วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 22:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 110 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสต์ เมื่อ: 25 มิ.ย. 2012, 08:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2010, 09:11
โพสต์: 597


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุๆๆค่ะ :b8: :b8: :b8:
การฟังสนทนาธรรมจากท่านทั้งหลายเป็นมงคลอย่างยิ่งค่ะ
:b53: :b53: :b53: :b53: :b53: :b53:


โพสต์ เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 15:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


มันสำคัญออกไปรู้หรือออกไปหลง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 15:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มันหลงตั้งแต่ก่อนจะออก...แล้ว... :b32:

ไปรู้อนาคต...รู้แล้วมีลาภสักการะ...วันหลังมันก็เฝ้าแต่จะออกไปรู้อีก

ไปรู้อดีต...รู้แล้วมีคนชมว่าเก่ง..หรือไม่ก็ตัวเองนึกชมตัวเองว่าเก่ง....วันหลังมันก็เฝ้าแต่จะออกไปรู้อีก

แต่ทีกับ...ความยินดีในลาภสักการะ...ยินดีในคำสรรเสริฐ...มานะในตน...กลับรู้ไม่แจ่มชัด

การออกไปรู้...ก็เลยอยู่บนพื้นฐานของความไม่สมดุลย์กันแห่งความรู้...

เรียกว่า...หลงกันตั้งแต่ก่อนจะออกไปรู้.. :b16:


โพสต์ เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


อนาคามียังวิปลาสเลย ก็มีออกบ้างอยู่บ้าง หลงบ้างเน้อ!

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 09:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 22:25
โพสต์: 59

แนวปฏิบัติ: รักษาศีลให้แน่นหนามั่นคง
ชื่อเล่น: Soduku
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้สึกว่ากระทู้นี้มีสาระธรรมที่ดีมากครับ และขออนุโมทนาแด่คุณลูกพระป่าและทุก ๆ ท่านที่ได้แสดงความเห็นมุมมองที่หลากหลายทำให้ได้ภาพที่เป็นประโยชน์แก่กัลยามิตรในการปฏิบัติเพื่อการเข้าถึงธรรมต่อไป

ส่วนตัวกระผมขอเสริมข้อปฏิบัติที่สำคัญอันหนึ่งที่ไม่ทำให้ “ส่งจิตออกนอก” ที่พระพุทธเจ้าและพ่อแม่ครูบาอาจารย์มักแนะนำสรรเสริญ คือการฝึกเจริญมรณานุสติ อย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้
- จิตที่ยังมีความโลภ โกรธ หลง
- จิตที่ยังผูกอยู่กับความอยากได้ลาภยศสุขสรรเสริญและความเสื่อมของโลกธรรมดังกล่าว
- จิตที่ยังคงรักตัว(ตัวมานะ) กลัวตาย (อวิชา) และเป็นทุกข์
ได้บรรเทาเบาบางและหมดไปในที่สุด


ตัวอย่างของ ของการเจริญมรณานุสติ หรือการเห็นถึง “การตายก่อนตาย” ให้แก่จิตทางหนึ่งได้แก่การมีโยนิโสมนัสสิการ เข้าใจถึงความเป็นอนิจจัง ทุกข์ขังของสังขาร และความเป็นอนัตตาของธรรมทั้งหลายอย่างสม่ำเสมอประกอบในการภาวนา
เช่น ดูเห็นนามรูปที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันว่าแท้จริงใม่ใช่ตัวตนของเรา มันเป็นสิ่งไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะไม่อาจคงเดิมอยู่ได้และไม่อยู่ในความควบคุมของเราให้เป็นนั่นเป็นนี่ได้ มันต้องเสื่อมสลายหรือตายไปไม่ช้าก็เร็วตามเหตุปัจจัยในที่สุด ไม่อาจหนีพ้นไปได้

เมื่อใส่ใจและไม่ประมาทเวลาทำการเจริญมรณานุสติดังกล่าวบ่อย ๆ และมากพอ จิตก็จะถอนจากกิเลสความโลภ โกรธ หลง การรักตัว (มานะ) กลัวตาย (อวิชา) สละได้ซึ่งตัวตน มีนิรามิสสุข จิตสงบหลุดพ้นจากทุกข์ เข้าถึงนิพพาน ทั้งก่อนตายและเมื่อตายมาถึง

ธรรมใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ หรือลงมือปฏิบัติ....... สาธุ

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน :b51: :b42: :b8:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


hiwichai เขียน:
รู้สึกว่ากระทู้นี้มีสาระธรรมที่ดีมากครับ และขออนุโมทนาแด่คุณลูกพระป่าและทุก ๆ ท่านที่ได้แสดงความเห็นมุมมองที่หลากหลายทำให้ได้ภาพที่เป็นประโยชน์แก่กัลยามิตรในการปฏิบัติเพื่อการเข้าถึงธรรมต่อไป

ส่วนตัวกระผมขอเสริมข้อปฏิบัติที่สำคัญอันหนึ่งที่ไม่ทำให้ “ส่งจิตออกนอก” ที่พระพุทธเจ้าและพ่อแม่ครูบาอาจารย์มักแนะนำสรรเสริญ คือการฝึกเจริญมรณานุสติ อย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้
- จิตที่ยังมีความโลภ โกรธ หลง
- จิตที่ยังผูกอยู่กับความอยากได้ลาภยศสุขสรรเสริญและความเสื่อมของโลกธรรมดังกล่าว
- จิตที่ยังคงรักตัว(ตัวมานะ) กลัวตาย (อวิชา) และเป็นทุกข์
ได้บรรเทาเบาบางและหมดไปในที่สุด


ตัวอย่างของ ของการเจริญมรณานุสติ หรือการเห็นถึง “การตายก่อนตาย” ให้แก่จิตทางหนึ่งได้แก่การมีโยนิโสมนัสสิการ เข้าใจถึงความเป็นอนิจจัง ทุกข์ขังของสังขาร และความเป็นอนัตตาของธรรมทั้งหลายอย่างสม่ำเสมอประกอบในการภาวนา
เช่น ดูเห็นนามรูปที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันว่าแท้จริงใม่ใช่ตัวตนของเรา มันเป็นสิ่งไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะไม่อาจคงเดิมอยู่ได้และไม่อยู่ในความควบคุมของเราให้เป็นนั่นเป็นนี่ได้ มันต้องเสื่อมสลายหรือตายไปไม่ช้าก็เร็วตามเหตุปัจจัยในที่สุด ไม่อาจหนีพ้นไปได้

เมื่อใส่ใจและไม่ประมาทเวลาทำการเจริญมรณานุสติดังกล่าวบ่อย ๆ และมากพอ จิตก็จะถอนจากกิเลสความโลภ โกรธ หลง การรักตัว (มานะ) กลัวตาย (อวิชา) สละได้ซึ่งตัวตน มีนิรามิสสุข จิตสงบหลุดพ้นจากทุกข์ เข้าถึงนิพพาน ทั้งก่อนตายและเมื่อตายมาถึง

ธรรมใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ หรือลงมือปฏิบัติ....... สาธุ

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน :b51: :b42: :b8:

เห็นเอาโยนิโสมาพูด คุณคิดว่า มาโยนิโสเรื่องความตายเนี้ย
คุณแน่ใจแล้วหรือว่า ที่พูดมามันถูกต้อง

ลองคิดธรรมดาไม่ต้องโยนิโสหรอก ก็จะรู้ว่า ไม่มีใครเขากลัวตายครับ
ส่วนใหญ่เขากำลังหลงไม่ได้นึกถึงความตาย ที่เขากลัวๆกันก็คือ ทุกข์เวทนาครับ
ทุกข์จากการเจ็บไข้ได้ป่วย พูดง่ายๆ กลัวเจ็บ กลัวพิการ กลัวเป็นโรค

คุณลองไปถาม คนอกหัก คนเป็นโรคมะเร็ง หรือได้รับอุบัติเหตุจนพิการ
ความปรารถนาของเขาอันดับแรกคือ เขาอยากตายครับ


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 11:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
hiwichai เขียน:
รู้สึกว่ากระทู้นี้มีสาระธรรมที่ดีมากครับ และขออนุโมทนาแด่คุณลูกพระป่าและทุก ๆ ท่านที่ได้แสดงความเห็นมุมมองที่หลากหลายทำให้ได้ภาพที่เป็นประโยชน์แก่กัลยามิตรในการปฏิบัติเพื่อการเข้าถึงธรรมต่อไป

ส่วนตัวกระผมขอเสริมข้อปฏิบัติที่สำคัญอันหนึ่งที่ไม่ทำให้ “ส่งจิตออกนอก” ที่พระพุทธเจ้าและพ่อแม่ครูบาอาจารย์มักแนะนำสรรเสริญ คือการฝึกเจริญมรณานุสติ อย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้
- จิตที่ยังมีความโลภ โกรธ หลง
- จิตที่ยังผูกอยู่กับความอยากได้ลาภยศสุขสรรเสริญและความเสื่อมของโลกธรรมดังกล่าว
- จิตที่ยังคงรักตัว(ตัวมานะ) กลัวตาย (อวิชา) และเป็นทุกข์
ได้บรรเทาเบาบางและหมดไปในที่สุด


ตัวอย่างของ ของการเจริญมรณานุสติ หรือการเห็นถึง “การตายก่อนตาย” ให้แก่จิตทางหนึ่งได้แก่การมีโยนิโสมนัสสิการ เข้าใจถึงความเป็นอนิจจัง ทุกข์ขังของสังขาร และความเป็นอนัตตาของธรรมทั้งหลายอย่างสม่ำเสมอประกอบในการภาวนา
เช่น ดูเห็นนามรูปที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันว่าแท้จริงใม่ใช่ตัวตนของเรา มันเป็นสิ่งไม่เที่ยงเปลี่ยนแปลงไปทุกขณะไม่อาจคงเดิมอยู่ได้และไม่อยู่ในความควบคุมของเราให้เป็นนั่นเป็นนี่ได้ มันต้องเสื่อมสลายหรือตายไปไม่ช้าก็เร็วตามเหตุปัจจัยในที่สุด ไม่อาจหนีพ้นไปได้

เมื่อใส่ใจและไม่ประมาทเวลาทำการเจริญมรณานุสติดังกล่าวบ่อย ๆ และมากพอ จิตก็จะถอนจากกิเลสความโลภ โกรธ หลง การรักตัว (มานะ) กลัวตาย (อวิชา) สละได้ซึ่งตัวตน มีนิรามิสสุข จิตสงบหลุดพ้นจากทุกข์ เข้าถึงนิพพาน ทั้งก่อนตายและเมื่อตายมาถึง

ธรรมใดๆ ก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ หรือลงมือปฏิบัติ....... สาธุ

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกๆ ท่าน :b51: :b42: :b8:

เห็นเอาโยนิโสมาพูด คุณคิดว่า มาโยนิโสเรื่องความตายเนี้ย
คุณแน่ใจแล้วหรือว่า ที่พูดมามันถูกต้อง

ลองคิดธรรมดาไม่ต้องโยนิโสหรอก ก็จะรู้ว่า ไม่มีใครเขากลัวตายครับ
ส่วนใหญ่เขากำลังหลงไม่ได้นึกถึงความตาย ที่เขากลัวๆกันก็คือ ทุกข์เวทนาครับ
ทุกข์จากการเจ็บไข้ได้ป่วย พูดง่ายๆ กลัวเจ็บ กลัวพิการ กลัวเป็นโรค

คุณลองไปถาม คนอกหัก คนเป็นโรคมะเร็ง หรือได้รับอุบัติเหตุจนพิการ
ความปรารถนาของเขาอันดับแรกคือ เขาอยากตายครับ
ฝากคิดถึงคุณชาติสยามด้วย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
โฮฮับ เขียน:
คุณลองไปถาม คนอกหัก คนเป็นโรคมะเร็ง หรือได้รับอุบัติเหตุจนพิการ
ความปรารถนาของเขาอันดับแรกคือ เขาอยากตายครับ
ฝากคิดถึงคุณชาติสยามด้วย

พุทโธ่! ไม่ทันไรก้ออกอาการแล้ว คุณบิ๊กทู่ครับ อยากแนะนำครับ
ถ้าคุณกลัวใครเขาลองภูมิ คุณก็ควรไปโพสหรือตั้งกระทู้ในห้องอื่น
อาทิเช่น ห้องนานาสาระ ห้องการ์ตูน-นิทาน และอื่นๆอีกครับ

หรือว่าไม่อยากคุยกับใครก็อย่าไปตอบโต้เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
มีเพื่อนๆตั้งมากเขาก็ใช้วิธีนี้ แบบนี้ครับถึงเรียกมีสติ
ไม่ใช่ไม่ทันไร วิ่งโร่หาคนช่วย

ถ้าคิดว่าที่ไหนเป็นที่ อโคจร เป็นที่ๆไม่ควรเข้าสำหรับคุณ
ก็อย่าเข้าไป ไม่ใช่เดินกร่างเข้าไปพอโดนอัดก็ฟ้องคนโน้น
ฟ้องคนนี่ ตลกครับ :b9:


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
bigtoo เขียน:
โฮฮับ เขียน:
คุณลองไปถาม คนอกหัก คนเป็นโรคมะเร็ง หรือได้รับอุบัติเหตุจนพิการ
ความปรารถนาของเขาอันดับแรกคือ เขาอยากตายครับ
ฝากคิดถึงคุณชาติสยามด้วย

พุทโธ่! ไม่ทันไรก้ออกอาการแล้ว คุณบิ๊กทู่ครับ อยากแนะนำครับ
ถ้าคุณกลัวใครเขาลองภูมิ คุณก็ควรไปโพสหรือตั้งกระทู้ในห้องอื่น
อาทิเช่น ห้องนานาสาระ ห้องการ์ตูน-นิทาน และอื่นๆอีกครับ

หรือว่าไม่อยากคุยกับใครก็อย่าไปตอบโต้เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
มีเพื่อนๆตั้งมากเขาก็ใช้วิธีนี้ แบบนี้ครับถึงเรียกมีสติ
ไม่ใช่ไม่ทันไร วิ่งโร่หาคนช่วย

ถ้าคิดว่าที่ไหนเป็นที่ อโคจร เป็นที่ๆไม่ควรเข้าสำหรับคุณ
ก็อย่าเข้าไป ไม่ใช่เดินกร่างเข้าไปพอโดนอัดก็ฟ้องคนโน้น
ฟ้องคนนี่ ตลกครับ :b9:
ล้อเล่นนะครับ ไม่จี้จะสนุกเหรอ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เป็นคำสอนหลวงปู่ดุลย์ใช่ไม่ครับ
บางท่าน คิดว่า หลวงปู่ดุลย์ พูดเป็นปริศนาธรรม แต่ในความเห็นผม หลวงปู่ท่านสอนธรรม ตรง คำสอน แบบ ตรงๆ เลย ครับ ไม่ต้องมาตีความเลย ลงปฏิจจสมุปบาท ทุกคำสอนเลย ครับ

:b8: :b8: :b8:

สวัสดีครับพี่ฝึกจิต :b8:
ใช่ครับหลวงปู่ดูลย์ท่านก็สอนแบบนี้ อาจารย์ของหลวงปู่่ท่านคือหลวงปู่มั่นท่านก็สอนแบบนี้และอาจารย์ของหลวงปู่มั่นคือหลวงปู่เสาร์ท่านก็สอนแบบนี้เช่นกันครับ และพระศาสดาของเราท่านก็สอนแบบนี้เช่นกันครับ
ขอบคุณครับ :b8:


ลูกพระป่า...
อย่าอ้างพระศาสดา
พระศาสดา ท่านไม่ได้สอนอย่างที่ หลวงปู่หลวงตา เค้าสอนครับ

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 21:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
ฝึกจิต เขียน:
เป็นคำสอนหลวงปู่ดุลย์ใช่ไม่ครับ
บางท่าน คิดว่า หลวงปู่ดุลย์ พูดเป็นปริศนาธรรม แต่ในความเห็นผม หลวงปู่ท่านสอนธรรม ตรง คำสอน แบบ ตรงๆ เลย ครับ ไม่ต้องมาตีความเลย ลงปฏิจจสมุปบาท ทุกคำสอนเลย ครับ

:b8: :b8: :b8:

สวัสดีครับพี่ฝึกจิต :b8:
ใช่ครับหลวงปู่ดูลย์ท่านก็สอนแบบนี้ อาจารย์ของหลวงปู่่ท่านคือหลวงปู่มั่นท่านก็สอนแบบนี้และอาจารย์ของหลวงปู่มั่นคือหลวงปู่เสาร์ท่านก็สอนแบบนี้เช่นกันครับ และพระศาสดาของเราท่านก็สอนแบบนี้เช่นกันครับ
ขอบคุณครับ :b8:


ลูกพระป่า...
อย่าอ้างพระศาสดา
พระศาสดา ท่านไม่ได้สอนอย่างที่ หลวงปู่หลวงตา เค้าสอนครับ

เจริญธรรม

สวัสดีครับพี่เช่นนั้น
ในที่นี้ผมขอยกกล่าวเฉพาะคำสอนของครูบาอาจารย์สายหลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นเท่านั้นนะครับ เพราะผมมีความรู้เฉพาะทางสายนี้เท่านั้น ในสำนักของครูบาอาจารย์ท่านอื่นเป็นเช่นไรผมไม่อาจทราบคำสอนและแนวทางที่แน่นอนได้ เพราะไม่ได้ศึกษาและปฏิบัติตาม...ดังนั้นในสายของพระอาจารย์มั่นนั้นท่านดำเนินตามคำสอนของพระพุทธเจ้าและทำเนียมการปฏิบัติตามเมื่อสมัยพุทธกาลอย่างเคร่งครัด ดังนั้นคำสอนทุกอย่างที่พระอาจารย์เสาร์พระอาจารย์มั่นท่านได้อบรมสั่งสอนลูกศิษย์จึงดำเนินตามพระศาสดาและไม่ออกนอกกรอบแห่งพระธรรมที่พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้เป็นแนวทางแน่นอน...ผมไม่ทราบว่าจะมีพระพุทธพจน์ที่แสดงไว้ในพระไตรปิฏกแบบตรงตัวว่า "อย่าส่งจิตออกนอกหรือไม่" หรือเป็นคำสรุปที่พระอาจารย์เสาร์พระอาจารย์มั่นได้สรุปลงด้วยตัวท่านเองจากผลการดำเนินตามทางที่พระศาสดาได้วางเอาไว้...แต่ถึงอย่างไรผมก็เชื่อในคำสอนที่ว่า"อย่าส่งจิตออกนอก" ที่ครูบาอาจารย์ท่านสั่งสอนนั้นไม่ได้อยู่นอกคำสอนของพระพุทธเจ้าแน่นอนครับ

ยกตัวอย่างคาถาที่พระอัสสชิแสดงต่อพระสารีบุตรที่เรายกให้เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาก็ได้ครับที่ว่า..."เย ธมฺมา เหตุ ปัพฺพวา
เตสํ เหตุงฺ ตถาคโต
เตสญฺจะ โย นิโรโธ จะ
เอวํ วาที มหาสมฺโณ"

"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้"

คาถานี้พระพุทธองค์หาได้แสดงไม่ แต่เป็นการสรุปจากผลแห่งการปฏิบัติธรรมของพระอัสสชิเองใช่มั้ยครับ พี่เช่นนั้นเห็นว่าคาถานี้เป็นการอ้างพระศาสดาหรือไม่อย่างไรครับ
ขอให้พิจารณาธรรมโดยธรรมนะครับ
ขอบคุณครับ


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 22:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกพระป่า เขียน:
ยกตัวอย่างคาถาที่พระอัสสชิแสดงต่อพระสารีบุตรที่เรายกให้เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาก็ได้ครับที่ว่า..."เย ธมฺมา เหตุ ปัพฺพวา
เตสํ เหตุงฺ ตถาคโต
เตสญฺจะ โย นิโรโธ จะ
เอวํ วาที มหาสมฺโณ"

"ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
พระมหาสมณะมีปกติ ทรงสั่งสอนอย่างนี้"

คาถานี้พระพุทธองค์หาได้แสดงไม่ แต่เป็นการสรุปจากผลแห่งการปฏิบัติธรรมของพระอัสสชิเองใช่มั้ยครับ พี่เช่นนั้นเห็นว่าคาถานี้เป็นการอ้างพระศาสดาหรือไม่อย่างไรครับ
ขอให้พิจารณาธรรมโดยธรรมนะครับ
ขอบคุณครับ

คาถาที่ ท่านอัสสชิ แสดง เป็นสิ่งที่พระศาสดาสอนครับ คนละเรื่องกับที่ หลวงปู่หลวงตาว่าเอง
ลูกพระป่า ศึกษาจาก "อุทเทสวิภังคสูตร" เกี่ยวกับจิตไม่ฟุ้งไปในภายนอก ไม่ตั้งสยบอยู่ในภายใน
คงได้คำตอบที่ชัดเจน

http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=8267&Z=8510&pagebreak=0

เจริญธรรม

ปล. เช่นนั้นไม่ได้บอกว่า หลวงปู่หลวงตาสอนผิด นะครับ แต่ไม่ถูกทั้งหมด ขาดกะท่อนกะแท่น
ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดา จึงกล่าวว่า "อย่าอ้างพระศาสดา ว่าพระศาสดาก็สอนเช่นเดียวกัน"

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสต์ เมื่อ: 29 มิ.ย. 2012, 23:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:

ศึกษาจาก "อุทเทสวิภังคสูตร" เกี่ยวกับจิตไม่ฟุ้งไปในภายนอก ไม่ตั้งสยบอยู่ในภายใน
คงได้คำตอบที่ชัดเจน

http://84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=8267&Z=8510&pagebreak=0

เจริญธรรม




ผมก็พึ่งเคยอ่าน อ่านแล้ว รู้ครบรอบ หมดจด กระจ่างครับขอบคุณครับ :b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2012, 01:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:

เจริญธรรม

ปล. เช่นนั้นไม่ได้บอกว่า หลวงปู่หลวงตาสอนผิด นะครับ แต่ไม่ถูกทั้งหมด ขาดกะท่อนกะแท่น
ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดา จึงกล่าวว่า "อย่าอ้างพระศาสดา ว่าพระศาสดาก็สอนเช่นเดียวกัน"


ธรรมะ...ไม่มีกระท่อนกระแท่นหรอกครับ...

แต่ถ้าจำจากตำราไม่ครบ...จึงเรียกว่าถูกไม่หมด...หรือ..ขาดกระท่อนกระแท่น..ได้

ส่วน...คำสอนนี้..เป็นของตถาคตหรือไม่นั้น..พระองค์ก็เคยวิสัชนาให้แล้วว่าให้ดูตรงที่จุดไหนมิใช่หรือ?

ผมจำไม่ได้...ผู้มากตำราอย่างเช่นนั้นน่าจะจำได้นะครับ..

อะไรนะ ..."ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด...เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว... นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของเราตถาคต"

ผิดถูกอย่างไรวานผู้รู้อธิบายด้วยละกันนะครับ...

พอดีกำลังคิดว่า.. :b32: ...แล้วถ้าใครอ่านพระไตรปิฎกแต่กลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายคลายกำหนัด..เลย...นี้...จะเรียกว่าอะไร..... :b32:

ธรรมะขึ้นอยู่กับคน....หรือ..ธรรมะขึ้นอยู่กับตัวอักษร? :b13:


โพสต์ เมื่อ: 30 มิ.ย. 2012, 02:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เช่นนั้น เขียน:

เจริญธรรม

ปล. เช่นนั้นไม่ได้บอกว่า หลวงปู่หลวงตาสอนผิด นะครับ แต่ไม่ถูกทั้งหมด ขาดกะท่อนกะแท่น
ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดา จึงกล่าวว่า "อย่าอ้างพระศาสดา ว่าพระศาสดาก็สอนเช่นเดียวกัน"


ธรรมะ...ไม่มีกระท่อนกระแท่นหรอกครับ...

แต่ถ้าจำจากตำราไม่ครบ...จึงเรียกว่าถูกไม่หมด...หรือ..ขาดกระท่อนกระแท่น..ได้

ส่วน...คำสอนนี้..เป็นของตถาคตหรือไม่นั้น..พระองค์ก็เคยวิสัชนาให้แล้วว่าให้ดูตรงที่จุดไหนมิใช่หรือ?

ผมจำไม่ได้...ผู้มากตำราอย่างเช่นนั้นน่าจะจำได้นะครับ..

อะไรนะ ..."ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด...เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว... นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของเราตถาคต"

ผิดถูกอย่างไรวานผู้รู้อธิบายด้วยละกันนะครับ...

พอดีกำลังคิดว่า.. :b32: ...แล้วถ้าใครอ่านพระไตรปิฎกแต่กลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายคลายกำหนัด..เลย...นี้...จะเรียกว่าอะไร..... :b32:

ธรรมะขึ้นอยู่กับคน....หรือ..ธรรมะขึ้นอยู่กับตัวอักษร? :b13:

จริงหรือไม่กระท่อนกระแท่นๆ
กบแน่ใจ นะ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 110 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร