วันเวลาปัจจุบัน 27 ก.ค. 2025, 11:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 29 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ต.ค. 2011, 22:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
สังโยชน์ ข้อ 1 2 3 นี้นะ...

2 กับ 3..นี้..มักจะทำได้ก่อน

เพราะ เชื่ออย่างจริงใจจึงไม่ลังเลสงสัย...
เพราะไม่ลังเลสงสัย...จึงมีกำลังใจจะรักษาศีลให้สมบูรณ์
เพราะไม่ลังเลสงสัย...จึงมีแก่ใจมาปฏิบัตธรรมตามคำสอน

ทำตามคำสอนนี้ยากกว่าการรักษาศีล...คำสอนที่ว่านี้ก็ว่าด้วย..อนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา

มันคือนัยยะ...ของสักกายทิฐิ

อาการสละสักกายทิฐิของ...ท่านอัญญาโกณฑัญญะ....สิ่งใดมีเกิด..สิ่งนั้นย่อมดับเป็นธรรมดา

อาการสละสักกายทิฐิของ...ลูกสาวช่างทอหูก....ไม่ทราบว่าจะตายตอนเช้าหรือจะตายตอนไหน..เจ้าคะ

การละสักกายทิฐิของ...ท่านพาหิยะ...เธอจง..เห็นก็สักแต่ว่าเห็น...

ยามที่ตนรู้ตนเห็นแล้ว...การจะโกหกตนว่าไม่เคยรู้ไม่เคยเห็น..ย่อมเป็นไปไม่ได้...อริยะเสื่อมก็เช่นกัน
ย่อมเป็นไปไม่ได้...
:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2011, 08:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 15:02
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
พระอริยะ ท่านหมายเอาผู้บรรลุธรรม บรรลุผลของหมวดภูมิธรรมนั้นๆ ประกอบด้วย

โสดาปัตติผล ๑
สกิทาคามีผล ๑
อนาคามีผล ๑
อรหันตผล ๑

โสดาปัตติผล ละสังโยชน์ได้ ๓ คือสักกายทิฏฐิหนึ่ง วิจิกิจฉาหนึ่ง สีลัพพตปรามาสหนึ่ง
พระสกิทาคามีผล ละสังโยชน์ได้ ๓ และทำราคะ โทสะ โมหะ ให้เบาบางลง
พระอนาคามีผล ละสังโยชน์ได้ ๕ คือ ละเพิ่มได้อีก ๒ ข้อ คือกามราคะ และปฏิฆะ ความหงุดหงิด ขุ่นเคืองใจ
พระอรหัตผล ละสังโยชน์ได้ ๑๐ คือ ละเพิ่ม รูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา

แล้ว โสดาปัตติมรรค สกิทาคามีมรรค อนาคามีมรรค อรหันตมรรค จัดอยู่ในหมวดใด
เป็นหมวด ... สุปฏิปันโน อุชุปฏิปันโนและญายะปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง
คือ ตรงต่อมรรค อันมีสัมมาทิฏฐิเป็นเบื้องต้น เพื่อยังตนให้สามารถละสังโยชน์แต่ละข้อๆ นั่นเอง

การเรียงลำดับ พระอริยะที่ถูกต้อง คือ

๑. พระโสดาบัน
๒. พระสกิทาคามี
๓. พระอนาคามี
๔. พระอรหันต์

เป็นความเห็นส่วนตัว มีผิดถูก โปรดใช้ปัญญาพิจารณาให้มาก

:b13:

ขอโมทนาด้วยนะค่ะ สาธุ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2011, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เคยได้ยินคำว่า อริยะมรรค มาบ้างสื่อความหมายอะไรหรือเปล่าครับ s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2011, 08:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มรรคแปลว่า..ทาง

อย่าง...

อรหันตมรรค...ก็คนที่กำลังทำข้อสอบของพระอรหันต์อยู่..เรียกว่าเดินบนทางของพระอรหันต์..นั้นแหละ..มี 5 ข้อ รูปราคะ..อรูปราคะ..มานะ..อุจทธัจจะ ...อวิชชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2011, 10:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมดาครับ เขียน:
เคยได้ยินคำว่า อริยะมรรค มาบ้างสื่อความหมายอะไรหรือเปล่าครับ s006

อริยะมรรค คือ มรรคของพระอริยะ

ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระอริยะเจ้า ต้องละสังโยชน์ให้ได้เสียก่อน จึงเรียกว่าพระอริยะเจ้า สมมุติท่านหนึ่ง ได้บรรลุพระโสดาปัตติผลแล้ว พร้อมทั้งเจริญมรรคเพื่อบรรลุธรรมขั้นสูงขึ้นไปอีก ก็ยังเรียกท่านว่า พระโสดาบันอยู่ เพราะยังไม่บรรลุธรรมขั้นสูงกว่านั้น แต่มรรคของท่านนั้นเรียกว่า "อริยะมรรค" เพราะเป็นมรรคของพระอริยะ ไม่มีเสื่อมและเป็นอริยะมรรค ตลอดสาย ตั้งแต่ สกิทาคามีมรรค อนาคามีมรรคถึงอรหันต์มรรค

ปุถุชนคนธรรมดาจะเป็นพระอริยะเจ้า ก็ต้องเจริญมรรค แต่มรรคของปุถุชนนั้น ไม่เรียก อริยะมรรค เพราะยังไม่ใช่พระอริยะ มีเสื่อม มีคลายความเพียร คลายความพยายามได้ เหมือนเราทั้งหลายที่เจริญมรรคเจริญธรรมอยู่ในขณะนี้ ยังละกิเลส ตัณหา อวิชชา ยังละสังโยชน์ไม่ได้แม้แต่ข้อเดียว จึงยังไม่ใช่พระอริยะบุคคล ยังไม่เรียกว่าพระอริยะเจ้า .. แค่เรียกว่า ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ก็ยังขาด ๆ เกิน ๆ ..

เหตุนั้น โสดาปัตติมรรค สกิทาคามีมรรค อนาคามีมรรค อรหันต์มรรค ที่ปุถุชนคนธรรมดาหรือสมมุติสงฆ์ประพฤติปฏิบัติ ท่านจึงจัดเป็น สุปฏิปันโน อุชุปฏิปันโน...ผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง เมื่อบรรลุธรรมขั้นนั้นขั้นนี้แล้ว จึงเรียกว่า พระอริยะเจ้า ..

ไม่ใช่แค่เจริญมรรค ก็เป็นพระอริยะเจ้าแล้ว .. (ยกเว้นท่านที่เป็นพระอริยะอยู่แล้ว)

เหมือนเริ่มเรียนระดับอุดมศึกษา เราเรียกนักศึกษา สอบได้แล้ว จึงเรียกว่าบัณฑิต
สอบตก สอบไม่ได้หรือเพิ่งเข้าเรียน ก็ยังไม่เรียกบัณฑิต ..

ก็ยังเป็นความเห็นเฉพาะตนอยู่ดีแหละ ..ขอรับ :b8: :b12:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2011, 11:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมดาครับ เขียน:
เคยได้ยินคำว่า อริยะมรรค มาบ้างสื่อความหมายอะไรหรือเปล่าครับ s006


สวัสดีครับ คุณธรรมดาครับ

อริยะ แปลว่า ประเสริฐ
มรรค แปลว่า ทาง

อริยมรรค จึงหมายถึง ทางอันประเสริฐ
ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ
สัมมาสังกัปปะ
สัมมาวาจา
สัมมากัมมันตะ
สัมมาอาชีวะ
สัมมาวายามะ
สัมมาสติ
สัมมาสมาธิ

ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ในบรรดาหนทางทั้งหลายอริยมรรคมีองค์แปดนี้ประเสริฐสุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2011, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2010, 16:44
โพสต์: 84

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดัครับ คุณ FLAME ขอบคุณทุกท่านด้วยครับ :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2011, 19:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว


deecup เขียน:
ขอทราบอายุพระโสดาบัน และ สกิทาคามี ที่เกิดบนสวรรค์อะครับ

สวรรค์มี 6 ชั้น จะเป็นพระโสดาบัน หรือปุถุชนนั้นมีอายุเท่ากันไม่แตกต่างกันเลย
ชั้นจาตุมหาราชิกา มีอายุ 500 ปีทิพย์=9 ล้านปีมนุษย์
ชั้นดาวดึงส์ มีอายุ 1.000 ปีทิพย์=36 ล้านปีมนุษย์
ชั้นยามา มีอายุ 2.000 ปีทิพย์=144 ล้านปีมนุษย์
ชั้นดุสิต มีอายุ 4.000 ปีทิพย์ =576 ล้านปีมนุษย์
ชั้นนิมมานรตี มีอายุ 8.000 ปีทิพย์= 2.304 ล้านปีมนุษย์
ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี มีอายุ 16.000 ปีทิพย์ = 9.216 ล้านปีมนุษย์

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2011, 20:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นมาก ๆ อย่างนี้...อย่าคิดว่านานนะ.. :b12:
เวลาสุข...เวลาในความรู้สึก...จะผ่านไปเร็ว
เวลาทุกข์...เวลาในความรู้สึก...จะเดินช้า..

เวลา..วันเดือนปี...มันสมมุติ

เวลา..ในความรู้สึก...มันของจริง

8 แสนปี
8 หมื่นปี
8 พันปี
8 ร้อยปี
8 สิบปี

ก็เท่ากันในความรู้สึก...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2011, 16:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ผมว่าบนสวรรค์ไม่มีกลางคืน
พวกท่านว่าอย่างไร

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2011, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8586


 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
ผมว่าบนสวรรค์ไม่มีกลางคืน
พวกท่านว่าอย่างไร


สวรรค์ไม่มีกลางคืนครับ แสงสว่างเจิดจ้าไปด้วยรัศมีของเทวดาแต่ละท่านครับ
อย่าว่าแต่ไม่มีกลางคืนเลย เทวดาก็ไม่หลับไม่นอนเพราะเทวดาเพลินกับกามสุข

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 พ.ย. 2011, 18:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 ก.ค. 2008, 23:37
โพสต์: 449

ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้แล้วได้ประโยชน์อันใด หรือครับ
เรื่องทำนอง ที่คิดถาม ได้ไม่รู้จักจบ
มนุษย์ต่างดาวมีจริงมั้ย แล้วเค้ากินอยู่กันอย่างไร
นางฟ้าชั้นเดียวกัน หน้าตาจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
รึเปล่า หรือแล้วแต่ขณะเป็นมนุษย์เป็นคนชาติไหน
แต่ถึงรู้ ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่าที่ควร
ฝึกจิต บำเพ็ญสมาธิ ให้มากๆ
แล้วเรื่องเหล่านี้จะทราบคำตอบเอง

.....................................................
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 09:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


โสดาบันบุคคล เกิดในโลกมนุษย์ หรือ สวรรค์อีกเพียง 7 ชาติเท่านั้นถึงจะนิพพาน (ไม่เวียนว่ายตายเกิด)
พระสกทาคามีบุคคล เกิดในโลกมนุษย์ หรือ สวรรค์เพียง 1 ชาติเท่านั้้นถึงจะนิพพาน(ไม่เวียนว่ายตายเกิด)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 พ.ย. 2011, 10:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ต.ค. 2011, 19:29
โพสต์: 4


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมชาติให้สัญญาณล่วงหน้า
แต่ไม่บอกตารางเวลานะฮะ

โสดาบันท่านเข้าใจธรรมชาติแล้วระดับหนึ่ง
เพีงแต่วางใจว่าไม่ไปอบาย น่าพอใจที่เท่านั้นละครับ

จะให้ดีก็คงได้ทำมรรคผลแจ้งในชาตินี้ แต่อย่าไปขออะไรแน่นอนจากธรรมชาติเล้ย
ปล่อยๆมันไปเถอะครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 29 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร