วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 23:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


“อภิธรรม (สันสกฤต: abhidharma) หรืออภิธัมมะ (บาลี: abhidhamma) เป็นชื่อปิฎกศาสนาพุทธฉบับหนึ่งในปิฎกทั้งสามฉบับที่รวมเรียก "พระไตรปิฎก" อภิธรรมแปลว่าธรรมอันยิ่ง ปิฎกฉบับอภิธรรมนั้นเรียก "พระอภิธรรมปิฎก" ซึ่งว่าด้วยประมวลหลักธรรมและคำอธิบายที่เป็นหลักวิชาล้วนๆ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และบุคคลเลย”



กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ธ.ค. 2010, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2010, 08:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัยว่า สุญญตา มีความหมายเดียวกัย อนัตตา หรือเปล่าคะ? :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 06:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Joyly เขียน:
สงสัยว่า สุญญตา มีความหมายเดียวกัย อนัตตา หรือเปล่าคะ? :b8:

ถ้าพูดในทางปฏิบัติมันเป็นคนละความหมายครับ
อนัตตาเป็นเพียงส่วนประกอบของ สุญญตาเท่านั้น

ความหมายของอนัตตานั้นหมายถึง ไม่ใช่ตัวตน บังคับไม่ได้
มีคนส่วนใหญ่เข้าใจไปว่า อนัตตาคือ ความไม่มีตัวตน มันเป็นการเข้าใจผิดครับ

อันที่จริงตัวตนมันมีแต่เราไปบังคับให้มันเป็นอย่างที่เราต้องการตลอดไปไม่ได้ เราจึงเรียกว่า ไม่ใช่ตัวตน
มันเป็นส่วนหนึ่งของโลกของธรรมชาติ อนัตตาเป็นหนึ่งในสามสิ่งที่เรียกว่าไตรลักษณ์
และการที่เรารู้ถึงกฎแห่งไตรลักษณ์ก็เพราะเราไปเห็นและเข้าใจถึง การเกิด ตั้งอยู่และดับไปของธรรมครับ
ที่สำคัญการเห็นความเข้าใจเราต้องเห็นพร้อมกันทั้งหมด จึงจะเกิด สุญญตาได้ครับ

ส่วนสุญญตานั้นเกิดจาก การที่เราเข้าใจและเห็นในกฎแห่งไตรลักษณ์คือ เห็นความไม่เที่ยง
เห็นทุกข์ และเห็นอนัตตา เมื่อเห็นได้บ่อยๆเข้า ความเป็นสุญญตาก็จะเกิดขึ้นที่ใจ
ความหมายของสุญญตาคือ ความว่างจาก สวาวะขันธ์ห้า กิเลสทั้งปวง
เห็นทุกอย่างเป็นขบวนการแห่งธรรมชาติล้วนๆ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา

พอจะสรุปง่ายๆให้ฟังครับว่า ถ้าถามว่า สุญญตามีความหมายเหมือนอนัตตาหรือไม่ ต้องตอบว่าไม่
แต่ทั้งสองเป็นพวกเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ถ้าเปรียบสุญญตาเป็นสะพาน อนัตตาก็เหมือนตอมอสะพาน
ท่อนหนึ่งเท่านั้น คือเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ สะพานหรือสุญญตาคงสภาพอยู่ได้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 08:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 2010, 06:57
โพสต์: 50


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านคำถามแล้ว แสดงว่าคนถามมีความรู้พอสมควร ไม่งั้นจะถามคำถามแบบนี้ไม่ได้
เข้ามาอ่านเก็บเกี่ยวความรู้ครับ ขอโมทนา กับคุณตะเกียงแก้วและคุณโฮฮับที่ให้ความรู้ครับ
สาธุ :b4: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Joyly เขียน:
สงสัยว่า สุญญตา มีความหมายเดียวกัย อนัตตา หรือเปล่าคะ? :b8:

ขออธิบายสั้นๆ นะครับ เพราะรู้ไม่เยอะ อธิบายยาวไม่ได้..ขอท้าวความสักนิด

อัตตา คือ สิ่งที่มีอยู่ แล้วเข้าไปยึด เข้าไปถือว่า เป็นเรา เป็นของเรา เช่น รูปกาย บ้านเรือน ไร่นา แม้แต่รูปกายคนอื่น ก็ถือว่าเป็นตัวเรา เป็นบ้านเรา แฟนเรา เมียเรา ผัวเรา เมื่อมีเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ ก็เกิดความทุกข์ เกิดความโศกเศร้าขึ้น เป็นต้น ฯลฯ

อนัตตา คือ สิ่งที่มีอยู่ แต่ไม่ไปยึดเอา ไม่ไปถือเอา เช่น ตัวเรา บ้านเรา สักแต่ว่าอาศัยอยู่ เพื่อสร้างความดี สร้างบุญกุศล มันจะป่วยไข้จะตายก็ห้ามไม่ได้ ตายแล้วก็เอาไปด้วยไม่ได้ หาสาระอะไรไม่ได้ จะเอาเป็นแก่นสารก็ไมได้ อยู่ร่วมกันไปแบบรู้ทัน ไม่ตกใจไม่ตีโพยตีพายเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น

ถ้าเข้าใจดังนี้ อัตตาหรืออนัตตา จะแปลว่า เป็นเราเป็นของเรา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน หรืออย่างอื่นก็ไม่เป็นปัญหา..

สุญญตา คือ สิ่งที่ว่างเปล่า ความไม่มี หมายเอาจิตที่ว่างจากกิเลส ไม่มีกิเลส ไม่มีบาปอกุศล ไม่มีทุกข์ที่เกิดจากกิเลส ฯลฯ

สุญญตากับอนัตตา จะมีความหมายเหมือนกันหรือไม่ ก็ให้แต่ละท่านพิจารณาเอาเอง
เป็นความเข้าใจส่วนตัว มีผิดถูก..ขอรับ :b11: :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 20:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


คนเรา หรือสัตว์ ทุกหมู่ทุกเหล่า ทุกภพ ที่แท้แล้วมิได้มีตัวตนอยู่อย่างแท้จริงแต่ประการใด
ก็เพราะคำว่า อนัตตา
สิ่งที่่เกิดดับ เกิดดับ ด้วยความรวดเร็ว
สิ่งที่เกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่ว่าหาที่ไหนก็ไม่พบอีกแล้ว
นี่คือส่วนประกอบที่เรียกว่า คน สัตว์ สิ่งของ
มีอยู่จริงเพียงแค่ไม่ถึงเศษเสี้ยวของวินาที แล้วดับไปอีก
จิต เจตสิก เกิดดับ รวดเร็วปานนั้น ถ้าพระพุทธเจ้าไม่บอก ก็ไม่มีใครทราบ
รูป เกิดดับ ด้วยความเร็วเกือบจะพอๆ กับจิต ถ้าพระผู้มีพระภาค ไม่บอกไว้ ใครจะไปทราบ
ความเร็วที่เกินประมาณนั้น เครื่องมือวิทยาศาสตร์ ยังไม่ตรวจสอบได้
แม้นับถือพระพุทธศาสนา
แต่ยังมีคน อีกมากมาย ไม่ได้เชื่อว่า จิต เจตสิก รูป เกิดดับด้วยความรวดเร็วปานนั้นจริงๆ
เพราะดูไม่ทัน วิทยาศาสตร์พิสูจน์ยังไม่ได้
ขันธ์(จิต เจตสิก รูป) ดับไปแล้ว ไม่หลงเหลืออะไรเลย
แต่ทำไมยังมีขันธ์เกิดขึ้นใหม่สืบต่อทันที นี่เพราะอะไร เพราะเหตุปัจจัย
ซึ่งทั้งขันธ์ ทั้งเหตุปัจจัย ล้วนเป็นอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน ไร้การบังคับบัญชาจากใครผู้ใดทั้งสิ้น)
โลกมิได้ว่างเปล่า
หากแต่ว่างเปล่าจากตัวตน .................เท่านั้น

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ธ.ค. 2010, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ม.ค. 2010, 11:43
โพสต์: 523

แนวปฏิบัติ: ดูปัจจุบันอารมณ์ เจริญมรรค ๘
งานอดิเรก: ปฏิบัติธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประทีปแห่งเอเซีย
ชื่อเล่น: อโศกะ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b27: :b12: :b4: tongue
อนัตตากับสุญญตา ต้องสาธุโมทนากับคำตอบของคุณโฮฮับเป็นอย่างยิ่งครับ

เอาให้สั้นลงอีกนิดหนึ่งว่า

อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน เป็นความจริงของสภาวธรรมทั้งหมดทั้งปวง


สุญญตา หมดสิ้นความเห็นผิดว่าเป็นตัวตน เป็นสภาวธรรมของผู้ที่ปล่อยวางความเห็นผิดว่าเป็นอัตตาตัวตนลงไปได้แล้วสิ้นเชิง คือหมดสิ้นทั้งสักกายทิฐิและมานะทิฐิ อันได้แก่อรหันตบุคคล

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ธ.ค. 2010, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 มิ.ย. 2010, 08:34
โพสต์: 47

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านคะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2011, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2011, 16:58
โพสต์: 144

งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: มุก
อายุ: 29
ที่อยู่: จ.ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2011, 20:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2011, 02:08
โพสต์: 45

อายุ: 0
ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว www


คล้ายๆกัน แต่ไม่ต่างกันเท่าไหร่

.....................................................
อย่าหลงเหยื่อ เชื่ออยาก จะยากจิต อย่าหลงติดรสเหยื่อ เชื่อตัณหา อย่าหลงนอน หลงกินสิ้นเวลา อย่าหลงว่า ชีวิตเราจะยาวนาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ย. 2011, 21:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


อย่าหาว่าผมแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเลยนะครับ ผมอยากทราบว่าทางฝ่ายเถรวาทเราได้สอนเรื่องสุญญตาหรือไม่ เพราะโดยทั่วไปผมมักเห็นพวกเซน มหายาทเขาเน้นสอนเรื่องนี้กันมาก(ผมก็ศึกษาทั้งสองแนวทางนั่นแหละ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2011, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


วางมหายาน วางเถรวาทก่อนครับ ขอให้พิจารณาตามพระพุทธวจนะนี้

อีกประการหนึ่ง ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจักไม่อบรมกายไม่อบรมศีลไม่อบรมจิต
ไม่อบรมปัญญา เมื่อไม่อบรมกาย ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา


พระสูตรต่างๆ ที่ตถาคตได้ภาษิตไว้ เป็นสูตรลึกซึ้ง มีอรรถลึกซึ้งเป็นโลกุตระ ประกอบด้วยสุญญตาธรรม

เมื่อพระสูตรเหล่านั้นอันบุคคลแสดงอยู่ก็จักไม่ฟังด้วยดี จักไม่เงี่ยโสตลงสดับ จักไม่ตั้งจิต
เพื่อรู้ จักไม่ใฝ่ใจในธรรมเหล่านั้นว่าควรศึกษาเล่าเรียน

แต่ว่าสูตรต่างๆ ที่นักกวีแต่งไว้ ประพันธ์เป็นบทกวี มีอักษรสละสลวย มีพยัญชนะสละสลวย เป็นพาหิรกถา เป็นสาวกภาษิต

เมื่อพระสูตรเหล่านั้น อันบุคคลแสดงอยู่ ก็จักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับจักตั้งจิตเพื่อรู้
จักฝักใฝ่ใจในธรรมเหล่านั้นว่าควรศึกษาเล่าเรียน เพราะเหตุดังนี้แล การลบล้างวินัยย่อมมี
เพราะการลบล้างธรรม การลบล้างธรรมย่อมมีเพราะการลบล้างวินัย
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภัยใน
อนาคตข้อที่ ๔ นี้ ซึ่งยังไม่บังเกิดในบัดนี้แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป ภัยข้อนี้อันเธอทั้งหลาย
พึงรู้ไว้เฉพาะ ครั้นแล้ว พึงพยายามเพื่อละภัยนั้น ฯ


พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ย. 2011, 14:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พระสูตรที่ว่าด้วยเรื่องสุญญตาจึงเป็นพระสูตรที่ควรศึกษาให้มาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ย. 2011, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


( เย เต สุตฺตนฺตา ตถาคตภาสิตา )
สุตตันตะเหล่าใด ที่เป็นคำของตถาคต

( คมฺภีรา คมฺภีรตฺถา )
เป็นข้อความลึก มีความหมายซึ้ง

( โลกุตฺตรา สุญญตปฏิสญญตฺตา )
เป็นชั้นโลกุตตระ ว่าเฉพาะด้วยเรื่องสุญญตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2011, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ยุคนัทธวรรค สุญกถา

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 514&Z=9682

สุญญสูตร

http://www.dhammahome.com/front/webboar ... p?id=12393

จูฬสุญญตสูตร

http://www.watpanonvivek.com/index.php? ... 8-02-00-13


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2011, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 20:18
โพสต์: 90


 ข้อมูลส่วนตัว


คล้ายๆกันครับ แต่ต่างกันที่สถานะและสถานที่ เหมือนคนสองคน อีกคนหนึ่งเรียนอยู่ชั้นม.6ส่วนอีกคนเรียนอยู่ปี4แต่ถึงอย่างไรทั้งสองก็เรียนหนังเหมือนกัน อนัตตาก็เหมือนกับคนที่เรียนอยู่ชั้มม.6ส่วนสุญญตาก็เหมือนกับคนที่เรียนอยู่ปี4 :b32: :b32: :b13: :b13: :b22: :b22:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 10 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร