วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 06:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2010, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ซึ่ง....เอกอนอ่าน ก็สะดุดใจพอสมควร...
และยอมรับ ที่นักคณิตศาสตร์สามารถแสดงทัศนะที่เฉียบคม

พวกเขาคือผู้ที่อยู่ในโลกของการแปลง
แปลงธรรมชาติออกมาเป็น ตัวเลข

คือ ตัวเลข ก็คือผลผลิตที่ออกมาจาก ขันธ์ 5
ซึ่งก็มีบ้าง ที่จะอดสงสัยไม่ได้
ว่า concept ของพวกเขานั้น สะท้อนอะไรเกี่ยวกับธรรมชาติ... :b1:

คือ...เป็นความคิดเล่น ๆ เพลิน ๆ ค่ะ
....


:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2010, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผงธุลีดิน เขียน:
ขออนุญาติครับ

ความว่า เกิดไม่มีแล้ว ย่อมพ้นจากความว่า ดับไป
หากยังหยั่งลงได้ ว่ามันเป็นอะไร อย่างไร ย่อมไม่พ้นซึ่งความเกิด

เมื่อไม่มีอะไรให้ ระลึกนึกถึงได้อีกต่อไป
ย่อมไม่อาจลงความเห็นได้ว่า มันมีที่ตั้งอยู่ หรือ ไม่มีที่ตั้งอยู่
ย่อมพ้นจาก ความว่าเกิด ความว่าไม่เกิด
ย่อมพ้นจาก ความว่าดับ ความว่าไม่ดับ

อริยสัจจ์แห่งจิต อย่าไปแปลแบบนั้นเลยครับ

ขอบคุณครับ




:b1:

อ้าปากได้สักที...

อืมมมมห์....


:b12:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 06 ก.ย. 2010, 23:32, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 11:59
โพสต์: 105

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เสวนากันเล่นๆ...

จิตที่ยังไม่รู้ว่า..อะไรเกิด อะไรดับ เป็นสมุทัย คือเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
ผลที่จิตไม่รู้ว่า...อะไรเกิด อะไรดับ เป็นตัวทุกข์

จิตที่รู้..อะไรเกิด อะไรดับ เป็นมรรค ข้อปฏิบัติให้ถึงตวามดับทุกข์
ผลจากการที่จิตรู้...อะไรเกิดอะไรดับ เป็นนิโรธคือความที่ทุกข์ดับ


เพราะไม่รู้ว่า มันเป็นของเล่นๆ ไม่ใช่ของจริง
ความไม่รู้นี้แหละคือตัวทุกข์

มันจึงเกิดความอยาก ปรารถนาต้องการให้ของเล่น กลายเป็นของจริง
เพราะความอยากที่จะให้ของเล่นกลายเป็นของจริงนี้แหละ คือสมุทัยที่ทำให้เกิดทุกข์ขึ้นมา

เสวนาเล่นๆนะ อย่าถือว่าเป็นเสวนาจริงๆขึ้นมาล่ะ :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 16:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b13: :b13: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
:b13: :b13: :b13:


โธ่...อีกคนแระ...
เดี๋ยวเตอะ...

สักหน่อย...จิ่...
รู้นะ...ว่าคันมือ ยิ๊ก ยิ๊ก... :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 07 ก.ย. 2010, 17:04, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันหนึ่ง...เราเคย...ทำตัวเหมือนปลา ที่ไหลตามน้ำ
และ...ผู้คนต่างก็ชี้มาที่เรา...แล้วพูดในทำนองว่า...เป็นสิ่งที่ไม่ถูก
และวันหนึ่ง...เราก็ประจักษ์จริง ๆ การไหลตามกระแส
มันนำความยุ่งเหยิงหลาย ๆ อย่างมาสู่ เมื่อเราเห็นการไหลตามกระแสนั้นเป็นทุกข์...
เราก็มุ่งมั่นมา...ว่ายทวนกระแส...ก็ใช่...ที่ความยุ่งเหยิงอะไรหลาย ๆ อย่างมันค่อย ๆ เบาไป

และเมื่อถึงวันหนึ่ง... เราก็เห็นว่าการว่ายทวนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น...


:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 22:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อิ อิ เบา ๆ สบาย ๆ เล่น ๆ จริง ๆ ด้วยแฮะ...

ทำไม...พระพุทธองค์จึงกล่าวว่า อะไรไม่รู้ล่ะ
คร่าว ๆ ประมาณว่า น้ำในมหาสมุทรยังไม่เท่ากับเลือดที่หลั่งออกมาจากกายเรารวมกัน
ในการเวียนว่ายตายเกิด...น่ะ

ท่านเช่นนั้น... มีพระสูตรเต็มมั๊ย...เจ้าคะ... :b12:

กับพระสูตรนี้ พี่ ๆ เพื่อน ๆ ตีความกันว่าอย่างไร...

ไหวมั๊ยคะ ที่เราจะค่อย ๆ แกะรอยพระสูตรกันไปแบบเบา ๆ...
แบบเป็นการแลกเปลี่ยนทัศนะ ...
...
หะ หะ จะเหาะไปนรกก็ได้นะ ถ้าใครมีประสพการณ์...ตรง
หรือ จะระลึกอดีตชาติได้ ก็ได้ ถ้ามีประสพการณ์...ตรง
แต่ถ้าเป็นความเชื่อ ก็บอกว่าเป็นความเชื่อ...สิ่งที่เชื่อ...สิ่งที่ทำให้เชื่อ
ถ้าเป็นความมั่นใจ ก็บอกความมั่นใจที่ทำให้มั่นใจ...
คือ...เอกอนก็อยากให้มีการนำเสนอ ทัศนะในหลาย ๆ มุมน่ะ
เพราะ... มันอาจทำให้เราเห็นปัจจัย...ที่เป็นกลไกของพระสูตรนี้ก็ได้...

... :b1: :b12: :b1: ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 22:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มังกรน้อย... พระสูตรไว้ทำความศึกษา ไม่ได้ไว้ตีความ
เป็นกิจของผู้ยังศึกษา ต้องทำความเข้าใจตามพระอริยะเจ้า
วันนี้หากยังเข้าใจตามไม่ได้ ก็ทำความศึกษา ทำความเพียร

เคยรู้สึกบ้างหรือเปล่าว่า........... "เป็นเช่นนั้นเอง เป็นเช่นนั้นเอง"

ถ้า มังกรน้อย รู้สึกอย่างนั้น นั่นแหละคือ ธรรมที่โพล่งออกมาจากภายใน เกิดเป็นญาณ เพราะได้รู้ได้เข้าใจสิ่งที่พระอริยะเจ้าแสดงไว้ งาม ดีแล้ว.... ความรู้สึกจะไม่เหมือนกับ ความรู้ที่เกิดจากการตีความ โดยอาศัยทิฏฐิอันประกอบด้วยความหลง

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
วันหนึ่ง...เราเคย...ทำตัวเหมือนปลา ที่ไหลตามน้ำ
และ...ผู้คนต่างก็ชี้มาที่เรา...แล้วพูดในทำนองว่า...เป็นสิ่งที่ไม่ถูก
และวันหนึ่ง...เราก็ประจักษ์จริง ๆ การไหลตามกระแส
มันนำความยุ่งเหยิงหลาย ๆ อย่างมาสู่ เมื่อเราเห็นการไหลตามกระแสนั้นเป็นทุกข์...
เราก็มุ่งมั่นมา...ว่ายทวนกระแส...ก็ใช่...ที่ความยุ่งเหยิงอะไรหลาย ๆ อย่างมันค่อย ๆ เบาไป

และเมื่อถึงวันหนึ่ง... เราก็เห็นว่าการว่ายทวนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น...


:b1:


การอุปมาอุปมัย ด้วย "กระแส"

กระแส ที่ไหลซ่านไป ตาม ตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นไปกับกามวิถี กระแสอย่างนี้ คือกระแสโลกีย์
มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ชุมไปด้วยน้ำแห่งกามโลกีย์ กระแสทั้งหลายในโลกก็ไหลลงสู่มหาสมุทรนี้
การปฏิบัติธรรม ท่ามกลางกระแสนี้ เรียกว่าทวนกระแส

กระแสแห่งธรรม ที่ไม่ตามใจ ไม่หลงไปกับความเพลิน ความหลงในอารมณ์ ความกระทบสัมผัส แห่งตา หู จมูก ลิ้น กาย นี่อุปมาเป็นกระแสแห่งโลกกุตตรธรรม ธรรมย่อมไหลไปสู่ธรรม มหาสมุทรย่อมเปรียบได้เหมือนธรรมอันมหาศาล ลึกสุดประมาณ คือพระนิพพาน กระแสแห่งโลกกุตรธรรมที่ไหลออกจากอายตนะต่างๆ ย่อมไหลลงสู่มหาสมุทรแห่งนิพพาน

ดังนั้น "กระแส" ก็เป็นเพียงอุปมา แต่จะใช้เพื่อทำความเข้าใจอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับ วิสัยทัศน์ ของผู้แสดงที่มีต่อผู้ฟัง โดยเอาผู้ฟังเป็นประมาณว่าจะมีความเข้าใจหรือ ไม่เข้าใจ.

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 23:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
มังกรน้อย... พระสูตรไว้ทำความศึกษา ไม่ได้ไว้ตีความ
เป็นกิจของผู้ยังศึกษา ต้องทำความเข้าใจตามพระอริยะเจ้า
วันนี้หากยังเข้าใจตามไม่ได้ ก็ทำความศึกษา ทำความเพียร

เคยรู้สึกบ้างหรือเปล่าว่า........... "เป็นเช่นนั้นเอง เป็นเช่นนั้นเอง"

ถ้า มังกรน้อย รู้สึกอย่างนั้น นั่นแหละคือ ธรรมที่โพล่งออกมาจากภายใน เกิดเป็นญาณ เพราะได้รู้ได้เข้าใจสิ่งที่พระอริยะเจ้าแสดงไว้ งาม ดีแล้ว.... ความรู้สึกจะไม่เหมือนกับ ความรู้ที่เกิดจากการตีความ โดยอาศัยทิฏฐิอันประกอบด้วยความหลง


ง๊า..ง๊า..ง๊า... จ้า.... :b16:

:b1:

ก็...จริงอย่าที่พี่ท่านเช่นนั้นว่า...น่ะแหละ...
พระสูตร...นั้นเพื่อผู้ปฏิบัติธรรมศึกษา...ไม่ใช่ให้มาตีความ
เพราะธรรม เป็นเช่นนั้นเอง
ไม่ใช่การน้อมความเข้าใจไปให้เป็นเช่นนั้น...

เอกอนรู้อยู่แก่ใจ...แต่เพราะช่วงนี้เห็นลีลางาม ๆ
ออกมาโฉบไปโฉบมาเยอะ บางทีมือมันก็ซน...

ขอโทษค่ะ...เอกอนยกเลิก ...
ไม่ให้เป็นประเด็นมาตีความแล้ว...


คำถาม ถือเป็น โมฆะ ... นะคะ ... พี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกท่าน...

:b12: :b27: :b27: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ย. 2010, 23:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
พระสูตร...นั้นเพื่อผู้ปฏิบัติธรรมศึกษา...ไม่ใช่ให้มาตีความ
เพราะธรรม เป็นเช่นนั้นเอง
ไม่ใช่การน้อมความเข้าใจไปให้เป็นเช่นนั้น...


ดีจัง ได้ประโยคนี้ "ไม่ใช่การน้อมความเข้าใจไปให้เป็นเช่นนั้น"

ประโยคนี้ ขอแสดงความเห็น อย่างนี้พอรับได้ไหม ว่า

ผู้ปฏิบัติธรรม ต้องน้อมความเข้าใจไปหาธรรม การน้อมความเข้าใจไปหาธรรม ก็คือ โยนิโสมนสิการ
โยนิโสมนสิการ จะมีลักษณะอย่างนี้คือ
คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ
คิดมีเหตุมีผล
คิดปลุกเร้ากุศลให้เกิดขึ้น

ดูเผินๆ เหมือนกับ คิดตีความโดยใช้เหตุใช้ผล
แต่...
อะไรเป็นปทัดฐานว่า คิดถูกวิธี คิดมีระเบียบ
อะไรเป็นตัวชี้วัดว่า มีเหตุมีผล

คงไม่ใช่ทิฏฐิของคนธรรมดาสามัญ หรือพวกอเจล หรือพวกนักบวชนอกพระศาสนาหรอก

เพราะ ตัววัดตัวบ่งชี้ ก็ยังอาศัยคำ ของพระพุทธองค์ เป็นเครื่องชี้วัดว่า การคิดนั้นน้อมไปหาธรรม หรือออกจากธรรม ที่พระองค์พร่ำสอน

ดังนั้น แม้โยนิโสมนสิการ ก็ยังต้องน้อมความเข้าใจไปหาธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อิอิ :b16:

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
วันหนึ่ง...เราเคย...ทำตัวเหมือนปลา ที่ไหลตามน้ำ
และ...ผู้คนต่างก็ชี้มาที่เรา...แล้วพูดในทำนองว่า...เป็นสิ่งที่ไม่ถูก
และวันหนึ่ง...เราก็ประจักษ์จริง ๆ การไหลตามกระแส
มันนำความยุ่งเหยิงหลาย ๆ อย่างมาสู่ เมื่อเราเห็นการไหลตามกระแสนั้นเป็นทุกข์...
เราก็มุ่งมั่นมา...ว่ายทวนกระแส...ก็ใช่...ที่ความยุ่งเหยิงอะไรหลาย ๆ อย่างมันค่อย ๆ เบาไป

และเมื่อถึงวันหนึ่ง... เราก็เห็นว่าการว่ายทวนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น...


:b1:

แต่ก็ยังไม่เลิกว่าย :b32: :b32:
เพราะยังเป็นปลาอยู่ :b13: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2010, 10:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 10:05
โพสต์: 20

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอรากอน เขียน:
ซึ่ง....เอกอนอ่าน ก็สะดุดใจพอสมควร...
และยอมรับ ที่นักคณิตศาสตร์สามารถแสดงทัศนะที่เฉียบคม

พวกเขาคือผู้ที่อยู่ในโลกของการแปลง
แปลงธรรมชาติออกมาเป็น ตัวเลข

คือ ตัวเลข ก็คือผลผลิตที่ออกมาจาก ขันธ์ 5
ซึ่งก็มีบ้าง ที่จะอดสงสัยไม่ได้
ว่า concept ของพวกเขานั้น สะท้อนอะไรเกี่ยวกับธรรมชาติ... :b1:

คือ...เป็นความคิดเล่น ๆ เพลิน ๆ ค่ะ
....


:b12:


อ๋อ เป็นอย่างนี้

ขอความรู้เพิ่มอีกหน่อยครับ

นักคณิตศาสตร์ เขาคิดกันยังไง (หลักการใช้ตัวเลข)
พอยกตัวอย่างอีกซักหน่อยนะครับ


:b1:

.....................................................
ปลดล็อคใจ ตัดโซ่ร้อยรัดพันธนาการ สู่ทางแห่งเสรีชน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2010, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อิสระ เขียน:
เอรากอน เขียน:
ซึ่ง....เอกอนอ่าน ก็สะดุดใจพอสมควร...
และยอมรับ ที่นักคณิตศาสตร์สามารถแสดงทัศนะที่เฉียบคม
อิสระ เขียน:
เอรากอน เขียน:
[color=#0040BF]ซึ่ง....เอกอนอ่าน ก็สะดุดใจพอสมควร...
และยอมรับ ที่นักคณิตศาสตร์สามารถแสดงทัศนะที่เฉียบคม

พวกเขาคือผู้ที่อยู่ในโลกของการแปลง
แปลงธรรมชาติออกมาเป็น ตัวเลข

คือ ตัวเลข ก็คือผลผลิตที่ออกมาจาก ขันธ์ 5
ซึ่งก็มีบ้าง ที่จะอดสงสัยไม่ได้
ว่า concept ของพวกเขานั้น สะท้อนอะไรเกี่ยวกับธรรมชาติ... :b1:

คือ...เป็นความคิดเล่น ๆ เพลิน ๆ ค่ะ
....

:b12:


อ๋อ เป็นอย่างนี้

ขอความรู้เพิ่มอีกหน่อยครับ

นักคณิตศาสตร์ เขาคิดกันยังไง (หลักการใช้ตัวเลข)
พอยกตัวอย่างอีกซักหน่อยนะครับ


:b1:


อิ อิ จะเอาความคิดนักคณิตศาสตร์ หรือ ความคิ๊ด...เอก๊อนนนน...

:b12:

ถ้าเอาความคิดนักคณิตศาสตร์
เอกอนไม่แน่ใจหรอก... เพราะนักคณิตศาสตร์เขาก็มีความคิดบนพื้นฐานความเชื่อของเขาด้วย

แต่โดยพื้นฐานแล้ว นักคณิต นักวิทย์ เขาจะมีความคิดที่...
คือ...เขาพวกช่างคิด ช่างวิเคราะห์ ช่างสังเกต ช่างค้นหา
ช่างตั้งสมมติฐาน และช่างทดสอบแล้วทดสอบอีก กว่าจะสรุปข้อสันนิษฐานนั้นได้
และเมื่อได้ข้อสรุปแล้วแล้วก็ตาม ก็ไม่ยอมหยุด
ถ้าตราบที่เขายังเห็นปัจจัยบางอย่าง หรือตัวแปรบางตัวที่ยัง..ไม่เคียร์

และเขาก็มักจะไปค้นพบสิ่งใหม่ และสิ่งใหม่ก็มาลบล้างสิ่งเก่า
หรือเสริมให้สิ่งที่ปูทางมาอยู่แล้วเข้มแข็งบ้าง...
คือ...เอกอนมองว่า...นักคณิต นักวิทย์ เขามีอุปนิสัยที่ชัดเจนในด้านการค้นคว้าพิสูจน์
และสรุปการทดลองที่ได้ ... ตามเหตุ และผล

ซึ่งมันก็ไปกันได้...กับหลักที่ว่า
เพราะสิ่งนั้นมี สิ่งนี้จึงมี...

ตามความเห็นของนักคณิต จริง ๆ แล้วเอกอนไม่รู้
แต่ความเห็นของเอกอน...
ตัวเลขโดยตัวของมันแล้ว...ไม่ได้มีความหมาย...
แต่เมื่อตัวเลขนั้น ไปอยู่กับบริบทใด ๆ ในหัวจะปรากฎเป็นภาพจำลองขึ้นมาทันที
ภาพจำลองในรูปของ มวล ปริมาตร ลักษณะการเคลื่อนที่ และ รูปแบบของกำลัง/พลังงาน...

ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนกับคนนั่งอ่านนวนิยาย
และจินตนาการไปกับบทกวี...

พวกที่มีใจทางวิทย์/คณิต ก็เช่นกัน เห็นองค์ประกอบโครงสร้างสมการแล้ว
เขาก็เห็นรูปแบบทางกลศาสตร์...

ก็เหมือนกับคนที่นั่งสมาธิแล้วเห็นนิมิต...

ที่เอกอนหันมาศึกษาพุทธศาสนาเพราะ...
ทัศนะบางอย่างทำให้ทัศนะคติเดิมที่กระเดียดมาทางวิทย์/คณิต
คือการหาเหตุผลด้วยวัตถุอุปกรณ์ ด้วยสมมติบัญญัติทางภาษา
และด้วยสมมติบัญญัติทางตัวเลข...เกิดช่องว่าง
ที่ไม่สามารถข้ามผ่านไปได้...
นั่นคือ...ประเด็นหนึ่ง ที่เอกอนก็ตั้งข้อสังเกตไว้...อิ อิ :b12:

ว่า...เป็นไปได้หรือไม่ว่า ในโลกที่เป็นนามธรรม...ไม่อาจมีวัตถุใด ๆ
หรือ สมมติบัญญัติใด ๆ เอื้อมเข้าไปถึง...

จึงเริ่มเข้ามาศึกษาพุทธศาสนา...

:b1:

อิ อิ คือ...

นี่จริง ๆ เอกอนน่าจะถามท่านมากกว่านะ...


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 10 ก.ย. 2010, 00:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 75 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร