วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 04:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2012, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


มาตั้งเรื่องชวนทะเลาะกันดีก่า... :b32: :b32: :b32:

ไปอ่านมาที่หนึ่ง วิกาล แปลว่า ผิดเวลา โดยมากมักหมายถึงเวลาค่ำ...
เพราะงั้น การกินอาหารในเวลาวิกาล จึงควรจะหมายถึงว่า การกินอาหารในเวลาที่ไม่ควรกิน
ไม่ควรจะหมายความว่า กินอาหารหลังเที่ยงวันเป็นต้นไป เพราะนั่นเป็นวิกาลของพระ
วิกาลของฆราวาส จึงควรหมายถึงเวลาค่ำ ใช่ไหมเอ่ย... s004 s004 s004


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2012, 10:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


murano เขียน:
มาตั้งเรื่องชวนทะเลาะกันดีก่า... :b32: :b32: :b32:

ไปอ่านมาที่หนึ่ง วิกาล แปลว่า ผิดเวลา โดยมากมักหมายถึงเวลาค่ำ...
เพราะงั้น การกินอาหารในเวลาวิกาล จึงควรจะหมายถึงว่า การกินอาหารในเวลาที่ไม่ควรกิน
ไม่ควรจะหมายความว่า กินอาหารหลังเที่ยงวันเป็นต้นไป เพราะนั่นเป็นวิกาลของพระ
วิกาลของฆราวาส จึงควรหมายถึงเวลาค่ำ ใช่ไหมเอ่ย... s004 s004 s004
พระพุทธเจ้าเคยกล่าวว่า (เราไม่เห็นประโยชน์ของหารหารมื้อที่2เลย)แล้วแต่จะตีความหมายนะครับไม่ขัดๆๆแต่ละท่าน จะกี่มื้อก็ได้ ตามสบายครับ :b13: :b26:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2012, 11:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องว่าการกิน เราควรจะกินโดยปราศจากกิเลศมันถึงจะไม่เกิดโทษตามมา คือกินอาหารเพื่อให้มีชีวิตอยู่เพื่อให้ร่างกายไม่หิว เมื่อเราอิ่มเราก็ควรพอ ไม่ใช่กินจุกจิก เห็นไรก็อยากกิน อยากกินนั่นอยากกินนี่ มะก่อนนี่คุนน้องเรื่องกินนี่ กิเลศเลย กินข้าวอิ่มแล้ว เห็นขนมหวาน เช่น เค๊กเอย ไอศกรีมเอย เกิดความอยากแต่ไม่ได้หิวนะ คือมันเกิดอุปทาน รูป รส กลิ่น นี่แหละตัวดี ยิ่งพอเราอายุมากขึ้น ยิ่งเรากินตามใจปาก เรายิ่งมีโรคเยอะ เช่นเบาหวาน ไขมันอุดตันเส้นเลือด โรคอ้วนอะไรแบบนี้ มันเกิดจากการกินของเราเป็นต้นเหตุแท้ๆ แต่พอมาปฏิบัตธรรม เราก็เริ่มฉลาดขึ้น เห็นโทษของการกิน ว่าความอยากมันเป็นกิเลศนะ มันคือความไม่รู้จักพอ เราอิ่มแล้วเราก็พอเหอะ แถมได้ประหยัดค่าใช้จ่ายลงด้วย อืมดีแฮะ เซฟเงินไปเยอะ เพราะลดอัตตาการกินของตน อิอิ :b32: :b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2012, 22:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
สรุปนะครับเพื่อเป็นการลดละเลิกในอารมณ์รมณ์ทั้งหลายครับ ตามปัญญาbigtooเท่าที่จะอธิบายได้ยะครับ


ขอบคุณที่ตอบครับ.... :b8:

ที่อธิบายมานี้....มีกั๊กอะไรใว้หรือเปล่า? :b13:

หากมีท่านใดมีความเห็นเพิ่มเต็ม....เกี่ยวกับการเห็นโทษภัยจึงรักษาศีล....ก็เพิ่มได้นะครับ...ถือว่าแลกเปลี่ยนความคิดเห็น...มุมมอง...กันดู... :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2012, 22:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ในศีล 5.....ศีลข้อที่ 3 คือไม่ผิดลูกผิดเมียใคร....แต่กับคู่สมรสของเรา..ทำได้

ในศีล 8....ศีลข้อที่ 3..คือ..ประพฤติพรหมจรรย์...ห้ามไม่ให้มีไม่ว่ากับใครทั้งนั้น..ว่างั้นเถอะ

s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ในศีล 8....ศีลข้อที่ 3..คือ..ประพฤติพรหมจรรย์...ห้ามไม่ให้มีไม่ว่ากับใครทั้งนั้น..ว่างั้นเถอะ
แม้แต่จินตนาการเพื่อให้อสุกะเคลื่อน(ช่วยตัวเอง) ก็ผิดศีลข้อนี้ :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 22:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โทษ...คืออะไร?...แล้วประโยชนที่จะได้คืออะไร..นะ?....ประพฤติพรหมจรรย์....นี้นะ
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 22:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว....ข้ออื่นด้วยเลยเป็นไร?

โทษคืออะไร?.....ประโยชน์ที่จะได้คืออะไร..นะ?

6. ไม่รับประทานอาหารในเวลาวิกาลหรือหลังพระอาทิตย์เที่ยงวัน
7. งดเว้นการฟ้อนรำ ขับร้อง เล่นดนตรี ดูการละเล่น และการประดับตกแต่งร่างกายใช้ของหอม เครื่องลูบไล้
8. งดนอนบนฟูกฟู ที่นั่งที่นอนสูงใหญ่

ขอแถมว่า...ทำเพื่ออะไร?

s006 s006 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 22:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ละนันทิ ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 22:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โทษของนันทิ..คืออะไร?

ละได้....ได้อะไร?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 23:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
โทษของนันทิ..คืออะไร?

ละได้....ได้อะไร?



การหยังของราคะลงสู่ อนุสัย

ละได้ ที่ขันธ์5 จิตหลุดพ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 23:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่ถือศีล 8 ได้....จะว่าละนันทิได้แล้ว...ก็ยังไม่ใช่

แล้วจะเรียกว่า..ละนันทิเป็นประโยชน์ของศีล 8 ได้อย่างไร?
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 23:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนที่ถือศีล 8 ได้....จะว่าละนันทิได้แล้ว...ก็ยังไม่ใช่

แล้วจะเรียกว่า..ละนันทิเป็นประโยชน์ของศีล 8 ได้อย่างไร?
:b8:


นันทิทุกนันทิ เป็นบาทฐานของ ทุกราคะ ครับ
ศิลทุกศิล เป็นบาทฐานของการเดิน มรรค ครับ

เริ่มที่ศิล จบที่ ศิล ความเจริญของมรรค ดูคำตอบได้จากจิต ที่มีศิล เป็น ปกติบริบูรณ์ ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2012, 23:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีท่านใดมีความเห็นเพิ่มเติมมั้ยครับ??
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ค. 2012, 14:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


คนที่ตั้งใจรักษาศิลแปด เพราะรู้โทษของอกุศลนั้น จะต่างจากการรักษาศิลแปดเพราะอยากได้บุญ การรักษาศิลแปดนั้นเป็นการเห็นโทษของฉันทะ (ความพอใจ) ราคะ (ความกำ หนัด) นันทิ (ความเพลิน) ตัณหา (ความทะยานอยาก) ผู้ที่มีปัญญามากเท่านั้นถึงจะรักษาศิลแปดได้ตลอดชีวิต

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร