วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


กฎการใช้บอร์ด


รวมกระทู้จากบอร์ดเก่า http://www.dhammajak.net/board/viewforum.php?f=28



กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


เทวดา กับ การสวดมนต์

“หลวงพ่อครับ กระผมอยากทราบความคิดเห็นของหลวงพ่อ
ที่มีต่อเทวดาที่เขาสวดชุมนุมเทวดานั้น จะมีจริงหรือไม่”

หลวงพ่อจรัญท่านตอบในทันทีว่า
“อาตมาเชื่อ ทำไมจึงเชื่อ อาตมาจะเล่าให้ฟัง”

แต่ เดิมนั้นอาตมาไม่เคยเชื่อเรื่องเทวดา เพราะอาตมาไม่เคยสัมผัสนี่
แล้วอาตมาจะไปเชื่ออย่างไร
ในเมื่อ แม่ชีก้อนทอง ปานเณร อายุ ๘๗ ปี
มาบอกกับอาตมาว่า เทวดามาสอนสวดมนต์

แม่ชี มาเรียนกรรมฐาน อาตมาสอนให้เดินจงกรม ให้พิจารณาเห็นหนอ
แต่แม่ชีเดินจงกรมแล้วไปคิดถึงเทวดา ไปเพ่งเทวดาเข้า เทวดาก็มา
แกก็เก็บเงียบไว้ แต่แล้วในที่สุดแกก็เก็บไม่ไหว
ต้องการให้มีใครสักคนได้รับรู้เอาไว้ แกจึงมาบอกอาตมาว่า

“หลวงพ่อ ดิฉันเห็นเทวดาเจ้าค่ะ มาสอนสวดมนต์ให้ด้วยเจ้าค่ะ”

“เทวดาที่ไหนกับแม่ชีเอ๊ย อาตมาไม่เชื่อหรอก”

แต่แม่ชีก็ว่าไม่ได้โกหก อาตมาถามว่า “เทวดามาตอนไหนเล่า” แม่ชีบอกว่า

“พอ ดิฉันได้ยินนาฬิกาตี ๑๒ เป็นเวลาเที่ยงคืน
เทวดาก็ปรากฎให้ดิฉันเห็นไม่ได้มาเปล่านะคะ
มาสอนให้ดิฉันสวดมนต์บทเมตตาใหญ่ ดิฉันจึงสวดได้”

อาตมาก็บอกให้แม่ชีไปถามเทวดาว่าอยู่ที่ไหน วันรุ่งขึ้นแม่ชีก็มาเล่าให้ฟังว่า

เทวดา อยู่ที่ต้นพิกุล ต้นพิกุลที่ว่านี่ อาตมาถามผู้เชี่ยวชาญด้านต้นไม้
เช่นหลวงสมานวนกิจ อธิบดีกรมป่าไม่มาที่นี่ ในตอนที่แม่ชีเห็นเทวดา
ประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๐ หลวงสมานฯ ว่า อายุกว่า ๑,๐๐๐ ปี
เทวดาบอกแม่ชีว่า เดิมอยู่บนสวรรค์
แล้วละเมิดกฎต่อนางฟ้าจึงถูกให้ลงมาอาศัยวิมานต้นพิกุลอยู่จนกว่าจะหมดกรรม
แล้วก็บอกวันเวลาเอาไว้ชัดเจน อาตมาก็จดไว้แล้วก็เป็นจริง
พอถึงเวลาก็เหมือนที่เทวดาให้สังเกตสังกา

อาตมา ก็ให้แม่ชีไปถามเทวดาว่า ไปชวนมนุษย์สวดมนต์ทุกบ้านหรือไม่
เพราะอาตมาเริ่มจะเชื่อ เพราะบทเมตตาใหญ่ที่แม่ชีสวดนี่
อาตมาไปหาที่ไหน ๆ ก็ไม่เจอ จนกระทั่งไปรู้ว่า
สมเด็จพระสังฆราช (แพ) วัดสุทัศน์
ได้นำเอาไปต่อท้ายพุทธมนต์พุทธาภิเษก
และตำรับนั้นไปตกอยู่กับ พระครูลมูล วัดสุทัศน์ฯ
พระครูลมูลนี้เป็นศิษย์สมเด็จพระสังฆราชแพนะ
ทำสมเด็จเนื้อผงดีมากนะ มีละก็เก็บเอาไว้ให้ดีเชียว

อาตมา ไปขอตำรับมาตรวจสอบที่วัด ท่านพระครูลมูลบอกว่าไม่ได้ๆ
ตำรับนี้ของอาจารย์ อาตมาให้ใครยืมไม่ได้
อาตมาก็บอกว่าไม่ได้เอาไปเลย แต่จะเอาไปสอบทานอะไรหน่อย
แล้วก็เล่าความจริงให้ท่านฟัง ท่านก็ใจอ่อนบอกว่า
เอ้าเอาไปเถอะให้ยืมเจ็ดวัน แล้วเอามาส่งคืนนะ
อาตมาก็เอามาเป็นตัวขอมทั้งนั้น อาตมาก็บอกแม่ชีว่า
มาท่องให้อาตมาฟังหน่อย แม่ชีก็เริ่มท่อง ก็แกอายุ ๘๗ แล้วนี่นะ
ก็ยานคางกว่าจะหลุดออกมาได้ตามประสาคนแก่

โยม เชื่อไหมล่ะว่า แม่ชีก้อนทอง คนนี้เป็นคนไม่รู้หนังสือ
อ่านหนังสือไม่ออก ตัวขอมยิ่งไม่กระดิกใหญ่
แล้วเมตตาใหญ่ที่แกท่อง อาตมาก็ไม่เคยเห็นมาก่อน
แกท่องด้วยความมั่นใจ อาตมาสอบกับต้นฉบับขอม
ของท่านพระครูลมูล ปรากฎว่าไงรู้ไหมโยม

“ตั้งแต่ตัวแรกจนตัวสุดท้ายไม่มีผิดเลย”

อาตมาถามว่าเทวดาไปชวนคนสวดมนต์ทุกบ้านหรือเปล่า
เทวดาบอกกับแม่ชีมาว่า

“เปล่าบ้านไหนจัดที่บูชามีโต๊ะหมู่ มีพระพุทธรูปตั้งไว้
แล้วเจ้าของบ้านสวดมนต์ เทวดาก็มาร่วมสวดมนต์ด้วย
พระพุทธรูปเหล่านั้น ที่ไม่ได้เข้าพิธีอะไร เช่ามาบูชาจากเสาชิงช้า
หากเจ้าของบ้านเอามาสวดมนต์ไหว้พระทุกวันด้วยใจศรัทธา
เทวดามาสวดมนต์ หนักเข้าก็เลยเข้าสิงรักษาองค์พระเอาไว้
ก็เลยศักดิ์สิทธิ์ใหญ่ ทำให้เกิดสิริมงคลในครัวเรือน”


หลวงพ่อพระพุทธโสธรนั้น คนกราบไหว้บูชากันมาก
เลยมีเทวดามารักษา ๑๖ องค์ ทำให้เกิดอภินิหารนานาประการ
พระพุทธรูปสำคัญ ๆ ก็มีเทวดารักษาทั้งนั้นแหละ

เทวดา ท่านว่าอย่างนั้นและเทวดาก็ว่าบ้านไหนมีพระพุทธรูปแค่ตั้งโชว์
เทวดาก็ไม่ไปสวดมนต์ เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยทำวัตรสวดมนต์
เทวดาก็ไม่มา ผ่านเลยไปเลย มาไม่ลงมาสวดมนต์
คนเราก็มีเทวดารักษา คนดีมีศีลธรรม เทวดาที่เป็นบัณฑิตรักษา
ถ้าคนชั่วขี้เหล้าเมายาทำชั่ว เทวดาพาลพวกมิจฉาทิฐิก็มารักษา

อาตมา ถามต่อไปว่าแล้ว “เวลาพระสัคเคกาเมจะรูเป เทวดาลงมาหรือไม่”
เทวดาว่า “รีบลงมา เทวดาบัณฑิตมาก่อน
พอเห็นเจ้าภาพกินเหล้าเมาหงำกันในงานบุญก็เบ้หน้าแล้วกลับ
เทวดาพาลก็เข้ามาแทนที่ เลยเกิดเรื่องเกิดราวตูมตามนั่นแหละ


คุณดอน เจดีย์ จาก น.ส.พ.มหัศจรรย์
เขียนจากคำบอกเล่าของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
(ครั้งยังเป็นพระครูภาวนาวิสุทธิ์)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ส.ค. 2005, 10:46
โพสต์: 12074

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ชาวคริสต์กับพระพุทธคุณ

มีชาวคริสต์คนหนึ่ง มีลูกชายคนเดียวอยู่แถวลาดพร้าว อายุ ๕๑ ปี
สามีตายเป็นเศรษฐีที่ กทม. ราชาที่ดิน
ที่ดินข้างคลองแสนแสบของเขาทั้งนั้น
ไปจรดตลาดลาดพร้าวหลายร้อยไร่
เมื่อสมัยก่อนก็ขายได้หลายร้อยล้าน
เป็นผู้มีเงิน ลูกชายเรียนหนังสือไม่เก่ง
ก็ส่งลูกไม่เรียนนอก ไปเรียนปริญญาที่อเมริกา
ลูกไม่เอาไหน ไปก็ไปซื้อรถเก๋ง พาจิ๊กโก๋ไปหาจิ๊กกี๋ ๓ ปีแล้ว
ก็มีหนังสือมาหลอกแม่เรื่อย
เรียนใกล้สำเร็จแล้วขอเงินอีก ๑ แสน อีก ๕ แสน

แล้วในที่สุด เขาไม่รู้จะไปหาที่พึ่งที่ไหน ก็ไปหาหมอดู
หมอดูก็เอาเงิน สะเดาะเคราะห์
ไปหาหมอทำก็ไม่สามารถทำให้เรียนสำเร็จได้
แต่พอดีมีคนที่สิงห์บุรีไปเป็นลูกจ้างบ้านนั้น เขาเป็นนายทุนให้
ก็พากันไปนครสวรรค์ กลับมาเขาก็เลยอยากให้อาตมาช่วย
เขาก็พามาแวะ เขาบอก “อย่าแวะ” ก็เลยแกล้งเพทุบายว่า
“ปวดท้องแวะเข้ามาแวะวัดนี้หน่อย จะหาห้องน้ำ" แวะเข้ามาแล้ว
นายทุนคนนี้ก็เข้าห้องน้ำด้วย คนนั้นก็มาบอกกับอาตมาว่า
“หลวงพ่อช่วยทีเถอะ” แต่อาตมาก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคริสต์ บอก
“ช่วยหน่อยเถอะ เขามีลูกชายคนเดียว ผมก็ขอยืมเงินเขาใช้เรื่อย”
เราก็นึกในใจขอดูหน้าก่อน แล้วเขาก็พามา
แล้วก็บอกให้ฟังว่าลูกชายไปเรียนที่อเมริกาไม่เอาไหนเลย
พอรู้ว่าเขาเรียนไม่สำเร็จ ไปเที่ยวพานักศึกษาไทยไปเสียหายกัน
ฉันก็จะเป็นโรคประสาทแล้ว ท่านจะมีทางช่วยได้ไหม
ดูหน้าแล้วก็รู้ว่าลูกชายต้องสำเร็จปริญญาโท
แล้วจะสำเร็จปริญญาเอกด้วย แต่ทำไมเรียนไม่สำเร็จ เดี๋ยวมีวิธีแก้
เพราะลักษณะบอกให้รู้ถึงลูกด้วย
ว่าลูกชายต้องเรียนสำเร็จ แต่ทำไมเรียนไม่สำเร็จ มีวิธีแก้

อาตมาก็บอกว่า “โยมไปสวดมนต์ สวดพุทธคุณ ๕๒ จบ เพราะตอนนี้อายุ ๕๑”
เขาก็บอก “ฉันสวดไม่ได้ ฉันเป็นคริสต์”
“พระบิดา พระบุตร พระจิต สวดได้ไหม?”
ฉันก็เป็นคริสต์แบบชาวพุทธที่สวดมนต์ไม่เป็น
ไปวัดเข้าโบสถ์ก็เข้าไปอย่างนั้นเอง วันนั้นก็เจ๊าไปไม่ยอมรับ

ก็อยู่ได้อีก ๔ - ๕ เดือน อาตมาจำหน้าได้ ทีนี้ไม่มีคนพามาเขามากันเอง ๓ คน
บอกว่า “ฉันยอมจำนน” บอก “เอาอย่างนี้ โยมไปซื้อหนังสือสวดมนต์เข้าเล่มหนึ่ง”
“ฉันไม่อยากให้หนังสือสวดมนต์มีในบ้านฉัน ท่านช่วยเขียนให้หน่อย"
อาตมาก็ต้องเขียน พอตอนหลัง ขี้เกียจเขียน ต้องพิมพ์เป็นใบ
นี่พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา
“ฉันไม่นับถือพระ ฉันจะสวดได้หรือ” ที่นอนนั้นแหละ สวดไปก่อน
อาตมาหาอุบายเลย ก็สวดพาหุงมหากา “ฉันท่องไม่ได้”
“อ่านตามตัว” “แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรว่า อายุ ๕๑ สวด ๕๒”
“ใช้ก้านไม้ขีดทิ้งเข้าซิ ทำไปก่อน” เขาเลยมั่นใจ
คิดว่าจะทำได้บอกว่า “โยมสวดมนต์เสร็จแล้ว แผ่เมตตาให้ลูก
อย่าด่าลูกนะ อย่าแช่งลูก ให้ลูกมีความเจริญสุข
และให้ลูกมีความตั้งใจเรียนหนังสือให้สำเร็จ”
พอไปสวดได้ ๓ เดือนท่องได้หมดเลย
หนักเข้าไม่ต้องใช้ก้านไม้ขีดแล้ว จึงเกิดอานิสงส์ ๒ ประการ

หนึ่ง โรคประสาทหาย กินได้นอนหลับ ชื่นอกชื่นใจนอนหลับ
เมื่อนอนหลับก็ใจดี เริ่มแผ่ส่วนกุศลให้ถึงลูกแล้ว
บุญกุศลของแม่จะถึงลูก ถึงตอนไหนรู้กันตอนนี้
เพราะลูกนี่เฟ้อในการเงิน ขอเงินแม่เรื่อย
ไม่รู้จักบุญกุศลของแม่แต่ประการใด
วันนั้นบุญกุศลของแม่ถึง ประมาณ ๖ เดือน
หลังสวดมนต์ อาตมาจดไว้
วันนั้นพอดีลูกชายพานักศึกษาไทยไปส่งด้วยทุนของตัวเอง
ไปเที่ยวขับรถ ไปชนเสาไฟฟ้า เพื่อนอยู่ข้างหลัง
กระเด็นออกจากรถหมดไม่ตายไม่เป็นอะไรเลย
แต่เจ้านี่ต้องไปอัดก๊อปปี้กับเสาไฟฟ้าเสาล้ม
ต้องเสียเงินหลายแสน
พวงมาลัยอัดหน้าอก ไปโคม่าอยู่โรงพยาบาลไม่รู้สึกตัว
แล้วพอดีมีลูกพี่อยู่คนหนึ่งเป็นแพทย์อยู่ที่อเมริกา
เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ก็ไปเยี่ยม ถ้าจะไปไม่รอด ตายแน่
ก็ให้อ๊อกซิเยน นายแพทย์อเมริกันบอกว่าไม่รอด

วันนั้นผ่านไป รุ่งขึ้นลืมตาพอรอดมาแล้วปวดเมื่อย
จะตายน้ำตาร่วงคิดถึงแม่ นี่คนเราพอมีทุกข์ถึงจะคิดถึงแม่
มันเฟ้อไปในสังคม มันจะไม่คิดถึงแม่ บางคนอายุ ๘๐ แก่จะตาย
เวลาใกล้ตายหลงคิดถึงแม่ ร้องแม่จ๋า แม้กระทั่งแม่ตายไปตั้งนานแล้ว
อย่างนี้แน่นอน มันทุกข์หนัก
บอกปวดเมื่อยทั่วสรรพางค์กาย คุณแม่จ๋ารำพึงรำพันคิดถึงแม่

ข้อสอง ลูกคิดถึงแม่ ถ้าแม่ทราบว่าหนูไม่ได้เรียนหนังสือ
แล้วแม่จะเสียใจแค่ไหน แม่ทราบเข้า ก็ดีอกดีใจ มาวัดเลย
เลี้ยงเพลพระ พระสวดธรรมจักรให้ ๑ จบ
ในที่สุดพอลูกชายกลับมาจากอเมริกา พาลูกมาวัดเลย
อาตมาให้พระบูชาไป ๑ องค์ แม่เล่าเรื่องให้ลูกฟัง เพราะเหตุอย่างนี้
ลูกสวดมนต์ภาวนาแล้วเข้าไปวัดไทยไปนั่งวิปัสสนาที่เมืองนอก
เจ้าคุณเทพโสภณ (ปัจจุบันคือ พระธรรมราชานุวัตร) หรือหลวงเตี่ย
ปัจจุปันจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเทพฯ
รู้จักแต่ไม่รู้เรื่องของวัดอัมพวัน
รู้ว่าเจ้านี่มันนักกรรมฐานปริญญาเอก เดี๋ยวนี้ไม่ยอมกลับบ้าน
แม่บอกหลวงพ่อให้ฉันสวดมนต์อะไร
ให้ลูกกลับเมืองไทย “ไม่มีกลับ” เรารู้แล้วไม่กลับแน่

อันนี้ได้ผลแน่นอน ขอฝากไว้ว่าเด็ก หรือใครก็ตามต้องประสบทุกข์
จึงฉุกคิดถึงแม่ ถ้าไม่ประสบทุกข์ให้เงินไปมันเฟ้อ ไม่คิดถึงแม่
ต้องประสบทุกข์จึงจะเห็นตัวธรรมะ เห็นอกเห็นใจเลยเชียว
เขาเล่าให้อาตมาฟัง บอกหลวงพ่อครับผมไม่คิดถึงแม่เลย ๓ - ๔ ปีที่อยู่อเมริกา
แต่ก็คิดถึงแม่ ว่าอยู่กับแม่ ป้อนข้าวให้ พัดวีให้ ได้คิดอย่างนี้เลยจึงกลับ
แม่ก็เลยเล่าให้ฟังว่า หลวงพ่อนี่ช่วยเอาไว้ เขาเลื่อมใสอาตมาบอกว่า
“ถ้าเชื่อนะไปตัดผมเดี๋ยวนี้” เพราะผมเขายาวประบ่า เลยตัดผมที่สิงห์บุรี
เจ้าคนนี้บอกว่า “แหมหลวงพ่อ ผมนี่ผลาญเงินแม่ไปหลายล้านบาท”
นี่เห็นได้ชัดมาก ดังที่กล่าวมาแล้ว
อาตมาก็ตั้งตำรา ถ้าคนไหนเคราะห์ร้ายสวดพุทธคุณ

จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่ม ๓
เรื่อง อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์
http://www.jarun.org/v6/th/lrule03r0801.html


จ่าสอบเป็นนายร้อย

จ่าที่ศูนย์ปืนใหญ่นี่บอกว่า หลวงพ่ออีก ๒ - ๓ ปี
อายุผมเกินแล้วสอบนายทหารไม่ได้ เสียเงินไป ๒ หมื่นก็ไม่ได้
“อย่าไปพูดเรื่องเสียเงินเสียยี่ห้อทหาร สองคนผัวเมียสวดมนต์ได้มั๊ย”
ต้องได้แน่ “สวดสองคนเลย” พวกทหารศูนย์ปืนใหญ่ เขาบอก
สงสัยบ้านจ่านี่ถ้าจะบ้าแล้วพอผัวจะไปทำงาน
“นี่แม่อีหนูมาสวดมนต์แทน ฉันจะไปทำงาน”
เมียก็สวดใหญ่เพื่อน ๆ มาเยี่ยม ไปเถอะขาขาด
เคยไปเล่นไพ่ด้วยกัน เลิกเล่นมานั่งสวดมนต์

ในที่สุด สอบนายทหารได้ เดี๋ยวนี้เป็นพันตรีไปแล้ว
แล้วร่ำรวยมีเงินให้นายทหารกู้ จ่าคนนี้ พอสวดมนต์ มีเงินและมีไร่
ที่อำเภอพัฒนานิคม มีสวนมะพร้าว มะพร้าวเยอะแยะ
มันเป็นความจริงขึ้นมา ไม่ใช่ขลังด้วยคาถา แต่ขลังด้วยสติ
สวดมนต์แล้วก็มีสติขึ้นมา ปัญญาก็เกิด สอบเขียนก็ได้เลย
ตอนเสียเงิน ๒ หมื่นไม่ได้ เขาบอกข้อสอบให้ยังไม่ได้
บอกสวดพุทธคุณเข้า ได้ทุกราย อาตมาอบรมนักศึกษาที่มานี่
ติดตามโดยต่อเนื่องไม่ใช่ไปบอกขอกฐินผ้าป่า ต้องการประเมินผล
ขอให้เธอทำตามบางคนบอกว่า ฉันเรียนสำเร็จวิชาครูมาทำอะไรไม่ได้
บอก หนูไม่จำเป็นต้องเป็นครู มานั่งกัมมัฏฐานสวดมนต์เข้า
ไม่จำเป็นต้องวิชาที่เรียนตรงเลย
มันจะเกิดมีคนอุปถัมภ์ช่วยเหลือผลักดันให้ไปจนได้โดยวิธีนี้

จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่ม ๓
เรื่อง อานิสงส์ของการสวดพุทธคุณ โดย พระธรรมสิงหบุราจารย์
http://www.jarun.org/v6/th/lrule03r0801.html


โรคเบาหวานหายได้

ท่านนายกพุทธสมาคมและสมาชิกสภาจังหวัดอุทัยธานีท่านหนึ่ง
มีธุระต้องนำหนังสือเชิญคณะกรรมการพุทธสมาคม จังหวัดอุทัยธานี
มาประชุมประจำเดือน จึงขึ้นรถเครื่องตระเวนไปส่งหนังสือจนครบทุกคน
แล้วรีบกลับบ้าน เพื่อเตรียมวานการประชุมต่อไป
ครั้นรถเครื่องวิ่งมาถึงสี่แยกไฟแดงวัดสังกัสรัตนคีรี
มีรถกะบะวิ่งสวนมาอย่างรีบร้อน หักพวงมาลัยเลี้ยวขวาอย่างรวดเร็ว
เป็นจังหวะที่รถของท่านกำลังวิ่งสวนมา จึงเกิดเฉี่ยวชน
ถูกขาขวาของท่านหัก และมีบาดแผลที่ขาอีกหลายแห่ง
กระเด็นลงไปกลิ้งอยู่กับถนน แต่ไม่มีส่วนอื่นใดอีกที่ได้รับอันตราย
รถเครื่องเสียหายเพียงเล็กน้อย รถกะบะไม่เสียหายอะไรเลย
ปรากฎว่าผู้ขับขี่รถยนต์กะบะ เป็นผู้หญิงออกรถยนต์มาใหม่ ๆ
คาดว่าชั่วโมงการขับคงยังมีน้อย
เพราะก่อนหน้าสักวันหรือสองวันก็ปรากฎว่า ขับชนกับเสาไฟฟ้ามาแล้ว
คนขับเขาไม่มีเจตนาที่จะขับชน แต่เป็นเพราะท่านขับรถช้าเอง
มีผู้นำส่งโรงพยาบาลอุทัยธานี วันนั้นหมอกระดูกไม่อยู่
ต้องทรมานปวดอยู่อีก ๑ วัน วันรุ่งขึ้นจึงได้เข้าเฝือก
คงจะเป็นกรรมที่ขับรถชนสุนัขขาหักกระมัง

ก่อนจะถูกรถชนครั้งนี้ เป็นเวลาหลายวันมาแล้วที่ท่านไม่มีความสบายใจ
ใจคอห่อเหี่ยวและหดหู่ เห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเป็นสิ่งที่ไม่น่าดู
เห็นผู้คนแปลกหน้าไปหมด เบื่อสังคม ดูโลกไม่สดชื่นเลย
นอนก็ไม่ค่อยจะหลับ ประเดี๋ยวก็ตื่น นอนหลับไม่ถึง ๓๐ นาทีก็ตื่นแล้ว
ไม่ทราบว่าเป็นอะไร จึงต้องขอพึ่งพระรัตนตรัย
เข้าห้องพระ สวดมนต์ ทำสมาธิ อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรและแผ่เมตตา
ทำให้นอนหลับในห้องพระนั้นได้บ้าง เป็นที่กังขาของแม่บ้านยิ่งนัก

แต่ก็นับเป็นสิ่งที่แปลกมากอยู่เหมือนกัน
เมื่อถูกรถชนแล้ว ใจกลับรู้สึกปลอดโปร่ง มีกำลังใจดี
บอกกับบุตรภรรยาว่า อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด ท่านไม่มีห่วงอะไรแล้ว
แม้จะพิการหรือถึงแก่เสียชีวิตเพราะมีอายุที่ได้ใช้มาคุ้มทุนแล้ว
อายุที่อยู่ในปัจจุบันเป็นส่วนของกำไร จึงขอให้ทุกคนทำใจให้ได้

อนึ่ง ท่านเป็นโรคเบาหวาน ตรวจพบหลายปีแล้ว
มีค่าน้ำตาลในโลหิต ๒๐๕ มิลลิกรัม ต่อ ดีแอล
หมอสั่งให้รับประทานยาเป็นประจำ แต่ก็ไม่ยอมลด เข้าโรงพยาบาลครั้งนี้
นอกจากรักษาโรคกระดูกหักแล้ว ยังต้องรักษาโรคเบาหวานอีกด้วย
เข้าโรงพยาบาลรักษาแผลเป็นเวลาได้ ๑ เดือน
บาดแผลที่ขาก็ไม่หายและมีทีท่าว่าจะติดเชื้อ
ตรวจโลหิตเบาหวานก็ไม่ยอมลด ฉายเอ๊กซเรย์กระดูกปรากฎว่า
ไม่ยอมติดกันเลย จึงสอบถามนายแพทย์ชยันตร์ ตันวัฒนกุล
ซึ่งเป็นหมอประจำตัวว่าจะต้องถูกตัดขาหรือไม่
หมอตอบว่ามีทางเป็นไปได้ ในระหว่างนี้อยู่ในเกณฑ์ ๕๐
หมอจึงทำการผ่าตัดโดยนำเอาเนื้อที่สะโพกไปปะที่ขาทั้ง ๓ แผล

ในระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลครั้งนี้
ท่านใช้เวลาให้หมดไป ด้วยการอ่านหนังสือธรรมะ
มีหนังสือของหลวงพ่อที่รวบรวมไว้ หนังสือวิปัสสนากรรมฐาน
ของพระธรรมธีราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิ ป.ธ.๙) วัดมหาธาตุ
และของท่านอื่น ๆ อีกมาก เมื่อทราบว่ามีโอกาสที่จะถูกตัดข้าทิ้ง
กลายเป็นคนพิการในไม่ช้านี้ ก็รำลึกถึงหลวงพ่อ
ขอให้ท่านช่วยด้วย บังเกิดแรงดลใจ
นำหนังสืออานิสงส์ของการสวดพระพุทธคุณของหลวงพ่อมาทบทวน
และปฏิบัติตามทันที

ตามปกติก่อนนอน ท่านก็สวดมนต์เป็นนิตย์
ตั้งจิตภาวนาเป็นประจำ อโหสิกรรมทุกวันอยู่แล้ว
แต่ตอนนี้ เพิ่มการสวดมนต์บทพาหุงมหากาฯ คาถาชินบัญชร
และสวดพุทธคุณเท่าอายุเพิ่มเข้าไปอีก ตอนนั้นท่านอายุ ๖๗ ปี
สวดพุทธคุณ ๖๘ จบ จิตใจปราศจากการฟุ้งซ่าน

เกิดปรากฎการณ์ที่น่าสนเท่ห์ คือแผลที่ขาขวา ๓ แผลนั้น
แผลใหญ่ ๒ แผล เนื้อที่นำมาปะติดนั้นติดกันดี ส่วนแผลเล็กอีกหนึ่งแผล
ไม่ยอมรับเนื้อใหม่ แต่แสดงอาการดีขึ้น รักษาแผลตอนนี้
ใช้เวลาอีก ๑ เดือน บาดแผลใหญ่น้อยก็หาย เมื่อไปฉายเอ๊กซเรย์ดูอีกครั้ง
ปรากฎว่ากระดูกยังไม่ยอมติด เพราะบอบช้ำมาก มีบางส่วนหักป่นไปหมด
จึงนำเข้าห้องผ่าตัด นำกระดูกเชิงกรานไปต่อกระดูกที่ขา
และนำเหล็กไปดามกระดูกไว้ผ่าตัดครั้งนี้
มีแผลที่ ขายาว ๑๕ เซนติเมตร พอครบ ๑๐ วัน ก็สามารถตัดไหมออกได้
บาดแผลไม่มีปัญหาแต่อย่างใดเลย
ท่านรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา ๙๐ วันพอดี
ก็ออกมาพักฟื้นอยู่กับบ้านอีก ๒ เดือน จึงทำการผ่าตัดเอาเฝือกออก
ปัจจุบันสามารถเดินได้โดยไม่ต้องมีไม้ค้ำยัน แต่ยังเดินไม่ได้ดีเหมือนเก่า
หมอจึงสั่งให้ทำกายภาพบำบัดต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง

การที่ท่านรอดพ้นจากการถูกตัดขาทิ้ง เพราะโรคเบาหวานไปได้นี้
ส่วนหนึ่งเป็นด้วยอำนาจของการสวดพระพุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่ง
และอีกส่วนหนึ่งด้วยการดูแลของหมอโรคกระดูก
และเป็นหมอประจำตัวของท่านเป็นอย่างดีด้วย

ผู้ใดที่มีทุกข์เพราะโรคภัยเบียดเบียนก็ดี หรือทุกข์เพราะความผิดหวังก็ดี
หรือทุกข์เพราะประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาก็ดี
ขอให้ลองรำลึกถึง หลวงพ่อและสวดบทพุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่งเป็นประจำ
อาจจะได้รับผลอย่างที่ท่านได้ปฏิบัติมา ท่านได้รับทุกข์เพราะรถชนครั้งนี้
คิดว่าเป็นกรรมที่ทำไว้ ตามมาให้ผลสมดังที่พระพุทธองค์ดำรัสว่า
เราทำดีก็ตาม ทำชั่วก็ตาม เราจักเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
กรรมเก่าเป็นของแก้ไม่ได้ เพราะแล้วไปแล้ว
แต่กรรมที่จะทำใหม่ บุคคลควรละฝ่ายชั่วเสีย
ทำแต่กรรมดี กิเลสนั้นเมื่อคนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็หมดเรื่อง
ส่วนเรื่องกรรมนั้นถึงสิ้นกิเลสเป็นพระอรหันต์แล้ว
แต่ถ้ายังไม่นิพพานก็ยังต้องเสวยผลของกรรมเก่า
ต่อเมื่อนิพพานแล้วจึงจบเรื่องกรรม กมฺมสฺสโกมฺหิ
เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของของตน...


จากหนังสือกฎแห่งกรรมเล่ม ๘
เรื่อง สวดพระพุทธคุณแก้กรรม (โรคเบาหวาน)
โดย ยงยุทธ สาธิตานนท์
http://www.jarun.org/v6/th/lrule08r0101.html


:b44: รวมกระทู้เกี่ยวกับ “การสวดมนต์”
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=44099


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2009, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 20:15
โพสต์: 78


 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นความรู้ในการสวดมนต์อย่างถูกต้องดีจริงๆ ค่ะ :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2009, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


-บทสวดพาหุง มหากาฯ เป็นบทสวด ที่ผู้สวดสวดเพื่อเอาชนะหมู่มารและอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง เป็นบทที่ดีที่สุดบทหนึ่งเลย + พุทธคุณเกินอายุ (ที่สวดให้มีกุศลเกินเข้าไว้ จะได้แผ่ให้ใครก็ง่ายขึ้น) :b39: :b8:

- ใน กท. นี้มีลำดับการสวดมนต์ ซึ่งได้จัดลำดับบทสวดให้สวดได้ง่าย มีความสำคัญมาก มีผลต่ออานิสงส์ของผู้สวด ซึ่งไม่ค่อยมีใครมาโพสท์ไว้ในลานธรรมแห่งนี้ แต่จขกท. มาโพสท์ไว้ ก็ขออนุมทนาบุญอันยิ่งใหญ่อันนี้ด้วยครับ :b40: :b8:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 15:36
โพสต์: 435

ที่อยู่: malaysia

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณลูกโป่ง :b8:
ที่ได้นำธรรมะของหลวงพ่อมาเผยแพร่ถึงจะเคยอ่านมาแล้วหลายๆรอบ
แต่ก็ชอบอ่านอีกไม่เคยเบื่อ เหมื่อนกับคอยเตือนสติอยู่เสมอๆ
ขอให้เจริญทั้งทางโลกและทางธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยค่ะ
ด้วยความเคารพ :b53: :b53: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มิ.ย. 2009, 07:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 พ.ค. 2009, 11:31
โพสต์: 149


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาค่ะ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ มีประโยชน์ หนูรู้อะไรขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ




:b45: :b45: :b8: :b8: :b8: :b45: :b45:

.....................................................
ธรรมมะนี้คือการมีชีวิตเพื่อที่จะเรียนรู้ความจริงของชีวิต
ทุกอย่างล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ตั้งอยู่ไม่ได้
หากยังยึดติด ไม่ปล่อยวาง ย่อมยังเป็นทุกข์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2009, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 21:32
โพสต์: 82

ที่อยู่: นครศรีธรรมราช

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: สวดมนต์เป็นยาทา วิปัสนาเป็นยากิน :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 มี.ค. 2011, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 10:52
โพสต์: 256

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b44: :b8: :b8: :b8: :b8: :b44: :b47:

:b45: :b45: :b45:

.....................................................
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน
พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง
พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ
อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน
ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง
ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2011, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:18
โพสต์: 105

สิ่งที่ชื่นชอบ: การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง
อายุ: 0
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




ดอกบัว 43.jpg
ดอกบัว 43.jpg [ 2.88 KiB | เปิดดู 8215 ครั้ง ]
ขอน้อมนำคำสอนของหลวงพ่อไปปฏิบัติและใช้ในการดำเนินชีวิตนะค่ะ tongue tongue tongue Kiss

.....................................................
“การให้ธรรมะ ชนะการให้ทั้งปวง”

เราต่างเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา...เพราะพระพุทธศาสนาจริง ๆ
ดีได้เพียงนี้ ไม่ดีน้อยกว่านี้...เพราะพระพุทธศาสนา
ร้ายเพียงเท่านี้ ไม่ร้ายไปกว่านี้...เพราะพระพุทธศาสนา
เราจะไม่เป็นเช่นนี้
“ถ้ารู้ว่าตนเป็นที่รัก ก็ควรรักษาตนนั้นให้ดี”
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2011, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 10:28
โพสต์: 439


 ข้อมูลส่วนตัว




lotus1.jpg
lotus1.jpg [ 72.53 KiB | เปิดดู 8128 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
สรรพสิ่งทุกอย่าง ล้วนมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

.................................................................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุและผลอยู่ในตัว
การกระทำของตนย่อมเป็นกรรมที่ตนกำหนดเอง
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 6 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร