วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


- สถานที่ปฏิบัติธรรม
แนะนำรายชื่อสถานที่ปฏิบัติธรรมกรรมฐานทั่วประเทศ
http://www.dhammajak.net/forums/viewforum.php?f=9

- รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า
http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=30



กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

:b42: ศีล ๓๑๑ ข้อ : สำหรับภิกษุณี :b42:

ศีล ๓๑๑ ข้อ : ศีลสำหรับพระภิกษุณี มีในภิกขุนีปาฏิโมกข์, เป็นวินัยของภิกษุณีสงฆ์
ทำผิดถือว่าเป็นอาบัติ สามารถแบ่งออกได้เป็นลำดับขั้น ตั้งแต่ขั้นรุนแรงจนกระทั่งเบาที่สุด ดังนี้


๑. ปาราชิก ............................. ๘ ข้อ

๒. สังฆาทิเสส ....................... ๑๗ ข้อ

๓. นิสสัคคิยปาจิตตีย์ .............. ๓๐ ข้อ

๔. ปาจิตตีย์ ........................ ๑๖๖ ข้อ

๕. ปาฏิเทสนียะ ....................... ๘ ข้อ

๖. เสขิยะ ๗๕ ข้อ โดยแบ่งเป็น ๔ หมวด คือ

สารูป ........................... ๒๖ ข้อ
โภชนปฏิสังยุตต์ ............. ๓๐ ข้อ
ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต์ ...... ๑๖ ข้อ
ปกิณณกะ ....................... ๓ ข้อ

๗. อธิกรณสมถะ ...................... ๗ ข้อ


รวมทั้งหมดแล้ว ๓๑๑ ข้อ

ผิดข้อใดข้อหนึ่งถือว่าต้องอาบัติ
การแสดงอาบัติสามารถกล่าวกับพระภิกษุณีรูปอื่นเพื่อเป็นการแสดงตนต่อความผิด ได้
แต่ถ้าถึงขั้นปาราชิกก็ต้องสึกอย่างเดียว


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 15:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา ๘ :b42:
( ข้อปฏิบัติของภิกษุณี ๘ ประการ )


ครุธัมมปฏิคคหณูปสัมปทา คือ เงื่อนไขอย่างเข้มงวด ประการ
ที่ภิกษุณีจะต้องปฏิบัติตลอดชีวิต


๑. ต้องเคารพภิกษุแม้จะอ่อนพรรษากว่า

๒. ต้องไม่จำพรรษาในวัดที่ไม่มีภิกษุ

๓. ต้องทำอุโบสถและรับโอวาทจากภิกษุทุกกึ่งเดือน

๔. เมื่อออกพรรษาต้องปวารณาตนต่อภิกษุและภิกษุณีอื่นให้ตักเตือนตน

๕. เมื่อต้องอาบัติหนัก ต้องรับมานัต (รับโทษ) จากสงฆ์สองฝ่าย
คือ ทั้งฝ่ายภิกษุและภิกษุณี ๑๕ วัน

๖. ต้องบวชจากสงฆ์ทั้งสองฝ่าย หลังจากเป็น *สิกขามานา เต็มแล้วสองปี

๗. จะด่าว่าค่อนแคะภิกษุไม่ได้

๘. ห้ามสอนภิกษุเด็ดขาด


*คำว่า "สิกขามานา" แปลว่า ผู้ศึกษา
สตรีที่จะบวชเป็นภิกษุณีต้องเป็นนางสิกขามานา ก่อน ๒ ปี


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 15:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ปาราชิก มี ๘ ข้อ :b42:

๑. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวผู้ (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)

๒. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย)

๓. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน)
หรือแสวงหาศาสตราอันจะนำไปสู่ความตายแก่ร่างกายมนุษย์

๔. กล่าวอวดอุตตริมนุสสธัมม์ อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ
น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้
(ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง)

๕. นางภิกษุณีมีความกำหนัดยินดีการลูบ, การคลำ, การจับ, การต้อง, การบีบ,
ของชายผู้มีความกำหนัด เบื้องบนตั้งแต่ใต้รากขวัญ๑ลงไป เบื้องต่ำตั้งแต่เข่าขึ้นมา

๖. นางภิกษุณีรู้ว่านางภิกษุณีอื่นต้องอาบัติปาราชิก
ไม่โจทด้วยตนเอง ไม่บอกแก่หมู่คณะ ต้องอาบัติปาราชิก.

๗. นางภิกษุณีประพฤติตามภิกษุที่สงฆ์สวดประกาศยกเสียจากหมู่
เป็นผู้ไม่เอื้อเฟื้อ ไม่ทำคืน ไม่ทำตนให้เป็นสหายกับพระธรรม พระวินัย คำสอนของพระศาสดา.

นางภิกษุณีนั้น อันสงฆ์พึงตักเตือน เมื่อไม่เชื่อฟัง จึงสวดประกาศตักเตือนชี้แจง
ถ้าสวดประกาศครบ ๓ ครั้ง ยังไม่ละเลิก ต้องอาบัติปาราชิก.

๘. นางภิกษุณีที่เป็นคณะเดียวกัน ๖ รูป ประพฤติตนไม่สมควร
มียินดีการจับมือบ้าง การจับชายสังฆาฏิบ้าง ของบุรุษ ยืนกับบุรุษบ้าง
พูดจากับเขาบ้าง นัดหมายกับเขาบ้าง ยินดีการมาตามนัดหมายของเขาบ้าง
เข้าไปสู่ที่มุงด้วยกันบ้าง ทอดกายให้เขาเพื่อเสพอสัทธรรมบ้าง

พระผู้มีพระภาคทรงทราบ จึงทรงบัญญัติสิกขาบท
ปรับอาบัติปาราชิกแก่นางภิกษุณีผู้ประพฤติเช่นนั้น.

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: สังฆาทิเสส มี ๑๗ ข้อ :b42:

๑. นางภิกษุณีฟ้องความกับคฤหบดี บุตรคฤหบดี ทาส กรรมกร
หรือแม้โดยที่สุดกับสมณะนักบวช ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.

๒. นางภิกษุณีรู้อยู่ รับสตรีซึ่งเป็นโจร อันคนทั้งหลายรู้ว่ามีโทษประหาร
ให้อยู่ (ให้บวช) โดยไม่บอกเล่า พระราชา, สงฆ์, คณะ, หมู่, พวก
เว้นแต่ผู้ที่สมควร (คือบวชในลัทธิอื่นแล้ว หรือบวชในสำนักนางภิกษุณีอื่นอยู่แล้ว) ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.

๓. นางภิกษุณีแต่ลำพังผู้เดียวไปสู่ละแวกบ้านก็ตาม, ข้ามแม่น้ำก็ตาม, ค้างคืนก็ตาม,
ล้าหลังแยกจากหมู่ (ในการเดินทาง) ก็ตาม ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.

๔. นางภิกษุณีไม่บอกกล่าวสงฆ์ผู้ทำการ ไม่รู้ฉันทะ (ไม่ได้รับความยินยอม) ของคณะ
เปลื้องโทษ นางภิกษุณีที่สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันยกเสียจากหมู่
ตามธรรม ตามวินัย ตามสัตถุศาสนา ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.

๕. นางภิกษุณีมีความกำหนัด รับของเคี้ยวของฉันจากมือบุรุษผู้มีความกำหนัด
ด้วยมือของตนมาเคี้ยว มาฉัน ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.

๖. นางภิกษุณีผู้พูดจูงใจให้ย่อหย่อนพระวินัยต้องอาบัติสังฆาทิเสส.

๗. ห้ามกล่าวาจา บอกคืนพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เมื่อโกรธเคือง
และเมื่อกล่าวไปแล้ว ให้ภิกษุณีสงฆ์ตักเตือน เมื่อไม่เชื่อฟัง จึงสวดประกาศตักเตือน
ถ้าครบ ๓ ครั้งแล้ว ยังไม่เลิกละ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๘. ห้ามติเตียนภิกษุณีว่านางภิกษุณีทั้งหลาย ลุแก่อคติ ๔ และให้ภิกษุณีสงฆ์ตักเตือน
เมื่อไม่เชื่อฟัง จึงสวดประกาศตักเตือน ถ้าครบ ๓ ครั้งแล้ว ยังไม่เลิกละ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

๙. ห้ามรวมกลุ่มกันประพฤติเสื่อมเสีย มีชื่อเสียงไม่ดี เบียดเบียนภิกษุณีสงฆ์
ปกปิดความชั่วของกันและกันและให้ภิกษุณีสงฆ์ตักเตือน
เมื่อไม่เชื่อฟัง จึงสวดประกาศตักเตือน ถ้าครบ ๓ ครั้งแล้ว ยังไม่เลิกละ ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.

๑๐. ห้ามนางภิกษุณี กล่าวกะนางภิกษุณีที่ถูกสงฆ์สวดประกาศตักเตือน
ถ้ามีใครขืนทำ ให้ภิกษุณีสงฆ์ตักเตือน
ถ้าไม่ฟัง ให้สวดประกาศเตือน ครบ ๓ ครั้งแล้ว ยังไม่ละเลิก ต้องอาบัติสังฆาทิเสส.

๑๑. ทำตัวเป็นสื่อรัก บอกความต้องการของอีกฝ่ายให้กับหญิงหรือชาย
แม้สามีกับภรรยา หรือแม้แต่หญิงขายบริการ

๑๒. แกล้งใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล

๑๓. แกล้งสมมุติแล้วใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล

๑๔. ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน

๑๕. เป็นพวกของผู้ที่ทำสงฆ์ให้แตกกัน

๑๖. เป็นผู้ว่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง ๓ ครั้ง

๑๗. ทำตัวเป็นเหมือนคนรับใช้ ประจบคฤหัสถ์

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ ข้อ :b42:
(อาบัติที่ต้องสละสิ่งของว่าด้วยเรื่องจีวร ไหม บาตร อย่างละ ๑๐ ข้อ)


๑. ห้ามสะสมบาตร

๒. ห้ามอธิษฐานจีวรนอกกาลและแจกจ่าย

๓. ห้ามชิงจีวรคืนเมื่อแลกเปลี่ยนกันแล้ว

๔. ห้ามขอของอย่างหนึ่งแล้วขออย่างอื่นอีก

๕. ห้ามสั่งซื้อของกลับกลอก

๖. ห้ามจ่ายของผิดวัตถุประสงค์เดิม

๗. ห้ามขอของมาจ่ายแลกของอื่น

๘. ห้ามพูดติเตียนเมื่อถูกลงโทษโดยธรรม

๙. ห้ามขอของของคณะมาจ่ายแลกของอื่น

๑๐. ห้ามขอของบุคคลมาจ่ายแลกของอื่น

๑๑. ห้ามขอผ้าห่มหนาวเกินราคา

๑๒. ห้ามขอผ้าห่มฤดูร้อน เกินราคา

๑๓. เก็บจีวรที่เกินความจำเป็นไว้เกิน ๑๐ วัน

๑๔. อยู่โดยปราศจากจีวรแม้แต่คืนเดียว

๑๕. เก็บผ้าที่จะทำจีวรไว้เกินกำหนด ๑ เดือน

๑๖. ขอจีวรจากคฤหัสถ์ที่ไม่ใช่ญาติ เว้นแต่จีวรหายหรือถูกขโมย

๑๗. รับจีวรเกินกว่าที่ใช้นุ่ง เมื่อจีวรถูกชิงหรือหายไป

๑๘. พูดทำนองขอจีวรดีๆ กว่าที่เขากำหนดจะถวายไว้แต่เดิม

๑๙. พูดให้เขารวมกันซื้อจีวรดีๆ มาถวาย

๒๐. ทวงจีวรจากคนที่รับอาสาเพื่อซื้อจีวรถวายเกินกว่า ๓ ครั้ง

๒๑. รับเงินทอง

๒๒. ซื้อขายด้วยเงินทอง

๒๓. ซื้อขายโดยใช้ของแลก

๒๔. ขอบาตร เมื่อบาตรเป็นแผลไม่เกิน ๕ แห่ง

๒๕. เก็บเภสัช ๕ (เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย) ไว้เกิน ๗ วัน

๒๖. แสวงและทำผ้าอาบน้ำฝนไว้เกินกำหนด ๑ เดือนก่อนหน้าฝน

๒๗. ให้จีวรภิกษุอื่นแล้วชิงคืนในภายหลัง

๒๘. ขอด้ายเอามาทอเป็นจีวร

๒๙. กำหนดให้ช่างทอทำให้ดีขึ้น

๓๐. น้อมลาภสงฆ์มาเพื่อให้เขาถวายตน

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 16:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ปาจิตตีย์ มี ๑๖๖ ข้อ :b42:
(ว่าด้วยอาบัติที่ไม่ต้องสละสิ่งของ)


๑.ห้ามฉันกระเทียม

๒.ห้ามนำขนในที่แคบออก ที่แคบได้แก่ ขนรักแร้ และช่องให้กำเนิด

(หมายเหตุ : ทั้งสองสิกขาบทนี้ เห็นได้ว่าเพื่อมิให้ถูกติว่า เลียนแบบคฤหัสถ์
เป็นการบัญญัติตามกาลเทศะ และสิ่งแวดล้อม. ตกมาถึงสมัยนี้ ความรังเกียจคงเปลี่ยนแปลงไป.
สิกขาบทเหล่านี้ จึงคงอยู่ในประเภทที่ทรงอนุญาตไว้ก่อนปรินิพพานว่า

ถ้าจะถอนสิกขาบทเล็กน้อยก็ถอนได้ เป็นการเปิดทางให้กาลเทศะ
แต่พระสาวกสมัยสังคายนาเห็นว่า ถ้าปล่อยให้ถอนกันตามชอบใจ จะยุ่งกันใหญ่
คืออาจจะไปถอนสิกขาบทที่สำคัญเข้า แต่เห็นเป็นไม่สำคัญ

ฉะนั้น ท่านจึงสวดประกาศห้ามถอน เป็นการใช้อำนาจสงฆ์สั่งการ เช่นนั้น).


๓.ห้ามใช้ฝ่ามือตบกันด้วยความกำหนัด

๔.ห้ามใช้สิ่งที่ทำด้วยยางไม้(คำว่า ยางไม้ กินความถึงไม้, แป้ง, ดินเหนียว โดยที่สุด แม้ใบบัว)
ใส่ในช่องให้กำเนิด

๕.ห้ามชำระ(ช่องให้กำเนิด)ลึกเกิน ๒ ข้อนิ้ว

๖.ห้ามเข้าไปยืนถือน้ำและพัดในขณะที่ภิกษุกำลังฉัน

๗.ห้าม ทำการหลายอย่างกับข้าวเปลือกดิบ

(นางภิกษุณีผู้ขอเอง, ใช้ให้ขอ, ฝัดเอง, ใช้ให้ฝัด, ตำเอง, ใช้ให้ตำ ซึ่งข้าวเปลือกดิบ.
หุงต้มเอง ใช้ให้หุงต้ม ฉันข้าวนั้น หรือการฉันข้าวที่ตนทำเองต้องอาบัติ)


๘.ห้ามทิ้งของนอกฝานอกกำแพง

๙.ห้ามทิ้งของเช่นนั้นลงบนของเขียวสด

๑๐.ห้ามไปดูฟ้อนรำขับร้อง

๑๑.ห้ามยืนหรือสนทนาสองต่อสองกับบุรุษในที่มืด

๑๒.ห้ามยืนหรือสนทนาสองต่อสองกับบุรุษในที่ลับ

๑๓.ห้ามยืนหรือสนทนาสองต่อสองกับบุรุษในที่แจ้ง

๑๔.ห้าม ทำเช่นนั้นในที่อื่นอีก (ทำเช่นนั้น คือ ภิกษุณี กับบุรุษสองต่อสอง
ยืนอยู่บ้าง สนทนากันบ้าง กระซิบที่หูกันบ้าง ส่งนางภิกษุณีที่เป็นเพื่อนไปเสียบ้าง
ในถนนรกบ้าง ในถนนตันบ้าง (ถนนเช่นนี้ เข้าทางไหนต้องออกทางนั้น) ในทางแยกบ้าง)

๑๕. ห้ามเข้าบ้านผู้อื่นแล้วเวลากลับไม่บอกลา

๑๖. ห้ามนั่งนอนบนอาสนะโดยไม่บอกเจ้าของบ้านก่อน

๑๗. ห้ามปูลาดที่นอนในบ้านโดยไม่บอกเจ้าของบ้าน

๑๘. ห้ามติเตียนผู้อื่นไม่ตรงกับที่ฟังมา

๑๙. ห้ามสาปแช่งด้วยเรื่องนรกหรือพรหมจรรย์

๒๐. ห้ามทำร้ายตัวเองแล้วร้องไห้

๒๑. ห้ามเปลือยกายอาบน้ำ

๒๒. ห้ามทำผ้าอาบน้ำยาวใหญ่เกินประมาณ

๒๓. ห้ามพูดแล้วไม่ทำ

๒๔. ห้ามเว้นการใช้ผ้าซ้อนนอกเกิน ๕ วัน

(หมายเหตุ : ตามธรรมดานางภิกษุณีมีผ้าสำหรับใช้ประจำ ๕ ผืน
คือ ๑. สังฆาฏิ (ผ้าซ้อนนอก สำหรับใช้เมื่อหนาว)


๒. อุตตราสงค์ (ผ้าห่ม)
๓. อันตรวาสก (ผ้านุ่ง)
๔. สังกัจฉิกะ (ผ้ารัดหรือผ้าโอบ)
๕. อุทกสาฏิกา (ผ้าอาบน้ำ).

พิจารณาดูตามสิกขาบทนี้ เป็นเชิงห้าม เว้นการใช้ผ้าซ้อนนอก คือสังฆาฏิอย่างเดียว
แต่ในคำอธิบายท้ายสิกขาบท ขยายความเป็นว่า เว้นผืนใดผืนหนึ่งใน ๕ ผืน เกิน ๕ วันไม่ได้
คำว่า เว้น คือไม่นุ่งไม่ห่มหรือไม่ตากแดด).

๒๕. ห้ามใช้จีวรสับกับของผู้อื่น

๒๖. ห้ามทำอันตรายลาภจีวรของสงฆ์

๒๗. ห้ามยับยั้งการแบ่งจีวรอันเป็นธรรม

๒๘. ห้ามให้สมณจีวรแก่คฤหัสถ์หรือนักบวช

๒๙. ห้ามทำให้กิจการชะงักด้วยความหวังลอย ๆ

๓๐. ห้ามคัดค้านการเพิกถอนกฐินที่ถูกธรรม

๓๑. ห้ามนอนบนเตียงเดียวกันสองรูป

๓๒. ห้ามใช้เครื่องปูลาดและผ้าห่มร่วมกันสองรูป

๓๓. ห้ามแกล้งก่อความรำคาญแก่นางภิกษุณี

๓๔. ห้ามเพิกเฉยเมื่อศิษย์ไม่สบาย

๓๕. ห้ามฉุดคร่านางภิกษุณีออกจากที่อยู่

๓๖. ห้ามคลุกคลีกับคฤหบดีหรือบุตรคฤหบดี

๓๗. ห้ามเดินทางเปลี่ยวตามลำพัง

๓๘. ห้ามเดินทางเช่นนั้นนอกแว่นแคว้น

๓๙. ห้ามเดินทางภายในพรรษา

๔๐. ห้ามอยู่ประจำที่เมื่อจำพรรษาแล้ว

๔๑. ห้ามไปดูพระราชวังและอาคารอันวิจิตร เป็นต้น

๔๒. ห้ามใช้อาสันทิและบัลลังก์

๔๓. ห้ามกรอด้าย

๔๔. ห้ามรับใช้คฤหัสถ์

๔๕. ห้ามรับปากแล้วไม่ระงับอธิกรณ์

๔๖. ห้ามให้ของกินแก่คฤหัสถ์ เป็นต้น ด้วยมือ

๔๗. ห้ามใช้ผ้านุ่งสำหรับผู้มีประจำเดือนเกิน ๓ วัน

๔๘. ห้ามครอบครองที่อยู่เป็นการประจำ

๔๙. ห้ามเรียนติรัจฉานวิชชา

๕๐. ห้ามสอนติรัจฉานวิชชา

๕๑. ห้ามเข้าไปในวัดที่มีภิกษุโดยไม่บอกล่วงหน้า

๕๒. ห้ามด่าหรือบริภาษภิกษุ

๕๓. ห้ามบริภาษภิกษุณีสงฆ์

๕๔. ห้ามฉันอีกเมื่อรับนิมนต์หรือเลิกฉันแล้ว

๕๕. ห้ามพูดกีดกันภิกษุณีอื่น

๕๖. ห้ามจำพรรษาในอาวาสที่ไม่มีภิกษุ

๕๗. ห้ามการขาดปวารณาในสงฆ์สองฝ่าย

๕๘. ห้ามการขาดรับโอวาทและการขาดการอยู่ร่วม

๕๙. ห้ามการขาดถามอุโบสถและการไปรับโอวาท

๖๐. ห้ามให้บุรุษบีบฝี ผ่าฝี เป็นต้น

๖๑. ห้ามให้บวชแก่หญิงมีครรภ์

๖๒. ห้ามให้บวชแก่หญิงที่ยังมีเด็กดื่มนม

๖๓. ห้ามให้บวชแก่นางสิกขมานาซึ่งศึกษายังไม่ครบ ๒ ปี

๖๔. ห้ามให้บวชแก่นางสิกขมานาที่สงฆ์ยังมิได้สวดสมมติ

๖๕. ห้ามให้บวชแก่หญิงที่มีสามีแล้ว แต่อายุยังไม่ถึง ๑๒

๖๖. ห้ามให้บวชแก่หญิงเช่นนั้นอายุครบ ๑๒ แล้ว (หมายความถึงตามข้อ (๖๕) แต่ยังมิได้ศึกษา ๒ ปี

๖๗. ห้ามให้บวชแก่หญิงเช่นนั้นที่ศึกษา ๒ ปีแล้ว(หมายความถึงตามข้อ ๖๕) แต่สงฆ์ยังมิได้สวดสมมติ

๖๘. ห้ามเพิกเฉยไม่อนุเคราะห์ศิษย์ที่บวชแล้ว

๖๙. ห้ามนางภิกษุณีแยกจากอุปัชฌายะ คือไม่ติดตามครบ ๒ ปี

๗๐. ห้ามเพิกเฉยไม่พาศิษย์ไปที่อื่น

๗๑. ห้ามให้บวชแก่หญิงสาวที่อายุไม่ครบ ๒๐ ปี

(หมายเหตุ : พึงสังเกตว่า หญิงที่มีสามีแล้ว อายุครบ ๑๒
จะบวชเป็นนางภิกษุณี ต้องเป็นนางสิกขมานาศึกษาอยู่อีก ๒ ปี จนอายุครบ ๑๔ ปีบริบูรณ์แล้ว
จึงบวชเป็นนางภิกษุณีได้ แต่ถ้ายังมิได้สามี ต้องอายุครบ ๒๐ จึงบวชได้.


แต่ก่อนจะบวชเป็นนางภิกษุณี จะต้องเป็นนางสิกขมานา ๒ ปี ทุกรายไป.
ฉะนั้น หญิงที่ประสงค์จะบวชเป็นนางภิกษุณี เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์
จะต้องบวชเป็นสามเณรี และเป็นนางสิกขมานาก่อนอายุครบ
เพื่อไม่ต้องยึดเวลาเป็นนางสิกขมานาเมื่ออายุครบแล้ว)

๗๒. ห้ามบวชหญิงที่อายุครบ แต่ยังมิได้ศึกษาครบ ๒ ปี

๗๓. ห้ามบวชหญิงที่ศึกษาครบ ๒ ปีแล้ว แต่สงฆ์ยังมิได้สมมติ

๗๔. ห้ามเป็นอุปัชฌาย์เมื่อพรรษาไม่ครบ ๑๒

๗๕. ห้ามเป็นอุปัชฌาย์โดยที่สงฆ์มิได้สมมติ

๗๖. ห้ามรับรู้แล้วติเตียนในภายหลัง

๗๗. ห้ามรับปากว่าจะบวชให้ แล้วกลับไม่บวชให้

๗๘. ห้ามรับปากแล้วไม่บวชให้ในกรณีอื่น

๗๙. ห้ามบวชให้นางสิกขมานาที่ประพฤติไม่ดี

๘๐. ห้ามบวชให้นางสิกขมานา ที่มารดาบิดาหรือสามีไม่อนุญาต

๘๑. ห้ามทำกลับกลอกในการบวช

๘๒. ห้ามบวชให้คนทุกปี

๘๓. ห้ามบวชให้ปีละ ๒ คน

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ปาจิตตีย์ มี ๑๖๖ ข้อ :b42: (ต่อ)
(ว่าด้วยอาบัติที่ไม่ต้องสละสิ่งของ)


๘๔. ห้ามใช้ร่มใช้รองเท้า เว้นแต่จะไม่สบาย

๘๕. ห้ามไปด้วยยาน เว้นแต่ไม่สบาย

(หมายเหตุ : ทั้งสองสิกขาบทนี้ เห็นได้ว่าเพื่อมิให้ถูกติว่า เลียนแบบคฤหัสถ์
เป็นการบัญญัติตามกาลเทศะ และสิ่งแวดล้อม.

ตกมาถึงสมัยนี้ ความรังเกียจคงเปลี่ยนแปลงไป.

สิกขาบทเหล่านี้ จึงคงอยู่ในประเภทที่ทรงอนุญาตไว้ก่อนปรินิพพานว่า

ถ้าจะถอนสิกขาบทเล็กน้อยก็ถอนได้ เป็นการเปิดทางให้กาลเทศะ
แต่พระสาวกสมัยสังคายนาเห็นว่า ถ้าปล่อยให้ถอนกันตามชอบใจ จะยุ่งกันใหญ่
คืออาจจะไปถอนสิกขาบทที่สำคัญเข้า แต่เห็นเป็นไม่สำคัญ
ฉะนั้น ท่านจึงสวดประกาศห้ามถอน เป็นการใช้อำนาจสงฆ์สั่งการ เช่นนั้น).

๘๖.ห้ามใช้ผ้าหยักรั้ง

๘๗.ห้ามใช้เครื่องประดับกายสำหรับหญิง

๘๘. ห้ามอาบน้ำหอมและน้ำมีสี

๘๙. ห้ามอาบน้ำด้วยแป้งงาอบ

๙๐. ห้ามให้นางภิกษุณีทาน้ำมันหรือนวด

๙๑. ห้ามให้นางสิกขามานาทาน้ำมันหรือนวด

๙๒. ห้ามให้สามเณรีทาน้ำมันหรือนวด

๙๓.ห้ามให้นางคหินีทาน้ำมันหรือนวด

๙๔.ห้ามนั่งหน้าภิกษุโดยไม่บอกก่อน

๙๕.ห้ามถามปัญหาภิกษุโดยไม่ขอโอกาส

๙๖.ห้ามเข้าบ้านโดยไม่ใช้ผ้ารัดหรือผ้าโอบ

๙๗.ห้ามพูดปด

๙๘.ห้ามด่า

๙๙.ห้ามพูดส่อเสียด

๑๐๐.ห้ามกล่าวธรรมพร้อมกับผู้ไม่ได้บวชในขณะสอน

๑๐๑.ห้ามนอนร่วมกับอนุปสัมบัน(ผู้ไม่ใช้ภิกษุณี)เกิน ๓ คืน

๑๐๒.ห้ามนอนร่วมกับผู้หญิง

๑๐๓.ห้ามแสดงธรรมสองต่อสองกับผู้หญิง

๑๐๔.ห้ามบอกคุณวิเศษที่มีจริงแก่ผู้มิได้บวช

๑๐๕.ห้ามบอกอาบัติชั่วหยาบของภิกษุแก่ผู้มิได้บวช

๑๐๖.ห้ามขุดดินหรือใช้ให้ขุด

๑๐๗.ห้ามทำลายต้นไม้

๑๐๘.ห้ามพูดเฉไฉเมื่อถูกสอบสวน

๑๐๙.ห้ามติเตียนภิกษุผู้ทำการสงฆ์โดยชอบ

๑๑๐.ห้ามทิ้งเตียงตั่งของสงฆ์ไว้กลางแจ้ง

๑๑๑.ห้ามปล่อยที่นอนไว้ ไม่เก็บงำ

๑๑๒.ห้ามนอนแทรกภิกษุผู้เข้าไปอยู่ก่อน

๑๑๓.ห้ามฉุดคร่าภิกษุออกจากวิหารของสงฆ์

๑๑๔.ห้ามนั่งนอนทับเตียงหรือตั่งที่อยู่ชั้นบน

๑๑๕.ห้ามพอกหลังคาวิหารเกิน ๓ ชั้น

๑๑๖.ห้ามเอาน้ำมีสัตว์รดหญ้าหรือดิน

๑๑๗.ห้ามฉันอาหารในโรงพักเดินทางเกิน ๓ มื้อ

๑๑๘.ห้ามฉันอาหารรวมกลุ่ม

๑๑๙.ห้ามรับบิณฑบาตเกิน ๓ บาตร

๑๒๐.ห้ามฉันอาหารในเวลาวิกาล

๑๒๑.ห้ามฉันอาหารที่เก็บไว้ค้างคืน

๑๒๒.ห้ามฉันอาหารที่มิได้รับประเคน

๑๒๓.ห้ามชวนภิกษุไปบิณฑบาตด้วยแล้วไล่กลับ

๑๒๔.ห้ามเข้าไปแทรกแซงในสกุลที่มีคน ๒ คน

๑๒๕.ห้ามนั่งในที่ลับมีที่กำบังกับมาตุคาม (ผู้หญิง)

๑๒๖.ห้ามนั่งในที่ลับ (หู) สองต่อสองกับมาตุคาม

๑๒๗.ห้ามรับนิมนต์แล้วไปที่อื่นไม่บอกลา

๑๒๘.ห้ามขอของเกินกำหนดเวลาที่เขาอนุญาตไว้

๑๒๙.ห้ามไปดูกองทัพที่ยกไป

๑๓๐.ห้ามพักอยู่ในกองทัพเกิน ๓ คืน

๑๓๑.ห้ามดูเขารบกันเป็นต้น เมื่อไปในกองทัพ

๑๓๒.ห้ามดื่มสุราเมรัย

๑๓๓.ห้ามจี้ภิกษุ

๑๓๔.ห้ามว่ายน้ำเล่น

๑๓๕.ห้ามแสดงความไม่เอื้อเฟื้อในวินัย

๑๓๖.ห้ามหลอกภิกษุให้กลัว

๑๓๗.ห้ามติดไฟเพื่อผิง

๑๓๘.ห้ามอาบน้ำบ่อยๆ เว้นแต่มีเหตุ

๑๓๙.ให้ทำเครื่องหมายเครื่องนุ่งห่ม

๑๔๐.วิกัปจีวรไว้แล้ว (ทำให้เป็นสองเจ้าของ-ให้ยืมใช้) จะใช้ต้องถอนก่อน

๑๔๑.ห้ามเล่นซ่อนบริขารของภิกษุอื่น

๑๔๒.ห้ามฆ่าสัตว์

๑๔๓.ห้ามใช้น้ำมีตัวสัตว์

๑๔๔.ห้ามรื้อฟื้นอธิกรณ์ (คดีความ-ข้อโต้เถียง) ที่ชำระเป็นธรรมแล้ว

๑๔๕.ห้ามชวนพ่อค้าผู้หนีภาษีเดินทางร่วมกัน

๑๔๖.ห้ามกล่าวตู่พระธรรมวินัย (ภิกษุอื่นห้ามและสวดประกาศเกิน ๓ ครั้ง)

๑๔๗.ห้ามคบภิกษุผู้กล่าวตู่พระธรรมวินัย

๑๔๘.ห้ามคบสามเณรผู้กล่าวตู่พระธรรมวินัย

๑๔๙.ห้ามพูดไถลเมื่อทำผิดแล้ว

๑๕๐.ห้ามกล่าวติเตียนสิกขาบท

๑๕๑.ห้ามพูดแก้ตัวว่า เพิ่งรู้ว่ามีในปาฏิโมกข์

๑๕๒.ห้ามทำร้ายร่างกายภิกษุ

๑๕๓.ห้ามเงื้อมือจะทำร้ายภิกษุ

๑๕๔.ห้ามโจทภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสที่ไม่มีมูล

๑๕๕.ห้ามก่อความรำคาญแก่ภิกษุอื่น

๑๕๖.ห้ามแอบฟังความของภิกษุผู้ทะเลาะกัน

๑๕๗.ให้ฉันทะแล้วห้ามพูดติเตียน

๑๕๘.ขณะกำลังประชุมสงฆ์ ห้ามลุกไปโดยไม่ให้ฉันทะ

๑๕๙.ร่วมกับสงฆ์ให้จีวรแก่ภิกษุแล้ว ห้ามติเตียนภายหลัง

๑๖๐.ห้ามน้อมลาภสงฆ์มาเพื่อบุคคล

๑๖๑.ห้ามเก็บของมีค่าที่ตกอยู่

๑๖๒.ห้ามทำกล่องเข็มด้วยกระดูก งา หรือเขาสัตว์

๑๖๓.ห้ามทำเตียง ตั่งมีเท้าสูงกว่าประมาณ

๑๖๔.ห้ามทำเตียง ตั่งที่หุ้มด้วยนุ่น

๑๖๕.ห้ามทำผ้าปิดฝีมีขนาดเกินประมาณ

๑๖๖.ห้ามทำจีวรมีขนาดเกินประมาณ

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: ปาฏิเทสนียะ มี ๘ ข้อ :b42:
(ว่าด้วยอาบัติที่พึงแสดงคืน)


๑. นางภิกษุณีไม่เป็นไข้ ห้ามขอบริโภค เนยใส

๒. นางภิกษุณีไม่เป็นไข้ ห้ามขอบริโภค น้ำมัน

๓. นางภิกษุณีไม่เป็นไข้ ห้ามขอบริโภค น้ำผึ้ง

๔. นางภิกษุณีไม่เป็นไข้ ห้ามขอบริโภค น้ำอ้อย

๕. นางภิกษุณีไม่เป็นไข้ ห้ามขอบริโภค ปลา

๖. นางภิกษุณีไม่เป็นไข้ ห้ามขอบริโภคเนื้อ

๗. นางภิกษุณีไม่เป็นไข้ ห้ามขอบริโภค นม

๘. นางภิกษุณีไม่เป็นไข้ ห้ามขอบริโภค นมสด

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: เสขิยะ : ข้อที่ภิกษุณีพึงศึกษาเรื่องมารยาท ๗๕ ข้อ แบ่งเป็น ๔ หมวดคือ :b42:

หมวดที่ ๑ : สารูป (ความเหมาะสมในการเป็นสมณะ) มี ๒๖ ข้อ


๑.นุ่งให้เป็นปริมณฑล
(ล่างปิดเข่า บนปิดสะดือไม่ห้อยหน้าห้อยหลัง)

๒.ห่มให้เป็นนปริมณฑล
(ให้ชายผ้าเสมอกัน)

๓.ปกปิดกายด้วยดีไปในบ้าน

๔.ปกปิดกายด้วยดีนั่งในบ้าน

๕.สำรวมด้วยดีไปในบ้าน

๖.สำรวมด้วยดีนั่งในบ้าน

๗.มีสายตาทอดลงไปในบ้าน
(ตาไม่มองโน่นมองนี่)

๘.มีสายตาทอดลงนั่งในบ้าน

๙.ไม่เวิกผ้าไปในบ้าน

๑๐.ไม่เวิกผ้านั่งในบ้าน

๑๑.ไม่หัวเราะดังไปในบ้าน

๑๒.ไม่หัวเราะดังนั่งในบ้าน

๑๓.ไม่พูดเสียงดังไปในบ้าน

๑๔.ไม่พูดเสียงดังนั่งในบ้าน

๑๕.ไม่โคลงกายไปในบ้าน

๑๖.ไม่โคลงกายนั่งในบ้าน

๑๗.ไม่ไกวแขนไปในบ้าน

๑๘.ไม่ไกวแขนนั่งในบ้าน

๑๙.ไม่สั่นศีรษะไปในบ้าน

๒๐.ไม่สั่นศีรษะนั่งในบ้าน

๒๑.ไม่เอามือค้ำกายไปในบ้าน

๒๒.ไม่เอามือค้ำกายนั่งในบ้าน

๒๓.ไม่เอาผ้าคลุมศีรษะไปในบ้าน

๒๔.ไม่เอาผ้าคลุมศีรษะนั่งในบ้าน

๒๕.ไม่เดินกระโหย่งเท้า ไปในบ้าน

๒๖.ไม่นั่งรัดเข่าในบ้าน

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๒ : โภชนปฏิสังยุตต์ (ว่าด้วยการฉันอาหาร) มี ๓๐ ข้อ

๑.รับบิณฑบาตด้วยความเคารพ

๒.ในขณะบิณฑบาต จะแลดูแต่ในบาตร

๓.รับบิณฑบาตพอสมส่วนกับแกง (ไม่รับแกงมากเกินไป)

๔.รับบิณฑบาตแค่พอเสมอขอบปากบาตร

๕.ฉันบิณฑบาตโดยความเคารพ

๖.ในขณะฉันบิณฑบาต และดูแต่ในบาตร

๗.ฉันบิณฑบาตไปตามลำดับ (ไม่ขุดให้แหว่ง)

๘.ฉันบิณฑบาตพอสมส่วนกับแกง ไม่ฉันแกงมากเกินไป

๙.ฉันบิณฑบาตไม่ขยุ้มแต่ยอดลงไป

๑๐.ไม่เอาข้าวสุกปิดแกงและกับด้วยหวังจะได้มาก

๑๑.ไม่ขอเอาแกงหรือข้าวสุกเพื่อประโยชน์แก่ตนมาฉัน หากไม่เจ็บไข้

๑๒.ไม่มองดูบาตรของผู้อื่นด้วยคิดจะยกโทษ

๑๓.ไม่ทำคำข้าวให้ใหญ่เกินไป

๑๔.ทำคำข้าวให้กลมกล่อม

๑๕.ไม่อ้าปากเมื่อคำข้าวยังมาไม่ถึง

๑๖.ไม่เอามือทั้งมือใส่ปากในขณะฉัน

๑๗.ไม่พูดในขณะที่มีคำข้าวอยู่ในปาก

๑๘.ไม่ฉันโดยการโยนคำข้าวเข้าปาก

๑๙.ไม่ฉันกัดคำข้าว

๒๐.ไม่ฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย

๒๑.ไม่ฉันพลางสะบัดมือพลาง

๒๒.ไม่ฉันโปรยเมล็ดข้าว

๒๓.ไม่ฉันแลบลิ้น

๒๔.ไม่ฉันดังจับๆ

๒๕.ไม่ฉันดังซูด ๆ

๒๖.ไม่ฉันเลียมือ

๒๗.ไม่ฉันเลียบาตร

๒๘.ไม่ฉันเลียริมฝีปาก

๒๙.ไม่เอามือเปื้อนจับภาชนะน้ำ

๓๐.ไม่เอาน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้าวเทลงในบ้าน

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 18:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๓ : ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต์ (ว่าด้วยการแสดงธรรม) มี ๑๖ ข้อ

๑.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีร่มในมือ

๒.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีไม้พลองในมือ

๓.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีของมีคมในมือ

๔.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่มีอาวุธในมือ

๕.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่สวมเขียงเท่า (รองเท้าไม้)

๖.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่สวมรองเท้า

๗.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่ไปในยาน

๘.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่อยู่บนที่นอน

๙.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่นั่งรัดเข่า

๑๐.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่โพกศีรษะ

๑๑.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่คลุมศีรษะ

๑๒.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่อยู่บนอาสนะ (หรือเครื่องปูนั่ง) โดยภิกษุอยู่บนแผ่นดิน

๑๓.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่นั่งบนอาสนะสูงกว่าภิกษุ

๑๔.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่นั่งอยู่ แต่ภิกษุยืน

๑๕.ภิกษุเดินไปข้างหลัง ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่เดินไปข้างหน้า

๑๖.ภิกษุเดินไปนอกทาง ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที่ไปในทาง

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


หมวดที่ ๔ : ปกิณณกะ (เบ็ดเตล็ด) มี ๓ ข้อ

๑. ภิกษุณีไม่เป็นไข้ไม่ยืนถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ

๒. ภิกษุณีไม่เป็นไข้ไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ
หรือบ้วนน้ำลายลงในของเขียว (พันธุ์ไม้ใบหญ้าต่างๆ)

๓. ภิกษุณีไม่เป็นไข้ไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ

(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ม.ค. 2011, 18:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


:b42: อธิกรณสมถะ มี ๗ ข้อ (ธรรมสำหรับระงับอธิกรณ์) :b42:

๑. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ในที่พร้อมหน้า (บุคคล วัตถุ ธรรม)

๒. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยการยกให้ว่าพระอรหันต์เป็นผู้มีสติ

๓. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยยกประโยชน์ให้ในขณะเป็นบ้า

๔. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยถือตามคำรับของจำเลย

๕. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ

๖. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยการลงโทษแก่ผู้ผิด

๗. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยให้ประนีประนอมหรือเลิกแล้วกันไป


:b8: :b8: :b8:

ที่มา : http://www.thammapedia.com/practice/pat ... sil311.php


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2011, 05:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ อนุโมทามิ


ขอบคุณที่นำมาให้ศึกษาค่ะ :b8: :b8: :b20: :b20: :b20:

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ม.ค. 2011, 07:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


อนุโมทนาค่ะ :b8:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร