วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 19:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 75 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 00:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับความมืด เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อยู่กับความมืด เขียน:
แล้วที่พี่เขาอุตส่ามาช่วยเป็นหูเป็นตา รักษาลานให้คุณไปใล่เขาทำไมละ สำหรับพระแล้วทำอะไรๆก็ผิดหมดแหละ แล้วอย่างนี้จะมีพระไว้ทำพระแสงอะไร

ก็เขามีพระไว้ทำพระแสง ดันมาทำไม้จิ้มฟัน มันถูกกาละเทศะมั้ย
มันก็เหมือนกับพี่มืดตอนนี้นั้นแหล่ะ เที่ยวมาทะเลาะกับฆราวาส
ก็เพราะตัวเองทำตามพระวินัยไม่ได้ ต่อให้ยกเอาแม่น้ำทั้งห้า
นั่งบนธรรมาสน์ไม้สัก มีตาลปัตรพัดยศ พี่มืดก็เป็นได้แค่ นายมืด
ผู้ที่ไม่ยอมประกอบอาชีพ อาศัยผ้าเหลืองเอาเปรียบชาวบ้าน
เนี่ยไม่รู้ไปเกณท์ทหารหรือเปล่า :b13:


โฮฮับ แล้วอย่างนี้ผมต้องทำไงหรอถึงจะได้ กด เต็น และย่ามบาตรอ่ะ ไปซื้อก็ไม่ได้ขอบิณทบาตรก็ไม่ได้....

สึกไปซะ ไปทำมาหากินแบบสุจริตชน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 00:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับความมืด เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อยู่กับความมืด เขียน:
แล้วที่พี่เขาอุตส่ามาช่วยเป็นหูเป็นตา รักษาลานให้คุณไปใล่เขาทำไมละ สำหรับพระแล้วทำอะไรๆก็ผิดหมดแหละ แล้วอย่างนี้จะมีพระไว้ทำพระแสงอะไร

ก็เขามีพระไว้ทำพระแสง ดันมาทำไม้จิ้มฟัน มันถูกกาละเทศะมั้ย
มันก็เหมือนกับพี่มืดตอนนี้นั้นแหล่ะ เที่ยวมาทะเลาะกับฆราวาส
ก็เพราะตัวเองทำตามพระวินัยไม่ได้ ต่อให้ยกเอาแม่น้ำทั้งห้า
นั่งบนธรรมาสน์ไม้สัก มีตาลปัตรพัดยศ พี่มืดก็เป็นได้แค่ นายมืด
ผู้ที่ไม่ยอมประกอบอาชีพ อาศัยผ้าเหลืองเอาเปรียบชาวบ้าน
เนี่ยไม่รู้ไปเกณท์ทหารหรือเปล่า :b13:


โฮฮับ แล้วอย่างนี้ผมต้องทำไงหรอถึงจะได้ กด เต็น และย่ามบาตรอ่ะ ไปซื้อก็ไม่ได้ขอบิณทบาตรก็ไม่ได้....

ขอน่ะได้นะ เพราะว่า "ภิกษุ" แปลว่าผู้ขอ หมายถึงขอบิณฑบาตรนะ อย่าขอคอนโดล่ะ
แต่ซื้อ-ขายนี่คงผิดนะ เพราะ "ภิกษุ" ไม่ไดแปลว่า ผู้ซื้อ ผู้ขาย หรือ ลูกค้า พ่อค้า

อ่อ เวลาจะขอ ถ้าฆราวาสเขาไม่เต็มใจให้ก็อย่าไปบังคับหรอไปหลอกเขานะ พูดตรงๆไปซะ
แล้วเวลาพระอยากได้คอมพิวเตอร์ทำไง เพราะพระห้ามซื้อ อู๊ยย มันแพงนะห้ามขอด้วย เพราะรบกวนฆราวาสมากไป ต้องรอให้ฆราวาสเขานึกได้เองแล้วเสนอขึ้นมาเองว่าต้องการถวาย ถ้าเขาเห็นว่ามันสำคัญกับพระ เดี๋ยวเขาก็นึได้แล้วเอามาถวายเอง

แต่ถ้าฆราวาสเขานึกไม่ได้ล่ะทำไง
พระก็ต้องละกิเลสไง อย่าไปอยากได้คอม เพราะขอของแพง เกรงใจฆราวาสนิดนึง

ฮาเจ้ามะฮ่ะข่ะ ที่กล่าวมาถูกอ่ะป่าวครับท่านโฮฮับ อ้าวพี่มืดว่าไง :b32: :b32:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 02:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลงซะ เขียน:
อยู่กับความมืด เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อยู่กับความมืด เขียน:
แล้วที่พี่เขาอุตส่ามาช่วยเป็นหูเป็นตา รักษาลานให้คุณไปใล่เขาทำไมละ สำหรับพระแล้วทำอะไรๆก็ผิดหมดแหละ แล้วอย่างนี้จะมีพระไว้ทำพระแสงอะไร

ก็เขามีพระไว้ทำพระแสง ดันมาทำไม้จิ้มฟัน มันถูกกาละเทศะมั้ย
มันก็เหมือนกับพี่มืดตอนนี้นั้นแหล่ะ เที่ยวมาทะเลาะกับฆราวาส
ก็เพราะตัวเองทำตามพระวินัยไม่ได้ ต่อให้ยกเอาแม่น้ำทั้งห้า
นั่งบนธรรมาสน์ไม้สัก มีตาลปัตรพัดยศ พี่มืดก็เป็นได้แค่ นายมืด
ผู้ที่ไม่ยอมประกอบอาชีพ อาศัยผ้าเหลืองเอาเปรียบชาวบ้าน
เนี่ยไม่รู้ไปเกณท์ทหารหรือเปล่า :b13:


โฮฮับ แล้วอย่างนี้ผมต้องทำไงหรอถึงจะได้ กด เต็น และย่ามบาตรอ่ะ ไปซื้อก็ไม่ได้ขอบิณทบาตรก็ไม่ได้....

ขอน่ะได้นะ เพราะว่า "ภิกษุ" แปลว่าผู้ขอ หมายถึงขอบิณฑบาตรนะ อย่าขอคอนโดล่ะ
แต่ซื้อ-ขายนี่คงผิดนะ เพราะ "ภิกษุ" ไม่ไดแปลว่า ผู้ซื้อ ผู้ขาย หรือ ลูกค้า พ่อค้า

อ่อ เวลาจะขอ ถ้าฆราวาสเขาไม่เต็มใจให้ก็อย่าไปบังคับหรอไปหลอกเขานะ พูดตรงๆไปซะ
แล้วเวลาพระอยากได้คอมพิวเตอร์ทำไง เพราะพระห้ามซื้อ อู๊ยย มันแพงนะห้ามขอด้วย เพราะรบกวนฆราวาสมากไป ต้องรอให้ฆราวาสเขานึกได้เองแล้วเสนอขึ้นมาเองว่าต้องการถวาย ถ้าเขาเห็นว่ามันสำคัญกับพระ เดี๋ยวเขาก็นึได้แล้วเอามาถวายเอง

แต่ถ้าฆราวาสเขานึกไม่ได้ล่ะทำไง
พระก็ต้องละกิเลสไง อย่าไปอยากได้คอม เพราะขอของแพง เกรงใจฆราวาสนิดนึง

ฮาเจ้ามะฮ่ะข่ะ ที่กล่าวมาถูกอ่ะป่าวครับท่านโฮฮับ อ้าวพี่มืดว่าไง :b32: :b32:

อยากได้คอมพ์ อยากได้บาตร อยากได้เต้น ไม่มีโยมปวารณาก็สึกออกมารับจ้าง
แบกปูนก็ได้ ล้างห้องน้ำ สารพัด เดี๋ยวนี้ค่า300แล้วนะ ทำซะเดือนสองเดือน
ซื้อของให้เรียบร้อยแล้วไปบวชใหม่ก็ได้ หรือถ้าอยู่ไปอีกอยากทาสีกุฏิ
ก็สึกออกมารับจ้างอีก แล้วก็บวชอีก

ผมว่านะคนอย่างพี่มืดต้องบวชแล้วสึกอีกนับครั้งไม่ถ้วนแน่ๆ
เพราะความไม่รู้จักพอของพี่มืดนั้นเอง แฮ่ๆๆ
:b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
สงสัยพี่มืดเนี่ยเป็นพระจริงหรือเปล่า [/b] :b13:



โฮฮับ..บางที่ผมอาจเป็นผู้หญิงหน้าตาแอ๊บแบ้วก็ได้นะ... :b13: :b13:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2012, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
อยากได้คอมพ์ อยากได้บาตร อยากได้เต้น ไม่มีโยมปวารณาก็สึกออกมารับจ้าง
แบกปูนก็ได้ ล้างห้องน้ำ สารพัด เดี๋ยวนี้ค่า300แล้วนะ ทำซะเดือนสองเดือน
ซื้อของให้เรียบร้อยแล้วไปบวชใหม่ก็ได้ หรือถ้าอยู่ไปอีกอยากทาสีกุฏิ
ก็สึกออกมารับจ้างอีก แล้วก็บวชอีก

ผมว่านะคนอย่างพี่มืดต้องบวชแล้วสึกอีกนับครั้งไม่ถ้วนแน่ๆ
เพราะความไม่รู้จักพอของพี่มืดนั้นเอง แฮ่ๆๆ
:b9:



โฮฮับ....นี้ช่างไม่รู้อะไรจริงๆๆเล้ยผมไม่อยากพูดความจริงอะไรนะเดียวได้ตกตลึงกันใหญ่ :b13: :b13:

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2012, 00:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


tonnk เขียน:
๑.หลวงพี่อย่าเหมารวมไปเองเลย ผมหมายถึงพวกที่รับเงินเท่านั้น

๒.ผมกระทำการป้องกันให้แล้ว แต่หลวงพี่ก็ยังต่อต้านกล่าวตู่ตถาคตอยู่ร่ำไป ถ้าหลวงพี่ยังรับเงินอยู่ถ้าตายไปหลวงพี่มีโอกาสไปนรกสูง และชาวบ้านที่ให้เงินพระนั้นก็ต้องตกนรกขุมเดียวกับพระด้วย

๓.หลวงพี่หรือใครจะด่าหรือว่าเสียดสีอย่างไรก็ตาม แต่ผมมีความปรารถนาดีต่อหลวงพี่และผู้คนที่ใช้เว็บนี้ หลวงพี่รีบแก้ไขเสียผมขอเตือน แต่ผมหาทางออกให้หลวงพี่อีกทางหนึ่ง อีกประมาณสามวันผมจะตั้งกระทู้เกี่ยวกับภิกษุที่อาบัติแล้วแก้ไขไว้ให้ :b48:

คนบางคนกำลังจะกระโจนลงเหวไม่รู้ตัว :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2012, 10:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับความมืด เขียน:
โฮฮับ เขียน:
สงสัยพี่มืดเนี่ยเป็นพระจริงหรือเปล่า [/b] :b13:



โฮฮับ..บางที่ผมอาจเป็นผู้หญิงหน้าตาแอ๊บแบ้วก็ได้นะ... :b13: :b13:


อันนี้ดิฉันเชื่อและไม่สงสัยเลยค่ะ คุณมืด ไม่ใช่พระ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสถานที่และครูบาอาจารย์ที่คุณมืดเคยสวมรอยกล่าวอ้าง คุณมืด แค่แอบอ้างสวมรอยว่าตนเองเป็นบรรพชิตเพราะคิดว่าการสนทนาผ่านเน็ตนั้นไม่เห็นหน้าคู่สนทนา ส่วนจุดประสงค์ที่ทำตัวเกะกะระรานเช่นนี้ดิฉันก็ไม่ทราบนะคะว่าต้องการอะไรที่คอยไล่กัดคนไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมแบบนี้ คอยทำตัวเป็นเพียงขยะไร้ค่าที่คอยส่งกลิ่นเหม็นรบกวนผู้อื่นด้วยความภาคภูมิใจ ทั้งคุณ กบนอกกะลา คุณsriariya คุณขณะจิต คุณFLAME คุณ NongKong คุณโฮฮับ คุณเช่นนั้น ฯลฯ เยอะค่ะ นับไม่ถ้วน ที่โดดคุณมืดทั้งกัดโดนแขว ดิฉันก็ไม่รู้เขาทำไปทำไมนะคะ คนที่ยังไม่โดนคุณมืดพ่นอาสวะใส่คือคนที่ไม่ค่อยแสดงความเห็นและตั้งกระทู้ค่ะ นอกนั้นโดนหมด ดิฉันว่ามันทุเรศ น่ารังเกียจค่ะ

เพื่อนๆสมาชิกโปรดอย่ามองว่าดิฉันแขวะนะคะ ดิฉันไม่ได้แขวะนะคะ ดิฉันไม่ชอบแขวะค่ะ แต่ดิฉันด่าค่ะ ด่าแบบตรงๆนี่แหละค่ะ ซึ่งผู้ที่โดนดิฉันด่าถือว่าฟลุ๊คค่ะ เพราะปกติดิฉันจะไม่ด่าใครง่ายๆนะคะ นอกจากคนผู้นั้นทำตัวเป็นอันธพาล ระรานเขาไปทั่ว ระรานดิฉันคนเดียวไม่พอ ไม่รู้กาละเทศะ ไล่กัดไล่แขวะทุกคนที่พบเห็น ไม่เว้นแม้หน้าอินทร์หน้าพรหม


แก้ไขล่าสุดโดย หญิงไทย เมื่อ 08 เม.ย. 2012, 11:22, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2012, 10:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


อยู่กับความมืด เขียน:
โฮฮับ เขียน:
อยากได้คอมพ์ อยากได้บาตร อยากได้เต้น ไม่มีโยมปวารณาก็สึกออกมารับจ้าง
แบกปูนก็ได้ ล้างห้องน้ำ สารพัด เดี๋ยวนี้ค่า300แล้วนะ ทำซะเดือนสองเดือน
ซื้อของให้เรียบร้อยแล้วไปบวชใหม่ก็ได้ หรือถ้าอยู่ไปอีกอยากทาสีกุฏิ
ก็สึกออกมารับจ้างอีก แล้วก็บวชอีก

ผมว่านะคนอย่างพี่มืดต้องบวชแล้วสึกอีกนับครั้งไม่ถ้วนแน่ๆ
เพราะความไม่รู้จักพอของพี่มืดนั้นเอง แฮ่ๆๆ
:b9:



โฮฮับ....นี้ช่างไม่รู้อะไรจริงๆๆเล้ยผมไม่อยากพูดความจริงอะไรนะเดียวได้ตกตลึงกันใหญ่ :b13: :b13:


อ่อ ก็ไม่แปลกนี่คะคุณมืด เพราะปกติดิฉันก็ไม่เคยเห็นว่าคุณพูดเรื่องจริง เรื่องที่มีประโยชน์ซักครั้งเลยนี่คะ เรื่องอะไรที่ดีๆคุณไม่พูดหรอกค่ะ คอยแต่เที่ยวทำตัวแขวะ เสียดสี สาดโคลน น่ารังเกียจค่ะ อ่อ อันนี้อย่าหาว่าดิฉันแขวะนะคะ ดิฉันไม่ได้กัด ไม่ได้แขวะค่ะ แต่ ดิฉันด่าค่ะ ด่ากันจะจะ เห็นกันจะจะนี่แหละค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2012, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


- กฏกติกาบอร์ด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=39777

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2012, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงพี่มืด คุณมืด แบบทดสอบความโกรธ
โกรธแทนสมาชิก แทนพระสงฆ์ แทนพระธรรม แทนพระพุทธ แทนศาสนา ฯลฯ
โกรธเพราะหลวงพี่มืดคิดไม่เหมือนเรา
ความคิดเราถูก ความคิดหลวงพี่มืดผิด
ลานธรรมวิวาท


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2012, 01:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ tonnk ขอถามธรรมหน่อยนะครับ
๑.ทำไมฆ่าคนทั่วไปเป็นพัน แต่ยังมีสิทธิ์บรรลุมรรคผลอยู่
๒.ฆ่าบิดาหรือมารดา หรือแม้แต่พระพระอรหันต์แม้เพียงชีวิตเดียว ทำไมหมดสิทธิ์บรรลุมรรคผล
๓.จากสองข้อข้างต้นอะไร คือ ธรรม

พระพุทธเจ้ารู้อนาคตได้ ก็ทรงน่าจะรู้ว่าพระเถระต่างๆไม่ยกเลิกสิกขาบทเล็กๆ อยู่แล้ว แล้วพระองค์ทรงบอกพระอานนท์ด้วยสาเหตุใด

ถามคุณ อยู่กับความมืด
- สาเหตุใด พระเถระต่างๆจึงไม่วินิจฉัยยกเลิกสิกขาบทเล็กๆ น้อยๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2012, 10:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


บางท่าน...เข้ามาถ่ายอย่างเดียว...ไม่คิดเข้ามารับปทาน

เด้อ...คุณดิน

แต่..ก็จะคอยดู
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2012, 12:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ม.ค. 2012, 16:39
โพสต์: 209


 ข้อมูลส่วนตัว


din เขียน:
พระพุทธเจ้ารู้อนาคตได้ ก็ทรงน่าจะรู้ว่าพระเถระต่างๆไม่ยกเลิกสิกขาบทเล็กๆ อยู่แล้ว แล้วพระองค์ทรงบอกพระอานนท์ด้วยสาเหตุใด

ถามคุณ อยู่กับความมืด
- สาเหตุใด พระเถระต่างๆจึงไม่วินิจฉัยยกเลิกสิกขาบทเล็กๆ น้อยๆ



ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพานได้ตรัสกับพระอานนท์ว่า ภายภาคหน้าสงฆ์เห็นสมควรที่จะแก้อาบัติเล้กน้อย ก็สามารถกระทำได้
หลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานได้สามเดือนเหล่าพระเถระนำโดย พระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท์ ได้ประชุมทำสังคายนาเพื่อรวบรวมธรรมวินัยให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ในที่ประชุมได้ชักถามพระอานนท์ว่าอาบัติเล็กน้อยที่พุทธเจ้าทรงอนุญาติให้แก้นั้น เป็นอาบัติอย่างใหน ซึ่งพระอานนท์ไม่สามารถตอบได้เพราะไม่ได้ทรงทูลถามว่าอาบัติเล็กคืออาบัติอย่างใหน ซึ่งในที่ประชุมได้ลงโทษปรับอาบัติทุกกฏแก่พระอานนท์เหตุไม่ทรงทูลถาม ซึ่งพระอานนท์ก็แก้ว่าเหตุที่ไม่ทรงถามเพราะถูกความโสกเศร้าครอบงำเมื่อรู้ว่าพระพุทธเจ้าจะปริพิพนานในอีกสามเดือนข้างหน้า ดังนั้นในที่ประชุมสงฆ์จึงมีมติว่าจะไม่ถอนสิขาบทเล็กน้อยใดๆทั้งสิ้นยังคงไว้เหมือนเดิมทุกอย่าง

ซึ่งจากกรณีดังกล่าวตามทรรศนะของผมแล้ว คำถามที่ว่าอาบัติเล็กน้อยคืออาบัติเช่นไรนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะอานนท์ไม่ทูลถามแต่เป็นเพราะความฉลาดของพุทธเจ้าต่างหากละ พระพุทธเจ้าได้ทรงมองเห็นแล้วว่าภายภาคหน้า ตราบเท่าที่ยังมีพระพุทธศาสนาพระสงฆ์จะกะจัดกะจายไปอยู่ในที่ต่างๆซึ่งความเป็นอยู่ ประเพณีวัฒนธรรม สภาพแวดล้อมย่อมแตกต่างกันไป ดังนั้นเพื่อความเข้ากับสภาพแวดล้อม ประเพณีวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ จึงทรงอนุญาตให้พระสงฆ์สามารถถอนสิกขาบทเล็กน้อยที่ขัดต่อการดำเนินชีวิตนั้นๆได้ ในทางกลับกันถ้าพระพุทธเจ้ากำหนดไว้เลยว่าอาบัตเล็กน้อยคืออาบัติข้อนั้นข้อนี้ซึ่งก็จะทำให้ภายภาคหน้าพระสงฆ์สามารถแก้ไขได้เฉพราะเท่าที่พระพุทธเจ้ากำหนดไว้ซึ่งอาบัติข้อนั้นอาจไม่เป็นอุปสักต่อการดำเนินชีวิตก็ได้แต่ข้อที่เป็นอุปสักต่อการดำเนินชีวิตกลับไม่สามารถจะแก่ไขได้นี้แหละความฉลาดของพุทธเจ้า

เหตุที่พระเถระสมัยทำสังคายนาครั้งที่๑มีมติไม่ถอดสิกขาบทเล็กน้อยยังคงไว้เหมือนเดิมทุกอย่าง ก็ไม่แปลกเพราะอย่าลืมว่าการทำสังคายนาครั้งที่๑ทำหลังจากที่พระพุทธเจ้าปริพิพานได้เพียงสามเดือน พระอรหันต์เถระทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น พระมหากัสสปะ พระอุบาลี พระอานนท์เป็นต้น ท่านเหล่านนั้นล้วนอยู่ในยุคสมัยเดียวกับพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ได้รับใช้ ได้ฟังธรรม ได้รับการตักเตือนจากพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น และนอกจากนั้นพระสงฆ์ก็ยังไม่ได้กจัดกะจายไปอยู่ในภูมิประเทศต่างๆคือยังรวมอยู่ในชมภูทวีปเพราะฉะนั้นความเป็นอยู่ทุกอย่างก็ไม่แตกต่างไปจากสมัยที่พระพุทธเจ้ายังอยู่ ดังนั้นมติในการทำสังคายนาจึงไม่ถอดสิกขาบทเล็กน้อยเพียงเพราะเอาปัจจุบันเป็นเกณฑ์ตัดสิน นี้แหละคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเหล่าพระเถระผิดพลาดอย่างไรละก็เพราะท่านเหล่านั้นลืมมองไปถึงอนาคตภัยภาคหน้าอย่างไงละ ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ถอนสิกขาบทเล็กน้อยก็เพราะทรงมองถึงอนาคตภัยภาคหน้า ...คำว่าภัยภาคหน้าไม่ได้หมายถึงหลังจากที่พระองค์ปริพิพานอีกสามเดือนข้างหน้านะแต่หมายถึงตราบเท่าที่ยังมีพระพุทธศาสนาอยู่ในโลกโน้น พอหลังจากพุทธเจ้าปรินิพพานได้100ปีพระสงฆ์ได้เริ่มกจัดกะจายไปอยู่ในพื้นที่ต่างพระสงฆ์ที่ไปอยู่แถบภาคเหนือของอินเดียด้วยสภาพที่อากาศหนาวมักจะขาดแคนอาหารได้รับความเดือนร้อน จึงพากันจะถอนสิกขาบทเล็กน้อยข้อที่ว่าห้ามเก็บอาหารไว้ข้ามคืนเปลี่ยนมาเป็นสามารถเก็บอาหารไว่ฉันในวันต่อไปได้เมื่อพระสงฆ์ทางภาคใต้ที่ไม่ได้รับความเดือนร้อนกลับคัดค้านกล่าวหาว่าพวกพระสงฆ์เหล่านั้นเป็นพวกอลัชชีสงฆ์ทางตอนเหนือก็อ้างว่าทำตามที่พุทธเจ้าทรงอนุญาตถอนสิกขาบทเล็กน้อย ถ้าเห้นว่าสมควร สงฆ์ทางตอนใต้ก็อ้างว่ามติในการสังคายนาได้ข้อสรุปแล้วว่าไม่ทรงถอนสิกขาบทใดจากเหตุการดังกล่าจนเป็นเหตุให้พุทธศาสนาแตกเป็นสองนิกายคือมหายานกับหีนยานอย่างไงละ กรณีการจับเงินที่ถกเถียงกันทุกวันนี้ก็เป็นความผิดพลาดของคณะสงฆ์ในการสังคายนาครั้งแรกที่ไม่ทรงมองถึงอนาคตด้วย

.....................................................
_______________(-_-) (๑_๑)____________(^_^) (^ ^)_____________


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2012, 23:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมเบื่อพวกที่ชอบอ้างสิกขาบทเล็กน้อยซึ่งเป็นช่องโหว่นั้นมาหากิน เดี๋ยวผมจะยกตัวอย่างให้ดูว่าสิกขาบทไหนควรอนุญาตให้ถอน
เรื่องราชภัฏบวช
[๑๐๒] ก็โดยสมัยนั้นแล เมืองปลายเขตแดนของพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช
เกิดจลาจล. ครั้งนั้น ท้าวเธอจึงมีพระบรมราชโองการสั่งพวกมหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกองว่า
ดูกรพนาย ท่านทั้งหลายจงไปปรับปรุงเมืองปลายเขตแดนให้เรียบร้อย. พวกมหาอำมาตย์ผู้เป็น
แม่ทัพนายกองกราบทูลรับสนองพระบรมราชโองการพระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราชว่า ขอ
เดชะ พระพุทธเจ้าข้า. ครั้งนั้น เหล่าทหารบรรดาที่มีชื่อเสียง ได้มีความปริวิตกว่า พวกเรา
พอใจในการรบ พากันไปทำบาปกรรม และประสพกรรมมิใช่บุญมาก ด้วยวิธีอย่างไรหนอ
พวกเราพึงงดเว้นจากบาปกรรม แลทำแต่ความดี ดังนี้ และได้มีความปริวิตกต่อไปว่า พระสมณะ
เชื้อสายพระศากยบุตรเหล่านี้แล เป็นผู้ประพฤติธรรม ประพฤติสงบ ประพฤติพรหมจรรย์
กล่าวแต่คำสัตย์ มีศีล มีกัลยาณธรรม ถ้าแลพวกเราจะพึงบวชในสำนักพระสมณะเชื้อสาย
พระศากยบุตร ด้วยวิธีอย่างนี้ พวกเราก็จะพึงเว้นจากบาปกรรม และทำแต่ความดี ดังนี้
จึงพากันเข้าไปหาภิกษุทั้งหลายแล้วขอบรรพชา. ภิกษุทั้งหลายให้พวกเขาบรรพชาอุปสมบทแล้ว.
พวกมหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกองถามพวกราชภัฏว่า แน่ะพนาย ทหารผู้มีชื่อนี้
และมีชื่อนี้ หายไปไหน?
พวกราชภัฏเรียนว่า นาย ทหารผู้มีชื่อนี้และมีชื่อนี้ บวชในสำนักภิกษุแล้ว ขอรับนาย.
พวกมหาอำมาตย์ผู้เป็นแม่ทัพนายกอง จึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนเหล่า
พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ให้ราชภัฏบวชเล่า แล้วกราบบังคมทูลความเรื่องนั้น
แด่พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนามาคธราช.
จึงท้าวเธอได้ตรัสถามมหาอำมาตย์ผู้พิพากษาว่า ดูกรพนาย ภิกษุรูปใดให้ราชภัฏบวช
ภิกษุรูปนั้นจะต้องโทษสถานไร?
คณะมหาอำมาตย์ผู้พิพากษากราบทูลว่า ขอเดชะ พระบารมีปกเกล้าปกกระหม่อม
พระอุปัชฌายะต้องถูกตัดศีรษะ พระอนุสาวนาจารย์ต้องถูกดึงลิ้นออกมา พระคณะปูรกะต้องถูก
หักซี่โครงแถบหนึ่ง พระพุทธเจ้าข้า
จึงท้าวเธอเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค ครั้นถึงแล้วจึงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วประทับ
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วได้กราบทูลขอประทานพรต่อพระผู้มีพระภาคว่า มีอยู่ พระพุทธเจ้า
ข้า พระเจ้าแผ่นดินทั้งหลาย ที่ไม่มีศรัทธา ไม่ทรงเลื่อมใสจะพึงเบียดเบียนภิกษุทั้งหลาย แม้
ด้วยกรณีเพียงเล็กน้อย หม่อมฉันขอประทานพระวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้เป็นเจ้า
ทั้งหลายไม่พึงให้ราชภัฏบวช. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พระเจ้าพิมพิสารจอมเสนา
มาคธราชทรงเห็นแจ้ง ทรงสมาทาน ทรงอาจหาญ ทรงร่าเริงด้วยธรรมีกถา. ครั้นท้าวเธออัน
พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจง ให้ทรงเห็นแจ้ง ทรงสมาทาน ทรงอาจหาญ ทรงร่าเริงด้วยธรรมีกถา
แล้ว เสด็จลุกจากพระที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทรงทำประทักษิณแล้วเสด็จกลับ.


ทรงห้ามบวชราชภัฏ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุ
แรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ราชภัฏ ภิกษุไม่พึงให้บวช รูปใด
ให้บวช ต้องอาบัติทุกกฏ.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... 876&Z=2975

แต่เดี๋ยวนี้ถ้าข้าราชการจะบวช เขาให้มีการขออนุญาต ถ้าขอแล้วจึงบวชให้ได้ ซึ่งต่างจากบทบัญญัติในสมัยนั้นซึ่งห้ามบวชโดยเด็ดขาด นี่มันต้องอย่างนี้ที่เรียกว่าสิกขาบทเล็กน้อยให้หย่อนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2012, 23:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้า ธรรม (การปฏิบัติ) เหล่าใด
๑. เป็นไปเพื่อความกำหนัดย้อมใจ
๒. เป็นไปเพื่อความประกอบทุกข์ (คือทำให้ลำบาก)
๓. เป็นไปเพื่อสะสมกองกิเลส
๔. เป็นไปเพื่อความอยากใหญ่ (คือไม่เป็นการมักน้อย)
๕. เป็นไปเพื่อความไม่สันโดษ
๖. เป็นไปเพื่อความคลุกคลี
๗. เป็นไปเพื่อความเกียจคร้าน
๘. เป็นไปเพื่อความเลี้ยงยาก

พึงรู้ว่า ธรรมเหล่านั้น ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่ สัตถุศาสน์ (กล่าวคือคำสอนของพระศาสดา)


แล้วที่รับเงินนั้นเพื่ออะไร มันขัดกันหรือไม่ ถ้ารับไปเพื่ผู้อื่นก็ต้องอาบัติทุกกฏ

ก็ด้วยบทว่า เย โวหารํ คจฺฉนฺติ นี้ ท่านสงเคราะห์เอามาสก
ทั้งหมดที่ใช้เป็นมาตราซื้อขายในชนบท ในเวลาซื้อขายกัน โดยที่สุดทำ
ด้วยกระดูกบ้าง ทำด้วยหนังบ้าง ทำด้วยเมล็ดผลไม้บ้าง ดุนให้เป็นรูปบ้าง
มิได้ดุนให้เป็นรูปบ้าง. วัตถุทั้ง ๔ อย่าง คือ เงิน ทอง ทั้งหมดนี้อย่างนี้
(และ) มาสกทอง มาสกเงิน มีประเภทดังกล่าวแล้วแม้ทั้งหมด จัดเป็น
วัตถุแห่งนิสสัคคีย์, วัตถุนี้ คือ มุกดา มณี ไพฑูรย์ สังข์ ศิลา ประพาฬ
ทับทิม บุพราคัม ธัญชาติ ๗ ชนิด ทาสหญิง ทาสชาย นาไร่ สวนดอกไม้
สวนผลไม้เป็นต้น จัดเป็นวัตถุแห่งทุกกฏ. วัตถุนี้ คือ ด้าย ผาลไถ ผืนผ้า
ฝ้ายอปรัณชาติมีอเนกประการ และเภสัช มีเนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง
น้ำอ้อยงบเป็นต้น จัดเป็นกัปปิยวัตถุ.
บรรดานิสสัคคิยวัตถุและทุกกฏวัตถุนั้น ภิกษุจะรับนิสสัคคิยวัตถุ
เพื่อประโยชน์ตนเอง หรือเพื่อประโยชน์แก่สงฆ์ คณะบุคคลและเจดีย์
เป็นต้น ย่อมไม่ควร, เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์ แก่ภิกษุผู้รับเพื่อประโยชน์
แก่ตนเอง. เป็นทุกกฏแก่ภิกษุผู้รับเพื่อประโยชน์แก่สิ่งที่เหลือ
เป็น
ทุกกฏอย่างเดียว แก่ภิกษุผู้รับทุกกฏวัตถุ เพื่อประโยชน์ทุกอย่าง, ไม่เป็น
อาบัติในกัปปิยวัตถุ. เป็นปาจิตตีย์ด้วยอำนาจที่มาในรัตนสิกขาบทข้างหน้า
แก่ภิกษุผู้รับวัตถุมีเงินเป็นต้นแม้ทั้งหมด ด้วยหน้าที่แห่งภัณฑาคาริก
เพื่อต้องการจะเก็บไว้.

ทีนี้ชัดหรือยังสำหรับพวกที่ชอบอ้างว่ารับเพื่อผู้อื่นมันถูกหรือผิดต่อพุทธบัญญัติคิดให้ดี แล้วรีบแก้ไขเสีย.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 75 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร