจำของเขาได้(แก้ไขอดีตได้ซึ่งมีผลกระทบต่อปัจจุบัน) แต่ความทรงจำเหล่านี้ทำให้อีแวนรู้สึกต้องรับผิดชอบกับชีวิตที่พังยับเยินของเพื่อนๆ โดยเฉพาะเคย์ลีห์

อีแวนตั้งใจเดินทางย้อนกลับไปในอดีต เพื่อตัดสินใจทำบางสิ่งที่เขาไม่สามารถทำได้ในเวลานั้น จิตใจในปัจจุบันได้ครอบครองร่างกายในวัยเด็กของเขา ด้วยความพยายามที่จะเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่และช่วยเหลือเพื่อน

แต่ทุกครั้งที่อีแวนเปลี่ยนบางสิ่งในอดีต เมื่อเขากลับมายังปัจจุบัน เขาพบว่าการกระทำของเขาทำให้เกิดผลตามมาที่เกินคาดและร้ายแรง ทำอย่างไรเขากับเคย์ลีห์ถึงจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดกาลได้









โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
:b32: อิอิ

ผีเสื้อขยับปีกเพราะกรรม

:b41: :b41: :b41:


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาค2

ชีวิตของ นิค ลาร์สัน (เอริค ไลฟ์ลี่) ไปได้ดีทั้งด้านการงานและความรัก งานในบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ของเขากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่วนความรักกับศิลปินภาพถ่ายสาว จูลี่ มิลเลอร์ (เอริกา ดูแรนซ์) ก็กำลังหวานชื่น แต่ชีวิตสมบูรณ์แบบของนิคกลับต้องพลิกผันเพราะโทรศัพท์เพียงกริ๊งเดียว เมื่อ เดฟ บริสทอล (เดวิด ลูอิส) หัวหน้าของนิคโทรมาสั่งให้เขาเข้าบริษัทด่วน เพื่อเตรียมประชุมกับผู้ลงทุนในวันรุ่งขึ้น เหตุการณ์มากมายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาลก็เกิดตามมา

รถจี๊ปของนิคติดอยู่หลังรถบรรทุกที่ขับช้า เขาหักออกด้วยความใจร้อนเพื่อแซงหน้า แต่กลับเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุ ผลคือจูลี่ และเพื่อนทั้งสองของเขาเสียชีวิต 1 ปีผ่านไป นิคพยายามดิ้นรนเพื่อให้ได้ชีวิตเดิมกลับคืนมา แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น หน้าที่การงานเริ่มไม่ราบรื่น ขณะที่ บริสทอล ผู้เป็นหัวหน้ากลับรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองประธานบริษัท

ระหว่างการประชุมกับนักลงทุน นิคเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรง และมีอาการชักกระตุกแต่ไม่ถึงกับหมดสติ สาเหตุคือเขาถูกเร้าจากภาพความทรงจำ ซึ่งในกรณีนี้คือภาพถ่ายบริษัทที่มี เทรเวอร์ (ดัสติน มิลลิแกน) อาการนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่งตอนที่นิคนอนพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลหลังอุบัติเหตุ และเกิดขึ้นอีกครั้งตอนที่เขามองรูปจูลี่

ตอนนี้เมื่อเขาจ้องรูปเทรเวอร์ ภาพนั้นก็เหมือนฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ นิคเหมือนควบคุมตัวเองไม่ได้ไปชั่วขณะ ภายในใจถูกความเจ็บปวดและภาพอดีตถาโถมเข้าใส่ และเมื่อความมืดเข้าครอบงำ เลือดกำเดาของเขาก็ไหลออกมาเป็นทาง

สิ่งที่นิคต้องเผชิญหลังจากนั้น คือเหตุการณ์ซับซ้อนน่าสะพรึงเกินคาดเดา เกิดขึ้นเมื่อเขาย้อนเวลากลับไปเปลี่ยนอดีต ซึ่งทุกครั้งต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส อำนาจการแก้ไขอดีตกลายเป็นความท้าทายสำหรับนิค เขารู้ว่าสามารถแก้ไขอดีตได้ แต่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะส่งผลกระทบต่อเหตุการณ์อื่นๆอย่างไร




แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 12 พ.ค. 2010, 14:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูหนังฟรีจนจบเรื่องได้ที่นี่





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2010, 15:07
โพสต์: 313

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
noohmairu เขียน:
:b32: อิอิ

ผีเสื้อขยับปีกเพราะกรรม

:b41: :b41: :b41:


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


ถูกต้อง


เพราะกรรม


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 09:55
โพสต์: 4062

แนวปฏิบัติ: มรณานุสสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: ตรงปลายจมูก

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: เรื่องของฝรั่งที่พยายามอธิบายสิ่งที่มองไม่เห็น(ด้วยตาเนื้อ) แต่ว่ามีอยู่จริง :b9:
การเดินทางข้ามเวลาข้ามมิติด้วย...ยานที่เรียกว่าจิต-มโนภาพ-มโนทวาร


รูปภาพ

.....................................................
~ นิพพานัง ปัจจโยโหตุ ~


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาค3
เรื่องย่อ
ชายหนุ่มที่ได้รับความสามารถ Butterfly Effect มา และใช้มันเพื่อค้นหาปริศนาการตายของแฟนสาว และน้องสาวที่ช่วยชีวิตจากกองเพลิง แต่กลับทำให้พ่อแม่ของเขาตายแทน




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาค3
เรื่องย่อ
ชายหนุ่มที่ได้รับความสามารถ Butterfly Effect มา และใช้มันเพื่อค้นหาปริศนาการตายของแฟนสาว และน้องสาวที่ช่วยชีวิตจากกองเพลิง แต่กลับทำให้พ่อแม่ของเขาตายแทน




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ภาค3
เรื่องย่อ
ชายหนุ่มที่ได้รับความสามารถ Butterfly Effect มา และใช้มันเพื่อค้นหาปริศนาการตายของแฟนสาว และน้องสาวที่ช่วยชีวิตจากกองเพลิง แต่กลับทำให้พ่อแม่ของเขาตายแทน




โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2010, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


noohmairu เขียน:
หลับอยุ่ เขียน:
noohmairu เขียน:
:b32: อิอิ

ผีเสื้อขยับปีกเพราะกรรม

:b41: :b41: :b41:


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


ถูกต้อง


เพราะกรรม


อนุโมทนาสาธุจ้า
:b8:


จากภาค1 พระเอก มันไปแก้ไขกรรมในอดีตได้ แต่ผลลัพธ์ คือ....จะอยู่ร่วมกับนางเอกไม่ได้มิฉะนั้นจะเจอแต่ทุกข์(ทีมงานหนังมีการสร้างตอนจบไว้หลายแบบ)ดังต่อไปนี้
butterfly effect - happy ending





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 22:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




8.gif
8.gif [ 3.57 KiB | เปิดดู 7197 ครั้ง ]
เรื่องย่อ “คู่เวร”
โดย หลับอยู่

[b]ประกาศห้ามนำไปเผยแพร่ ทำซ้ำ หรือดัดแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดเป็นบทภาพยตร์หรือละครโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาติ

Onion_L [/b] นี่คือเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งทีต้องมาเจอกันในโลกใบนี้ เจอกันเพราะกรรมในอดีตบันดาลให้ผล
“ท๊อป” หนุ่มวัยรุ่นอายุ 18 ปี ที่จบการศึกษาชั้นมัธยมปลายจากจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ ได้เข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งเมื่อ “ท๊อป” ได้ขึ้นมาเป็นนักศึกษารุ่นพี่ปีที่ 2 “หวาน” นักศึกษาสาวสายก็ได้เข้ามาเป็นนักศึกษารุ่นน้องในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนั้น ทั้งคู่เรียนคณะนิเทศศาสตร์ด้วยกัน ทั้ง “ท๊อป” กับ “หวาน” ก็ต่างแอบมองกันอยู่ห่างๆ โดยที่ “ท๊อป” ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปพูดกับ “หวาน” ในขณะที่ “ท๊อป” เมื่ออยู่กันในกลุ่มเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะก็มักจะเป็นหัวโจกเสมอ เฮฮาตามประสาวัยรุ่นวัยคะนอง พฤติกรรมของ “ท๊อป” ขัดแย้งกันมากเมื่อเขาเจอกับ “หวาน”

ช่องว่างดูเหมือนจะเริ่มห่างกันมากขึ้นเมื่อ “ท๊อป” เมาแล้วเกิดไปพูจาไม่ดีกับ “หวาน” เข้า เมื่อหายเมา “ท๊อป” เกิดการละอายใจหนักขึ้น เมื่อ “หวาน” ขึ้นเป็นนักศึกษาปีที่ 2 “หวาน”ได้ไปถ่ายโฆษณาชิ้นหนึ่งซึ่งออกอากาศทาง T.V. “ท๊อป” ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหมามองเครื่องบิน แต่ “ท๊อป” ก็ยังแอบมอง “หวาน” อยู่ห่างๆ ทุกครั้งที่ “ หวาน” และเพื่อนของเธอเดินผ่านมาบริเวณที่ “ท๊อป” นั่งอยู่กับเพื่อนๆในกลุ่ม “ท๊อป” มีอาการตกหลุมรักจนกลุ้มใจ
เพราะความไม่กล้าของเขาจน “ท๊อป” ต้องระบายความในใจกับ “โบ้” เพื่อนรุ่นน้องในกลุ่ม แล้ว “โบ้” ก็ให้คำแนะนำยุยงให้ “ท๊อป” เกิดความกล้าที่จะเข้าไปพูดคุยกับ “หวาน” “ท๊อป” จึงได้ไปขอเบอร์โทรศัพท์บ้านของ “หวาน” จากเพื่อนในกลุ่มของ “หวาน”
เมื่อได้เบอร์โทร “ท๊อป” จึงรวบรวมความกล้าโทรไปหา “หวาน” เพราะเขาคิดไว้ว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว แต่ผิดคาดเมื่อ “หวาน”กลับพูจา “สัพยอก” ใส่ และรู้ว่าคนที่โทรมา คือ “ท๊อป” เพราะ “หวาน” ก็มีใจชอบ “ท๊อป” อยู่แล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งคู่ต่างนัดกลับไปถึงบ้านของแต่และฝ่ายแล้วโทรศัพท์หากัน(ในยุคนั้นมือถือแพงมากและยังไม่แพร่หลาย)
ที่มหาวิทยาลัย “ท๊อป” ก็เริ่มห่างจากกลุ่มเพื่อนแล้วชอบไปนั่งคลุกกับ “หวาน” ด้วยกัน ทั้งคู่มักจะไปทำอะไรด้วยกันทั้งนอกรั้วและในรั้วมหาวิทยาลัย วันหนึ่ง “ท๊อป” ได้สะดุดในพุทธภาษิตที่ติดไว้ในชมรมพุทธศาสตร์ในมหาวิทยาลัย และแล้วในช่วงภาคฤดูร้อนก็มาถึง “ท๊อป” กับ “โบ้” ก็ตัดสินใจที่จะไปปฏิบัติธรรมภาคฤดูร้อน 3 วัน ก่อนลงเรียน “Summer”
โดยที่ “หวาน” ขับรถไปส่ง “ท๊อป” กับ “โบ้” ที่สถานปฏิบัติธรรมในจังหวัดกระบี่ แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสถานที่เงียบสงบมาก
“ท๊อป” ได้ให้ “หวาน” ไปคอยอยู่ในตัวเมืองกระบี่ แล้วเขากับ “โบ้” ก็จะอยู่อาศัยปฏิบัติธรรมกับหลวงตาแก่ๆในวัด ท่านชื่อว่า “หลวงตาม้า” ซึ่งเมื่อ “โบ้” เห็นครั้งแรกก็ไม่ค่อยศรัทธาในพระรูปนี้ และก็ไม่ค่อยอยากจะมาเท่าไหร่นัก
เพียงวันแรกทั้ง “ท๊อป” กับ “โบ้” ก็เจออภิญญาของหลวงตารูปนี้ หลายอย่าง เมื่อ “โบ้” เผลอไปล๊อคประตูในกุฏิท่าน “หลวงตาม้า” กลับออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ และอีกหลายอย่างจน ทั้งคู่ อยากให้ “หลวงตาม้า”ท่านสอนให้ คืนสุดท้าย “หลวงตาม้า” ท่านให้ทั้ง 2 คนนั่งสมาธิ กับท่าน “ท๊อป” กับ “โบ้” ก็ทำตาม เวลาผ่านไปซักพักสมาธิของ “ท๊อป” ก็ได้เกิดเห็นภาพในจิต เหมือนจริง
คือหลังจากกลับไปจากสถานที่ปฏิบัติแห่งนั้นแล้วทั้งคู่เรียนจบมหาวิทยาลัยด้วยกันแล้วทำงาน “หวาน” อยากให้ “ท๊อป” ขับมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ แล้วทั้ง 2 คนก็เกิดอุบัติเหตุพิการขาขาด ชีวิตมีแต่ความทุกข์ ตั้งแต่นั้นมา เพราะ “หวาน” ต้องมาคอยเลี้ยงดู “ท๊อป” ในที่สุด “หวาน” ก็ไปมีผู้ชายอื่น
“ท๊อป” จึงลืมตาขึ้นถามหลวงตาม้าว่า ในอนาคตถ้าเขาหลีกเลี่ยงการขับมอเตอร์ไซด์จะแก้เรื่องราวไม่ดีได้ไหม “หลวงตาม้า” ก็ให้นั่งสมาธิดูต่อไป (ต่อจากเหตุการณ์) “ท๊อป” กล่าวปฏิเสธมอเตอร์ไซด์ทุกประเภท ทำให้ “หวาน” งอนเล็กน้อย ทั้งคู่ดำเนินชีวิตมาถึงตอนแต่งงานกัน “ท๊อป” ได้ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่ง ที่นั่น “ท๊อป” ได้คบเพื่อนสาวสวยเซ็กซี่คนหนึ่งชื่อ “นีน่า” ๆได้หว่านเสน่ห์ “ท๊อป” อยู่เป็นประจำ แล้วคืนหนึ่ง “ท๊อป” ก็พลาดท่า “ท๊อป” เกิดนอกใจ “หวาน” ได้ไปนอนกับ “นีน่า” และกระทำเช่นนี้เป็นประจำ แล้ว “นีน่า” ก็แอบส่งคลิป V.D.O. ให้กับ “หวาน” ๆ เศร้าโศกเสียใจมาก เมื่อ “ท๊อป” กลับมาบ้าน เกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง “หวาน” ก็ตกบันไดหัวฟาดพื้นตาย “ท๊อป” ก็ได้อยู่กินกับ “นีน่า” แต่แล้ว “นีน่า”ก็ได้แอบคบชู้กับชายอีกคน แล้วยังวางแผนฆ่า”ท๊อป” อีก เพราะชายชู้อีกคนมีสันดานเป็นโจรด้วย หมายจะได้ทรัพย์สินของ “ท๊อป”แล้ว “ท๊อป” ก็ตาย ตามแผนของ “นีน่า” กับชายชู้
“ท๊อป” ได้ลืมตาขึ้นมา ส่วน “โบ้” ก็คงนั่งหลับตาต่อไปแต่หัวเริ่มเอนลง(ประมาณว่าหลับ) “ท๊อป” ได้ถามหลวงตาม้าว่าถ้าเขาไม่นอกใจ “หวาน” จะแก้ไขอะไรได้ไหม หลวงตาม้าก็บอกให้ “ท๊อป”นั่งดูต่อไป
(ต่อจากเหตุการณ์) “ท๊อป” ปฏิเสธ “นีน่า” ทุกเรื่อจนเขาต้องตวาดไล่ “นีน่า” เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงกับ “หวาน” และตนเอง การกระทำของ “ท๊อป” เพื่อนๆที่ทำงานกลับมองเป็นเรื่องโง่เขลาโดยเฉพาะเพื่อนผู้ชายซึ่งส่วนใหญ่อยากจะนอนกับ “นีน่า” กันทั้งนั้น
วันหนึ่งบริษัทที่ทำงานของ “ท๊อป” ได้มีการเปลี่ยนผู้บริหารๆที่มาใหม่คือ “สมคิด” ๆ เป็นผู้ชายภูมิฐานลักษณะดี งานเลี้ยงบริษัทของ “ท๊อป” ได้ถูกจัดขึ้น แล้ว “หวาน” ก็ไปรับ “ท๊อป” จากงานเลี้ยง “หวาน” ได้เข้าไปในงาน เมื่อผู้บริหาร “สมคิด” ซึ่งคุยกับ “ท๊อป” อยู่ “หวาน” ซึ่งเข้ามาหา “ท๊อป” “ท๊อป” ก็ได้แนะนำให้ “สมคิด” รู้จัก “สมคิด” เป็นผู้ชายสันดานชั่วเกิดพิศวาสในตัว “หวาน” ขึ้นมา แผนชั่วของ “สมคิด” ก็ผุดขึ้นมาในสมองของเขา แล้วแผนชั่วของ “สมคิด” ก็ได้เริ่มขึ้น “สมคิด” ตีสนิทกับ “ท๊อป” ไม่นาน “ท๊อป” ได้ถูกจับคุมในข้อหาฉ้อโกงบริษัทฯ “สมคิด” ทำทีไปเยี่ยม “หวาน” ที่บ้านแล้วปลุกปล้ำ “หวาน” ๆ ไม่ยอมท้ายสุด “หวาน” ถูก “สมคิด” ฆ่าตายในบ้าน
“ท๊อป” ลืมตาขึ้นออกจากสมาธิทันที จิตของเขาเริ่มไม่มั่นคง ส่วน “โบ้” ก็นั่งหลับกรนคร่อกๆ หลวงตาม้า เอาไม้เคาะหัว “โบ้” จน “โบ้” ตื่น
“ท๊อป” กังขาว่าภาพที่เขาเห็นมันเป็นจริงหรือไม่ ทันใดหลวงตาม้า ซึ่งนั่งหลับตาก็ตอบโดยที่ “ท๊อป” ยังไม่ได้ถามท่านว่า “กูเห็นพวกมึงกว่าที่มึงเห็นอีก...มึงกะอีหนูนั่นทำกรรมมาด้วยกัน วิบากกรรมมันจ้องรอให้ผลเมื่อพวกมึงมาเจอกัน แล้วส่งผลเพราะมึงกะอีหนูนั่นมันเป็น “คู่เวรกัน”
“ท๊อป” ถามถึงวิธีแก้อีก คราวนี้หลวงตาม้าก็สั่งให้หลับตาลงดูอีกและแนะกับ “ท๊อป” บางอย่าง
เมื่อสมาธิจิตของ “ท๊อป” เริ่มรวมขึ้นภายใน เขาก็เห็นภาพในใจอีกครั้ง เป็นภาพเหตุการณ์ที่ “หวาน” เรียนจบจนรับปริญญาทั้งคู่ก็ยังคงคบกันเหมือนเดิม
ที่สวนแห่งหนึ่ง “ท๊อป” กับ “หวาน” ได้มานั่งเล่นคุยกัน “หวาน” ได้บอกกับ “ท๊อป” ว่าตนต้องการจะไปเรียนเมืองนอน ภาพทั้งหมดก็หยุดชะงัก ยกเว้น “ท๊อป” พร้อมกับมีเสียงของหลวงตาม้าดังแว่วว่า “มันขึ้นอยู่กะมึงถ้ามึงห้ามไม่ให้มันไปมันก็ไม่ไป แล้วสิ่งเลวร้ายก็จะเกิดขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้ามึงให้มันไป... เวรกรรมก็ส่งผลให้พวกมึงทั้งคู่ แค่เล็กๆ น้อยๆ ต่างคนก็ต่างรับมันไป” ชั่วระยะเวลานึง แล้วพวกมึงทั้งคู่ก็จะกลับมาเจอกันอีก..”
“ท๊อป” ลืมตาขึ้นเขาก้มลงกราบหลวงตาม้า แล้วชวน “โบ้” กลับที่พัก
เช้ารุ่งขึ้น “หวาน” ก็ขับรถมารับ “ท๊อป” กับ “โบ้” กลับกรุงเทพฯ “หวาน” คบกับ “ท๊อป” จนเหตุการณ์ มาถึงที่สวนที่ที่ “หวาน” บอกกับ “ท๊อป” ว่าจะไปเรียนเมืองนอก “ท๊อป” ไม่คัดค้าน เพราะตนได้เห็นวิบากกรรรมในอนาคตมาแล้ว “ท๊อป” บอกกับ “หวาน” ว่า ที่ให้ “หวาน” ไปก็เพราะรัก “หวาน” อย่างจริงใจหวานรู้สึกซึ้งในความปรารถนาดีของ “ท๊อป” ว่าเป็นห่วงอนาคตของตน แต่ จริงๆแล้ว “ท๊อป” เป็นห่วงวิบากกรรมในอนาคตทั้งของ “หวาน” และของ “ท๊อป” ที่เขาไปรู้ไปเห็นมามากกว่าที่ “หวาน” คิด ทั้งคู่จับมือกันให้สัญญาใจไว้

กาลเวลาผ่านไป 3 ปี การติดต่อของทั้งคู่ค่อยๆห่างหายไป “หวาน” ได้แต่งงานกับฝรั่งเมืองนอก ส่วน “ท๊อป” ก็เจอรักใหม่กับผู้หญิงคนหนึ่งในแวดวงทำงาน
25 ปีผ่านไป “ท๊อป”ได้มานั่งที่สวน ที่เคยนั่งเล่นกับ “หวาน” ประจำอยู่คนเดียว แล้ว “หวาน” ก็ปรากฏตัวขึ้น คู่ครองของทั้ง “ท๊อป” กับ “หวาน” ได้ตายจากไปแล้วหลังจากพูดคุยกัน แล้ว “ท๊อป” กับ “หวาน” ก็ลูกขึ้นเดินจูงมือกันไปในสวนแห่งนั้นด้วยวัยชราทั้งคู่
*************** จบ*****************



แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 29 พ.ค. 2010, 14:02, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
เรื่องย่อ “คู่เวร”
โดย หลับอยู่

*************** จบ*****************


:b14: :b14: :b5: :b5:

หลับอยู่...เล่าเรื่องอะไรหง่ะ :b14: :b5: น่ากลัวววว...จัง...

:b2: :b2: กลัว กลัว เค้ากลัวววว :b2: :b2:

น่ากลัวที่สุด... :b2: :b2: :b2:

ไม่เอา ไม่เอา เปลี่ยนไปเล่าเรื่องผีเลยยยยยย....

:b26: :b26: :b26:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 23:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว




272.gif
272.gif [ 3.06 KiB | เปิดดู 7185 ครั้ง ]
แนว romantic thiller
คนไทยจะเอาแปลกๆ พอแปลกใหม่เข้าจริงกลับไม่กล้าทำ หุหุหุ
ที่จริงธรรมดาๆอยู่แล้ว หุหุหุ หนังเอ๋ยหนังไทย หุหุหุ น้อยนักที่ ก้าวสู่.....มีน้อยนัก หุหุหุ

ฝรั่งมันไปแก้อดีต แต่เราเล่นว่ามัน เห็นอนาคต(อนาคตังสญญาณ)แล้วมาทำปัจจุบัน
พอฟัดกันได้ไหม หุหุหุ หนังเอ๋ยหนังไทย หุหุหุ


แก้ไขล่าสุดโดย หลับอยุ่ เมื่อ 26 พ.ค. 2010, 23:37, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร