วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 05:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 18:10
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากถามว่าทำไมตอนไปนั่งวิปัสสนากรรมฐานที่วัดป่าบนภูเขาแล้วรู้สึกว่ามีชาวบ้านมาเต็มเลย ก็เลยเปลี่ยนที่นั่ง ไปนั่งบนยอดเขานั่งๆไปกำลังจะเข้าสมาธิเห็นคนเหมือนกันแต่มีชฎามีเครื่องทรง พอเปลี่ยนที่นั่งหันหน้าไปอีกทางก็เห็นแต่งู ทั้งๆที่จิตเรามันไม่ได้ปรุงแต่งหรือนึกคิดอะไรเลย

แล้วคนที่เค้าอยู่ที่นั้นอยู่เฉยๆๆก็มีคนมาเล่าให้ฟังว่าตรงนู้นเป็นปากทางเข้าภพภูมิบังบดยอดเขามีแต่เทวดาและพญานาคอยู่ หลังจากนั้นก็แปลกๆ ไม่สบายหนักมากกกกเกือบตายแล้วก็มีความรู้สึกแปลกๆนั่งสมาธิกำลังจะเข้าสมาธิก็เห็นคนที่เราไม่รู้จักในนิมิต

อยากถามไม่รู้จะถามใคร บางทีก็คิดว่าจิตเราปรุงแต่งแต่มันเกิดขึ้นแบบหลายครั้่งจนน่ากลัว

รบกวนตอบด้วยค่ะ รบกวนด้วยค่ะ prachompoo_narak@hotmail.com


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จขกท.เคยฝึกเคยทำแบบนี้มานานหรือยังครับ แล้วสิ่งที่คุณใช้เป็นกรรมฐานคืออะไร ใช้ลมเข้าลมออกทางจมูก หรือ ใช้ท้องพองท้องยุบเป็นกรรมฐาน

คุณอ่านๆ สิ่งที่ผู้ปฏิบัติกรรมฐานเห็น เป็นที่นี่ก่อนครับ แล้วค่อยๆสนทนากัน :b1:

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?board=3.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 20:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




DSC01694.jpg
DSC01694.jpg [ 44.92 KiB | เปิดดู 7115 ครั้ง ]
จขกท. อ่านกระทู้ด้วย กรัชกายสนทนากับสมาชิกท่านหนึ่ง คงได้แง่คิดจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและการแก้อารมณ์ซึ่งเกิดขณะปฏิบัติบ้าง

viewtopic.php?f=2&t=24320&st=0&sk=t&sd=a&start=15

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 23:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 18:10
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะคะที่มาให้คำแนะนำ กรรมฐานมันก็ต้องเริ่มจาก สมถกรรฐานค่ะ คือกำหนดลมหายใจเข้าลมหายใจออก ก่อนจะเข้าวิปัสสนาได้ก็ต้องกำหนดลมหาย การปฏิบัตกรรมฐานของแพรก็เริ่มจากกำหนดลมหายใจรับรู้ทั่วสารภางค์กาย มันจะรู้สึกจนได้ยินเสียงลมหายใจเสียงเต้นของหัวใจ พอเรารู้กำหนดรู้แล้วนั้นทุกอย่างจะนิ่งมาก ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่เสียงลมหายใจเสียงหัวใจเสียงใบไม้เสียงอะไรก็ไม่ได้ยิน มันนิ่งมาก จากนั้นมันมีความสุขมากสุขเพราะจิตมันรู้สึกไม่มีอะไรเลยหลังจากที่ติดกับความสุขนั้นเราก็พยายามไม่ปรุงแต่งว่ามันเป็นสุข ตรงที่เราไม่ปรุงแต่งนั้นล่ะแค่แว็บเดียวมันไม่มีอะไรเลยไม่มีตัวเราไม่มีลมหายใจ ทุกอย่างมันเบามันว่างเปล่า ตอนนั้นและคะรู้สึก เห็นภาำพมีคนเต็มไปหมดเลยไม่รู้มาจากไหนเหมือนเค้ามานั่งรออะไรบางอย่างจนตัวเองตกใจเพราะไม่เคยเห็นในนิมิตนั้น พอมีนิมิตนั้นก็พยายามที่จะไม่คิดไม่ปรุงแต่งต่อเพราะไม่ต้องการ พอกำลังจะเข้าสู่ความไม่มีอะไรเลย นิมิตนั้นก็กลับขึ้นมาอีก พอออกจากสมาธิก็เลยแผ่เมตตาจิตให้สิ่งที่เห็นแต่ความรู้สึกนั้นเหมือนเค้ามาร่วมอนุโมทนาบุญ พอคลายจากสมาธินั้นแล้วเห็นอะไรก็ปิติไปหมด มีเมตตาจิต จิตนิ่งมาก เห็นสัตว์ต่างๆก็พูดคุยมันรู้สึกดีมากๆค่ะมันมีเมตตาจิตมาก มันไม่มีทุกข์อะไรเลย มองโลกแบบธรรมชาติทุกอย่างคือทำธรรมชาติ ดีมากๆๆ แต่ก็ยังไม่แน่ใจในนิมิตที่เราเห็น คือไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ค่ะ แต่เชื่อในคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและยึดพระองค์เป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น แค่อยากรู้ว่านี่คือจิตปรุงแต่งหรือความจริงและถ้าเราไม่ได้ต้องการมีความรู้สึกหรือเห็น เราจะทำอย่างไรดีค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับคำตอบ แพรค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


prachompoo เขียน:
ขอบคุณนะคะที่มาให้คำแนะนำ กรรมฐานมันก็ต้องเริ่มจาก สมถกรรฐานค่ะ คือกำหนดลมหายใจเข้าลมหายใจออก ก่อนจะเข้าวิปัสสนาได้ก็ต้องกำหนดลมหาย การปฏิบัตกรรมฐานของแพรก็เริ่มจากกำหนดลมหายใจรับรู้ทั่วสารภางค์กาย มันจะรู้สึกจนได้ยินเสียงลมหายใจเสียงเต้นของหัวใจ พอเรารู้กำหนดรู้แล้วนั้นทุกอย่างจะนิ่งมาก ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่เสียงลมหายใจเสียงหัวใจเสียงใบไม้เสียงอะไรก็ไม่ได้ยิน มันนิ่งมาก จากนั้นมันมีความสุขมากสุขเพราะจิตมันรู้สึกไม่มีอะไรเลยหลังจากที่ติดกับความสุขนั้นเราก็พยายามไม่ปรุงแต่งว่ามันเป็นสุข ตรงที่เราไม่ปรุงแต่งนั้นล่ะแค่แว็บเดียวมันไม่มีอะไรเลยไม่มีตัวเราไม่มีลมหายใจ ทุกอย่างมันเบามันว่างเปล่า ตอนนั้นและคะรู้สึก เห็นภาำพมีคนเต็มไปหมดเลยไม่รู้มาจากไหนเหมือนเค้ามานั่งรออะไรบางอย่างจนตัวเองตกใจเพราะไม่เคยเห็นในนิมิตนั้น พอมีนิมิตนั้นก็พยายามที่จะไม่คิดไม่ปรุงแต่งต่อเพราะไม่ต้องการ พอกำลังจะเข้าสู่ความไม่มีอะไรเลย นิมิตนั้นก็กลับขึ้นมาอีก พอออกจากสมาธิก็เลยแผ่เมตตาจิตให้สิ่งที่เห็นแต่ความรู้สึกนั้นเหมือนเค้ามาร่วมอนุโมทนาบุญ พอคลายจากสมาธินั้นแล้วเห็นอะไรก็ปิติไปหมด มีเมตตาจิต จิตนิ่งมาก เห็นสัตว์ต่างๆก็พูดคุยมันรู้สึกดีมากๆค่ะมันมีเมตตาจิตมาก มันไม่มีทุกข์อะไรเลย มองโลกแบบธรรมชาติทุกอย่างคือทำธรรมชาติ ดีมากๆๆ แต่ก็ยังไม่แน่ใจในนิมิตที่เราเห็น คือไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ค่ะ แต่เชื่อในคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและยึดพระองค์เป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น แค่อยากรู้ว่านี่คือจิตปรุงแต่งหรือความจริงและถ้าเราไม่ได้ต้องการมีความรู้สึกหรือเห็น เราจะทำอย่างไรดีค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับคำตอบ แพรค่ะ



กรรมฐานมันก็ต้องเริ่มจาก สมถกรรมฐานค่ะ คือกำหนดลมหายใจเข้าลมหายใจออก ก่อนจะเข้าวิปัสสนาได้ก็ต้องกำหนดลมหาย

แพรชมพูใช่ไหมครับ จะเรียกแพรสั้นๆแล้วกัน หลักวิชาการระหว่างสมถกรรมฐานกับวิปัสสนากรรมฐาน

ประเด็นนี้ยังเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่จะยังไม่พูดถึงตอนนี้ ข้ามไปก่อนนะครับ


การปฏิบัติกรรมฐานของแพรก็เริ่มจากกำหนดลมหายใจรับรู้ทั่วสารภางค์กาย มันจะรู้สึกจนได้ยินเสียงลมหายใจเสียงเต้นของหัวใจ พอเรารู้กำหนดรู้แล้วนั้นทุกอย่างจะนิ่งมาก ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยแม้แต่เสียงลมหายใจเสียงหัวใจเสียงใบไม้เสียงอะไรก็ไม่ได้ยิน มันนิ่งมาก จากนั้นมันมีความสุขมากสุขเพราะจิตมันรู้สึกไม่มีอะไรเลยหลังจากที่ติดกับความสุขนั้นเราก็พยายามไม่ปรุงแต่งว่ามันเป็นสุข ตรงที่เราไม่ปรุงแต่งนั้นล่ะแค่แว็บเดียวมันไม่มีอะไรเลยไม่มีตัวเราไม่มีลมหายใจ ทุกอย่างมันเบามันว่างเปล่า ตอนนั้นและคะรู้สึก เห็นภาำพมีคนเต็มไปหมดเลยไม่รู้มาจากไหนเหมือนเค้ามานั่งรออะไรบางอย่างจนตัวเองตกใจเพราะไม่เคยเห็นในนิมิตนั้น พอมีนิมิตนั้นก็พยายามที่จะไม่คิดไม่ปรุงแต่งต่อเพราะไม่ต้องการ พอกำลังจะเข้าสู่ความไม่มีอะไรเลย นิมิตนั้นก็กลับขึ้นมาอีก พอออกจากสมาธิก็เลยแผ่เมตตาจิตให้สิ่งที่เห็นแต่ความรู้สึกนั้นเหมือนเค้ามาร่วมอนุโมทนาบุญ พอคลายจากสมาธินั้นแล้วเห็นอะไรก็ปิติไปหมด มีเมตตาจิต จิตนิ่งมาก เห็นสัตว์ต่างๆก็พูดคุยมันรู้สึกดีมากๆค่ะมันมีเมตตาจิตมาก มันไม่มีทุกข์อะไรเลย มองโลกแบบธรรมชาติทุกอย่างคือทำธรรมชาติ ดีมากๆๆ แต่ก็ยังไม่แน่ใจในนิมิตที่เราเห็น คือไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้ค่ะ แต่เชื่อในคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและยึดพระองค์เป็นหลักในการปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น


วิธีปฏิบัติของคุณแพรเท่าที่เห็น คุณกำหนดเพียงลมหายใจเข้าออกเท่านั้น มิได้กำหนดความรู้สึกนึก

คิด และสิ่งที่รู้ที่เห็น ณ ขณะนั้นๆด้วย ถูกไหมครับ

ครั้นคุณปฏิบัติไปทำไปๆ อย่างนั้น ครั้นเมื่อจิตเริ่มเป็นสมาธิ มีความสุขอย่างว่า ก็เห็นนั่นนี่...

ขั้นนี้คุณแพรนึกว่า ไม่ปรุงแต่งต่อล่ะ เพราะไม่ต้องการสิ่งนี้....ใช่ไหมครับ :b1:


แค่อยากรู้ว่านี่คือจิตปรุงแต่งหรือความจริงและถ้าเราไม่ได้ต้องการมีความรู้สึกหรือเห็น เราจะทำอย่างไรดีค่ะ ขอบคุณค่ะสำหรับคำตอบ แพรค่ะ


เพื่อความสบายใจตอบสั้นๆให้ก่อน ...สังขารปรุงแต่งความคิดครับ หรือจะพูดว่าจิตปรุงแต่งก็ได้

ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว เราก็พอเห็นทางล่วงพ้นจากสิ่งนั้นได้ไม่ยากใช่ไหมครับ

แต่จะยังไม่บอกวิธีตอนนี้ รอคำตอบจากคุณก่อน :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 15:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนผมนั่งสมาธิใหม่ๆ มีเหตุการณ์เหมือนที่คุณเล่าเกือบทุกอย่างพอเริ่มเป็นสมาธิ เหมือนมีคนมามุงดูนั่งอยู่ข้างๆ
ในหนังสือท่านบอกว่ามีสมาธิก็จริง แต่สติไม่แข็ง ไม่มีพลัง ลืมง่ายเหมือนหลับในตอนขับรถไม่รู้ตัวว่าตัวเองเผลอ จิตจึงสร้างภาพขึ้นมา โดยเฉพาะคนที่เริ่มนั่งใหม่ๆทั้งที่ไม่เคยนั่งมาก่อนจะเกิดขึ้น คุณบอกว่าเข้าวัดไปทำสมาธิก็เลยไม่ค่อยแน่ใจว่านั่งมาก่อนหรือปล่าว

พอนั่งสมาธิไปนานๆสมาธิเกิด สติแข็งแรงพร้อมใช้งานก็จะไม่เกิดภาพหลอนทีนี้เราก็เริ่มต้นที่จะยกระดับเป็นวิปัสสนาด้วยการพิจารณาพระไตรลักษณ์ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ร่างกายเรากำหนดเข้าไว้

หากไม่เห็นพระไตรลักษณ์ยังยึดมั่นถือมั่น ตัวเราตัวเขา บ้านเรา เงินเรา ศาสนาเรา คนชาติเรา ก็ย่อมไม่อาจที่จะดับทุกข์ อุปาทานที่ฝังในใจเราได้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านกรัชกายมาแนะนำให้แล้ว.... :b20: :b20:

ขอให้ท่าน แพรชมพู พิจารณาคำแนะนำของท่านกรัชกายด้วยใจที่เป็นกลางนะครับ :b32: :b32: :b4: :b4:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 18:10
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




Picture 172.jpg
Picture 172.jpg [ 94.92 KiB | เปิดดู 6907 ครั้ง ]
ขอบคุณคุณ natdanai มากค่ะ แต่ไม่เข้าใจ ด้วยจิตใจที่เป็นกลางเป็นอย่างไร งงๆๆ

คือ ไม่ได้เถียงนะ แต่ ณ ตอนนี้ไม่รู้จะอธิบายให้ฟ้งว่าอย่างไร อิอิ เรื่องมันยาวมาก

ขอขอบพระุคุณทุกท่านมากค่ะสำหรับคำแนะนำดีๆๆ ขอผลบุญนี้ส่งผลให้ทุกท่านพบกับนิพพานในปัจจุบันและได้เรียนรู้และเจริญรอยตามองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามที่พระองค์ได้ตรัสรู้

พอดีได้ไปสนธนาธรรมกับพระอาจาย์เรียบร้อยแล้วค่ะ ได้รับคำตอบนั้นเรียบร้อยแล้ว ท่านอาจารย์ก็บอกว่าไม่แปลกหรอกกับนิมิตนั้นเพราะหลายคนก็เป็นแต่เราก็ไม่ต้องไปยึดติดกับสิ่งนั้นและไม่ต้องกลัวเพราะเค้าต้องการมาขออนุโมทนาบุญด้วยเฉยๆ เราก็ปฏิับัติธรรมต่อตามที่เราได้ปฏิบัติมาโดยใช้ความเพียรพยายามรักษาศีล กำหนดลมหายใจทุกขณะจิตเพื่อไม่ให้จิตใจของเราไม่ฟุ้งซ่าน ยึดมั่นถือมั่น พิจารณาคนอื่น ประมาณนั้น ทุกวันนี้คนเรายังปฏิบัติแบบหลงทางผิดๆก็มี เพราะไม่ได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของธรรมคำสอนของพระองค์ เพราะพระองค์สอนให้หลุดพ้นจากความทุกข์ทั้งปวง

ขอบคุณทุกท่านมากๆค่ะ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


นิมิตที่เป็นความฝัน (คือไม่จริง) มักจะเกิดในฌาณ 2 ในภาวะที่จิตตกภวังค์
เมื่อจิตพ้นฌาณ 2 นิมิตจะไม่เกิดอีก แต่อาจมีอะไรให้เห็นได้อีกในฌาณ 4 ซึ่งเมื่อเห็นแล้ว ผู้ฝึกจะรู้ได้เองว่า มันไม่ใช่นิมิตที่จิตสร้างขึ้น ความแตกต่างมันมีอยู่...

สิ่งที่ จขกท.เห็น น่าจะเป็นนิมิตที่จิตสร้างขึ้น เพราะมีปิติ และปิติเป็นองค์ประกอบหนึ่งของฌาณ 2
หากสิ่งที่เห็นเป็นจริง จขกท.จะเห็นด้วยอุเบกขา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 18:10
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




IMG0237A.jpg
IMG0237A.jpg [ 102.34 KiB | เปิดดู 6894 ครั้ง ]
Ok. ค่ะขอบคุณมากมายสำหรับคำตอบ อิอิ รู้คำตอบแล้วค่ะมันคือนิมิตนั่นแระเพราะจิตมันไม่ได้ปรุงแต่งอะไรเลย เอาเป็นว่าจะเป็นอะไรก็ช่างเถอะเน๊อะ เพราะรู้แล้วมันก็ไม่ได้ช่วยให้หลุดพ้น :b12:

ขอบคุณมากๆค่ะ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เค้าต้องการมาขออนุโมทนาบุญด้วยเฉยๆ


คุณแพรไปปฏิบัติที่วัดป่าอะไรที่ว่าอยู่บนภูเขานึกชื่อไม่ออก อยากรู้ชื่อวัดจัง หากไม่เป็นการรบกวน

ขอชื่อวัดหลังไมค์ได้ไหมครับ

แล้วท่านบอกด้วยไหมครับว่าใครมาขออนุโมทนาบุญ :b20: :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้สึกปลื้มใจ :b20: นานๆจะที่ได้สนทนากับโยคีซึ่งมีความรู้เข้าใจแก่นธรรมเข้าใจแนวทางการหลุดพ้น ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า สาธุ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 21:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ส.ค. 2010, 18:10
โพสต์: 8

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




IMG0193A.jpg
IMG0193A.jpg [ 68.76 KiB | เปิดดู 6862 ครั้ง ]
อ่อ จะให้หลังไมค์ยังไงเอ่ย อิอิ เอาเป็นว่าตอบเลยแระกานค่ะ ชื่อวัดก็วัดเขาพรมโพธิสัตว์ อยู่ที่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทราค่ะ ทุกวันพระใหญ่คือขึ้น 15 ค่ำ แพรก็ไปนั่งสมาธิทั้งคืนแบบไม่นอนเพื่อถวายเป็นพุทธะบูชา ธรรมะบูชา สังฆะบูชา อยากจะบอกว่าพระพุทธรูปที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากๆๆ นั่งสมาธิแล้วปิติมากอย่างบอกไม่ถูกใครสนใจอยากให้มาที่วัดนี้ค่ะ แพรเองก็หาวัดที่ปฏิบัติแบบนี้มาหลายวัด มาเจอวัดนี้และมาบ่อยเพราะพระอาจารย์ท่านไม่บังคับแต่ว่ามีกฎเกณฑ์ในการปฏิับัติคือเวลานี้ทำอะไร และก็ปล่อยให้ไปบำเพ็ญเองตามอัธยาศัย และท่านก็เป็นพระสายวิปัสสนากรรมฐานของสายหลวงปู่มั่น พระอาจารย์ท่านธุดงค์ 17 กว่าปีจนมาเจอเขาลูกนี้ค่ะแล้วเทวดาท่านก็ขอให้อยู่ที่เขาลูกนี้เพื่อที่จะได้พัฒนาเขาลูกนี้ให้พุทธศาสนิกชนได้มาพัฒนาจิตใจให้เข้าถึงพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงนั่นคือการดับทุกข์เพื่อความหลุดพ้นนั่นเองค่ะ เขาลูกนี้ก็มีหลายภพภูมิแต่ไม่ขออธิบายมากเพราะพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะเรื่องนี้ เด๋วเค้าว่าจิตปรุงแต่งไปเอง แต่ขอยืนยันว่า ภพภูมิต่างๆมีจริงโลกวิญญาณมีจริง ทำดีได้ดีจริง สวรรค์มีจริง นรกมีจริง อันนี้ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ต้องลองพิสูจน์เองจ้า

่อ่อ ภพภูมิที่มาขออนุโมทนาบุญก็คือภพภูมิบังบดหรือลับแลนั่นเองจ้า

ส่วนอีกเม้นนึงก็ต้องบอกว่า ไม่ใช่โยคีค่ะ เป็นคนธรรมดาฮ่าๆ ที่อยากเจริญรอยตามพระพุทธองค์จริงๆจากใจ สาธุ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายเคยไปปฏิบัติที่ฉะเชิงเทรานะครับ แต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสำนักปฏิบัติที่สงบร่มรื่นอยู่ที่นี่อีกแห่ง หากรู้คงจะด้นดั่นไปจนถึงแล้วล่ะครับ แต่ไม่เป็นไรเอาไว้ครั้งต่อไปจะไปให้ถึง
ว่าแต่ว่า คุณแพรคงปฏิบัติมานานแล้วกระมังครับ ถึงได้รู้เข้าใจธรรมะเห็นปานนี้ :b20: :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ส.ค. 2010, 21:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เขาลูกนี้ก็มีหลายภพภูมิแต่ไม่ขออธิบายมากเพราะพูดไปก็ไม่มีใครเชื่อหรอกค่ะเรื่องนี้ เด๋วเค้าว่าจิตปรุงแต่งไปเอง แต่ขอยืนยันว่า ภพภูมิต่างๆมีจริงโลกวิญญาณมีจริง ทำดีได้ดีจริง สวรรค์มีจริง นรกมีจริง อันนี้ใครจะเชื่อไม่เชื่อก็ต้องลองพิสูจน์เองจ้า


ใครเขาจะว่ายังไงอย่าสนใจเขาเลยครับคุณแพร กรัชกายชอบฟังเรื่องภพภูมิต่างๆ ภูมิว่ามีตั้ง 31 ภูมิใช่ไหมครับ
คุณแพรเล่าสู่กันฟังบ้างสิครับ นั่งสมาธิแล้วเห็นภพไหนภูมิใดบ้าง
อ้อแต่ว่าเพิ่งเคยได้ยินชื่อ บังบด เพิ่งรู้จากคุณนี่แหละครับว่าบังบดก็คือเมืองลับแลนี่เอง เขามาขอส่วนบุญหรือครับ
อาจารย์อายุคงมากแล้วนะครับ เคยเดินธุดงค์มาตั้ง 17-18 ปี แล้ว แล้วยังเป็นพระสายหลวงปู่มั่นอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร