วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 162 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 08:48
โพสต์: 97

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นับถึงตอนนี้ก็เกือบปีแล้วครับที่ผมถูกภรรยาให้ออกจากบ้านมา
แรกๆก็ไม่สำนึกว่าเป็นเพราะตัวเอง โทษโน่นโทษนี่ทุกอย่างยกเว้นตัวเอง
เดิมผมเป็นคนเจ้าอารมณ์ ฉุนเฉียว ชอบระเบิดอารมณ์ใส่ภรรยา มีเรื่องให้เขาต้องเก็บต้องทนตลอด 20 ปีที่คบกันมา ทั้งๆที่เขาเป็นที่รักผมมาก รักมาตลอดและก็ทนมาตลอด
แต่ผมก็ไม่เคยเห็นค่าของภรรยา คิดแต่ว่ายังไงเขาก็อยู่กับเรา แล้ววันนึงผมก็ทำเรื่องร้ายแรง จนเขาให้อภัยไม่ได้ ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่กับภรรยาแล้ว ไม่ได้อยู่กับลูกสาวที่กำลังจะ 7 ขวบแล้ว
6-7 เดือนแรกผมแทบเสียสติ ทนไม่ได้ ร้องไห้เหมือนคนบ้า ต้องไปพบจิตแพทย์ เขาบอกว่าผมเป็นโรคซึมเศร้าขั้นรุนแรง ต้องกินยาต้านความเศร้าทุกวัน ไม่งั้นจะจิตตกคิดถึงการฆ่าตัวตาย
จากคนที่ไม่เคยสนใจพระสนใจศาสนาก็เลยพยายามอ่านพยายามฟัง นอนฟังทุกคืน พยายามปรับตัว อยากทำให้ภรรยาผมเห็นว่าผมตั้งใจจริง ผมจะไม่เป็นคนอย่างที่ผมเคยเป็นแล้ว ผมอยากเป็นคนดี ชีวิตนี้จะมีแต่ครอบครัว จะรักเขาและลูกให้มากที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้
ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ผมจะมีโอกาสอีกสักครั้งหรือเปล่าครับ
ผมขอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 15:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

ขอให้คุณทำได้อย่างที่ตั้งใจ
ขอให้ภรรยาของคุณเห็นใจและให้โอกาสคุณอีกครั้ง
ในการที่จะทำให้ครอบครัวของคุณเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์
ให้คุณได้ใช้โอกาสนี้เป็นสามีที่ดี
และเป็นพ่อที่ดีให้กับลูก...
ขอให้คุณได้มีโอกาสใช้ชีวิตนี้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับครอบครัว...
ขอให้ครอบครัวคุณ...มีความผาสุข ร่มเย็น...

แต่คุณต้องตั้งมั่น ตั้งใจ อดทน
และพยายามปรับทัศนะ...นะ...

พยายามนึกถึงลูกค่ะ....เด็กต้องการความรักความเอาใจใส่จากพ่อ-แม่เสมอ
พยายามนึกถึงดวงตาแป๋วแหวว๋ของเขา...
ผู้ใหญ่จำนวนมาก....ที่ชีวิตในวัยรุ่น/วัยผู้ใหญ่ต้องเสียศูนย์
เพราะความเสียสมดุลแห่งความเป็นครอบครัว...

ขอให้ลูกคนได้มีโอกาสเติบโตด้วยมือของคุณและภรรยาของคุณ

ความจริงใจ และความตั้งใจจริง
จะทำให้คุณเอาชนะอุปสรรค์ทั้งปวงไปได้...

ขอให้กำลังใจค่ะ...

:b8:


แก้ไขล่าสุดโดย เอรากอน เมื่อ 03 ต.ค. 2010, 15:29, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 15:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้คุณรู้แล้ว เห้นแล้ว ซึ่งความชั่วในตนเอง
เกิดความรู้สึกรังเกียจ ละอาย ในความชั่วที่ได้ทำลงไปเหล่านั้น
นับว่าคุณได้เริ่มต้นได้ถูกแล้ว

คนชอบคิดว่าการเป้นคนดีนั้น
คือการหาแต่ความดี ทำแต่ความดีมาใส่ตน
ไม่รู้ว่า มีหน้าที่ต้องละความชั่วในตัวตนด้วย

สมดังที่พระพุทธเจ้าท่านประกาศหัวใจพระศาสนาว่า
"สพฺพปาปสฺส อกรณํ กุสลสฺสูปสมฺปทา สจิตฺตปริโยทปนํ เอตํ พุทฺธานสาสนํ"
แปลว่า
" การไม่ทำความชั่วทั้งปวง
การทำความดีให้เพียบพร้อม
การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส
นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย "

สรุปความได้ว่า
1. ต้องละเว้นความชั่ว
2. ต้องทำความดี
3. ต้องชำระจิตใจของตน

ต้องทำทั้ง 3 อย่าง ไม่ใช่อย่างหนึ่งอย่างใด


คนเราจะละความชั่วได้ ต้องเห็นความชั่วเสียก่อน
อย่างเช่นคุณตอนนี้ รู้ได้แล้วว่าตนมีความชั่ว
รู้ว่าความชั่วเหล่านั้นเป็นโทษ เป็นภัย มีผลเป้นความทุกข์ร้อน
จึงเกิดความละอาย เกิดความหวั่นเกรงทุกข์ร้อนเหล่านั้น
ต่อไปนี้ก็ให้เลิกสิ่งเหล่านั้น

นิสัยคนเราสั่งสมมาเป้นสิบๆปี จะให้เปลี่ยนในวันนี้วันพรุ่ง มันเป็นไปไม่ได้
ต้องค่อยๆกระเทาะนิสัยไม่ดีของตนทีละน้อยตามกำลัง

แรกๆต้องหัดกระเทาะความชั่วที่มีกำลังน้อยเสียก่อน
เมื่อเอาชนะได้แล้ว จะได้มีกำลังใจขยับเลื่อนลำดับ
ขึ้นไปต่อกรกับความชั่วที่มีกำลังมากขึ้น

ถ้าคนไม่เห็นความชั่วของตน ก็ไม่รู้ว่าจะต้องละ
ทั้งวันทั้งคืนคิดว่าเราถูก เราแน่ เราดี
กลายเป้นคนประเภททำแต่ความดี แต่ไม่แก้นิสัยชั่วของตน ก้ย่อมไม่เป้นการชำระจิตใจของตนแต่อย่างใด ตรงกันข้าม กลายเป้นคนดีที่มากด้วยความชั่วไม่แพ้กัน

เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาอย่างเราจะปราศจากความชั่ว
มันต้องมี เพียงแต่เราเห้นผิดว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ความชั่ว


เราจะแก้ปัญหา เราต้องเห้นปัญหาก่อน เข้าใจปัญหาก่อน จึงจะแก้ปัญหาได้
ถ้าเราไม่เห้นปัญหา เราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร
คนเราจะละความชั่ว ต้องเห็นความชั่วเสียก่อน จึงจะรู้ว่าต้องละอะไร ฉันใด ฉันนั้น
หมั่นจับผิดจับชั่วตนเองให้มาก

ปล. อย่าคิดมาก อย่าโหยหาอดีตมาก มันจะทุกข์ใจ
ให้อยู่กับปัจจุบัน ยอมรับสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ที่"เคยมี" หรือ"อยากมี"
มีอยู่แค่นี้ ตัวคนเดียวแค่นี้ ก็ยอมรับสภาพปัจจุบันนี้

วันหน้าส่วนวันหน้า ถ้าดีขึ้นก็กำไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จนวันหนึ่งทำเรื่องร้าย จนเขาให้อภัยไม่ได้ :b14:

เรื่องเมียน้อยหรือเปล่าครับ เห็นมีอยู่เรื่องเดียวที่ผู้หญิงไม่ค่อยทนกัน เรื่องอื่นทนได้หมด แต่เมียน้อยทนไม่ได้ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 19:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มี.ค. 2010, 21:44
โพสต์: 942

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีคะคุณสำนึกแล้ว
อ่านเรื่องของคุณทำให้สะท้อนถึงเรื่องในครอบครัวเรา
ดีนะคะที่คุณยังคิดได้และรู้ตัวว่าต้องไปพบจิตแพทย์แต่สามี
เราไม่มีโอกาสได้บำบัดเลย รู้ก็มาสติแตกและหลุดโลกไปเสียก่อน
ขอให้คุณสำนึกแล้ว สำนึกได้จริงๆ และมั่นเข้าหาธรรมะโดยปราศจาก
สิ่งไม่ดีใดๆทั้งสิ้น ก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้นเหมือนสามีของเรานะคะ
เป็นกำลังใจให้เรื่องทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องที่ดีนะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 22:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ตอนนี้ก็รู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง และกำลังแก้ไข
ปรับปรุงอยู่....ทำต่อไปเรื่อยๆนะค่ะ....ความดีไม่เคยให้โทษใคร
มีแต่ให้คุณ....ไม่มีอะไรที่จะชนะความพยายาม และความตั้งใจจริงได้
เป็นกำลังใจให้ค่ะ :b4: :b4:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 14:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 พ.ค. 2010, 20:05
โพสต์: 109

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทำผิดแล้วเมื่อมีสติ แล้วรู้ว่าเราผิด ถือว่า ทำุถูกต้องแล้วครับ

ส่วนเขาจะให้อภัยหรือไม่นั้น คงเป็นอีกเรื่อง ที่ไม่สามารถควบคุมได้

แต่สิ่งหนึ่งคือ เมื่อเราคิดได้ เราก็ต้องให้อภัยตนเองเช่นกัน เพราะมิฉะนั้นแล้วจุดๆนี้ถ้ามันยังฝังในความคิดเรา จะยิ่งทำให้เราจมกับอดีต ที่ดิ้นไม่หลุด

มองไปข้างหน้า เดินต่อ สะสมบุญและความดี เพื่อชีวิตในภาคหน้าที่ดี และใช้ชีวิตแบบมีสติ โดยที่ไม่ทำร้ายจิตใจคนอื่นอีก รวมถึงจิตใจตนเองด้วย

พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง มีแต่วันนี้ และ เวลานี้ ... สู้ ๆ ครับ กับแบบทดสอบที่ได้มา

ผมลืมบอกไปอีกอย่างครับว่าที่คุณไปรักษาเพื่อให้ได้ยามา ช่วงเวลาที่ได้พบคุณหมอนั้นมันน้อยมาก ไม่ได้คุย ได้ระบาย วัตถุประสงค์เพียงแค่ไปรับยา ...ถ้าคุณไม่ไหวจริง ๆ ขอพบจิตแพทย์ได้นะครับ เพราะจะได้รักษาได้รวดเร็วขึ้น ได้ระบายมากขึ้น และคุณหมอเหล่านี้จะมีเวลารับฟังมาก ช่วยหาต้นตอของปัญหาทางจิตของคุณ แนะนำทางออก ...สิ่งที่สำคัญคือคุณได้ปลดปล่อยเต็มที่ ... ถ้าไม่ไหวจริงๆ อย่าลืมบอกทาง รพ.นะครับ .....


แก้ไขล่าสุดโดย Noflife เมื่อ 04 ต.ค. 2010, 17:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.ย. 2010, 16:51
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอเป็นกำลังใจให้อีกคนค่ะ
ไม่ว่าจะจริงหรือไม่จริง (ในอนาคต) ก็ขอเป็นกำลังใจ ขอให้คุณทานยาไปเรื่อยๆ เพราะยาจะต้องไปล้างสารที่ตกตะกอนตรงท้ายทอยน่ะค่ะ ..เปิ้ลเคยเป็นทานยา 2 ปี หมอจึงสั่งหยุด หรือคุณจะออกกำลังกายให้เหงื่อออกมากๆ ก็จะช่วยให้สารจะละลายเร็วขึ้น ทานยาน้อยลง ...ระยะเวลาซึมเศร้าคุณน้อยอาจทานไม่ถึง1ปี แต่ของเปิ้ลระยะเวลาเกิน5 ปีสำหรับความทุกข์ทรมาน เมื่อรู้สึกตัวและตั้งสติได้จึงหยุดยา
เป็นเรื่องของกรรมที่ติดตามมา ถ้าคุณเชื่อเรื่องเวรกรรม คุณสามารถพบทางสว่างได้
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่รู้จักกัน(ลูกน้องที่ทำงาน) หรือแม้แต่สามีของเปิ้ลเอง เขาจะคร่ำครวญ แต่ไม่เกิน2ปี เหมือนเดิมค่ะ
แต่สำหรับคุณคงจะทุกข์ทรมานมากถึงได้เป็นอย่างนี้ เข้าใจสำหรับความรู้สึกที่คุณเป็นค่ะ
เริ่มจาก ทาน ศีล ภาวนา แล้วคุณจะดีขึ้นค่ะ
******************************************************
ไม่ว่าจะเริ่มต้นใหม่ หรือต่อจากจุดเก่า เขาก็ไม่เปลี่ยน ยังคงผิดซ้ำซากเหมือนเดิม
------ :b26:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ส.ค. 2010, 08:37
โพสต์: 189

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุด้วยนะคะ
ดีใจที่มีผู้ชายที่ทำความผิดแล้วกลับใจได้
เราอยากให้สามีของเรา
คิดเหมือนคุณตอนนี้บ้างจัง

แต่....เขาคนนั้นยังหลงมัวเมาในกามสุข
จนลืมความสุขที่แท้จริงของชีวิตค่ะ

เราไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
สามีของเราถึงจะคิดได้เช่นคุณ
หรือต้องรอจนกว่า.....ให้เขาเป็นอย่างคุณตอนนี้

:b4: :b4: นะคะ ความดีเท่านั้น
ที่จะชนะสิ่งใดๆทั้งปวง

.....................................................
.....................................................................................................................................

อัสฺสามิกตา ปรมา ลาภา
ความไม่มีสามีเป็นลาภอันประเสริฐ
สามิกตา ปรมา ทุกฺขา
การมีสามีเป็นทุกข์อย่างยิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: ตั้งสติครับ อะไรก็ช่วยไม่ไดมากเท่ากับตั้งสติไว้ก่อน ยามใดที่เรามีปัญหา คนส่วนใหญ่จะรีบแก้เกินไป ตลอดชีวิตผมเคยมีปัญหาหนักมาไม่น้อยเลย ที่สำคัญที่อยากแนะนำคือตั้งสติไว้ก่อน คนที่รีบแก้ปัญหาทั้งที่ยังตั้งสติไม่ได้มันมักเป็นการซ้ำเติมตนเอง ยกตัวอย่างไปกินเหล้าดับทุกข์พาลเสียคนเสียงานเสียการไปเลย ไปหาเพื่อนทุกข์เพื่อนปลอบใจบานปลายกลายเป็นมีผู้หญิงที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นมาอีกคน นิ่งๆสักพักรอให้หมอกมันจางลง โทสะ และทิฐิมันเบาบางลง เราก็จะพอเห็นทาง คิดไว้ว่า แม้เราไม่ได้พบไม่ได้อยู่ด้วย แต่คุณยังโชคดีที่ภรรยาและลูกๆเรายังอยู๋ และยังมองเห็นเขา หลายคนที่เขาแย่กว่าคือเขาจากไปแล้วไม่กลับมา(กลับไม่ได้คงเข้าใจ)โดยธรรมชาติของปัญหามันมี 3 ลักษณะ คือ
.....1. ปัญหาที่แก้ได้ด้วยสติปัญญา หรือไม่ต้องแก้มันก็ค่อยจางคลายตัวไปตามกาลเวลา ขนาดของปัญหาเมื่อเริ่มเกิดมันใหญ่เท่าขุนเขาแทบทั้งนั้น แต่ปัญหาประเภทแรกนี้แก้ด้วยปัญญาหรือเวลาแล้วมันลดขนาดลงจนตาและใจก็ยังมองแทบไม่เห็น ปัญหาแรกนี้เรียกว่าเป็นปัญหาที่แก้ง่ายที่สุด แต่เชื่อไหมมันกลับเป็นสาเหตให้คนฆ่าตัวตายมากที่สุด เช่นอกหัก เอ็นท์ไม่ติด ไอ้พวกนี้ตอนเกิดใหม่เป็นไง อยากตายกันทั้งนั้น แต่เวลาผ่านไปปี-สองปี หวลกลับมาคิดแล้วอาจนั่งขำตัวเองด้วยซ้ำไป ขอโทษ ไอ้บ้านี่ หรืออี่บ้านี่หรือที่มันเคยทำให้เราแทบฆ่าตัวตาย เวลาเปลี่ยนไปมาถึงวันนี้ ให้มันกลับมาเป็นแฟนเราใหม่แถมตังส์ด้วยยังไม่เอา
......2.ปัญหาที่สองนี้หนักขึ้นมาหน่อย คือแก้แล้วมันแก้ได้ไม่จบ ทำให้มันหายไปด้วยปัญญาและเวลาก็ไม่ได้ มันได้แค่ควบคุม ไม่ให้ขนาดมันโตขึ้นได้เท่านั้น และก็ต้องปรับตัวที่จะอยู่กับมันให้ได้และอย่างมีความสุข หรือไม่ทุกข์ไปกับมัน เช่น เกิดมาเป็นโปลิโอ เป็นโรคภูมิแพ้ หืดหอบ หรือแม้กระทั่งคนที่มองว่าเพศที่3 เป็นปัญหา
......3.ส่วนปัญหาประเภทที่3นี่หนักสุด เป็นปัญหาที่แก้ยังไงก็แก้ไม่ตก มันยังโตขึ้นเรื่อย เช่นเงินเดือนแค่ 3 หมื่นดันไปพลาดพลั้งก่อหนี้ถึง 10 ล้านเฉพาะเงินเดือนผ่อนแค่ดอกเบี้ยก็ยังไม่พอ พลาดพลั้งเป็นโรคเอดส์ โชคร้ายเป็นมะเร็ง อันนี้ต่างหากที่หนักหนาสาหัส ...ต่อหน้าถัดไป/เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: คนที่สติแตก เอาธรรมมะไปยัดเข้าไป มันยัดไม่เข้าหรอกครับ มันก็จับๆคลำๆ ไปงั้นเอง นิ่งๆรอสติมา เขาไม่หนีไปไหนหรอก ภรรยายังต้องการสามี ลูกยิ่งต้องการพ่อ ขอแต่เพียงตั้งใจจริง อย่าเพียงแต่พูด ไม่จำเป็นถึงขนาดเปลี่ยนจากสัตว์เลื้อยคลานจนกลายเป็นหงส์หรอก ขอให้ปรับตัว เป็นคนที่ดีขึ้น จนเขาพอรับและให้อภัยได้ก่อน พูดครั้งเดียว หรือพูดให้น้อย แสดงออกถึงความตั้งใจจริงให้มาก ตอนนี่ สองฝ่ายต่างก็ขาดบางอย่างอยู่ คุณพึ่งรู้สึกตัวว่าคุณสูญเสียสิ่งมี่ค่าสองสิ่งในชิวิตไป(แต่ความจริงผมมั่นใจว่าคุณยังไม่เสีย มันยังเป็นของคุณเพียงแต่เป็นช่วงเวลาที่คุณไม่มีสิทธิ์ไปจับไปลูบคลำมันได้เท่านั้นเอง) เขาเอง ก็ลูกสึกขาดสามี และขาดพ่อของลูกไป และถ้าถามว่ามันจำเป็นไหม สำหรับชิวิต ที่เรียกว่าครอบครัวที่เหลือเพียงแม่กับลูก ไม่ต้องถามผมถามทุกคน แม้กระทั่งจิตแพทย์และนักสังคมสงเคราะห์เขาก็ตอบเหมือนกัน ภรรยาคุณเขาคิดเป็น เพียงแต่ให้คุณเป็นคนจริง ผิดแล้วแก้ไข-เจ็บแล้วจำ
คนเรามันก็เป็นแบบนี้ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เพียงแต่เราเกิดเป็นผู้ชาย เราต้องใช้ประโยชน์ในความเป็นลูกผู้ชายให้มาก เช่นความรับผิดชอบ และความอดทนเสียสละ ยิ่งโดยเฉพาะกับครอบครัว ลูกเมีย ที่ผ่านมาถือว่าเราผิดพลาดใช้ความเป็นลูกผู้ชายไปด้านลบ ยังไม่สาย ตั้งใจ ตั้งสติ ถ้ากลับมาเหมือนเดิมเมื่อไร อย่าลืมชดเชยสิ่งดีให้เขาบ้าง ขอให่คุณและเธอพร้อมลูกจงโชคดีในเร็ววัน..../เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 08:48
โพสต์: 97

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณหลายๆท่านนะครับที่เข้ามาอ่านและให้กำลังใจ ทั้งคุณเอรากอน คุณชาติสยาม คุณกรัชกาย คุณTaktay


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 13:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


วันนี้รู้สึกดีกว่าเมื่อวานไหมค่ะ?
แวะมาเยี่ยมค่ะ..... :b1:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 08:48
โพสต์: 97

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Noflife เขียน:
ทำผิดแล้วเมื่อมีสติ แล้วรู้ว่าเราผิด ถือว่า ทำุถูกต้องแล้วครับ

ส่วนเขาจะให้อภัยหรือไม่นั้น คงเป็นอีกเรื่อง ที่ไม่สามารถควบคุมได้

แต่สิ่งหนึ่งคือ เมื่อเราคิดได้ เราก็ต้องให้อภัยตนเองเช่นกัน เพราะมิฉะนั้นแล้วจุดๆนี้ถ้ามันยังฝังในความคิดเรา จะยิ่งทำให้เราจมกับอดีต ที่ดิ้นไม่หลุด

มองไปข้างหน้า เดินต่อ สะสมบุญและความดี เพื่อชีวิตในภาคหน้าที่ดี และใช้ชีวิตแบบมีสติ โดยที่ไม่ทำร้ายจิตใจคนอื่นอีก รวมถึงจิตใจตนเองด้วย

พรุ่งนี้ยังมาไม่ถึง มีแต่วันนี้ และ เวลานี้ ... สู้ ๆ ครับ กับแบบทดสอบที่ได้มา

ผมลืมบอกไปอีกอย่างครับว่าที่คุณไปรักษาเพื่อให้ได้ยามา ช่วงเวลาที่ได้พบคุณหมอนั้นมันน้อยมาก ไม่ได้คุย ได้ระบาย วัตถุประสงค์เพียงแค่ไปรับยา ...ถ้าคุณไม่ไหวจริง ๆ ขอพบจิตแพทย์ได้นะครับ เพราะจะได้รักษาได้รวดเร็วขึ้น ได้ระบายมากขึ้น และคุณหมอเหล่านี้จะมีเวลารับฟังมาก ช่วยหาต้นตอของปัญหาทางจิตของคุณ แนะนำทางออก ...สิ่งที่สำคัญคือคุณได้ปลดปล่อยเต็มที่ ... ถ้าไม่ไหวจริงๆ อย่าลืมบอกทาง รพ.นะครับ .....


จริงแล้วผมก็พบกับจิตแพทย์มาได้ 5-6 เดือนแล้วครับ ก่อนหน้านั้นก็เคยพบเรื่องรักษาอารมณ์ฉุนเฉียว โมโหร้าย (ผมไม่เคยทำร้ายร่างกายภรรยานะครับ แต่จะเกรี้ยวกราด และทำให้เขาทุกข์ใจบ่อยมาก) ซึ่งตอนที่รักษา ภรรยาผมเขาก็บอกว่ารู้สึกว่าชีวิตสงบสุขขึ้น ผมเคยถามเขาว่ารู้สึกผิดหวังที่แต่งงานกับผมหรือเปล่า เขาเคยบอกว่าบวกลบคูณหารแล้วเขามีความสุขมากกว่า แต่ตอนหลังผมเลิกรักษา ปัญหาก็กลับมาอีก และทีนี้เขาเริ่มทนไม่ได้ เขาเริ่มไม่ง้อ และทำตัวเหินห่างกับผม
แทนที่ผมจะสำนึก ผมกลับทำให้เรื่องเลวร้ายกว่าเดิมโดยการไปเที่ยวประชด จนในที่สุดก็ไปติดผู้หญิงขายบริการ พอภรรยาผมรู้เขาขอให้เลิก ผมกลับเห็นแก่ตัวและต้องการประชดเลยบอกว่าเลิกไม่ได้(แม้ว่าหลังจากนั้นไม่ถึงชั่วโมงผมบอกว่ายอมเลิกแต่มันก็สายไปแล้ว)
มันเหมือนว่าความอดทนทั้งที่ผ่านมาและเรื่องล่าสุดทำให้ภรรยาผมไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เธอจึงให้ผมออกจากบ้าน
ผ่านไป 3 เดือนผมร้องไห้เหมือนคนบ้า ขาดสติ โทรหาคนช่วย และที่แย่คือผมไปร้องไห้กับลูกสาว ซึ่งตอนนั้นแกแค่ 6 ขวบ จนภรรยาผมทนไม่ไหวอีกครั้ง เลยขอหย่าอย่างเป็นทางการ
หลังจากหย่าแล้วชีวิตผมเหมือนไม่เหลืออะไร อยากตาย จึงตัดสินใจไปพบจิตแพทย์มา 5-6 เดือนอย่างที่เล่าตอนต้น
ทุกวันนี้ยังกินยาอยู่ มันก็ช่วยผมได้นะครับ เดี๋ยวนี้ผมร้องไห้น้อยลง ยกเว้นบางวันที่คิดถึงเขา คิดถึงลูกมากๆก็ร้องไห้คนเดียวครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 13:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 พ.ค. 2010, 08:48
โพสต์: 97

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสงอาทิตย์ เขียน:
สวัสดีคะคุณสำนึกแล้ว
อ่านเรื่องของคุณทำให้สะท้อนถึงเรื่องในครอบครัวเรา
ดีนะคะที่คุณยังคิดได้และรู้ตัวว่าต้องไปพบจิตแพทย์แต่สามี
เราไม่มีโอกาสได้บำบัดเลย รู้ก็มาสติแตกและหลุดโลกไปเสียก่อน
ขอให้คุณสำนึกแล้ว สำนึกได้จริงๆ และมั่นเข้าหาธรรมะโดยปราศจาก
สิ่งไม่ดีใดๆทั้งสิ้น ก่อนที่จะไม่มีโอกาสนั้นเหมือนสามีของเรานะคะ
เป็นกำลังใจให้เรื่องทุกอย่างกลับกลายเป็นเรื่องที่ดีนะคะ


สวัสดีคุณแสงอาทิตย์ครับ
ผมพออ่านเรื่องของคุณแสงอาทิตย์บ้างแต่มันยาวมากเลยยังจับต้นชนปลายไม่ได้ แต่ก็ขอให้คุณแสงอาทิตย์สมหวังทุกอย่างกลับไปดีเหมือนเดิมนะครับ
ที่จริงผมอยากรู้เหมือนกันว่า คนที่เป็นผู้หญิงแล้วต้องผ่านเรื่องแย่ๆอย่างนี้มาจะเป็นอย่างไรบ้าง ผมสงสารภรรยาผมมากที่ชีวิตเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะความเขลาและเห็นแก่ตัวของผม
ทุกวันนี้เขาบอกทุกคนว่าเขาไม่ต้องการผมอีกแล้ว เขาตัดผมได้แล้ว ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย ผมยังมีความหวังเลือนลานอยู่ตรงคำพูดที่ว่า คนที่คบกันมาอยู่ด้วยกันมาเกือบ 20 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน ยังไงมันก็ต้องเหลือเยื่อใยกันบ้าง
ผมยังหวังว่าเมื่อผมกลับเนื้อกลับตัว อยากจะเป็นคนดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้แล้ว วันนั้นเขาอาจจะให้โอกาสผมอีกสักครั้ง
ยังไงเมื่อผมอ่านเรื่องของคุณแสงอาทิตย์จบแล้วผมจะขอรบกวนเขียนหาคุณแสงอาทิตย์อีกนะครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 162 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 19 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron