วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=8



กลับไปยังกระทู้  [ 72 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ผิดบาปที่ใคร

ศิษย์อาจารย์เดินผ่านริมชายหาด
มองเห็นคลื่นคอยซัดสาดสะท้อนไหว
หวังขึ้นเรือข้ามทะเลที่เห่ไกว
ลูกศิษย์ก็แสนเศร้าใจสอบถามคำ

“อาจารย์ครับข้ามีเหตุสังเกตว่า
ขณะที่เรือเทียบท่าย่อมบดย่ำ
ทับกุ้งหอยปูปลาตาดำดำ
ข้าอยากรู้ว่าผลกรรมตกแก่ใคร

เป็นความผิดของชาวเรือทุกเมื่อผ่าน
หรือเป็นกรรมผู้โดยสารต้องแบกไว้
ขออาจารย์ช่วยตอบตรง - สงสัยใจ
ผลกรรมตกใส่ผู้ใดข้าอยากรู้”


“กรรมนั้นเคยตกแก่ใครที่ไหนเล่า
แต่มันเกิดตกที่เจ้ารับรู้อยู่
เรือกดทับใส่กุ้งหอยและปลาปู
คนบนเรือล้วนไร้ผู้จะรู้รับ

สิ่งบนโลกมีอะไรที่ชัดแจ้ง
ย่อมหมุนวนเปลี่ยนแปลงและแตกดับ
หอยปูปลาน่าอนาถอาจถูกทับ
แต่เจ้ากลับนำเรือแตกแบกใส่ใจ

คนบนเรือทั้งกุ้งหอยและปูปลา
ล้วนหามีเจตนากระทบไม่
บาปเกิดขึ้นจากดวงจิตมีพิษภัย
จิตไม่มีกรรมที่ไหน...คอยติดตาม”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


งั้นก็จงพักดื่มชาสักหนึ่งถ้วย

“เจ้าโจว”ถามพระรูปหนึ่งซึ่งบวชใหม่
“เจ้าเคยมาที่นี่ไหมกุฏิข้า”
พระใหม่ตอบ “ตรงนี้เลยข้าเคยมา”
“แวะดื่มชาสักถ้วยก่อนผ่อนกมล”

วันเวลาผันผ่านไปไม่ช้านาน
พระใหม่มาเยี่ยมอาจารย์อีกหนึ่งหน
ถาม “เคยมาที่นี่ไหม”ในบัดดล
พระใหม่ตอบมั่นใจล้น “...ไม่เคยมา...”

“งั้น เจ้าจงพักดื่มชาสักหนึ่งถ้วย”
พระ “อินชู” นั่งอยู่ด้วยสะกิดว่า
“ผู้นี้ตอบไม่เหมือนกันสักครั้งครา
ใยอาจารย์เอื้อเฟื้อชาแก่เขาไป”


เสียงตอบอาจารย์...เจ้าโจว... “โอ...อินชู...”
“ครับ อาจารย์ศิษย์ฟังอยู่ให้สงสัย”
“เมื่อฟังแล้วก็อย่าจงสงสัยใจ
พักดื่มชาสักถ้วยไหม...เล่าอินชู!!!”






ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมดของท่านอาจารย์หนานเฉียนผู่เหยียน เจ้าโจวฉงเซิน หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เจ้าโจว (ญี่ปุ่นเรียกว่า โจชู) เป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุด และภายหลังได้ต่อสายธรรมจากท่าน มีบันทึกและตำนานเกี่ยวกับเจ้าโจวมากมาย ด้วยเป็นพระเซ็นที่มีสีสันที่สุดในประวัติศาสตร์เซ็น โดยเฉพาะวาจาที่คมกริบและแทงตรงจนเข้าข่ายกวนประสาทของท่าน(อ้างอิงจาก มังกรเซ็น ของ วินทร์ เลียววาริณ หน้า 185)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


...บ้าน...

บ้านแท้ของฉันอยู่ที่นี่
อยู่ในห้วงดวงฤดีที่มีค่า
เป็นบ้านที่ไม่จำกัดด้วยเวลา
ไม่แบ่งผืนดินหญ้าหรือชาติพันธุ์
บ้านหลังนี้ไม่มี “เรา” เป็นเจ้าของ
ทั้งไร้สิทธิ์ผู้ครอบครองทั้ง “เธอ – ฉัน”
เป็นบ้านของทุก “สรรพชีวัน”
เพื่อนบ้านฉันนั้นคือ “สรรพชีวิต”








บางส่วนจากคำสอนของท่าน ติช นัท ฮันห์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 20:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


เณรน้อยกวาดใบไม้

เณรน้อยมีหน้าที่กวาดลานวัด
คอยกวาดปัดเหล่าใบไม้บนลานผืน
มีต้นไม้หนึ่งต้นใบหนายืน
ทุกเช้าตื่นขึ้นมาร่วงหนาพราว

เณรน้อยยิ่งปัดกวาดยิ่งหัวเสีย
ต้องเสียแรงอ่อนเพลียทุกค่ำเช้า
พระรูปหนึ่งจึงออกปากฝากเรื่องราว
“เขย่าให้...ใบร่วงกราว ก็จบกัน”

เณรน้อยบอก“เห็นด้วยยิ่งเป็นจริงแท้
เสียแรงแค่เขย่าต้นใบหล่นนั่น
ไม่ต้องเสียแรงปัดกวาดสารพัน
ตื่นเช้าขึ้นก็ขบฉันก่อนผู้ใด”


พูดเสร็จแล้ว...เณรน้อยก็เขย่า
พอใบไม้หล่นถมเข้าก็กวาดไว้
นั่งคลึ้มอกคลึ้มกายสบายใจ
รอพรุ่งนี้เช้าวันใหม่ลานโล่งเตียน

,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,

วิถีใบไม้อ่อนเรียวเป็นเขียวเข้ม
ยามร่วงโรยเหลืองก็เต็มคอยผลัดเปลี่ยน
ตามครรลองของชีวีที่หมุนเวียน
ไม่อาจเขียนขีดเอาไว้อย่างใจเรา

,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,,


เจ้าอาวาสส่งยิ้มให้อย่างเอ็นดู
“ทำไมเจ้าจึงเรียนรู้อย่างโง่เขลา
ใบไม้ก็คือใบไม้...เกลื่อนกรายเบา
ใช่มันหายเพราะเขย่าเสียเมื่อไร”



ในที่สุดเณรน้อยก็รู้ว่า
ใช่บางอย่างรู้ล่วงหน้าลิขิตได้
ไม่ว่าใบไม้ คน หรือสิ่งใด
ไม่ว่าชีวิตของใคร...ก็เช่นกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


กบน้อยคิดฟุ้งซ่านข้างกำแพงวัด

เจ้ากบน้อยตัวหนึ่งอยากเป็นพระ
ทุกขณะบิณฑบาตแอบคาดฝัน
เกิดเป็นพระคงสบายสารพัน
ออกไปเดินไม่ถึงวันก็มีกิน

เห็นพระแล้วส่ายตามองจ้องเด็กวัด
น่าอิจฉาชะมัดไม่จบสิ้น
ถึงไม่ต้องบิณฑบาตเลี้ยงชีวิน
อาศัยพระสุขดวงจินต์แสนสบาย

ขณะมองเห็นเด็กวัดล้างชามอยู่
เศษอาหารล้นเหลือดูมีมากหลาย
เห็นหมาวัดคอยนอนรออยู่มากมาย
เป็นหมาวัดแหละคงง่ายสบายดี

แต่เอ๊ะ...เป็นหมาวัดนั้นยังต้องเห่า
คอยเดินเฝ้าวัดวาตามหน้าที่
เหลือบไปเห็นแมงวันจ้อยน้อยมากมี
อยากเป็นแมงวันแล้วนี่...ไม่มีงาน

อยากเกิดเป็นแมงวันน้อยล่องลอยไป
บินตอมไต่คอยสังเกตเศษอาหาร
ขณะนั้นแมงวันหนึ่งบินหลงลาน
ลิ้นตะหวัด...ตามสันดานเข้าปากพลัน

เจ้ากบน้อยกลับมาคิดพินิจดู
เป็นกบน้อยอย่างเป็นอยู่ก็สุขสันต์
คอยค้นคว้าหาสิ่งใดให้ชีวัน
เกิดเป็นกบตัวน้อยนั่น...แสนสุขใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


18 อรหันต์ทองคำ

ชายหาฟืนหนึ่งคนแสนจนยาก
ต้องลำบากหากินทุกค่ำเช้า
พร่ำขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้งคราว
“โปรดเมตตาให้ฉันก้าวพ้นความจน”

คล้ายสวรรค์มีเมตตาฟ้าลิขิต
ถ้อยคำพรก่อสัมฤทธิ์ประสิทธิ์ผล
ขณะที่ตัดฟืนมาสาระวน
ตุ๊กตาทองหนึ่งพ้นโผล่ผืนดิน

ก่อเป็นรูปอรหันต์อันงามงด
งามหมดจดด้วยทองคำล้ำเลอศิลป์
เคยลำบากยากเข็ญเพียงเลี้ยงชีวิน
เป็นเศรษฐีมีไม่สิ้นในฉับพลัน

กายอาจมีสุขผ่องใสในลาภยศ
แต่หัวใจเกิดรันทดเศร้าโศกศัลย์
“อรหันต์ที่พบนี้มีหนึ่งอัน
ส่วนสิบเจ็ดองค์นั้นอยู่ที่ใด”


ความโลภเกิดขึ้นที่ใดดังไฟผลาญ
ผุดลุกนั่งดังกองถ่านเพลิงเผาไหม้
ความร่ำรวยไม่เคยช่วย...ยกจิตใจ
อยู่ไม่นานก็ป่วยไข้ล้มตายลง

สงสารเมียเฝ้ารำพันวันฝังศพ
“เสียดายท่านที่มาพบความลุ่มหลง
เงินไม่อาจยกหัวใจให้ยืนยง
ตายไปแล้วท่านยังคง...จนเหมือนเดิม!!!”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


สะพรั่งหรือเหี่ยวเฉา

ระหว่างไม้สองต้นนี้ที่ยืนต้น
เห็นต้นหนึ่งใบร่วงหล่นแห้งหลากหลาย
ส่วนอีกต้นสะพรั่งใสใบเรียงราย
อาจารย์ถามว่า “ต้นไม้ต้นไหนดี”

ศิษย์ผู้หนึ่งบอก“สะพรั่งทุกครั้งผ่าน
เขียวใบไม้เบ่งบานทุกถิ่นที่”

อาจารย์บอก“บานสะพรั่งก็สวยดี
ประดับให้โลกใบนี้...งามตระการ”


ส่วนอีกคนบอก“เหี่ยวเฉาย่อมดีกว่า
เตือนชีวิตและเวลาด้วยกิ่งก้าน”

อาจารย์บอก “เมื่อถึงห้วงร่วงตามกาล
ย้ำเตือนว่าเมื่อพบพานย่อมจากลา”


ศิษย์อีกคนบังเอิญผ่านมาพานพบ
“เธอช่วยตอบมาให้ครบอยากรู้ว่า
สะพรั่งหรือเหี่ยวเฉาดีช่วยตอบมา
ห้วงความคิดเธอนั้นหนาคือสิ่งใด”


ศิษย์ผู้นั้นจึงเน้นย้ำด้วยคำนี้
“...ปล่อยต้นที่บานสะพรั่งให้สดใส...
...ปล่อยต้นที่แห้งเหี่ยวเฉาให้เฉาไป...
จะไปยึดติดอะไรกับใบบัง”


อาจารย์บอกสองคนแรก “ท่านผิดแล้ว
จิตผ่องแผ้วไร้ตะกอน...ที่นอนฝัง
จงอยู่กับความจริงนี้ที่จีรัง
เฉา-สะพรั่ง ตามห้วงกาล...ผันผ่านเยือน”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ละเว้นความชั่ว กระทำความดี

มหาอำมาตย์แวะไปเยี่ยมอาจารย์เซ็น
เห็นท่านท่องธรรมบำเพ็ญบนกิ่งไม้
“อาจารย์ครับอยู่ตรงนั้นมันอันตราย
กิ่งไม้อาจฉีกหักได้...พาปวดร้าว”


อาจารย์เซ็นกล่าวขอบคุณมหาอำมาตย์
“กิ่งไม้ข้าแม้มันอาจดูว่าเปล่า
แต่ข้าก็เกษมใจไร้เรื่องราว
เทียบชีวิตท่านที่กล่าวนั่นผิดกัน”


“ตัวข้าเป็นถึงอำมาตย์ผู้ยิ่งใหญ่
ท่านว่ายังมีสิ่งใดไม่คาดฝัน”

อาจารย์บอก “อันตรายมีร้อยพัน
ภัยของผู้ครองเมืองนั้นอยู่รอบตัว

สารพัดทั้งชิงดีและชิงเด่น
คนสอพลอทุกเช้าเย็นมีถ้วนทั่ว
ล้วนมากมายกองกิเลสเหตุหมองมัว
เทียบกิ่งไม้ที่ท่านกลัว...นั้นห่างไกล...”


ท่านอำมาตย์จึงย้อนถามอาจารย์ว่า
“อะไรคือหลักธรรมมาที่ยิ่งใหญ่”
อาจารย์คิดอย่างรอบคอบแล้วตอบไป
“ละความชั่วทำดีไว้...นั่นแหละธรรม”

มหาอำมาตย์ได้ฟังก็หัวเราะก้อง
“ฟังคำเทศน์แล้วอยากร้องว่าน่าขำ
ละความชั่วทำความดีที่กล่าวคำ
แม้แต่เด็กตาดำดำก็กล่าวเป็น”

“คำคำนี้แม้ฟังดูง่ายแสนง่าย
เด็กแปดขวบยังพูดได้ไม่ยากเข็ญ
แต่ผู้ใหญ่วุฒิมากมีที่บำเพ็ญ
ปฏิบัติผ่าน...ล้วนยากเย็น...น้อยเหลือเกิน”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


เงินแลกปัญญา

ชายคนหนึ่งรู้ตัวเองโง่แสนโง่
พบทองคำก้อนโตโตที่หลังบ้าน
จึงรีบไปปรึกษาท่านอาจารย์
จะใช้เงินมหาศาลได้อย่างไร

“เจ้าต้องลองใช้เงินซื้อปัญญา
พระที่วัดข้างวัดข้านั้นบอกได้”

ชายคนนั้นรีบเดินทางอย่างดีใจ
ไปพบพระนั่นเร็วไว...วัดข้างเคียง

“ท่านจะขายปัญญาข้าได้ไหม
ให้ราคาเท่าไหร่ไม่หลีกเลี่ยง”

พระรูปนั้นจึงแนะนำถ้อยความเรียง
“พบความเสี่ยงอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ

ท่านจงก้าวเดินหน้าก่อนสามก้าว
แล้วถอยหลังอีกสามก้าวจดจำไว้”

“ปัญญานี้ดูคลับคล้ายง่ายเกินไป
ท่านหลอกลวงข้าหรือไม่ข้าอยากรู้”


“ถ้าอย่างนั้นท่านก็จงอย่าเพิ่งจ่าย
ท่านทดลองก่อนดูได้ค่อยจ่ายสู้
เงินซื้อปัญญาได้ไหมลองใช้ดู”

ชายผู้นั้นจึงคืนสู่บ้านตนเอง

ค่ำมืดแล้วเดินย่างกรายสู่ชายบ้าน
เดินทางถึงที่นอกชานอย่างรีบเร่ง
มองเห็นเงามืดอยู่ท่ามความวังเวง
นอนข้างเมียเห็นเงาเพ่ง...ก็ตกใจ

ขณะที่ความโกรธขึ้งถึงขีดสุด
กระชับมีดเป็นอาวุธขึ้นถือไว้
เตรียมฆ่าชู้พร้อมกับเมียด้วยเสียใจ
พลันนึกขึ้นอย่างฉับไวถึงปัญญา

ทดลองเดินไปข้างหน้าครบสามก้าว
แล้วถอยหลังย้อนกลับราวกับคนบ้า
ทันใดนั้นได้ยินเสียงของมารดา
“ลูกกลับมาใยไม่เดินขึ้นบันได”

สะท้อนในหัวใจฉุกขนลุกซู่
ย้อนดวงจิตคิดคิดดูยิ่งหวั่นไหว
“ถ้าไม่เสียเงินซื้อหาปัญญาไป
ชีวิตจะเป็นเช่นไร...ไม่อยากนึก”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


บัวในตม

ในสมัยญี่ปุ่นยุคโบราณ
“พระ”ไม่อาจให้ชาวบ้านนั้นบวชได้
ชายคนหนึ่งจึงขบคิดตัดสินใจ
ปลอมแปลงตนเปลี่ยนจาก“ไพร่”เป็น “ผู้ดี”

กลายเป็นเนื้อนาบุญล้ำแห่งธรรมมะ
ประกาศธรรมแห่งพุทธะในทุกที่
ประชาชนหลากล้นหลามล้วนยินดี
สร้างสรรค์ศิษย์ล้นมากมีใฝ่ศรัทธา

กลายเป็นเจ้าอาวาสใหญ่แห่งวัดหนึ่ง
ขณะซึ่งจัดพิธีทางศาสนา
ใครคนหนึ่งซึ่งรู้ความแต่ก่อนมา
จึงยืนขึ้นชี้หน้าด่าท่านสมภาร

“ตัวท่านเกิดจากสถานสันดานไพร่
กลายเป็นพระตำแหน่งใหญ่แผ่ไพศาล
ชนชั้นต่ำหลอกลวงคนมาเนิ่นนาน
ไม่สะทกในสันดานบ้างหรือไร”


กลางพิธีเงียบยินเพียงเสียงเข็มตก
พระรูปนั้นไม่สะทกสะท้านไหว
ทั้งประกาศคำสำคัญกว่าคำใด
“นี่แหละคือความยิ่งใหญ่...บัวในตม”






ปล.เจ้าอาวาสรูปนี้ชื่อ “หวูซาน” คนที่อยู่ในพิธีทุกคนยอมรับว่าท่านพูดถูกต้อง คนที่ออกมาชี้หน้าก็พูดอะไรไม่ออก พร้อมกับยอมรับและชื่นชมถึงการเข้าถึงธรรมของท่าน พิธีการจึงดำเนินต่อไป
พร้อมกับ“พระหวูซาน”ได้รับความนับถือและศรัทธาจากผู้คนมากยิ่งขึ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


ถ้าจะรักก็จงรักอย่างเปิดเผย

แม่ชี...รูปหนึ่งสวยโสภา
แม้จะสวมใส่เสื้อผ้าอย่างเรียบง่าย
พระในวัดล้วนลุ่มหลงอย่างงมงาย
พระรูปหนึ่งเขียนจดหมายฝากความนัย

แม่ชีก็ปฏิบัติธรรมอย่างสงบ
ไม่ตอบความการขอพบที่ฝากไว้
หลังจบคำเทศน์อาจารย์ผันผ่านไป
ณ กลางที่ประชุมใหญ่แห่งธรรมมา

แม่ชีจึงลุกขึ้นยืนพร้อมบอกกล่าว
“รักแล้วใยไม่เดินก้าวมาต่อหน้า
เมื่อเธอหลงรูปที่เห็นเป็นมายา
ใยไม่กล้ากอดฉันไว้...ให้คนชม”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2011, 21:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


คำสอนสุดท้ายของอาจารย์

พระอาจารย์นั่งหลับตาในร่มไม้
มีลูกศิษย์ทั้งหลายรายล้อมอยู่
ทุกคนต่างหวังฟังธรรมล้ำเลิศดู
แล้วอยู่อยู่อาจารย์ก็กล่าวขึ้นมา

“...ทำอย่างไรจะกำจัดหญ้ารกร้าง...”
อาจารย์กล่าวพร้อมชี้ทางกลางทุ่งหญ้า
ศิษย์ทุกคนฟังคำขานอาจารย์ชรา
หลังครุ่นคิดแล้วก็พากันเอ่ยคำ

บางคนบอก“เอามีดฟันให้มันหมด”
บางคนบอก“เอาปูนรดแล้วเหยียบย่ำ”
บางคนบอก“ขุดรากโคนเป็นประจำ”
บางคนบอก“ว่าต้องนำไปเผาไฟ”

อาจารย์จึงบอก“จงแบ่งเป็นส่วนส่วน
ทำวิธีของตนล้วนที่กล่าวไว้
นับเวลาอีกหนึ่งปีแต่นี้ไป
ทุกคนค่อยย้อนมาใหม่...ดูเหตุการณ์”


วันเวลาหมุนเวียนปรับเปลี่ยนผัน
ทุกคนกลับมารวมกันตามคำขาน
กลางท้องทุ่งหญ้า...เหลืองทองอร่ามบาน
ปกคลุมด้วยธัญญาหารเต็มท้องนา

หลังจากที่ไปตรึกตรองทดลองคิด
เรียนรู้ทุกการถูกผิดจึงรู้ว่า
นอกจากการหว่านให้เต็มซึ่งธัญญา
วิธีอื่นปราบต้นหญ้าไม่อับจน

ท่านอาจารย์จากโลกนั้นไปก่อนนี้
เหลือทิ้งไว้เพียงวิถีแห่งเหตุผล
ว่า“เธอจงสนองตอบต่อผู้คน
ปลูกรักไว้ในกมล...ดั่งทุ่งทอง”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


พระกับมาร

จิตรกรผู้หนึ่งแสนเก่งกาจ
ออกดั้นด้นค้นแบบวาดทุกสถาน
หวังจะวาดรูป “พระ” กับรูป “มาร”
ค้นพบแบบตามต้องการเป็นพระงาม

พำนักอยู่ ณ ไม่ไกลในวัดหนึ่ง
บุคลิกช่างดูดดึงหน้าเกรงขาม
ทั้งสูงส่งแสนสง่าน่าติดตาม
ทุกผู้คนได้ยินนามล้วนศรัทธา

“ได้มาพบแบบอย่างนี้แสนดียิ่ง
ข้าจะวาดพระแท้จริงดังปรารถนา”

พูดเสร็จแล้วก็อัญเชิญแบบนั้นมา
เนรมิตสิ่งล้ำค่า - ผืนผ้าใบ

กลายเป็นภาพลายเส้นสีที่ลือเลื่อง
ประชาชนทั่วทั้งเมืองล้วนขานไข
ภาพนั้นถูกคนเอ่ยขานทั้งใกล้ไกล
กลายเป็นจิตรกรใหญ่แต่นั้นมา

เพียงไม่กี่วันวารผันผ่านพ้น
จิตรกรเดิมดั้นด้นดำริว่า
“หวังจะวาดรูปยักษ์มารแห่งมายา
ข้าจะไปค้นหาแบบที่ใด”


หลังจากที่เสาะระเหิน...บังเอิญพบ
คุกแห่งหนึ่งซึ่งสงบกลางเมืองใหญ่
เห็นนักโทษหน้าเหี้ยมหาญสะท้านใจ
“นี่แหละรูปที่ฝันไว้ของหมู่มาร”

พอนักโทษรู้ข่าวนั้นพลันร้องไห้
“ใยท่านมาหาข้าได้...ไม่สงสาร
ท่านได้ข้าเป็นแบบพระดังต้องการ
ใยวันนี้มาเลือก...มาร...ข้าคนเดิม

ท่านเคยวาดภาพข้าไว้จนสูงส่ง
ทำเอาจิตข้าลุ่มหลงจนฮึกเหิม
ติดในลาภ,ยศ,สรรเสริญเพลินเหิมเกริม
ผิดที่ท่านแท้มาเติมความมัวเมา

ขณะลาภ,ยศ,สรรเสริญบังเอิญหมด
แต่ว่าใจข้าไม่ลดความโง่เขลา
เปลี่ยนเป็นโจรฆ่าเจ้าทรัพย์ – จึงนับเอา
เปลี่ยนจากพระเป็นมารเข้า...น่าละอาย”


......................................

“...จิตของคนช่างอ่อนแอแท้แท้หนอ
กิเลสโลกคอยลากคอมิขาดสาย...”

จิตรำพึง – ถึงโลกนั้น,อันวุ่นวาย
“พระ”อาจเปลี่ยนเป็น“มาร”ได้...ในพริบตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์

พระอาจารย์ท่านหนึ่งปลูกสร้างวัด
ใกล้อารามเงียบสงัดนักพรตกล้า
แต่นักพรตไม่อยากให้มีวัดวา
จึงเสกด้วยมนต์มายาคาถามาร

เสกภูตผีตามรังควาญพานหลอกหลอน
พระเณรก็แสนทุกข์ร้อนไม่อาจต้าน
หนีไปหมดเหลือหนึ่งเดียว,พระอาจารย์
หลายปีผ่านวิชามารเริ่มหมดลง

หลังจากใช้เวทย์คาถาจนหมดสิ้น
อาจารย์ก็ไม่ทิ้งถิ่นดังประสงค์
เมื่อเรียนรู้สู้ไม่ได้อย่างมั่นคง
นักพรตเฒ่าช้ำใจปลง...ก็จากไป

เหล่าลูกศิษย์ลูกหากลับมาถาม
“ชัยชนะช่างงดงามและผ่องใส
อยากรู้ว่าท่านชนะได้อย่างไร
อาจารย์ใช้เวทมนต์ใดเข้าต่อกร”


“ข้าไม่มีเวทมนต์ใดที่ไหนดอก”
อาจารย์ยิ้มสรรพยอกเอ่ยคำสอน
“สิ่งเดียวที่อาจารย์ไซร้ใช้ราญรอน
คือคาถานิรันดร...ว่า -ไม่มี-

เวทย์คาถานั้นอาจมีที่สิ้นสุด
แต่ -ไม่มี- ไม่เคยหยุดในทุกที่
ไม่มี...สิ่งใดชนะความ -ไม่มี-
หวาดกลัว,เศร้า,เหงา,ยินดี...อยู่ที่ใจ”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2011, 11:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ก.ย. 2010, 08:28
โพสต์: 66

อายุ: 33
ที่อยู่: 333 ม.1 ต.ท่าตูม อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


พระคุณแม่

พระ “โซจุน” ปฏิบัติธรรมอย่างสิ้นหวัง
ขณะไร้สิ้นกำลังแห่งมรรคผล
คิดกระโดดน้ำตายอย่างมืดมน
เพื่อดับความสับสนในหัวใจ

“...อธิษฐานแห่งหัวใจต่อสายน้ำ
ขอทิ้งร่างนี้ลงตามห้วยน้ำไหล
หากชีพนี้มีความหมายต่อใครใคร
โพธิสัตว์จงช่วยไว้มิให้ตาย

หากชั่วชาติชีวิตนี้ต้องมัวหม่น
จงสูบข้าใต้วังวนสิ้นสลาย...”

ขณะที่สำลักน้ำอย่างงมงาย
จิตประวัตินึกขึ้นได้ถึงมารดา

“เกิดเป็นลูกผู้ชายใดใจท้อแท้
คนที่เจ็บปวดแท้คือแม่ข้า
ร่างนี้ไม่ควรเป็นสิทธิ์ของหมู่ปลา
พระคุณแม่เหนือคงคาและสายธาร”


อาศัย“พระคุณ”ผู้กำเนิดเชิดหน้าสู้
พร้อมดำรงชีวิตอยู่อย่างกล้าหาญ
ก่อเกิดเป็น “พระอิคคิว” ในตำนาน
ย้ำเตือนถึง “พระในบ้าน” รีบแทนคุณ





ปล.พระโซจุน เป็นนามเดิมของพระอิคคิว(อิคคิวซัง) ขณะที่บวชที่วัดไซกอนจิ เมื่อครั้งหลวงพ่อเคนโอมรณภาพ ด้วยความกตัญญู โซจุนจึงออกจากวัดไซกอนจิไปพักที่วัดอิชิยามา เพื่ออดอาหารเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลให้หลวงพ่อเคนโอพระอาจารย์ของตนเองต่อหน้าพระโพธิสัตว์ แต่ก็ยังไม่สามารถคลี่คลายความสับสนในจิตใจได้ จึงบังเกิดความเศร้าหมองและสิ้นหวัง ไม่รู้ว่าจะมีชีวิต ต่อไปอย่างไรและเพื่ออะไร ความสิ้นหวังนี้เกิดขึ้นรุนแรงจนทำให้โซจุนตัดสินใจกระโดดน้ำตายที่แม่น้ำเซตะ ทางตอนใต้ของทะเลสาบบิวาโกะ แต่เพราะคำว่า “แม่”คำเดียวที่ทำให้เขาระลึกขึ้นได้ และตัดสินใจดำเนินชีวิตอยู่อย่างกล้าหาญ โลกจึงได้รู้จักพระอิคคิวได้จนถึงปัจจุบันนี้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 72 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 9 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร