วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 12:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=7



กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 102  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ปัญหาหลายๆ ข้ออาจจะตรงกับหลายๆ ท่านที่ยังหาคำตอบไม่ได้และไม่ทราบจะไปถามใคร

หลายข้ออาจเป็นประโยชน์ในการปฏิบัติธรรม หลายข้อเป็นสิ่งที่หลายท่านอาจไม่เคยทราบมาก่อน

หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย กับกัลยาณมิตรทุกท่าน

ขออนุโมทนา..ทุกโพสให้กับท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร :b8:


:b44: ประวัติ ท่านอาจารย์ ดร.สนอง วรอุไร

รูปภาพ

ดร.สนอง วรอุไร ภูมิลำเนาของท่านอยู่ที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพี่น้องทั้งหมด ๘ คน ท่านเป็นบุตรคนที่ ๖ บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำสวน ทำไร่ นอกจากนี้บิดายังเป็นกำนันของตำบลคลองหลวงแพ่งและเป็นมัคนายกของวัดในละแวกบ้านด้วย ในวัยเด็ก ท่านมีหน้าที่ใส่บาตรตอนเช้าทุกวันและนำอาหารที่มารดาจัดเตรียมไปถวายพระในวันสำคัญและวันพระตามประสาชีวิตในชนบทยุคนั้น

ท่านได้รับการศึกษาเบื้องต้นจากโรงเรียนสุวรรณศิลป์ใกล้บ้าน เมื่อสงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลง ท่านและพี่ๆ น้องๆ ได้ย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ อยู่บ้านที่บิดามารดาซื้อไว้ให้พี่น้องทุกคนอยู่ร่วมกัน ย่านประตูน้ำ โดยบิดามารดามิได้ย้ายมาด้วย ท่านศึกษาในโรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยจนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๘ ชีวิตท่านต้องรับผิดชอบงานส่วนตัว เช่น ซักรีดผ้าเอง และแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบงานในบ้านร่วมกับพี่ๆ น้องๆ ท่านเป็นอยู่อย่างมัธยัสถ์ อดออม และมีระเบียบ เมื่อถึงช่วงปิดเทอมก็พากันกลับไปเยี่ยมบิดามารดาเพื่อช่วยงานด้านเกษตรกรรม เช่น เลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เป็นดังนี้ตลอดมา

ดร.สนอง วรอุไร สนใจฝึกสมาธิครั้งแรกในขณะเรียนชั้นมัธยมศึกษา โดยสนทนากันระหว่างพี่ๆ น้องๆ แล้วนำมาฝึกหัดปฏิบัติเองเมื่อมีโอกาส จนถึงระดับอุดมศึกษา ท่านเลือกศึกษาในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จบปริญญาตรีสาขาโรคพืช เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๕ แล้วไปทำงานเป็นนักวิชาการเกษตร เผยแพร่ความรู้ด้านการปลูกข้าวปลูกเห็ดแก่ประชาชนในภาคอีสานอยู่ประมาณ ๒ ปี ในระหว่างนี้ ท่านแต่งงานมีครอบครัวและได้โอนย้ายจากกรมวิชาการข้าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สังกัดคณะวิทยาศาสตร์ เป็นอาจารย์รุ่นบุกเบิกมหาวิทยาลัยและบุกเบิกบัณฑิตวิทยาลัยด้วย

จากนั้นปีพ.ศ. ๒๕๑๔ ท่านก็ได้เรียนจบปริญญาโทเกษตรศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สาขาเชื้อรา ปีเดียวกันนั้นเอง ท่านได้รับทุนโคลัมโบไปศึกษาปริญญาเอก สาขาไวรัสวิทยา มหาวิทยาลัยลอนดอน ประเทศอังกฤษ นาน ๔ ปี ในระหว่างการศึกษา ท่านมิได้เดินทางกลับมาเมืองไทยเลย เพราะเรียนหนักมาก ท่านใช้เวลาว่างพักทำจิตนิ่งทุกวัน ซึ่งมีผลให้ท่านจดจำได้เร็ว เรียนเข้าใจง่าย และจบ ๔ ปีตามกำหนด

เมื่อกลับเมืองไทยในเดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๑๘ และมีเวลาว่างช่วงก่อนเปิดเทอมไปสอนนักศึกษา ท่านตัดสินใจอุปสมบทเพื่อพิสูจน์สัจธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ วัดปรินายก แล้วมาฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับพระเทพสิทธิมุนี (โชดก ป.ธ.๙) ที่คณะ ๕ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฏ์ ท่าพระจันทร์ ในชั่วระยะเวลา ๓๐ วัน ที่ท่านปฏิบัติตามคำสอนของครูบาอาจารย์อย่างมอบกายถวายชีวิตเป็นพุทธบูชา ท่านได้รับประสบการณ์ทางจิตและความก้าวหน้าในญาณอภิญญาต่างๆ มากมาย โดยหลังจากปฏิบัติได้เพียง ๑๐ วัน ท่านสามารถแยกกายกับจิตได้ และได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรมเป็นครั้งแรกในชีวิต ณ ลานอโศก วัดมหาธาตุฯนั่นเอง

เมื่อลาสิกขาบทแล้ว วิถีชีวิตของท่านเปลี่ยนแปลงไปมาก ด้วยความคิด ด้วยคำพูด และการกระทำซึ่งถูกหล่อหลอมจากภาวนามยปัญญา ที่ได้รับจากการพัฒนาจิตวิญญาณในครั้งนั้น ท่านได้รับเชิญเป็นองค์บรรยายด้านหลักธรรม คุณธรรม จริยธรรม ตามหน่วยงานต่างๆ องค์กรต่างๆ มากมาย และหลังจากเกษียณอายุราชการที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านยังเป็นอาจารย์พิเศษถวายความรู้แก่พระนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตล้านนาด้วย

ปัจจุบันท่านเป็นครูบาอาจารย์สั่งสอนธรรม โดยได้นำประสบการณ์ตรงของท่านเองมาเป็นแบบอย่าง สร้างจุดเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับชีวิตของคนจำนวนมาก มีกลุ่มคณะศิษย์ช่วยกันเผยแผ่ผลงานของท่านโดยทำเป็นหนังสือหลายเล่ม เช่น ทำชีวิตให้ได้ดีและมีสุข, ยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ, ทางสายเอก, ตามรอยพ่อ, การใช้ชีวิตที่คุ้มค่า, มาดสดใสด้วยใจเกินร้อย, อริยมรรค นอกจากนี้ยังมีตลับเทป ซีดี และ MP3 อีกเป็นจำนวนมาก

ผลงานเรื่อง “ทางสายเอก” ได้รับการแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยอาจารย์ทวีศักดิ์ คุรุจิตธรรม เพื่อให้ชาวต่างชาติได้มีโอกาสศึกษาถึงประสบการณ์การปฏิบัติธรรมและการพัฒนาจิตวิญญาณของท่านเพื่อเสริมสร้างความศรัทธาในวิชาวิปัสสนากรรมฐาน สุดยอดวิชาเอกของโลก

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แก้ไขล่าสุดโดย ธรรมบุตร เมื่อ 26 พ.ค. 2010, 14:15, แก้ไขแล้ว 7 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติและเห็นเองในธรรม หากจะพูดให้ใครฟังเช่นคนรอบข้างจะถูกต้องหรือไม่ ถ้าคิดว่าต้องการให้เจตนาที่ดี แต่คิดว่าทุกครั้งที่พูด 10 ครั้งธรรมะเหล่านั้นในตัวที่รู้เหมือนจางหายไป 5 เรื่อง จะทำอย่างไรให้หนักแน่นและรู้ยิ่งขึ้น

คำตอบ .
-ถูกต้องถ้าเขาอยากฟังคือต้องเกิดศรัทธาก่อน
-ไม่ถูกต้องถ้าเขาไม่อยากฟัง คือไม่ศรัทธาทุกครั้งที่พูดธรรมะ ธรรมะเหล่านั้นเหมือนจางหายไป
- ในหลักธรรมแล้วยิ่งให้ยิ่งมีมาก ถ้าให้แล้วตัวรู้จางหายไปแสดงว่าไม่รู้จริง

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การฝึกภาวนา บางครั้งฟังเทศน์ไปด้วยแต่เผลอดูลมกำหนดภาวนาเหมือนหลับแต่คำเทศน์ได้ยินหมดเพียงแต่ได้ยินจาง ๆ

คำตอบ
- ฝึกด้วยฟังเทศน์ด้วยเป็นการปฏิบัติที่ผิดวิธี ทำให้ขาดสติ ไม่ใช่เจริญสติ
- ถ้าจะให้เกิดสติต้องกำหนดดูลมหายใจอย่างเดียวหรือฟังเทศน์อย่างเดียวที่เป็นอารมณ์ปัจจุบัน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยฝึกสมาธิเหมือนนั่งสักพักออกจากสมาธิเหมือนมีกำลัง พลังแต่เป็นได้ครั้งสั้น ๆ หายไปจะทำอย่างให้กลับมาเหมือนเดิมได้และก้าวหน้า

คำตอบ
การฝึกสมาธิไม่มีมีแต่การฝึกจิตให้มีสติ เมื่อใดจิตมีสติ สมาธิเกิดโดยอัตโนมัติ
-ถ้าอยากให้จิตมีกำลังสมาธิและยาวนานต้องฝึกจิตให้มีสติต่อเนื่องและยาวนานกำลังสมาธิจะมีมากและยาวนาน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นำเรื่องพระมหาชนกออกมาเผยแพร่ต่อประชาชน
ในประเทศและที่สุดได้นำเรื่องทองแดงออกมาเผยแพร่ในทำนองเดียวกันอยากทราบว่าท่าน
ผู้บรรยายเห็นอย่างไร

คำตอบ
ความเห็นของผู้บรรยายเห็นว่าเรื่องพระมหาชนกเป็นเรื่องของการทำความเพียรควรอย่างยิ่งที่จะเรียนรู้และทำให้เกิดขึ้นกับตัวเอง ส่วนเรื่องคุณทองแดงเป็นตัวอย่างของความซื่อสัตย์ ความจงรักภักดีต่อผู้มีพระคุณ และเป็นเรื่องของวาสนาคือบุญที่ได้สะสมมาตั้งแต่อดีตส่งผลให้ได้รับการอุปถัมภ์ได้รับใช้ใกล้ชิดผู้มีบารมีสูง
ตัวอย่างสุนัขที่คอยระวังให้พระโพธิสัตว์ตายแล้วยังได้ไปเกิดเป็นโฆสกเทพบุตร สุนัขยังมีวาสนาดีได้ ทำไหมเราเป็นมนุษย์ที่มีกำเนิดสูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉานจะไม่สร้างวาสนาให้กับตัวเองด้วยการสร้างและสั่งสมบุญกิริยาวัตถุ 10 ด้วยตัวเองเหล่า

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่กล่าวว่า “บุญเป็นอริยทรัพย์” ผู้อื่นเอาไปไม่ได้ โจรปล้นไม่หาย ไฟไหม้ไม่หาย ฯลฯ การทำบุญอุทิศให้บรรพชนผู้ล่วงลับไปแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่าจะได้บุญกุศลที่เราส่งให้หรือไม่ (ประยุกต์แนวคิดนี้ใช้กับการแผ่เมตตา กรวดน้ำได้อย่างไร)

คำตอบ
ได้รับบุญกุศลที่เราอุทิศส่งไปถ้าเขาอยู่ในสถานภาพที่รับได้ เช่นสื่อสารถึงกันได้ คือโทรจิตมีความถี่คลื่นเดียวกันและแรงส่งของคลื่นไปถึงผู้รับ (เช่นเรื่องของเด็กหญิงพิมพวดีซึ่งเขียนโดยนายแพทย์อาจินต์ บุญเกียรติ)
-ไม่ได้รับบุญกุศลเช่นบรรพชนไปเกิดในภพภูมิที่กันดารห่างไกล สัตว์นรกทุกขณะจิตเสวยแต่ความทุกข์ เปรตทุกขณะจิตเสวยแต่ความหิวโหย ยกเว้นเปรตปรทัตตุปชีวี ที่พอจะมีเวลาว่างคอยรับส่วนบุญจากผู้อุทิศให้ ตัวอย่างเช่น อดีตญาติของพระเจ้าพิมพิสาร
-การกรวดน้ำเป็นการทำจิตนิ่งเป็นสมาธิคือจูนความถี่คลื่นจิตให้มีกำลังแรงเพื่อจะได้สื่อไปถึงผู้รับวิธีนี้เคยมีขึ้นในครั้งพุทธกาล ที่พระเจ้าพิมพิสาร ถวายอาหารแด่พระพุทธเจ้าและสาวกแล้วหลั่งทักษิโณทกให้กับอดีตญาติที่เป็นเปรตมารอรับส่วนบุญ
-การแผ่เมตตาคือความปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุข ปัญญามีอยู่ว่าถ้าผู้ให้มีเมตตา ผู้ให้ต้องมีความสุขได้ก่อน จึงจะแผ่ให้ผู้อื่นได้ เครื่องบ่งชี้ความเมตตาของผู้ให้คือต้องเป็นคนเย็นไม่มีโทสะหรือความโกรธหรือความฉุนเฉียวได้ก่อนผู้นั้นจึงจะชื่อว่า
เป็นผู้มีความเมตตาถ้ามีความเมตตาแล้วส่งความเมตตาให้ใครผู้รับก็ได้รับความเมตตา(ความสุข)จริงไม่เป็นโมฆะ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมผู้มีบุญจึงไปจุติชั้นดุสิตมากทำไมไม่ไปเกิดชั้นที่สูงกว่าครับ

คำตอบ
คำว่าจุติแปลว่าตายมักใช่กับเทวดาเช่นจุติจากเทวดามาปฏิสนธิ (เกิด) เป็นมนุษย์
มนุษย์ผู้มีความประพฤติแบบพระโพธิสัตว์คือทำตัวเป็นผู้ให้มุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยาก บูรณปฏิสังขรณ์ศาสนะวัตถุเป็นต้น เมื่อถึงเวลาทิ้งขันธ์ลาโลกแล้วจะได้ไปเกิดภพดุสิต ตัวอย่างเช่นอนาถบิณฑิกเศรษฐีที่สร้างวัดเชตวันถวายไว้ในพุทธศาสนา
มนุษย์ที่ทำบุญอย่างอื่นเช่นนันทิยมาณพ คหบดีแห่งเมืองพาราณสีทำโรงทาน สร้างศาลาตายแล้วไปเกิดเป็นเทพบุตรอยู่ในดาวดึงส์ ผู้ใดเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก (เจริญไตรสรรณคมน์) และรักษาศีล 5 อยู่เนื่องนิตย์ตายจากมนุษย์แล้วไปเกิดเป็นเทพบุตร , เทพธิดาในดาวดึงส์ได้
สรุปถือว่าจะไปเกิดที่ไหน ขึ้นอยู่กับชนิดของบุญและความมากน้อยของบุญที่กระทำก่อนตายนั้นเอง
-ผู้ที่เกิดสูงกว่าชั้นดุสิต เช่นหญิงชรายากจนเอาน้ำผักดองใส่บาตรรพระมหากัสสปะที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติในวันที่ 7 เห็นพระมหาเถระฉันน้ำผักดองแล้วเกิดปิติ ตายไปเกิดเป็นเทพนารีชั้นนิมมนนรดีซึ่งสูงกว่าชั้นดุสิต ซึ่งเป็นเหตุมาจากอานิสงส์ของบุญที่ได้ทำกับพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่บ้านมียายอายุ 96 ปี เสียชีวิตได้ 2 ปีแล้ว หลังจากที่ยายเสีย แม่จะเห็นคนโบราณทั้งชายหญิงและเด็กผมจุกอยู่ในบ้านด้วยจะเห็นในตอนกลางคืน บ่อยครั้งมาก บางทีเห็นตอนหลับบางทีเห็นตอบเคลิ้มหลับ เรียกให้คนดูแต่คนอื่นไม่เห็นด้วย เรียนถามอาจารย์ว่าจะทำอย่างไรดีและภาพที่แม่เห็นนั้นเป็นอะไร ทุกวันนี้ก็ยังเห็นอยู่

คำตอบ
ภาพที่เห็นนั้นเป็นลายละเอียด ซึ่งยืนยันว่าภพอื่นมีจริงทำบุญอุทิศไปให้ผู้ที่เห็นในภาพปรากฏนั้นดีที่สุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติธรรมมีหลายแบบ ทั้งการกำหนดลมหายใจ การกำหนดอิริยาบถย่อย ฯ เราจะทราบได้อย่างไรว่าอย่างไหนถึงจะเหมาะสมกับเรามากที่สุดครับ

คำตอบ
แบบที่ทำให้เกิดสมาธิได้ง่ายและเกิดสมาธิได้ยาวนานนั้นเหมาะกับเราที่สุด

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาอยู่คนเดียวจะภาวนาได้โดยกำหนดลมหายใจ แต่เมื่ออยู่กับคนอื่น ๆ จะลืมสติทุกครั้ง จะฝึกอย่างไรดีจึงจะมีสติตลอดเวลา

คำตอบ
ฝึกบ่อย ๆ ฝึกสติทุกครั้งที่นึกได้ ฝึกจนเป็นมหาสติตาเห็นภาพมีสติคุม หูได้ยินมีสติคุม ลิ้นสัมผัสรสอาหารมีสติคุม จมูกสัมผัสกลิ่นมีสติคุม กายสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งมีสติคุม ใจปรุงอารมณ์มีสติคุม ถ้ามีอินทรียสังวรอย่างนี้ตลอดเวลาที่ตื่น จะอยู่กับใครได้ทั้งนั้น จิตไม่ฟูไม่แฟบ ไม่หวั่นไหว ไม่คล้อยตามจิตมีแต่ความสงบเป็นอารมณ์ อย่างนี้เรียกว่ามีมหาสติผู้ใดทำได้ถือว่าเข้าถึงมหาสติ

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความคิดอกุศลที่เกิดขึ้นในจิตใจ เป็นความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด แต่มันคิดขึ้นมาเองเราจะมีวิธีแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร เพราะปัญหานี้สร้างความทุกข์ใจให้ตัวข้าพเจ้ามาก

คำตอบ
เรื่องเป็นผลมาจากโปรแกรมของจิตที่เป็นอกุศลเราสร้างและสั่งสมไว้ในใจของเราเอง เป็นผลงานไม่ดีของเราเอง ทางที่ดีควรลบทิ้งโปรแกรมจิตที่เป็นอกุศลให้หมดไป ถ้าไม่ลบทิ้งโปรแกรมฯนี้ยังฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกไม่มีปัญญา ถ้าโปรแกรมโผล่ขึ้นในจิตสำนึกและให้ผลไม่ดี เจ้าของโปรแกรมอกุศลนี้จะเดือดร้อนเป็นทุกข์ ฉะนั้นต้องเจริญอินทรีย์พละ5 ให้แก่กล้าแล้วพิจารณาโปรแกรมอกุศลตามกฎไตรลักษณ์เพื่ออกุศล เข้าสู่อนัตตา และไม่กลับมาปรากฏในจิตอีกแสดงว่า โปรแกรมอกุศลถูกลบทิ้งไปแล้ว เราก็จะมีใจที่เป็นสุขตลอดไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 พ.ค. 2010, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอาจารย์มีความเห็นอย่างไรกับความคิดที่ว่า “พระพุทธเจ้าเป็นคนไทย แดนพุทธภูมิคือประเทศไทย”

คำตอบ
โลกเขาสมมติกันว่าใครเกิดบนแผ่นดินไหน ก็เป็นคนของ (สัญชาติ) แผ่นดินนั้น เราเกิดบนแผ่นดินไทย (อดีตถูกสมมติเรียกว่าสุวรรรณภูมิ) เรามีสัญชาติไทย เราเป็นคนไทย เจ้าชายสิทธัตถะเกิดบนแผ่นที่ถูกสมมติเรียนว่าชมพูทวีปมีสัญชาติชมพูทวีป เรียกว่าเป็นคนชมพูทวีป
ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็ตรัสรู้บนแผ่นดินชมพูทวีป พระพุทธเจ้าก็น่าจะเป็นคนชมพูทวีปตามสมมตินิยมที่เขาบัญญัติกันขึ้น ถ้าท่านจะเรียกว่าพระพุทธเจ้าเป็นคนไทย ก็เป็นความเห็นเฉพาะตัว คนอื่นไม่เห็นด้วย ส่วนที่ว่าแดนพุทธภูมิคือประเทศไทยก็เป็นความเห็นเฉพาะตัว คนอื่นไม่เห็นด้วยเช่นกัน

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 00:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อานิสงฆ์ของการบริจาคโลงศพและผ้าห่อศพให้กับปอเต๊กตึ้ง (แบบคนจีน) โดยทำทุกปี จะมีอานิสงส์อย่างไร

คำตอบ
อานิสงส์ที่จะกลับมาสู่ผู้บริจาค คือได้เพื่อนดีและมีเครื่องนุ่งห่มดี ถ้าจิตของผู้ตายไปเกิดใหม่เป็นเทวดา , นางฟ้า เราจะได้เพื่อนที่เป็นเทวดา , นางฟ้า ถ้าให้กับคนที่ถูกรถชนตายบนถนน เราจะได้เพื่อนดีที่เป็นสัมภเวสี คอยดูแลปกป้องเราให้พ้นจากภัยบนท้องถนน สัมภเวสีก็ได้รับเครื่องนุ่งห่มด้วย

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 00:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าโลกแตกด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม มนุษย์ตายหมด แล้วจะมีภพที่เป็นมนุษย์อยู่ที่ไหนอย่างไรคะ

คำตอบ
ถ้าเราแหงนดูหมู่ดาวที่ประกอบกันขึ้นเป็นทางช้างเผือก ซึ่งถูกสมมติเรียกว่า กาแลกซี่ ซึ่งประกอบดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และเทหวัตถุ ในฟากฟ้า อีกนับจำนวนไม่ถ้วน ในเอกภพมีจำนวนการแลกซี่มากกว่าล้านกาแลกซี่ นับเฉพาะทางช้างเผือกเพียงกาแลกซี่เดียว ผู้มีประสบการณ์รู้ว่าดาวที่มีมนุษย์อาศัยอยู่มีอยู่ 16 ดวง ผู้ตอบคำถามยืนยันโดยเอาหลักฐานมาแสดงไม่ได้ ว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง
ที่ถามว่าถ้าโลกแตกแล้วจะไปอยู่ที่ไหน อย่างไร ตอบว่าเมื่อโลกแตกจิตต้องทิ้งร่างนี้ก่อน แล้วพลังงานจิตที่มีเหตุปัจจัยลงตัวว่าต้องไปเกิดในภพมนุษย์ จะเคลื่อนที่ไปปฏิสนธิในครรภ์ของมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในดาวดวงอื่น

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2010, 00:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ม.ค. 2010, 02:43
โพสต์: 4467

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สามีไม่พอใจเวลาภรรยามาฟังธรรม ทำให้ภรรยาไม่สบายใจจะมีอุบายอย่างไรที่จะให้ภรรยาสบายใจ

คำตอบ
ต้องตรวจสอบตัวเองว่า ได้ทำหน้าที่ของภรรยาที่มีต่อครอบครัวได้ครบหรือยัง ถ้าหน้าที่ยังบกพร่อง คนอื่น ๆ ในครอบครัวมีสิทธิไม่พอใจ มีสิทธิตำหนิได้ ถ้าทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แล้วไปฟังธรรมหาความดีใส่ตัว แล้วสามียังไม่พอใจที่ภรรยาทำความดี ถือว่าเป็นกรรมของตัวเอง ที่ไปเลือกเขามาเป็นสามีเพื่อใช้หนี้เวรหนี้กรรมที่ผูกไว้ ให้อภัยเขา หาความดีใส่ตัวแล้วแผ่เมตตาให้เขาไป

.....................................................
แบ่งปันกันกิน,รักษาศีล คือ กาย วาจา
เจริญสมาธิภาวนา, กาย- วาจา-ใจอ่อนน้อม
ยอมตนรับใช้, แบ่งให้ความดี
มีใจอนุโมทนา, ใฝ่หาฟังธรรม
นำแสดงออกไม่ได้เว้น, ทำความเห็นให้ถูกต้อง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1521 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 102  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ธรรมโฆษ และ บุคคลทั่วไป 13 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร