วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 16:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 63 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 01:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


- คนตาบอด ๑ คนตาเดียว ๑ คนสองตา ๑ เป็นไฉน?

- บุคคลที่มีจิตเหมือนแผลเก่า ๑ บุคคลที่มีจิตเหมือนฟ้าแลบ ๑ บุคคลที่มีจิตเหมือนเพชร ๑ เป็นไฉน?

- บุคคลผู้เปรียบด้วยรอยขีดที่แผ่นหิน ๑ บุคคลผู้เปรียบด้วยรอยขีดที่แผ่นดิน ๑ บุคคลผู้เปรียบด้วยรอยขีดที่น้ำ ๑ เป็นโฉน?

- สิ่งที่ปกปิดไว้ ๓ ประการแล้วทำให้เจริญ สิ่งที่เปิดเผลย ๓ ประการแล้วทำให้เจริญ คือออะไรบ้าง?

- โลกมีอะไรหนอเป็นเครื่องประกอบไว้? อะไรหนอเป็นเครื่องเที่ยวไปของโลกนั้น เพราะละขาดซึ่งธรรมอะไรจึงเรียกว่านิพพาน

- อะไรหนอเป็นใหญ่ในโลก?

- อะไรหนอเป็นยอดแห่งกามทั้งหลาย?

- ฆ่าอะไรแล้วย่อมอยู่สุข ฆ่าอะไรแล้วไม่เศร้าโศก?

- ก็อย่างไรเล่า? บุคคลแม้เป็นผู้มีกายกระสับกระส่าย แต่หาเป็นผู้มีจิตกระสับกระส่ายไม่

- ก็อย่างไรเล่า? บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้มีกายกระสับกระส่ายด้วย จึงชื่อว่าเป็นผู้มีจิตกระสับกระส่ายด้วย

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แก้ไขล่าสุดโดย Supareak Mulpong เมื่อ 06 มิ.ย. 2011, 19:24, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 20:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


เฉลยอันเก่าก่อนซิท่าน....จะรีบไปไหนหน่า :b31: :b31:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


ทางที่ไม่เคยไป ทิศที่ไม่เคยเห็น ก็คือ นิพพาน

ยุคนัทธวรรค วิราคกถา
viewtopic.php?f=7&t=38129

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ทางใดที่พระโสดาบันเห็น
และเพราะละสิ่งใดเสียได้จึงเห็นทางนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 22:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทางที่ไม่เคยไป ทิศที่ไม่เคยเห็น ก็คือ นิพพาน
:b8:

แห่ม...สั้น ๆ นี้น่าตอบ...ยาว ๆ อย่างท่านซุปฯ..ต้องใช้เวลา :b12:

อ้างคำพูด:
ทางใดที่พระโสดาบันเห็น
...ทางพ้นทุกข์

อ้างคำพูด:
และเพราะละสิ่งใดเสียได้จึงเห็นทางนั้น
...ละร่างกายจากใจ

เอิ้ก....เอิ้ก.....เอิ้ก..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2011, 22:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


พยายามอีกหน่อยครับคุณกบ เกือบแล้วครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2011, 02:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


เฉลย

ทางที่พระโสดาบันเห็นคือ อริยมรรคมีองค์แปด
และเพราะละวิจิกิจฉาออกเสียได้จึงเห็นทางนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2011, 00:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2011, 23:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: อนุโมทนากับทุกท่าน มันไม่มีอะไรที่เป็นกุศลกว่านี้ มันเป็นธรรมมะที่งดงาม เราเอาเรื่อง ที่เป็นแก่นมาเล่าสู่กันฟัง ไม่ต้องการมาบอกว่าใครรู้มากกว่ากัน บอกและเข้าใจตรงกันว่า ฉันมีอะไรดีๆจะมาบอก เรามีเวลาน้อยมาก เมื่อเทียบกับกัลยาณมิตร ที่มาสนทนากัน เราจึงเลือกอ่านเฉพาะบางเรื่อง ที่สนใจ
......สำหรับเรื่องปริศนาธรรมนี้ บางครั้งมันเหมือนหัวใจหรือปมปริศนา ที่จะทำให้เรากระจ่างในข้อธรรม
ข้อใดข้อหนึ่ง ที่อาจเป็นเรื่องเฉพาะ หรืออาจเป็นสรุปภาพใหญ่ ของการปฏิบัติ อย่างเช่น ของหลายท่านที่โพสท์มา เราอาจเรียนพุทธศาสนา ตั้งแต่เรื่องศีล สมาธิ ปัญญา หรือบางคน อาจเริ่มจาก ทานเสียก่อน
.....แต่ธรรมมะนี้ มันลาดเอียงไป บ่า ไปจริง มันค่อยๆลุ่มลึกลงไปเรื่อยๆ เหมือนที่เรากล่าวไว้ในกระทู้ หนึ่งว่า ตอนแรก ก็คิดว่าธรรมมะ คือกล้วยทั้งเครือ เรียนไปปฏิบัติไป รู้จักแยกกล้วยเป็นหวี เรียนต่อไป รู้จักบ่มกล้วยทั้งหวีให้เปลี่ยนจากกล้วยดิบสีเขียวเป็นกล้วยสุขสีเหลือง รู้จักแยกผลกล้วยออกจากหวี รู้จักปลอกเปลือกกล้วย ทานเนื้อกล้วย รู้รสกล้วยแล้ว เปลือกก็ทิ้ง หวีก็ทิ้ง เครือก็ทิ้ง ไม่ยึดอะไรไว้เลย ทีนี้อยากจะบอกว่ารสกล้วยเป็นอย่างไร อย่างที่พระพุทธองค์ทรงบอกเรา หลวงพ่อชา หรือพระอริยะองค์อื่นที่เขีนยบอกถึงรสกล้วย เป็นตัวหนังสือ(สมมุติบัญญัติ)ไว้ เราจึงต่าง รู้จักรสกล้วยได้ไม่ตรง ไม่เหมือนคนที่ ได้ทานเนื้อกล้วยไปแล้ว
......อันนี้แหละปริศนาธรรมที่เรากล่าวกัน บางคนกล่าวสรุปให้ฟังทั้งหมด ตั้งแต่ตอนไปตัดเอาเครือกล้วย จนถึงได้ลิ้มรสกล้วยแล้ว บางคนก็พุดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับกล้วยทั้งเครือ บางคนพูดถึงวิธีบ่มกล้วย
แต่ที่เราว่าเว่ยหลางท่านกล่าวไว้ว่าจิตเดิมแท้นี้คือพุทธะ อันนี้คือตอนปอกเปลือกกล้วย เพื่อจะลิ้มรสกล้วยแล้ว พระพุทธองค์ก็กล่าวว่าจิตเดิมของเรานั้นประพัสสร หลวงปู่ดุลย์ยิ่งย้ำหนักลงไปว่า คนที่ยังติดอยู่ในตำราและอาจารย์ ไม่อาจพ้นทุกข์ได้(เพราะเราไม่ทิ้งเปลือก ก็พบจิตเดิมแท้ไม่ได้) เราอาจจะพูดลึก ท่านกล่าวยิ่งกว่านั้น ว่าในเมื่อเราไม่รู้จักจิตเดิมแท้ ซึ่งเป็นพุทธอยู่ภายใน เราจึงเที่ยวส่งจิตออกนอก [u]ซึ่งหมายถึงเอาความป็นพุทธะ ไปตามหาความเป็นพุทธะอยู่ มันจึงไม่มีทางพบ[/u] ต่อให้เราแบกกลดข้ามเขาไปสักสิบลูก ตามหาอาจารย์สักสิบรูป ท่านก็จะไม่พบความเป็นพุทธะ
.....เพราะความเป็นพุทธมันอยู่ที่จิตนี้ เพียงแต่เราหาวิธีที่จะลอกเอาอวิชชา ตัณหา และอุปาทาน ซึ่งมาครอบงำจิต เพิ่มขึ้นทุกวัน ตั้งแต่ดื่มนมแม่ครั้งแรกออกจากจิตให้ได้ ด้วยการปฏิบัติธรรม ซึงความจริง
ก็ไม่จำเป็นต้องข้ามเขาไปที่ไหน เพราะธรรมมะทั้งหมด มันอยู่ในร่างกาย ที่ยาววา หนาคืบ ของเรานี้เอง...เจโตวิมุติ/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2011, 03:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ความศรัทธาของคนเรานั้นอาจจะเกิดขึ้นในสภาวะแค่ช่วงสกิดใจของคำพูดคน แค่สั้นๆแต่อาจเปลี่ยนชีวิตเราทั้งชีวิต ตัวผมเองจำได้2ประโยคที่เปลี่ยนตัวเองจากไม่เชื่อใน โลกหน้า เวียนว่ายตายเกิด เป็นคนหลายศาสนาคือ เคารพหมดและยกศาสดาของแต่ละศาสนามาเคารพด้วยจิตที่เป็น ข้ารับใช้เห็นดีเห็นงามไปกับเขาเสียทุกเรื่องมีข้อห้ามอะไรก็ถือกับเขาหมดไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง แล้วมาน้ำตาไหลเพราะมาเปิดอ่านหนังสือวิปัสสนาว่าด้วยคำพูดแค่คำว่า คนเราคือกองทุกข์เคลื่อนที่ ในเมื่อมันเป็นทุกข์แล้วมันจะสุขได้อย่างไร คำสกิดใจสั้นๆทำให้เราเหมือนมีคนมาส่องทางในความมืดเปิดอ่านต่อไปกลายเป็นคนใหม่ตั้งแต่วันนั้น

แล้วยิ่งมาศรัทธาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจากพระพุทธพจน์ที่ท่านตอบคำถามเทวดาองค์หนึ่งว่า ท่านข้ามห้วงโอฆะนี้ได้อย่างไร พระพุทธเจ้าตอบว่า เราไม่หยุดและไม่พยายาม ข้ามห้วงโอฆะนี้ได้ นั่นคือพุทธพจน์สั้นๆที่เราได้เห็นปัญญาของพระพุทธเจ้าว่าท่านเป็นผู้ที่ดับกิเลสได้จริงๆ ซึ่งมีความหมายว่า เราไม่หยุดทำความเพียร และไม่พยายามสร้างกิเลสให้เพิ่มขึ้น

ทำให้ผมเกิดความศรัทธาอยากจะรู้ชีวิตของพระพุทธเจ้าด้วยการเพิ่มเวลาให้กับการปฏิบัติในโลกของการแข่งขันใบนี้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2011, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: สมัยหนึ่ง มีคนพบผลไม้ชนิดหนึ่ง(ผลมะม่วง) แต่ไม่รู้จัก ว่าเป็นผลอะไร เห็นลิงมันกินได้
ก็ลองเก็บมากินบ้าง ก็เลยได้รู้รสผลไม้ชนิดนั้น รู้รสแล้ว ผลเป็นอย่างนี้ รสชาด เป็นอย่างนี้ ชื่อจึงหมดความสำคัญลงไปมาก เขาเป็นคนที่รู้จักรสชาดของมะม่วง แต่ไม่รู้จัดชื่อ(สมมุติบัญญัติ)
.....สมัยไม่ต่างกัน คนอีกคน เห็นคนหาบมะม่วงเดินมา ก็เอ่ยปากถามเขาว่า นั่นผลอะไรสวยดี
เขาก็บอกว่าผลมะม่วง แล้วก็หยิบให้ไว้ผลหนึ่ง แล้วหาบมะม่วงจากไป ชายคนนั้นเมื่อได้ผลมะม่วง ก็เดินเข้าไปในหมู่บ้าน เจอใครๆ ก็อวดว่านี่แน่ะท่าน ผลไม้นี้ เขาเรียกมันว่าผลมะม่วง เห็นไหมผลมันสวยดี ทำอยู่เช่นนี้นานวันจนมะม่วงเน่า เลยไม่รู้จักรสของมะม่วง คือรู้แต่ชื่อไม่รู้รส
....ชายคนที่3 ก็ได้มะม่วงหนึ่งผลเหมือนกัน เขาให้มา ก็ใส่ใจถามว่ามันเรียกผลอะไร ทานได้ไหมต้องบ่มให้สุกหรือเปล่า เมื่อเข้าใจดีแล้ว ก็นำผลมะม่วงไปบ่ม จนสุก เหลืองดีแล้ว ทานเนื้อ รู้รสแล้ว เปลือกและเมล็ดก็ทิ้งไป เขาคือผู้ที่รู้จักทั้งชื่อและรสชาดของมะม่วง
.....ชาย3คนนี้ ถ้าเปรียบคนศึกษาธรรมมะ ขายคนแรกคืออรหันต์ผู้ไม่รู้หนังสือ ไม่หมกมุ่นในตำรา เอาแต่เรื่องจิต เรื่องของการปฏิบัติ จนบรรลุธรรม
....ชายคนที่สอง เหมือนผู้สนใจธรรมมะ จำนวนมาก ที่วันๆเอาแต่นั่งท่องคำภีร์ แล้วมาเล่าอวดกัน โดยไม่ยอมลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง
....ส่วนชายคนที่ สาม ก็เหมือนอาจารย์มั่น หลวงพ่อชา หลวงปู่ดุลย์(อีกหลายรูป) ที่เรื่มจากการเรียนปริยัตร จนแตกฉาน(สอบได้นักธรรมทุกรูป) แต่ที่สุดค้นพบว่าการท่องบ่นตำรา อย่างเดียงไม่อาจพ้นทุกข์ จึงหันหลังให้เมือง แบกกลดเข้าป่าเป็นพระกรรมฐาน กลายมาเป็นพระอริยะเจ้า ครูบาอาจารย์แท้ ของคนรุ่นหลังสืบมา
....ที่เรากล่าวนี้ไม่มีเจตนาประชดประชันใคร ด้วยจิดประสงค์ ให้เกิดประโยชน์เกื้อกูลโดยแท้ อย่าแปลเจตนาเป็นอย่างอื่น อ้ออีกอย่าง หลวงพ่อชา ทานยังย้ำว่า รู้จากการอ่าน รู้จากการถามนั้นมันไม่หมดสงสัย แต่รู้จากการปฏิบัตินี้ มันหมดสงสัย มันเข้าใจตรงกันโดยแท้....เจโตวิมุติ/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 07:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวแดง....กำลังคิดทำอะไรอยู่.. s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


การอยู่ร่วม ๔ ประการ คือ

ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงผี ๑
ชายผีอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา ๑
ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงผี ๑
ชายเทวดาอยู่ร่วมกับหญิงเทวดา ๑

เป็นอย่างไร?

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อะไรหนอย่อมทรุดโทรม?
อะไรไม่ทรุดโทรม?
อะไรหนอท่านเรียกว่าทางผิด?
อะไรหนอเป็นอันตรายแห่งธรรม?
อะไรหนอสิ้นไปตามคืนและวัน?
อะไรหนอเป็นมลทินของพรหมจรรย์?
อะไรไม่ใช่น้ำแต่เป็นเครื่องชำระล้าง?

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มิ.ย. 2011, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ค. 2009, 09:26
โพสต์: 1517

แนวปฏิบัติ: วิปัสสนาภาวนา
อายุ: 39
ที่อยู่: ลำพูน

 ข้อมูลส่วนตัว


อะไรหนอเป็นทรัพย์เครื่องปลื้มใจอย่างประเสริฐของคนในโลกนี้?

อะไรหนอที่บุคคลประพฤติดีแล้วนำความสุขมาให้อะไรหนอเป็นรสดีกว่า?

บรรดารสทั้งหลาย คนมีชีวิตเป็นอยู่อย่างไร? นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่ามีชีวิตประเสริฐ ฯ

.....................................................
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา..."
"... ไม่เที่ยง เกิดดับ ..."


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 63 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร