วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 23:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 22:30
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนเพื่อนๆพี่ๆทุกคน
ดิฉันมีความทุกข์แสนสาหัสเหลือเกิน จนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว เริ่มเลยแล้วกันนะค่ะ ดิฉันกับสามีเป็นแฟนกันอยู่ปีกว่า (สามีอายุอ่อนกว่า 7 ปี) แล้วดิฉันก้อตั้งท้อง ตลอดเวลาที่ดิฉันตั้งท้องเค้าไม่เคยมาเยี่ยมเลยแม้แต่ครั้งเดียว อาจจะมีโทรมาบ้างนานๆครั้ง ดิฉันทุกข์มากต้องอุ้มท้องคนเดียว เนื่องจากที่บ้านก้อมีเพียงพ่อกับแม่เท่านั้นที่รู้ ญาติพี่น้องไม่มีใครทราบเพราะ แม่ไม่อยากให้ใครรู้เนื่องจากอายเค้า ดิฉันลำบากมาก แต่ได้ธรรมะนี่แหละค่ะที่ทำให้ผ่านมาได้ และคลอดลูกออกมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรง พอคลอดลูก ดิฉันก้อไปอยู่กับแม่แฟนเพราะแม่เค้าอยากให้เอาหลานไปใกล้ๆเค้าจะช่วยดู ดิฉันเองไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้ว จึงต้องไปอยู่นี่นั้นที่นครปฐม วันที่ไปถึงแฟนหนูก้อมารออยู่แล้ว เค้าขออุ้มลูก ดิฉันก้อไม่ว่าอะไร เพราะได้อโหสิกรรมกันไปแล้ว ไม่คิดจะเอาเค้ากลับมาเลย แต่แล้วอยู่ๆไปเค้าก้อมาขอคืนดี ด้วยความที่ยังรักเค้าอยู่และเห็นแก่ลูกจึงกลับมาอยู่ด้วยกัน แล้วต่อมาดิฉันก้อได้ทราบว่า ระหว่างที่เค้าคบดิฉันเค้าก้อมีอยู่อีกคน ซึ่งตลอดเวลาที่ดิฉันตั้งท้อง เค้าก้อไปหาผู้หญิงคนนั้นอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่เคยคิดที่จะมาดูดำดูดีอะไรดิฉันกับลูกเลย ดิฉันเสียงใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ทราบเรื่องนี้ได้เพราะดิฉันผิดสังเกตุเค้าหลายอย่าง เลยแอบบดูมือถือ แล้วก้อเลยโทรหาผู้หญิงคนนั้นเพื่อสอบถาม ตอนแรกดิฉันจะเลิกกับเค้าๆก้อไม่ยอม เค้าว่าเค้าจะเลิกสุดท้ายก้อกลับมาอยู่ด้วยกันอีก อยู่กินด้วยกันมาเกือบสองปี นิสัยเจ้าชูก้อยังไม่เลิก และค่อนข้างขาดความรับผิดชอบ เราทะเลาะกันเรื่อยมา เนื่องจากดิฉันเองก้อหวาดระแวงเรื่องความเจ้าชู้ของเค้ามาตลอด และก้อจับได้หลายๆครั้ง จนล่าสุดที่จับได้ ดิฉันโทรไปหาผู้หญิงคนนั้น คุยแบบดีๆเพื่อสอบถามความจริงจึงทราบว่าเค้าตามจีบผุ้หญิงคนนี้มาเป็นปีแล้ว ผู้หญิงก้อรับปากจะเลิกยุ่งกับสามี เพราะเค้าเลิกกับสามีคนก่อนก้อเพราะเรื่องทำนองนี้ รับรองเค้าไม่ยุ่งแน่นอน ดิฉันโทรไปหาสามีเพื่อบอกเรื่องนี้กับเค้า เพื่อที่ว่าจะคุยกันดีๆ แต่สิ่งที่ได้รับคือการต่อว่า โกรษมาก เหมือนกับดิฉันไปทำลายความรักระหว่างเค้ากับญ.คนนั้น เค้าเก็บของออกจากบ้านไป แล้วเราก้อเลิกกันไปประมาณสิบกว่าวัน แล้วดิฉันก้อทราบมาว่าระหว่างนั้นเค้าก้อได้โทรไปตื้อง้อผู้หญิงคนนั้นตลอด แต่สุดท้ายดิฉันก้อทนไม่ได้ ไปคุยกับเค้าเพื่อแก้ไขในข้อผิดพลาดต่างๆ เค้าก้อบอกดิฉันว่า ห้ามมายุ่งเรื่องส่วนตัวของเค้าอีก ไม่ว่าจะเป็นการดูโทรศัพท์ ห้ามถามว่าไปใหน ไปกับใคร เค้าบอกแค่ใหนก้อแค่นั้นไม่ต้องมาซัก จะกลับบ้านกี่โมงก้อเรื่องของเค้า ดิฉันก้อตกลง เราจึงกลับมาอยู่ด้วยกัน แต่ว่าตั้งแต่กลับมาอยู่ด้วยกัน 1 เดือนมานี้ เราก้อยังทะเลาะกันอยู่ดี ดิฉันก้อไม่ได้เลิกจับผิดเค้า ยังแอบดูโทรศัพท์และเห็นข้อความต่างๆ จึงรู้ว่าเค้ายังไม่เลิกกัน พอดิฉันถาม เค้าก้อว่าเลิกแล้วๆ ด่าว่าดิฉันไม่รู้จักจบ เค้าพยายามจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น มีแต่ดิฉันที่ยิ่งทำให้อะไรๆแย่ลง ตั้งแต่ทะเลาะก้นมา เค้าไม่เคยมองว่าสิ่งที่เค้าทำนั้นผิด เค้าเอาความผิดทุกอย่างมาลงที่ดิฉัน หาว่าดิฉันทำแบบนี้ ไม่รักลูกเอาซะเลย ทำให้ลูกต้องไม่มีพ่อ ครอบครัวแตกแยก ทั้งๆที่ต้นเหตุมันมาจากเค้า ตัวเค้าไม่เคยคิดเลยว่าการนอกใจภรรยานั้นมันไม่ถูกต้อง เค้าก้อโตมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นแบบนี้ แทนที่จะเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ แล้วจะทำให้ครอบครัวตัวเองดี กลับไม่ทำ ส่วนตัวดิฉันเองพอโดนเค้าว่าแบบนี้ก้อรู้สึกผิด มาคิดแก้ตัวใหม่ พยายามเอาธรรมะเข้าขัดเกลาจิตใจ แต่อย่างว่า คนมันติดในกิเลศสูง จะให้ทำได้ภายในวัน-สองวัน มันคงเป็นไปไม่ได้ บางวันทำได้ บางวันสติแตก เค้าก้อไม่พอใจ วันนี้เราก้อทะเลาะกันอีก เพราะเค้ามาบอกว่าจะไม่กลับบ้าน จะไปตจว ดิฉันถามไปกับใคร ยังไง เค้าก้อเริ่มไม่พอใจ ใช้น้ำเสียงไม่ค่อยดีเวลาพุดกับดิฉัน แล้วววันนี้ดิฉันก้อสติแตกอีกแล้ว ทะเลาะกันเสียงดังใหญ่โต สุดท้ายดิฉันเลยไล่เค้าให้ออกไปจากชีวิตดิฉันได้แล้ว เพราะเหมือนกับว่าดิฉันพูดอะไรนิดอะไรหน่อยก้อเป็นเรื่อง ดูหงุดหงิดเหนื่อยหน่ายใจเหลือเกิน ทั้งที่ดิฉันดีกับเค้าทุกอย่าง งานบ้านงานเรือน ดูแลครอบครัว แถมยังเป็นหลักในการหาเงินเข้าบ้านอีก เหนื่อยงานข้างนอกแล้ว ยังต้องมาเหนื่อยในบ้านอีก ทำไมเค้าไม่เข้าใจดิฉันบ้าง ตอนนี้สับสนเหลือเกิน ไม่รู้ว่าตัวเองอดทนสู้เพื่ออะไรอยู่ จะว่าเพื่อลูก เค้าก้อไม่ได้เป็นพ่อที่ดีเอาซะเลย ไม่ได้ดูแลสนใจลูกอย่างที่ควร คือดิฉันให้ทางแม่เค้าที่ตจวเลี้ยงไว้นะค่ะ เวลามีวันหยุด ดิฉันชวนเค้ากลับบ้านหาลูก เค้าก้อไม่ค่อยอยากจะกลับ แต่พอไปกับเพื่อนนั้นไปได้ โทรหาลูกหรือถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ก้อนานๆที เวลากลับบ้านไปก้อต้องบอกว่ารีบกลับทั้งๆที่กลับมาก้อไม่ได้ไปทำงาน แต่ออกไปอยู่กับเพื่อน เค้าเป็นสามีที่ไม่ดียังไม่พอ ยังเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องอีก แล้วดิฉันจะสู้เพื่ออะไรคะเนี่ย ใจนึงก้ออยากจะเลิกให้จบๆไปซะ เลี้ยงลูกคนเดียวได้อยู่แล้ว เงินทองอะไรเค้าก้อไม่ได้ส่งเสียให้ลูก อาจจะมีให้ดิฉันได้ใช้บ้างเดือนละ ห้า-หกพัน แต่พอดิฉันเงินเดือนออกก้อมักจะขอกลับไปเสมอ สองพันบ้าง สามพันบ้าง ห้าพันบาท ดิฉันไม่รู้จะทำไงแล้วจริง รบกวนชี้แนะทางสว่างให้จิตใจดิฉันบ้างเถอะค่ะ
1. ดิฉันอ่านธรรมะมา เค้าว่าให้ปลง ให้ปล่อยวาง เพื่อลูก เพื่อครอบครัวจะได้เป็นสุข ดิฉันควรจะทำแบบนั้นกับผู้ชายคนนี้หรือปล่าวค่ะ มันคุ้มกันไหม
2. ถ้าดิฉันเลิกกับเค้า มันจะเป็นการเห็นแก่ตัวมากไหม คือเหมือกับว่าไม่คิดถึงจิตใจลูก อะไรทำนองนี้นะค่ะ แต่พูดตามตรง ถ้าลูกมีพ่อที่เป็นแบบนี้เป็นตัวอย่างแล้วมันจะดีหรือค่ะ
3.ลูกดิฉันจะได้เชื้อแบบพ่อ แบบปู่เค้ามาไหมค่ะ ไม่อยากให้เค้าเป็นแบบนั้นเลย กลัวเหลือเกินเพราะเค้าก้อเป็นเด็กผู้ชาย
4.ถ้าคิดจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีก มีวิธีใหนที่ดิฉันจะทำให้ครอบครัวมันสงบสุขและไม่ต้องทะเลาะกันอีก ดิฉันควรจะเก็บปากเงียบเลยดีไหมค่ะ
รบกวนเท่านทั้งหลายให้วิทยาทานแก่ดิฉันด้วยเถอะค่ะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงที่รับฟังนะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 00:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
1. ดิฉันอ่านธรรมะมา เค้าว่าให้ปลง ให้ปล่อยวาง เพื่อลูก เพื่อครอบครัวจะได้เป็นสุข ดิฉันควรจะทำแบบนั้นกับผู้ชายคนนี้หรือปล่าวค่ะ มันคุ้มกันไหม


คุณkazumi ลองประมวลคุณความดีและเลวของเขาดูนะครับ บวกลบกันดู อะไรมีมากกว่าก็ให้ถือเอาอันนั้นเป็นสาระเพื่อการ"ปล่อยวาง"..ที่ถูกทาง การปล่อยวางหมายถึง ไม่หมายมั่นว่าจะต้องมีหรือไม่มีเขาอยู่ แต่ปล่อยวางเพราะรู้ว่าไม่ใช่สาระที่จะเรียกร้องให้เขาเป็นอะไรๆทำอะไรๆที่เราอยากให้เป็นหรือทำ..เพราะมันเป็นไปไม่ได้..

อ้างคำพูด:
2. ถ้าดิฉันเลิกกับเค้า มันจะเป็นการเห็นแก่ตัวมากไหม คือเหมือกับว่าไม่คิดถึงจิตใจลูก อะไรทำนองนี้นะค่ะ แต่พูดตามตรง ถ้าลูกมีพ่อที่เป็นแบบนี้เป็นตัวอย่างแล้วมันจะดีหรือค่ะ


คุณถามและตอบเองเบ็ดเสร็จแล้ว...

อีกประการหนึ่งมีกับไม่มีพ่อต่างกันตรงไหน เมื่อ : มีพ่อที่ไม่สนใจดูแลลูกเลย หรือมีพ่อที่ไม่มีวุฒิภาวะทำตัวไร้สาระไปวันๆ หาความคิดสร้างสรรค์อะไรไม่ได้ มีแต่ทะเลาะด่าแม่ ก่อแต่ความเครียดและปัญหามาให้ ถ้าเป็นคุณ ชอบที่จะมีพ่อแบบนี้หรือเปล่า ? ลูกจะอบอุ่นดีหริอหนาวสันหลังทุกครั้งที่เห็นพ่อ?..ตรงนี้ไม่ทราบว่าพ่อเขามีท่าทีต่อลูกอย่างไรบ้าง เช่นมองลูกด้วยสายตาอ่อนโยนแสนรัก หรือเห็นเหมือนตุ่นน่าเตะที่เกะกะในบ้าน ไม่ใคร่อยากมองให้เสียสายตาเลย..ฯลฯ..

อ้างคำพูด:
3.ลูกดิฉันจะได้เชื้อแบบพ่อ แบบปู่เค้ามาไหมค่ะ ไม่อยากให้เค้าเป็นแบบนั้นเลย กลัวเหลือเกินเพราะเค้าก้อเป็นเด็กผู้ชาย


จะเหมือนพ่อหรือไม่ขึ้นกับเหตุปัจจัยที่จะมีในอนาคต ใครจะบอกได้ว่าเขาจะเป็นหรือไม่เป็นอย่างพ่อ.?...เรื่องนี้ไม่พึงกังวลจนเลยเถิดเพราะจะเป็นทุกข์ทับซ้อนขึ้นมา เมื่อเราตั้งใจเลี้ยงเขาด้วยการอบรมอย่่างเต็มที่แม้เขาจะไม่เป็นอย่างใจ ถึงเวลานั้นก็ต้ิองปล่อยวางเช่นกันว่า สัตว์ทั้งหลายย่อมสั่งสมกรรมและกิเลสมาเฉพาะตน ใครจะเข้าบงการบังคับบัญชาอะไรใครได้ อย่าว่าแต่จะบังคับคนอื่นๆเลย เอาแค่จะบังคับใจตัวเองไม่ให้โกรธหรือเสียความรู้สึกก็เถิด ทำได้ใหม?..เมื่อใดทำได้ ก็คงบังคับบัญชาทุกสิ่งได้เช่นกัน ลองดูครับ

อ้างคำพูด:
4.ถ้าคิดจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีก มีวิธีใหนที่ดิฉันจะทำให้ครอบครัวมันสงบสุขและไม่ต้องทะเลาะกันอีก ดิฉันควรจะเก็บปากเงียบเลยดีไหมค่ะ


ดีครับ เงียบให้มาก ยอมรับพฤติกรรมของเขาทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข ไม่บ่นไม่ถามไม่กวนใจเขามีหน้าที่ปรนนิบัติเขาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ก็อย่าเพิ่งคิดว่าแม้คุณจะทำดีจนเทียบได้กับนางเอกหนังไทยที่อดทนเป็นยอดแล้วเขาจะยินดีมีความสุข ใครจะรู้ว่าตัณหากิเลสในใจเขามีมุมพิสดารที่คาดเดากันไม่ถึงเช่นเขาอาจรู้สึกรำคาญกับการทำดีของคุณขึ้นมา ฯลฯ เรื่องเช่นนี้มีอยู่..ดังนั้นก็ต้องเผื่อใจที่ต้องยอมรับให้หนักกว่าเดิม และเพิ่มอัตราความทนให้ยิ่งขึ้นจนหาที่สุดไม่ได้นั่นเทียว เมื่อทำได้ขนาดนี้ ถ้ามันยังไม่ workอีก ก็ยอมรับว่ากรรมแท้ของเราเอง คราวนี้จะทำอย่างไรต่ิอไปก็ค่อยมาถามใหม่นะครับ..

ขอให้พ้นทุกข์ พบทางออกที่เหมาะสมและมีความสุขครับ

:b46: :b47: :b48: :b41:

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 01:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 22:30
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณมากเลยนะคะที่ให้ข้อคิด รู้สึกดีขึ้นมาก เมื่อกี้เหมือนสติจะแตก ตอนนี้ก้อชั่งใจอยู่ว่าจะเอาอย่างไรดี ระหว่างเลิกกับทำใจอยู่ด้วยกันต่อไป ที่คุณ dd ถามว่าท่าทีของเค้าที่มีต่อลูกนั้นเป็นอย่างไร คือเค้ารักลูกมากค่ะ แต่ไม่ดูแล เล่นบ้างอะไรบ้าง แต่ไม่ใช่แนวคุณ พ่อบ้านอะไรประมาณนี้อะนะค่ะ อย่างเวลาทะเลาะกันจะเลิกกันก้อจะพูดแต่ว่าจะไม่ยอมให้ลูก ร้องให้กับแม่เค้า ว่าสงสารลูก แต่ไม่รู้จักพิจารณาความผิดของตัวเองเอาซะเลย เมื่อซักครู่ก้อโทรมาถามดิฉันว่า คิดได้หรือยังว่าทำอะไรผิดไปบ้าง ที่ทำให้เค้าต้องขุ่นข้องใจ ดิฉันละไม่อยากจะทะเลาะด้วย ดีแต่บอกให้คนอื่นพิจารณาตัวเอง เซ็งจิตจริงๆค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 01:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


kazumi เขียน:
1. ดิฉันอ่านธรรมะมา เค้าว่าให้ปลง ให้ปล่อยวาง เพื่อลูก เพื่อครอบครัวจะได้เป็นสุข ดิฉันควรจะทำแบบนั้นกับผู้ชายคนนี้หรือปล่าวค่ะ มันคุ้มกันไหม


หากจะปลด ปล่อยและวาง ก็เป็นการดี ถ้าคิดว่าทำได้ ทำหน้าที่ของเรา
ให้ดีทีสุด แต่ถ้าทำแบบนี้แล้ว คุณคิดว่าครอบครัว หมายถึง ตัวคุณ
เขา และลูกจะมีความสุขจริงๆหรือเปล่า?จะคุ้มกันไหม?
คุณเองนั่นแหละที่รู้ดีกว่าใคร


kazumi เขียน:
2. ถ้าดิฉันเลิกกับเค้า มันจะเป็นการเห็นแก่ตัวมากไหม คือเหมือกับว่าไม่คิดถึงจิตใจลูก อะไรทำนองนี้นะค่ะ แต่พูดตามตรง ถ้าลูกมีพ่อที่เป็นแบบนี้เป็นตัวอย่างแล้วมันจะดีหรือค่ะ


เขาให้อะไรกับลูกบ้าง? หากเขาแสดงความห่วงใย
แสดงความปรารถนาดีกับลูกบ้างสักนิด ค่อยคิด พิจารณาถึงคำถามข้อนี้
ถ้าลูกขาดพ่อที่ดี เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ถ้าลูกมีพ่อที่ไม่ดี เป้นเรื่องน่าเศร้าสลด


kazumi เขียน:
3.ลูกดิฉันจะ ได้เชื้อแบบพ่อ แบบปู่เค้ามาไหมค่ะ ไม่อยากให้เค้าเป็นแบบนั้นเลย กลัวเหลือเกินเพราะเค้าก้อเป็นเด็กผู้ชาย


คนเราเกิดมา มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ ได้เกิดมาเป็นพ่อลูก ปู่หลานกัน
นั่นย่อมหมายถึงมีกรรมร่วมกัน จึงทำให้ต้องเกิดมาเกี่ยวพันกัน
แต่ไม่จำเป็นต้องลอกเลืยนพฤติกรรมของบรรพบุรุษออกมา เคยได้ยินคำว่า
"อภิชาติบุตร" ไหมค่ะ? คือบุตรที่ดีกว่าบิดามารดา ปู่ย่าตายาย
นั่นยอมหมายถึงปัจจัยหลายๆอย่าง อย่างหนึ่งที่สำคัญคือการอบรม
สั่งสอนเลี้ยงดู แนะนำในทางที่ถูกที่ควรให้เขา สอนให้เขาประพฤติตน
อยู่ในศิลธรรมอันดี ก็น่าจะเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาเดินไปในทางเดียว
กับพ่อและปู่


kazumi เขียน:
4.ถ้าคิดจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีก มีวิธีใหนที่ดิฉันจะทำให้
ครอบครัวมันสงบสุขและไม่ต้องทะเลาะกันอีก ดิฉันควรจะเก็บปากเงียบเลยดีไหมค่ะ


ก็คงต้องทำตัวเป็นเบี้อ ใบ หูหนวก ตาบอด และยอมรับการกระทำ
ของเขาทุกอย่าง ทุกชนิด โดยไม่ต้องอยากรู้ อยากเห็น ว่าเขาทำอะไร? ทำกับใคร?
กลับมาบ้านเมื่อไหร่? ต้องทำให้ได้ตลอดไปนะค่ะ ไม่ใช่แค่วันสองวัน ปีสองปี
แต่ตลอดชีวิตนี้ เมื่อลูกโตมาก็ต้องสอนให่เขารับรู้ และยอมรับ การกระทำทุกอย่าง
ว่านี่คือ "พ่อ" ลองคิดดูว่าถ้าถึงวันนั้นลูกจะยังคงมีความสุขกับการมีพ่อแบบนี้ไหม?

คนเราเมื่อหลงทาง หากตั้งสติแล้วหาทางกลับไปในทางที่ถูกต้อง ก็ย่อมมีวันเห็นแสงสว่าง
ดีกว่าดันทุรังเดินต่อไปในทิศทางเดิมทั้งๆที่ทั้งรก ทั้งมืด โดยที่ไม่รู้จุดหมายปลายทาง
ว่าจะเป็นอย่างไร? ขอให้โชคดีนะค่ะ :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 02:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเป็นเพียงคนนอก ที่ตอบเป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่การชี้นำใดใดนะคะ
เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และมีผลกระทบต่อคนที่เป็นที่รัก พิจารณาดีๆก่อนตัดสินใจนะคะ

คงจะแนะวิธีแก้ปัญหาไม่ได้นะคะ
แต่ที่พอบอกได้ คือจะทำยังไงให้ทุกข์น้อยลง

ทุกข์ส่วนหนึ่ง มาจากอารมณ์และพฤติกรรมของเขาก็จริง
แต่อีกส่วนหนึ่ง ก็มาจากตัวเราด้วยนะคะ
ที่เราทุกข์ ส่วนหนึ่งเพราะเราคาดหวังกับเขา
อยากให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรม อยากให้เขาเข้าใจเรา
คนที่คาดหวัง คนที่อยาก ก็คือเรา
เขาสร้างปัญหาให้เราได้ แต่สร้างทุกข์ให้เราไม่ได้นะคะ
เราเป็นคนสร้างทุกข์เอง

จะเห็นว่า ปัญหากับทุกข์
เป็นคนละตัวกันนะคะ
ถ้าเราวางใจเป็น มีสติ ปัญหาอาจจะยังอยู่ แต่ทุกข์หายไปแล้ว

ถ้าเราทุกข์น้อยลง ก็จะมีเหตุผลมากขึ้น ในการคิดหรือการกระทำ
ยังไงเขาก็เป็นสามีของเรา และเป็นพ่อของลูกเรา
เขาคงไม่ต่างจากเราที่อยากจะมีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุข
เพียงแต่วิธีที่เขาจัดการกับชีวิตตัวเอง อาจจะไม่ดีเท่าที่เราคาดหวัง


อ้างคำพูด:
1.ดิฉันอ่านธรรมะมา เค้าว่าให้ปลง ให้ปล่อยวาง เพื่อลูก เพื่อครอบครัวจะได้เป็นสุข
ดิฉันควรจะทำแบบนั้นกับผู้ชายคนนี้หรือปล่าวค่ะ มันคุ้มกันไหม

เราอาจควบคุมความคิดได้ แต่เราบังคับความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ได้จริงๆหรอกนะคะ
การปลงหรือปล่อยวางไม่สามารถทำได้ด้วยความคิดจากสมอง
สมมติเมื่อตากระทบรูปของแฟนกับญอื่น
ถ้าเราไม่ได้ฝึกสติจนเร็วพอที่จะตัดวงจรของผัสสะ-เวทนา-ตัณหาได้
ยังไงก็ต้องเกิดอุปาทาน(ตัวกู-ของกู) เกิดภพชาติ เกิดการกระทำกรรมอยู่ดี
แม้กรรมนั้นจะไม่แสดงออกมาทางวาจาหรือกาย แต่ก็เป็นมโนกรรม
จิตบันทึกข้อมูลกรรมนั้นไว้เรียบร้อยแล้ว รอการให้ผลต่อไป

กรรมที่ทำเป็นประจำสำคัญมากนะคะ
หากเราสั่งสมอารมณ์อกุศลให้จิตเศร้าหมองทุกวันๆ
มันจะให้ผลรวบยอดณ ขณะจิตดวงสุดท้าย
ถ้าสั่งสมโทสะไว้มาก จะได้รูปใหม่เป็นสัตว์นรกหรืออสุรกาย
มีโลภะมาก รูปใหม่จะเป็นเปรต
โมหะมาก รูปใหม่ในภพเดรัจฉาน
ถึงตอนนั้นไม่มีใครจะช่วยเราได้เลย แม้แต่คนที่เรารัก

อ้างคำพูด:
2.ถ้าดิฉันเลิกกับเค้า มันจะเป็นการเห็นแก่ตัวมากไหม คือเหมือกับว่าไม่คิดถึงจิตใจลูก
อะไรทำนองนี้นะค่ะ แต่พูดตามตรง ถ้าลูกมีพ่อที่เป็นแบบนี้เป็นตัวอย่างแล้วมันจะดีหรือค่ะ

พี่ที่รู้จักคนนึงต้องทนกับโทสะของแฟนที่ใช้คำหยาบ ไม่เลือกเวลาและสถานที่
และทะเลาะกันต่อหน้าลูกเสมอๆ(ทั้งที่ขอแล้วว่าอย่าแสดงออกแบบนี้ต่อหน้าลูก)
ตอนแรกเค้าพยายามทนเพื่อลูก ไม่อยากให้ครอบครัวแตกแยก
ทนอยู่ถึง 7 ปี จึงตัดสินใจหย่า
เพราะการที่ลูกต้องซึมซับความรู้สึก คำพูด และการกระทำไม่ดีๆ ของพ่อแม่ทุกวันๆ
ต้องเห็นภาพที่พ่อแม่ทะเลาะกันเป็นประจำ ก็เป็นการทำร้ายลูกไม่แพ้กัน

อ้างคำพูด:
3.ลูกดิฉันจะได้เชื้อแบบพ่อ แบบปู่เค้ามาไหมค่ะ ไม่อยากให้เค้าเป็นแบบนั้นเลย
กลัวเหลือเกิน เพราะเค้าก้อเป็นเด็กผู้ชาย

อยู่ที่เราสอนเค้าด้วยนะคะ input ข้อมูลดีๆให้จิตใจของน้อง
ปลูกฝังให้น้องได้ใกล้ชิดธรรม วันหยุดอาจเริ่มจากพาน้องไปให้อาหารปลา ไปปล่อยปลา
หานิทานชาดกให้อ่าน แต่ไม่ต้องยัดเยียดนะคะ กลัวน้องจะขยาดวัดซะก่อน
เพราะเด็กๆอาจจะไม่ค่อยสนุกกับการไปวัดเท่าไหร่ ลองหาอุบายวิธีดูนะคะ

อ้างคำพูด:
4.ถ้าคิดจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีก มีวิธีใหนที่ดิฉันจะทำให้ครอบครัวมันสงบสุขและไม่ต้องทะเลาะกันอีก ดิฉันควรจะเก็บปากเงียบเลยดีไหมค่ะ


อาจตอบไม่ตรงคำถามนะคะ

การที่คนสองคนจะอยู่ร่วมกัน ควรจะมีพื้นฐานมาจากความรัก
ความเห็นอกเห็นใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
ชีวิตคู่ที่ราบรื่น ควรจะมีศีล ศรัทธา ปัญญา จาคะใกล้เคียงกันค่ะ

เราเปลี่ยนคนอื่นเค้าลำบาก
แต่เปลี่ยนตัวเองได้ไม่ยาก ถ้าฝึกจิตใจให้คุ้นเคยกับความรู้สึกตัว
เอาเค้าเป็นแบบฝึกหัดในการเรียนรู้สภาวะ เป็นครูดีที่ใกล้ตัว
ทุกครั้งที่เค้าทำให้เราเสียใจ ทำให้เราโกรธ นั่นคือเค้ากำลังให้บททดสอบกับเราแล้ว
ทันทีที่เรารู้ทันความโกรธ หรือความหดหู่ที่ผุดขึ้นมา
เรากำลังสะสมเหตุที่จะทำให้เราออกจากทุกข์ได้ในวันนึง
เราจะเห็นได้ด้วยตัวเองเลยว่า ปัญหากับความทุกข์ที่เรามีเนี่ยมันคนละตัวกัน
มีปัญหาอยู่ตรงหน้า แต่ใจเราไม่รู้สึกทุกข์ไปด้วยเลย

ปัญหาไม่ได้ทำให้เราทุกข์ได้มากมาย แต่การปฏิเสธทุกข์ต่างหากที่ทำให้เราทุกข์
การไปจมแช่ในปัญหา คร่ำครวญต่างหากที่ทำให้เราทุกข์
การไปยึดมั่นถือมั่น ในตัวตน ในศักดิ์ศรี ในความดีที่เคยทำ ในสิ่งที่เคยให้ ฯลฯ ต่างหากที่ทำให้เราทุกข์

เอาใจช่วยนะคะ :b46:
ผิดพลาดล่วงเกินอะไรต้องขออภัยด้วยค่ะ :b8:

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 02:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 22:30
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณมากค่ะ คุณ taktay สิ่งที่คุณพูดนั้นถูกต้องอย่างแท้จริง แต่ดิฉันก้อยังหาทางออกไม่เจอว่า สิ่งที่เราตัดสินใจวันนี้มันจะถูกหรือจะผิดอย่างไร ใจนึงก้ออยากจะลองกลับมาอยู่ด้วยกันอีกซักตั้ง อีกใจหนึงก้อคิดว่าแล้วเราจะสู้เพื่ออะไร สู้เพื่อลูกอย่างนั้นหรือ ก้ออย่างที่คุณ taktay ว่า ลูกจะรู้สึกดีมีความสุขไหมที่มีพ่อแบบนี้ มืดมนเหลือเกิน ได้แต่นั่งร้องให้อยู่คนเดียว ดิฉันพยายามคุยกับเค้าดีๆด้วยเหตุผล แต่สิ่งที่เค้าคิดก้อคือ ดิฉันมีแต่ความอยากเอาชนะ อยากจะเอาชนะเค้า ซึ่งด้วยความสัตย์จึงว่าไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย ใจมีแต่ความคิดว่าทำอย่างไรจะอยู่ด้วยกันได้อย่างสันติ หากเค้าเป็นสามีที่ดีไม่ได้ก้อไม่เป็นไร ของเพียงการเป็นพ่อที่ดีเท่านั้นเอง แต่เรื่องนี้ก้อพูดกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่เห็นเคยทำได้ซักครั้ง บอกให้โทรหาลูกบ่อยๆ ก้อยังทำไม่ได้ เฮ้อใจคนเราหนอ ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ ยากแท้ยั่งถึงจริงๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 02:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 22:30
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณมากนะค่ะ คุณ จันทร์ ณ ฟ้า ดิฉันจะพยายามมีสติ ฝึกเฝ้าดูกาย ดูจิต จริงอย่างที่คุณฟ้าว่า ปัญหากับทุกข์นั้นคนละตัวกัน วันนี้อาจจะยังคิดอะไรไม่ออก จะพยายามตั้งสติให้ได้ก่อนแล้วค่อยคิดแก้ปัญหา จะลองฝึกรู้สติดูค่ะ หวังว่าคงจะท้อแท้ซะก่อน ขอบพระคุณมากๆสำหรับทุกกำลังใจค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 03:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


หากวันนี้ยังไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้
ก็อย่างเพิ่งตัดสินใจ เก็บข้อมูล เพื่อพิจารณาไปเรื่อยๆ
บางที วันเวลาผ่านไป ลูกโตขึ้น เขาอาจจะเปลี่ยนแปลง
ไปในทางที่ดีได้บ้าง ไม่ได้อยากให้หวังอะไรนะค่ะ
เพราะความหวัง มักคู่กับการผิดหวัง จะทำให้เราแย่กว่าเดิม
เพียงแต่ให้คุณพินิจพิเคราะห์เหตุและผลที่ดี บางทีที่เขาตำหนิเรา
ก็หันมามองตัวเองสักนิด ว่าเราเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่? คนเรามัก
มองคนอื่นได้ชัดเจน แต่มักมองตัวเองไม่ค่อยออก

ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร? ก็ขอให้คุณทำหน้าที่แม่ที่ดี
และมีความสุขนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b4: :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 07:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ค. 2010, 08:36
โพสต์: 191

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มาเป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่สามารถให้คำแนะนำอะไรยด้เพราะวิเองก็ยังเอาไม่รอด แต่ยังงัยขอให้อดทนเพ่ือลูกนะคะ หม่ันทำบุณเยอะๆๆ เมตตาเค้ามากๆๆ แผ่เมตตาบ่อยๆๆคะ ทำใจเย็นนะคะ สักวันจะเป็นวันของเรานะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 พ.ค. 2010, 00:14
โพสต์: 130

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาใจช่วยค่ะ แฟเองก็ยังไม่ได้ดีขึ้น ขึ้นๆ ลงๆ เป็นกำลังใจค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 16:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2010, 22:30
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกๆคนมากค่ะ สำหรับกำลังใจ รู้สึกว่าตัวเองมีคนที่เค้าใจอยู่บ้าง ตอนนี้ก้อพยายามฝึกรู้อารม์ รู้จิต และพยายามปรับเปลี่ยนรูปแบบความรักที่มีต่อเค้า พยายามรักเค้าอย่างพื่อน อย่างพี่ อย่างน้อง ก้อไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำได้แค่ใหน แต่จะลองพยายามดูค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ต.ค. 2009, 13:53
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ยินดีต้อนรับกัลยาณมิตรใหม่ครับ ฝากเจ้าของกระูทู้พิจารณาสักนิด อย่าเพิ่งคิดโกรธนะครับ

ธรรมจักรมีแต่กัลยาณมิตร ที่พร้อมรับฟังและให้คำปรึกษาอยู่แล้ว แต่ขอร้องเจ้าของกระทู้อย่าใช้ภาษาวิบัติเลยนะครับ "ก้อ" เป็นภาษาวิบัติ ไม่ควรใช้ในธรรมจักร ที่ถูกคือ "ก็" "กิเลศ" ผิด ที่ถูกคือ "กิเลส"

คนไทยเขียนภาษาไทยผิด ไม่ใช่้เรื่องคอขาดบาดตาย ยังสมควรให้อภัย แต่คนไทยใช้ภาษาวิบัติ ถือว่า เหยียบย่ำทำลายชาติอย่างร้ายแรง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2010, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 เม.ย. 2010, 14:41
โพสต์: 154

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้คุณจขกท. มองที่ความดีของสามีบ้างคะ
แล้วคุณจะได้อยู่กับเขาด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้น
ส่วนเรื่องที่ยังตัดสินใจไม่ได้ก็ไม่ต้องรีบ ค่อยๆคิดไปคะ
คนเราก็มีข้อดีข้อเสียเป็นของตัวเองทุกคน
ถ้าเรายิ่งคิดถึงแต่ข้อเสียของเขาและเรา
เราก็จะดำเนินชีวิตไปด้วยความไม่สบายใจคะ
สวดมนต์ ทำบุญ รักษาใจเราให้ดี ไม่โกรธ ไม่เกลียด ไม่ฟุ้งซ่านมากนัก
จิตใจเราจะสบาย แล้วปัญญาเราจะเกิดคะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2010, 10:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มิ.ย. 2010, 15:22
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดิฉันเข้าใจและเห็นใจคุณอย่างที่สุดเลย เพราะเรื่องราวก็คล้ายกับของดิฉัน แต่ต่างตรงที่ลูกอยู่กับดิฉัน ส่วนสามีอยู่กับ ญ คนอื่น ขอให้คุณตั้งจิตของคุณไว้ที่ลูก ใช้ลูกเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแค่นี้ที่อยากจะขออนุญาตแนะนำ เพราะคำแนะนำที่ดีๆ ไม่ว่าจะเป็นจาก คุณ dd หรือจาก คุณทักทาย รวมทั้งกัลยาณมิตรท่านอื่นๆ ก็สามารถที่จะชี้ให้คุณเห็นข้อคิดและประโยชน์ต่อคุณและครอบครัวได้บ้างนะค่ะ

ถ้าไม่มีใครจะรักลูกได้เท่าที่เรารักก็ไม่น่าจะมีผลอะไร เพราะดิฉันเชื่อว่าความรักของแม่ทุกคนที่มีให้ลูกช่างมายมายเหลือคณานับค่ะ มากพอที่ลูกจะมีความสุขได้เช่นที่ดิฉันทำอยู่ (ลูกอายุ 9 ปี) สามีไม่เคยมาหาลูกเลยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ไม่แม้จะแค่โทรศัพท์ด้วยซ้ำ แต่ลูกก็พร่ำบอกว่ามีความสุข เพราะในทุกทุกวันดิฉันจะกอดและถามลูกว่าวันนี้มีความสุขหรือเปล่า คำตอบที่ได้ก็ทำให้ดิฉันเป็นสุขใจเหลือเกินแล้วค่ะ สำหรับชีวิตที่เหลืออยู่นี้

นกประภัสสร :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2010, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.ย. 2009, 14:32
โพสต์: 874

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ kazumi เห็นใจนะค่ะ เรื่องนี้ทั้งหมดทั้งสิ้น
คุณคงต้องตัดสินใจเอง เพราะคุณมีข้อมูล และรู้
ว่าตัวเองมีความสามารถมากแค่ไหน หากไม่ต้อง
มีเขาเข้ามาในชีวิต
อย่างไรก็ตามเอาใจช่วยนะค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 100 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร