วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 08:16  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 166 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 12  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มิ.ย. 2010, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


สังเกตมั้ยคะ เวลาที่เขียนถึงเขา นึกถึงเขา ใจเป็นอย่างไร
เราทุกข์ก็เพราะใจไปจมแช่กับเรื่องที่คิดค่ะ
เราไปบังคับให้ใจหยุดคิดไม่ได้ก็จริง
แต่ถ้าตอนที่เรากำลังคิด แล้วเรารู้สึกตัวว่าตอนนี้กำลังคิดอยู่ (แต่ไม่ใช่ไปรู้เรื่องที่คิดนะ)
ความทุกข์หนักๆนี่จะหายไปเยอะเลยค่ะ
ลองดูนะคะ

เพราะเมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ เราเคยชินที่จะไปคิดถึงเขา คิดถึงความรู้สึกดีๆที่เคยอยู่ด้วยกัน
จนจิตมันคุ้นเคยที่จะคิดถึงเขาตลอดเวลาตั้งแต่ลืมตาตื่น
ลองเปลี่ยนมาสร้างความเคยชินให้กับจิตของเราใหม่ดีมั้ยคะ
ฝึกให้มันคุ้นเคยกับความรู้สึกตัวอย่างที่กล่าวไปแล้ว
ทันทีที่รู้สึกตัว เราจะออกมาจากโลกของความคิด
แน่นอนว่าทุกข์ก็จะน้อยลงๆ

แม้เขาจะกลับคืนมาในวันนี้ แม้เขาจะรักเราตลอดไป
แต่ยังไงวันที่ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงและพลัดพรากก็ต้องมาถึง
ถ้าเรายอมรับกฎไตรลักษณ์นี้ไม่ได้ ใจจะดิ้นมาก ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทุกข์

เวลาที่เราทุกข์ แล้วไม่ไปทำอะไรกับมัน แค่คอยดูคอยรู้สภาวะที่เกิดขึ้นกับใจไป
เดี๋ยวความทุกข์นั้นมันก็หรี่ลง เพราะทุกข์ก็ไม่เที่ยงเหมือนกันค่ะ
แตหากเราทุกข์ แล้วอยากหายทุกข์ ก็เลยยิ่งเกิดทุกข์ซ้ำซ้อนไปอีก

อ้อ อยากแนะนำหากมีโอกาสเข้าร้านหนังสือ (โดยเฉพาะร้านนายอินทร์)
ลองเปิดๆดูหนังสือ ยิ่งกว่าสุขเมื่อจิตเป็นอิสระ ของดร.สนอง วรอุไรค่ะ
เผื่อจะเป็นประโยชน์เกื้อกูล
ทุกวันนี้ดิฉันรู้สึกขอบคุณหนังสือและท่านผู้เขียนนี้มาก

อาจิณณกรรมที่ทำเป็นประจำสำคัญมากนะคะ
หากให้จิตสั่งสมความเศร้าหมองไว้บ่อยๆ
หากจิตสุดท้ายเกิดไประลึกถึงอกุศลกรรมที่สั่งสมตรงนี้
โอกาสไปอบายภูมิมีสูงมากนะคะ
ถึงตอนนั้นใครก็ไม่สามารถตามไปช่วยเราได้เลย
แม้แต่คนที่เรารักที่สุด อันตรายจริงๆ
เพราะตอนที่รูปจะแตกดับ เราไม่สามารถไปบังคับให้จิตระลึกถึงแต่สิ่งดีดีได้
เผ้รู้ถึงบอกกรรมที่ทำเป็นประจำสำคัญมากค่ะ

ดิฉันก็เคยเป็นคนนึงที่ทุกข์กับความรัก จริงๆไม่ใช่เนอะ ต้องเรียกว่าทุกข์เพราะยึด
แต่วันนี้รู้สึกขอบคุณความทุกข์ครั้งนั้นจากใจจริง ที่ทำให้ดิฉันได้มีโอกาสเปลี่ยนเส้นทางกรรมของตัวเอง
และได้มารู้จักการเจริญสติ
ไม่งั้นคงใช้ชีวิตไปตามความรู้สึก ที่มีแต่จะดึงจิตวิญญาณให้ตกต่ำลง
เสียทีที่ได้มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์และได้พบพระพุทธศาสนา
ขอให้ความทุกข์ที่คุณจขกท.พบในครั้งนี้ ได้เป็นต้นทางของการพ้นทุกข์นะคะ :b8:

เขียนมาซะยาวเลย ขอเป็นกำลังใจให้คุณจขกท.อีกคนนะคะ
รู้..ไม่ทุกข์ ทุกข์..เพราะคิดค่ะ :b45:

หมายเหตุ เอามาฝากค่ะ (กระทู้ที่ตัวเองเคยเขียนไว้ ที่อื่น)

1. ยอมรับความจริงที่เกิด ว่ามันไม่ได้หวานชื่นเหมือนเดิมแล้ว
จิตใจของคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ถ้าไปยึดกับตัวบุคคลที่มันไม่เที่ยง ก็จะทุกข์มาก และที่จริงเราก็ไม่ได้รักเค้าจริงๆหรอก
เรารักตัวเองที่สุด จึงต้องการคนที่จะมาเติมเต็มความเป็นตัวตนของเรา
(แต่ยิ่งต้องการ ยิ่งไม่เคยถมใจได้เต็มเลย)

2. ใหม่ๆ อาจจะคิดวนเวียนถึงแต่ความรู้สึกดีๆที่เคยมีต่อกัน ยิ่งคิด ก็ยิ่งปวดใจ
ไม่อยากห้ามไม่ให้คิด เพราะเราไม่สามารถบังคับความรู้สึกได้เลย
ถ้าไม่ไหวจริงๆก็หลับไปเลย เพราะเมื่อหลับสนิท ใจจะไม่ปรุงแต่งอะไรทั้งสิ้น
ไม่รับรู้ทุกข์หรือปัญหา ตื่นมาค่อยว่ากัน

3. ตั้งจิตอธิษฐานกับพระพุทธรูปหรือพระบรมสารีริกธาตุ
ว่าเราสำนึกในผลการกระทำไม่ดีนี้แล้ว และตั้งใจจะไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความทุกข์ความเสียใจ
อย่างที่เราได้รับนี้อีกเลย ไม่ว่าจะต้องลำบากแค่ไหน

4. นึกทบทวนอดีตที่ผ่านมา ความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดกับเราตอนนี้
ผู้ที่ถูกเรากระทำในอดีตก็เคยประสบมาแล้ว
ระลึกถึงสิ่งที่เคยทำไป ด้วยความสำนึกผิดอย่างแท้จริง ก่อนจะโทรไปสารภาพผิด
และขออโหสิกรรมจนครบทุกคน
(ส่วนใหญ่เวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว เค้าก็งงๆกัน แต่ก็ยินดีอโหสิให้เราทุกคน
คนไหนที่เราทำให้เค้าเสียใจมาก เราแทบจะร้องไห้เลยแหละ)

5. ตั้งใจรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์ และอธิษฐานขอศีลที่เรารักษาไว้ดีแล้ว
เป็นเกราะปกป้องคุ้มครองจิตใจของเรา
(เรามักจะรักษาศีล 8 ในวันหยุด หรือวันพระที่ตรงกับวันหยุดก็เป็นอุโบสถศีล)

6. กราบเท้าพ่อแม่ ให้พวงมาลัย เอาน้ำล้างเท้าท่าน ดื่มและอาบ ขออโหสิกรรม
(ข้อนี้ทำตามผู้รู้แนะนำค่ะ แต่เมื่อก่อนแม้แต่ความคิดจะกราบเท้าท่านยังไม่มีเลย
ทั้งที่เราเคยทำให้พ่อเสียใจ แม่ร้องไห้เพราะเรื่องเหล่านี้มาแล้ว)

7. งดฟังเพลงที่จะสะกิดให้นึกถึงความหลัง (มันเจ็บปวดเกินไป)

8. อย่าลำบากหนีเหตุการณ์โดยไปเที่ยวไกลๆ หรือเที่ยวกลางคืน
แม้แต่กินเหล้าให้ลืมทุกข์
เพราะยังไงก็หนีจิตใจของตัวเองไม่พ้น
แถมยังอาจเกิดทุกข์ซ้ำซ้อนได้อีก

9. บางครั้งสิ่งรุมเร้ารอบข้างมันมากเกินไปกว่าที่เราจะตัดมันทัน
หรือคิดโกรธแค้นใครๆ จนอาจอยากแก้แค้น ทำร้ายทำลาย เราต้องอดทนไว้
ถ้าปล่อยให้อารมณ์ความรู้สึกเป็นใหญ่ จิตจะตกเป็นทาสของอารมณ์
ตัดสินใจไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ วูบนั้นแหละพลังแห่งกรรมเก่าจะผุดขึ้นมาเต็มกำลัง

10. ไม่ควรหาใครมาแทนที่ในตอนนี้ เพราะจิตใจเรากำลังอ่อนแอ
ต้องการหาที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จนอาจมองข้ามตัวตนของคนใหม่
ไม่ได้ศึกษากันให้ดีพอ อาจกลายเป็นปัญหาซ้ำๆได้อีก

11. เข้าหากัลยาณมิตร ย้ำ กัลยาณมิตร คนที่เราสามารถคุยและเก็บความลับนี้ได้
อย่าปรึกษาใครพร่ำเพรื่อ เพราะเราไม่รู้เลยว่าคนที่เราคุยได้อย่างสนิทใจเค้าจะคิดยังไงกับเรา
หาคนที่พร้อมจะรับฟัง คอยเตือนถ้าเรากำลังเดินทางผิด
และแนะให้เราทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะเป็นการกระทุ้งแรงๆแบบกระแทกตัวตนของเราก็ตาม แต่....

12. กัลยาณมิตรก็ย่อมมีขอบเขตของการอดทนรับฟัง ปัญหาความทุกข์เป็นของเรา
เรามองว่ายิ่งใหญ่เท่าภูเขา แต่คนอื่นฟังอาจมองว่ามันเท่าหินก้อนเล็กนิดเดียว
เมื่อระบายแบบหมดตับไตไส้พุงแล้วไม่ควรพูดซ้ำซากอีก

13. อกุศลที่ทำไปแล้วถ้าเราคิดซ้ำๆ จิตจะขึ้นวิถีเอาอกุศลนั้นใหม่
อย่างเราเคยบี้มด 1 ตัว ถ้าเราคิดวันละพันครั้งก็เท่ากับบี้มดพันตัว
ดังนั้น อย่าสร้างความคิดปรุงแต่งภาพความหลังมาทำร้ายจิตใจตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อดีตเราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับจิตใจ
เลือกสั่งสมแต่สิ่งดีดี เพราะการกระทำทุกอย่าง ทั้งความคิด พูดและทำ
จะถูกสั่งสมอยู่ในจิต สามารถติดตามข้ามภพข้ามชาติไปกับเราได้

14. ไม่แนะนำให้นั่งสมาธิในช่วงนี้ เพราะตอนแรกๆใจจะฟุ้งซ่าน หดหู่ นั่งยังไงก็ไม่สงบ
เพราะความสุขเป็นเหตุใกล้ให้เกิดสมาธิ คอยดูความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับจิตกับใจไปเลย
ให้นิ่งกว่านี้ค่อยว่ากัน

15. ทำบุญกิริยาวัตถุ 10 ให้ได้มากที่สุด อย่างสม่ำเสมอ
(ทาน ศีล ภาวนา ประพฤติอ่อนน้อม ขวนขวายรับใช้ อุทิศบุญ
ยินดีความดีของผู้อื่น ฟังธรรม สั่งสอนธรรม ทำความเห็นให้ถูกตรง)
และทุกครั้งที่ทำทาน อธิษฐานว่าขอให้เราสละความยึดมั่นถือมั่นที่ยังหลงผิดอยู่
เหมือนกับทานที่เราสละไปนั้น

16. คิดว่าเค้าก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เป็นเพื่อนร่วมสังสารวัฏ ยังมีกิเลส ยังต้องร้องไห้
เพราะความไม่รู้เหมือนกับเรา แล้วเราจะเกิดความเมตตากับเค้าขึ้นมาเอง
แล้วค่อยแผ่กระแสความเมตตานี้ให้เค้า

17. พยายามคิดในแง่บวก ธรรมชาติของพลังบวกและลบนี้ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว
จะดึงดูดให้เกิดพลังในขั้วเดียวกันตามมาเรื่อยๆ แม้สถานการณ์จะเป็นลบ
ถ้าใจเราคิดแต่สิ่งดีงาม พลังบวกที่มีอยู่จะดึงดูดให้เกิดพลังบวกต่อไป

18. อ่านหนังสือธรรมะที่เรารู้สึกดี และอ่านกระทู้เกี่ยวกับปัญหาความรัก
ทำให้เราเห็นว่ายังมีคนอื่นอีกมากมายที่เป็นทุกข์เหมือนเรา หรืออาจจะมากกว่าเราด้วยซ้ำ
และยิ่งอ่านความเห็นของแต่ละท่านที่เข้ามาตอบกระทู้ จะยิ่งรู้สึกอบอุ่นใจ
ว่าคนที่เราไม่เคยรู้จักกัน เค้าก็มีน้ำใจและความปรารถนาดีให้กันมากมายเหลือเกิน

19. ถ้ามีโอกาสก็ช่วยคนที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์โดยเฉพาะด้านความรัก
(ถึงแม้เค้าจะยังก้าวออกมาจากบ่วงไม่ได้ก็ตาม เพราะระยะเวลาการรับวิบากของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน)

20. คอยดู ความรู้สึก ของตัวเอง รู้สึกหดหู่ ก็คอยดูไป
แรกๆอาจจะไหลไปหรือจมแช่กับความหดหู่นั้น
แต่อย่าท้อไปก่อนนะแล้วก็อย่าไปบังคับให้มันรู้สึกตัวด้วย รู้เท่าที่รู้ได้
พอมัน(ความหดหู่)มา ก็หัดรู้สึกตัว ตอนแรกๆจะนานๆรู้ตัวทีนึง
เพราะเราจะหลงไปกับความคิดเรื่องนั้นนานมาก หลังๆ
จะรู้สึกได้เลยว่าความหดหู่มันมาบ่อยๆ
เพราะเราเริ่มรู้ตัวได้บ่อยๆแล้ว ตอนนี้มันก็จะทุกข์น้อยลงละ
เพราะถ้าเราเป็นแค่คนดู ไม่ลงไปตะลุมบอนกับเรื่องราวที่คิด
แค่รู้เฉยๆ สร้างเหตุไว้ เดี๋ยวผลเกิดเอง

ณ วันนี้ เราไม่เสียใจเลยที่เกิดเหตุการณ์นี้
โชคดีแล้วที่มีโอกาสได้เจอทุกข์หนักๆ
ถ้าไม่เจ็บแรงๆ เราก็คงทำกรรมแบบเดิม มีคุณภาพจิตใจเหมือนเดิม
และอาจต้องทุกข์หนักยิ่งกว่าเดิม ด้วยความไม่รู้ สิ่งที่ควรรู้ที่สุด ไปจนจิตดวงสุดท้ายในชาตินี้


ธรรมเยียวยา :
ทุกวันนี้เราใช้โอกาสที่ได้เกิดเป็นมนุษย์อย่างมีคุณค่ามากน้อยแค่ไหน เราจะใช้ชีวิตนี้เพื่อปรับปรุงแก้ไขจิตวิญญาณของตัวเอง หรือทำร้ายลายจิตวิญญาณของตัวเองให้ตกต่ำ

เรายังใช้ชีวิตแบบปล่อยให้ทุกอย่างไหลไปตามแรงกรรมที่สั่งสมไว้ในดวงจิตหรือเปล่า หากทำกรรมไม่ดีสั่งสมอยู่ในจิตมากๆ ก็มีโอกาสนำชีวิตลงต่ำ ตายแล้วไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิได้ง่าย

อดีตเกิดขึ้นแล้วแก้ไขไม่ได้ ปัจจุบันขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่ ยังมีเครื่องมือพร้อมให้จิตใช้งานได้อยู่ การเลือกทำสิ่งดีๆให้สั่งสมอยุ่ในจิตต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เราไม่รู้วันตาย จึงต้องระวัง ไม่ประมาท และไม่ผัดวันประกันพรุ่งในการพัฒนาชีวิต

ผู้มีปัญญารู้เท่าทันจะไม่หวั่นไหวไปกับความทุกข์ทรมานที่เกิดจากวิบากกรรมที่ไม่ดี เพราะรู้จักเรียนรู้ชีวิตจากความทุกข์ สามารถนำความทุกข์มาเป็นครูสอนตัวเอง เผชิญหน้ากับความทุกข์ได้โดยไม่ขาดสติ มองประสบการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นเป็นแบบฝึกหัดของชีวิต

เวลาที่ใจเราเจ็บปวด ทุกข์ เครียด กระวนกระวาย ไม่มีความสุข เป็นสัญญาณเตือนให้เราเปลี่ยนความคิด ความเห็น ปล่อยความยึดถือ ความเจ็บปวดใจกำลังเตือนว่า เรากำลังมีความคิดเห็นที่ไม่ถูกต้อง ถ้าเรายังเกาะเกี่ยวยื้อยุดความคิดเห็น ความต้องการของเรา แสดงว่าเรายังเจ็บไม่พอ ก็ต้องเจ็บต่อไปจนกว่าใจจะยอมปล่อยวาง

เปลี่ยนวิกฤติชีวิตให้เป็นโอกาสแห่งการเรียนรู้ มองให้เห็นความไม่เที่ยงของทุกข์ ทุกสิ่งเกิดขึ้นแล้วย่อมต้องดับไป ทุกข์ก็เช่นกัน ย่อมไม่พ้นกฎไตรลักษณ์ เมื่อเกิดขึ้นและรุนแรงเต็มที่แล้ว ในที่สุดก็ย่อมต้องเบาบางลง ไม่สามารถคงอยู่ในระดับเดิมได้ตลอดไป หากคิดได้อย่างนี้ แม้ต้องพบกับความทุกข์จากวิบากกรรมที่ไม่ดีมากแค่ไหน ก็สามารถเผชิญหน้ากับความทุกข์ด้วยความรู้เท่าทันไม่ตกเป็นทาส

ความตายไม่ใช่ทางออกหรือจุดสิ้นสุดที่แท้จริงของชีวิต แต่เป็นเพียงการเปลี่ยนจากร่างนี้ไปสู่ร่างใหม่เท่านั้น เป็นการสร้างปัญหาใหม่ที่หนักหนาสาหัสกว่าเดิม เพราะมีอบายภูมิเป็นที่หมายแน่นอน

ปรากฏการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเรานั้นเป็นผลมาจากหนี้เก่าที่เคยสร้างไว้ทั้งสิ้น แม้ชาตินี้เราจะไม่รับรู้ ก็ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่มีหนี้และไม่ต้องชดใช้

เหตุที่เราเป็นทุกข์กับการพลัดพรากก็เพราะไม่มีปัญญาหยั่งรู้เท่าทันว่าทุกสิ่งในโลกและชีวิตล้วนเป็นสมมติทั้งนั้น มนุษย์เราอยุ่กับสมมติตั้งแต่เกิดจนตาย จึงต้องทำความเข้าใจกลไกของสมมติให้ถูกต้อง ไม่หลงยึดติดในสมมติ เมื่อมองออกว่าแท้จริงการพลัดพรากที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการถูกพรากจากสมมติทเท่านั้น แล้วจะสามารถยอมรับและปล่อยวางความพลัดพรากได้ง่ายขึ้น

สรรพสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นของสาธารณะทั้งสิ้น ไม่มีอะไรเลยที่จะเป็นของเราตลอดไป เพราะในที่สุดทุกสรรพสิ่งย่อมต้องกลับคืนไปสู่ธรรมชาติ ไปเป็นของสาธารณะ แม้กระทั่งร่างกายของเราเอง เมื่อถึงเวลาก็ต้องคืนให้ธรรมชาติทั้งหมด มีเพียงสิ่งเดียวที่จะไม่พลัดพรากจากเราไปไหน คือบุญและบาปในใจของเราเท่านั้น เมื่อรู้เท่าทันการเกิดและดับของสรรพสิ่งที่เป็นสาธารณะเหล่านี้ และไม่เอาใจไปยึดติดจนตกเป็นทาส แล้วเราจะไม่เป็นทุกข์กับการพลัดพรากที่เกิดขึ้น

ครั้นจะมาเกิด มนุษย์เราต่างคนต่างมา เพราะฉะนั้นเมื่อจะไปก็ย่อมต้องต่างคนต่างแยกย้ายกันไป ถ้าเข้าใจเรื่องนี้ได้ ไม่เอาใจไปยึดติดกับใครมากเกินไปก็สบาย

อย่าได้ประมาทในการสั่งสมบุญ เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ และไม่รุ้ว่าเมื่อใดอกุศลกรรมที่สั่งสมไว้จะกลับมาให้ผล และจะมาให้เราได้เสวยอกุศลวิบาก เป็นอุปสรรค ปัญหา และความทุกข์ในรูปแบบไหน

กรรมทั้งดีและไม่มี ผู้ใดกระทำแล้ว กรรมนั้นจะถูกเก็บสะสมอยู่ในดวงจิต ติดตามข้ามภพข้ามชาติได้ เมื่อใดที่กรรมให้ผลเป็นวิบาก ผู้ทำกรรมต้องเป็นผู้เสวยวิบากนั้น

ถ้าเป็นปัญหาหรือทุกข์ของคนอื่นเราก็ไม่ทุกข์ แต่พอเป็นปัญหา ของเรา ก็เกิด ทุกข์ของเรา
ปัญหาไม่ได้ทำให้เราทุกข์ได้มากมาย แต่การปฏิเสธทุกข์ต่างหากที่ทำให้เราทุกข์
การไปจมแช่ในปัญหา คร่ำครวญ ใช้ความคิดสะกิดแผลซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่ทำให้ทุกข์ ยิ่งดิ้นหนี ก็ยิ่งทุกข์
ทุกข์ที่เคยเล็กนิดเดียว ก็กลับใหญ่โตขึ้นมา

ความทุกข์ที่เกิดจากการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักที่พอใจนั้น เป็นเรื่องทรมานยิ่ง และเรื่องที่จะบังคับไม่ให้พลัดพราก ก็เป็นสิ่ง
สุดวิสัย ทุกคนจะต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ที่พอใจ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
แม้จะเป็นรักที่บริสุทธิ์ของพ่อแม่ลูกก็ตาม ทุกอย่างล้วนแฝงด้วยการพลัดพรากทั้งสิ้น

อะไรที่เป็นของๆเรา เราก็จะมีความทุกข์กับสิ่งนั้น
ถ้าปล่อยความยึดถือได้ ก็จะไม่ต้องทุกข์กับอะไรอีกต่อไป


ปัจฉิมพุทโธวาท “สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด”

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


แก้ไขล่าสุดโดย จันทร์ ณ ฟ้า เมื่อ 25 มิ.ย. 2010, 23:43, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 22:24
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ พี่ทักทาย และคุณจันทร์ ณฟ้า มากนะคะ ที่เข้ามาให้กำลังใจ

ฉันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมากเลยคะตั้งแต่เข้ามาอ่านกระทู้นิ้ และดูใจตัวเองนิ่งมากขึ้น แต่ก่อนหนูทุรนทุรายกว่านี้เยอะเลยคะ เพราะสามีก็ต้องมีภาระหน้าที่เพราะเขาต้องออกไปทำงานข้างนอก หลัง ๆ จะไม่ค่อยได้อยู่บ้าน ความระแวงมันมีอยู่แล้วเวลาที่เขาไม่อยู่คืนนั้นหนูจะแทบไม่ได้นอนเลยคะ บางทีก็ยังสะดุ้งตื่นกลางดึก แล้วต้องคอยโทรศัพท์หาเขาเพราะกลัวเขาไปที่อื่น เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย แล้วก็มีอะไรเล็ก น้อย ๆ ให้หนูเห็นอยู่เรื่อยเลยคะ ทั้งที่หนูรู้ว่าเขาเล่นสงครามประสาทกับหนู แต่หนูก็นิ่งไม่ได้คะ ทะเลาะกันระหองระแหงหาความสุขไม่ได้เลยคะ

จนผู้หญิงเข้ามาในครอบครัวของสามีเรื่องหลาย ๆ อย่างก็เกิดขึ้นอย่างใหญ่โตมโหฬาร จนเราต้องแยกกันอยู่คะ (เขายังโกหกหนูอีกว่าไม่ได้อยู่กับผู้หญิงคนนั้น)

หลังจากที่เมื่อคืนหนูโทรไปเขาไม่รับสาย พอตื่นเช้าขึ้นมาเขาก็โทรมาหาหนู ถามเรื่องที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วเราก็คุยกันว่าขึ้นอยู่กับเราสองคนไม่เกี่ยวกับญาติสามีเลยเราคุยกันว่าเรายังไม่ได้คุยกันเรื่องหย่าอย่างจริงจังและเขาบอกว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวเขาเขาและหนูเข้าใจตรงกัน แต่ไม่ทราบว่าทำไมถึงมาโวยวายกับฉันอย่างนั้น แต่ตอนนี้ เราสองคนห่างกันอย่างไม่เคยห่างกันมาก่อนเลย

แล้วฉันก็เปิดเห็น mail ผู้หญิงคนนั้น ในข้อความนั้นจะบอกประมาณว่า ฉันมีสิทธิในทางนิตินัย แต่ทางพฤตินัยก็อย่างที่เห็น เขาบอกให้สามีกลับมาอยู่กับฉันก็ได้ถ้าเป็นความต้องการของสามี ส่วนเรื่องของเธอจะจัดการหรือเป็นธุระกับครอบครัวของสามีเอง และมีข้อความที่ตัดพ้อ สามีเล็กน้อย

เจ็บปวดเหมือนกันคะ เมื่อเห็น mail สับสน และเมื่อเช้าก็นั่งนิ่งแลยน้ำตาคลอเบ้าได้นั่งทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง เจ็บปวดคะ สับสน อยากให้ช่วยเป็นกำลังใจให้บ้างนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 22:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 22:24
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ญาติเขาโทรมาอีกแล้ว ทีแรกว่าจะรับเพราะอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่ก็เลยตัดสินใจไม่รับแล้วคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 23:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


tungjaijeeng เขียน:
เจ็บปวดเหมือนกันคะ เมื่อเห็น mail สับสน
และเมื่อเช้าก็นั่งนิ่งแลยน้ำตาคลอเบ้าได้นั่งทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง
เจ็บปวดคะ สับสน อยากให้ช่วยเป็นกำลังใจให้บ้างนะคะ


อย่างหนึ่งที่คอยตอกย้ำ ซ้ำเติมตัวเราเองให้เจ็บ
อย่างยากที่จะลืมได้ ก็คือ "รู้" ทุกเรื่องของเขา มันเป็นเชื้อไฟที่คอย
เผาใจเราเองทั้งนั้น อะไรก็ตามที่จะทำให้เรา ชอกช้ำ ระกำใจ ไม่ว่า
เรื่องเล็กๆน้อย จนถึงเรื่องใหญ่ๆ หลีกได้ก็หลีก เลี่ยงได้ ก็เลี่ยงเสีย
อย่าไปเติมเชื้อ


tungjaijeeng เขียน:
ญาติเขาโทรมาอีกแล้ว ทีแรกว่าจะรับ
เพราะอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร แต่ก็เลยตัดสินใจไม่รับแล้วคะ


ตัว "อยาก" นี่แหละ ที่เป็นทั้งสื่อ
เป็นทั้งเชื้อให้เราทุรนทุรายมากขึ้น
ท่องไว้นะค่ะถ้าอยากรับสาย
"พูดแล้วได้อะไร?"
"ไม่พูดแล้วได้อะไร?"
"รู้แล้วได้อะไร?"
"ไม่รู้แล้วได้อะไร?" :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2010, 23:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 22:24
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำแนะนำและกำลังใจ ของทุกคน มีกำลังใจขึ้นเยอะเลยคะ ถ้าใครทุกข์ใจอย่างหนู ก็ขอให้ผ่านไปได้เช่นกันนะค เราจะเป็นกำลังใจให้กัน ผ่านวันร้าย ๆ นี้ไปให้ได้นะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:05
โพสต์: 109

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สู้ ๆ นะครับ

ขอให้ยึดแนวทางที่คุณ จัทนทร์ ณ ฟ้า ได้เขียนไว้ เป็นอะไรที่เข้าใจง่ายและถ้าปฏิบัิติตามจะเกิดผลสำเร็จจริง ๆ

ความทุกข์ทั้งหมดเกิดจากกิเลสของเราล้วน ๆ ครับ ... ขอให้มองกลับมาที่ตัวเอง ถ้าใช้ธรรมะก็คือ แค่ตามดูตามรู้ ทุกข์ตรงไหนวางตรงนั้น แต่้ถ้าใช้ทางโลกก็คือ มองตัวเราเอง แล้วดูว่าเรากำลังทำร้ายตัวเราเองไหม เราจะต้องรักตัวเอง อย่าทำให้คนอื่นมาสงสารเรา ความสงสารมันทำให้คุณค่าของเราลดลงครับ

ขอให้อดทน ตั้งใจฝึกปฏิับัิติ แล้วเมื่อวันนึงที่คุณผ่านมันได้ คุณจะยิ้มทั้งน้ำตา และ มองย้อนไปทบทวนได้ว่า บทเรียนนี้มีคุณค่ากับเรามากแค่ไหน ทำให้เราแข็งแรง และสามารถช่วยคนอื่น ๆ ได้อีก เข็มแข็งเร็ว ๆครับ มีคนอีกเยอะรอการช่วยเหลือจากกัลยาณมิตรที่นี้

ขอให้เป็นเ้ช้าวันอาิทิตย์ที่แจ่มใจครับ .... บุญรักษา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 09:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 22:24
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร สับสน คะ ว้าวุ่น ทำไมจะต้องรอการติดต่อมาจากเขาด้วย

ฉันยกย่องสำหรับคนที่ทำผิดแล้วสำนึกผิดจังเลยคะ เพราะฉันได้ยินคำพูดของเขาว่าเขาทำผิดร้ายแรงมาก แต่ไม่คิดจะปรับปรุง เราก็ย่อมให้อภัยคนผิดแล้วยอมรับผิดนะคะ แต่ยิ่งผิดยิ่งทำก็ยิ่งเป็นแผลฉกรร คะ แล้วเขาก็เดินหน้าต่อ

จะว่าไปแล้วคำตอบก็คือใจเขามันเปลี่ยนไปแค่นั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 12:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับตัวเรา..อยู่กับเรา...อยู่กับใจของเรา..
ทุกสิ่งทุกอย่างมันอยู่ที่ในใจในจิตเรานี่แหละ...
อย่าอยากรู้เรื่องภายนอก(ใจ)...ให้ทุกข์ไปใย
รู้ก็รู้เรื่องภายในใจ..เรา...ว่ามันทุกข์มันสุข..เพราะสาเหตุอันใด
อย่าส่งใจเราออกนอก..ไปคิดว่าเขา..จะเป็นอย่างไร..จะอยู่กับใคร
อายตนะ..เหล่านั้นมันมากระทบในใจเราตลอด..ให้คิด..ให้ปรุง..เป็นทุกข์ไปเรื่อย
วนเวียนไปวนเวียนมา...เกิดอุปาทาน ขันธ์ ยึดเป็นตัวเราของเรา..ยิ่งยึดก็ยิ่งทุกข์
อายตนะภายใน...ตา หู จมูก ลิ้น กาย "ใจ"
อายตนะภายนอก...รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส และ ธรรมารมณ์(อารมณ์)
สองสิ่งนี้มากระทบกัน..เช่น..ตาเห็น รูป จึงมีการรับรู้..ทำหน้าที่รับรู้(วิญญาน)
ผัสสะคือจุดรวมที่อายตนะทำหน้าที่ให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกนั้น
...ดังนั้น..ผัสสะ เป็นจุดเริ่มต้นให้เกิดทุกข์...เพราะเป็นจุดรวมของ ๓ สิ่งนี้ คือ อายตนะภายใน -อายตนะภายนอก-วิญญานที่เกิดในอายตนะภายใน ที่พร้อมจะถูกปรุงแต่งไปสู่ทุกข์ได้
....ดังนั้นควรพิจารณา..และรู้ถึง เหตุที่มาของทุกข์ เกิดขึ้นอย่างไร?
เราต้องใช้..ศีล สมาธิ..และ ปัญญา ขจัดปัดเป่ามัน..การเจริญกรรมฐาน เป็นพื้นฐานที่ต้องปฏิบัติให้เกิดความสงบ..เย็น..ในใจก่อน...แม้เพียง ไหว้พระสวดมนต์..ภาวนา...คุณก็จะพบความสงบได้ในแต่ละวัน
อันนี้เป็นประโยชน์ เป็นสาระ ที่ควรคิดไตร่ตรอง..ปฏิบัติกิจเป็นรายวันก่อน..ส่วนเรื่องอื่นค่อยๆ..ปล่อยวางมันลง
ขอเจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 16:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 มิ.ย. 2010, 12:05
โพสต์: 282

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เพื่อนๆให้แผนที่ทางออกจากเขาวงกตหัวใจนี้แล้ว
แต่หากเราไม่อยากเดินออกมาเอง ยังไงก็ออกมาไม่ได้ ต้องติดอยู่ในนั้นเรื่อยไป

เพื่อนๆส่งมือดึงให้ขึ้นมาจากเหวในใจแล้ว
แต่หากเราไม่ออกแรงดึงตัวเองขึ้นมาด้วย
เราก็ต้องตกอยู่ในเหวตลอดไป

รักที่แท้จริงย่อมประกอบด้วยพรหมวิหาร 4 (เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา)
แต่ความรักของปุถุชนมักจะปนกับความยึดเสมอ
หากไม่มีความยึดแล้ว ใจก็จะเป็นอิสระอย่างแท้จริง

ยิ่งกว่าสุข เมื่อจิตเป็นอิสระค่ะ จริงๆนะ..

ขอธรรมรักษาค่ะ

.....................................................
อย่ามัวเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมา อย่าปล่อยให้ชราแล้วตายไปเปล่า อย่ามัวแต่ตำหนิตนเองหรือผู้อื่นอยู่ คิดอยู่เสมอว่าจะพัฒนาจิตใจตน และทำประโยชน์ให้ผู้อื่นอย่างไร แล้วเร่งกระทำทันที อย่ามัวรีรอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 09:31
โพสต์: 292

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จันทร์ ณ ฟ้า เขียน:
เพื่อนๆให้แผนที่ทางออกจากเขาวงกตหัวใจนี้แล้ว
แต่หากเราไม่อยากเดินออกมาเอง ยังไงก็ออกมาไม่ได้ ต้องติดอยู่ในนั้นเรื่อยไป

เพื่อนๆส่งมือดึงให้ขึ้นมาจากเหวในใจแล้ว
แต่หากเราไม่ออกแรงดึงตัวเองขึ้นมาด้วย
เราก็ต้องตกอยู่ในเหวตลอดไป


ดิฉันเคยเป็นอย่างที่ "คุณจันทร์ ณ ฟ้า" บอกไว้เลยล่ะค่ะ
ใครจะบอก จะแนะนำแนวทางอย่างไรก็ยังไม่อยากจะรับ จะสนใจ
ทั้งๆที่เราก็รู้ว่าถ้าเราทำตามคำแนะนำเหล่านั้น ความทุกข์ในใจเรามันต้องลดลงแน่ๆ
อยากจะพ้นจากความทุกข์ แต่ก็ยังหวงทุกข์ไว้ในใจตัวเอง
คุณโชคดีนะคะ ที่ได้มาพบลานธรรมแห่งนี้ ดิฉันก็จะคอยบอกกับตัวเองเช่นนี้ค่ะ
ถึงแม้จะพบเจอเรื่องแย่ๆ คำพูดแย่ๆเข้ามากระทบความรู้สึกอยู่เรื่อย
แต่คิดเสมอว่าในความโชคไม่ดีที่เจออยู่นั้น ยังมีสิ่งดีๆให้เราได้เรียนรู้ ได้ศึกษา ได้เข้าใจ
เมื่อก่อนห่างธรรมะมากๆ กว่าจะพาตัวเองเข้ามาใกล้ธรรมะ ก็ต้องเจอเรื่องผิดหวังให้เป็นทุกข์เสียก่อน
แต่อย่างน้อยก็ยังบอกตัวเองว่า ต้องขอบคุณความทุกข์ในตอนนั้น ที่ทำให้เรียนรู้วิธีดำเนินชีวิตที่ดีที่ถูกต้อง คุณมีหลายท่านแนะแนวทางทำที่จะทำให้ความทุกข์ที่มีค่อยๆลดน้อยลง คุณอย่าปล่อยให้ตัวเอง
เสียโอกาสดีๆอย่างนี้นะคะ ทำตามคำแนะนำที่หลายๆท่านแนะนำ หมั่นฝึกไปเรื่อยๆ ความรู้สึกของคุณจะค่อยดีขึ้น ขอเพียงแต่คุณตั้งใจปล่อยวางความทุกข์ลงค่ะ
เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:05
โพสต์: 109

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พวกเราช่วยกันดึงคุณครับ
บางทีคุณอาจจะยังในช่วงของขาดสติบ้าง ก็ลืมปฏิบัิติ

ผลของการปฏิบัิติมีให้เห็นจริง จากหลาย ๆ ท่านในนี้ แต่ต้องเข้าใจว่าปฏิบัิติมิใช่เพื่อการพ้นทุกข์
แต่เพื่อให้รู้จักกับมัน อยู่กับมันได้อย่างมีสติ ไม่ทุรนทุราย

จะบอกว่าผมเองถึงแม้จะเขียนได้ขนาดนี้ก็ยอมรับว่าความทุกข์ก็ยังมีอยู่ แต่จะต่างกับช่วงแรก ที่ทุกข์นั้นมันทำร้ายตัวเราเองอย่างแสนสาหัส จิตใจมีแต่จะตกต่ำเพราะทุกข์ แต่เมื่อมีสติมากขึ้น โดยเข้ามาระบาย มาอ่านคำแนะนำ ทบทวนวิธีการฝึกหัด อ่านนส.ธรรมะมาก ๆ ...สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ทุกข์ ณ ปัจจุบันยังมีอยู่แต่จะคร่ำครวญน้อยลง ( ด้วยการเห็นความจริง แต่อย่าไปกดมันไว้ ) ปล่อยวางมากขึ้น ให้อภัยทั้งตัวเองและคนอื่น ... ต้องใช้เวลาครับ อดทนครับ ... แล้วธรรมะจะช่วยเรา

ทุกท่านที่มาช่วยต่างเคยทุกข์แสนสาหัสมาก่อน จึงต้องการให้กัลยาณมิตรที่ทุกข์แสนสาหัสขณะนี้ได้ผ่อนคลายความทุกข์ไปบ้าง ...พวกเรารอท่านอยู่ ขอให้รีบเดินทางมา ณ จุดเดียวกันครับ

ด้วยความปรารถนาดี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2010, 22:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 22:24
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พอเวลาอยู่คนเดียวใจก็คิดไปเรื่อยถ้าเขาไม่โทรมา พอออกไปข้างนอกก็ไปพบเพื่อนหลาย ๆ คนก็ดีขึ้นคะ หรือว่าเขาโทรหาเราตลอดในช่วงที่อยู่ข้างนอก จึงไม่รู้สึกเศร้า แล้วก็สนุกไปกับเพื่อน ๆ

พอออกไปข้างนอกก็กลับมาอยู่คนเดียวแล้วอยู่กับความเศร้าเดิม ๆ แต่ไม่เป็นทุกข์เท่าไหร่ เพราะคิดว่าวันนึง เราจะลืมคนนี้ได้ เวลาเปลี่ยนคนก็เปลี่ยนไม่มีอะไรที่แน่นอน วันนี้เราอาจจะเศร้ากับการแยกจากคนรัก แต่วันนึงเราต้องเจอสิ่งดี เข้ามาในชีวิตบ้าง ชีวิตคนเราไม่ใช่มีแต่ทุกข์อย่างเดียว ก็ต้องมีสุขด้วย

แต่มันมีทั้งทุกข์และสุข เมื่อสุขเราก็หลงชื่นชมกับมัน เวลาทุกข์ก็หาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ จะพยายามฝึกใจตัวเองไม่ให้ยึดติดกับสิ่งที่เป็นสุข เพราะวันนึงความทุกข์มันก็ต้องมี ต้องคิดว่าทุกอย่างมีเกิด และดับได้

ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยแนะนำให้หนูรู้จักทางพ้นทุกข์ ถึงวันนี้หนูไม่สามารถทำได้ทันที แต่คิดว่าคงจะดีขึ้นสักวัน ขอบคุณทุกกำลังใจจริง ๆคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2010, 11:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ย. 2009, 09:31
โพสต์: 292

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ค่อยๆเรียนรู้ ทำความเข้าใจและฝึกรับมือกับความทุกข์ของคุณให้ได้ค่ะ
ดิฉันเชื่อว่าคุณจะต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ของตัวดิฉันเองก็ดีขึ้นมากแล้ว
ความทุกข์มันไม่ได้หมดไป แต่ก็เข้าใจและรู้วิธีรับมือกับทุกข์ได้ดีขึ้น
วันนี้จึงรู้สึกว่าัตัวเองมีความสุขขึ้น ความทุกข์น้อยลง

Noflife เขียน:
ทุกท่านที่มาช่วยต่างเคยทุกข์แสนสาหัสมาก่อน จึงต้องการให้กัลยาณมิตรที่ทุกข์แสนสาหัสขณะนี้ได้ผ่อนคลายความทุกข์ไปบ้าง ...พวกเรารอท่านอยู่ ขอให้รีบเดินทางมา ณ จุดเดียวกันครับ


และอย่างที่คุณ "Noflife" บอกล่ะค่ะ ขอให้เดินทางมาจุดเดียวกันนี้ให้ได้นะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2010, 19:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2010, 22:24
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันนี้คุยกับเพื่อน ๆทำงานไปก็ไม่เครียดคะ

พยายามบอกตัวเองว่าจะไม่สร้างความหวังกับตัวเองว่าวันนี้หรือวันไหนเขาจะโทรมา

แต่วันนี้เขาโทรมาหา และบอกว่าเขาทะเลาะกันกับญาติเขา เรื่องของฉัน

เราไม่เกี่ยวเน๊อะ เราก็พูดตามความจริงตามสิ่งที่เขากระทำ

ฉันคิดว่าฉันดี ขึ้นเรื่อย ๆคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2010, 07:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


Tungjaijeeng เขียน:
วันนี้คุยกับเพื่อน ๆทำงานไปก็ไม่เครียดคะ

พยายามบอกตัวเองว่าจะไม่สร้างความหวังกับตัวเองว่าวันนี้หรือวันไหนเขาจะโทรมา

แต่วันนี้เขาโทรมาหา และบอกว่าเขาทะเลาะกันกับญาติเขา เรื่องของฉัน

เราไม่เกี่ยวเน๊อะ เราก็พูดตามความจริงตามสิ่งที่เขากระทำ

ฉันคิดว่าฉันดี ขึ้นเรื่อย ๆคะ


ขอให้พรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้
แล้ววันต่อไปก็ดีกว่าพรุ่งนี้นะค่ะ
แวะมาส่งกำลังใจให้ค่ะ :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 166 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 ... 12  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 27 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร