วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2012, 08:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


"สิ่งบริโภคใช้สอยแม้มากมายกินใช้ไปก็หมดได้
กิเลสตัญหาอยู่ๆกันไป หากเกิดเบื่อหน่ายได้เมื่อไหร่ ก็ไปจากกัน"

ก่อนที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะต้องรู้อะไรบ้าง?
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเป็นเรื่องสำคัญมากๆ วิปัสสนาเป็นชื่อของปัญญาที่รู้แจ้งในรูปและในนามว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เป็นอนัตตา การที่มีบัญญัติธรรมขึ้นมาก็เพื่อที่จะสามารถอธิบายให้เกิดความรู้และเข้าใจได้ ฉะนั้นก่อนที่ลงมือจะปฏิบัติ เราจะต้องเข้าใจเสียก่อน หากไม่เข้าใจก็ปฏิบัติไม่ได้ ต้องมีโยนิโสมนสิการได้แก่การใส่ใจให้ถูก ให้ตรงต่อความเป็นจริง




ที่ว่าการใส่ใจให้ถูก ทำความเห็นให้ตรงนั้น ตรงอะไร?
ตรงกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และตรัสสอนไว้ ความเห็นนั้นจึงเรียกว่า โยนิโสมนสิการ เมื่อได้โยนิโสมนสิการบ่อยๆ ศึกษาไปเรื่อยๆ ก็จะทราบว่า รูปนามนี้เป็นทุกข์จริงๆ ไม่เที่ยงจริงๆ และเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ปัญญาที่จะเกิดรู้ตามความเป็นจริงของอารมณ์ ก็จะเกิดขึ้นเป็นลำดับๆ ฉะนั้นการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจึงหมายถึงการทำใจให้รู้แจ้ง รู้แจ้งว่าเป็นรูป เป็นนาม มนสิการให้เห็นเป็นรูป เห็นเป็นนาม เมื่อเห็นว่าเป็นรูปเป็นนามแล้ว รูปนามนั้นก็จะประกาศความจริงออกมาอีกทีหนึ่งว่า

…รูปที่เห็นนั้นแหละไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บังคับบัญชาไม่ได้

…นามนี้ก็ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บังคับบัญชาไม่ได้

ตั้งคำถามว่า ทำวิปัสสนาแล้วเห็นอะไร?

มีคนหมู่มากมีความเข้าใจผิดว่า ทำวิปัสสนาแล้วจะเห็นนรก จะเห็นสวรรค์ จะเห็นพระอรหันต์ จะได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า หรือไม่ก็หลับตาเห็นเลขต่างๆ หรือไม่ก็เห็นญาติที่ตายไปแล้ว …ช่วยทำวิปัสสนาดูหน่อยว่าญาติฉันตายแล้วไปไหน เป็นต้น ความจริงการทำวิปัสสนาไม่ได้เห็นอะไรอย่างนั้นเลย การทำวิปัสสนา จะไม่เห็นนิมิตอะไรเลย นอกเสียจากรูปและนามเท่านั้นเอง เพราะรูปและนามเป็นอารมณ์ให้เห็น และการเห็นรูปนามก็ไม่ได้เห็นนิมิตด้วย ไม่ได้เห็นเครื่องหมายเป็นรูปร่างปรากฏ

ฉะนั้นการที่เห็นรูปร่างว่าเป็นคนนั้น ว่าเป็นคนนี้ ว่าเป็นสิ่งนั้น ว่าเป็นสิ่งนี้ การเห็นเช่นนั้นไม่ใช่เห็นแบบวิปัสสนาเห็น แต่เป็นอารมณ์ของสมาธิ การเห็นเป็นสิ่งต่างๆ แสดงว่าจิตได้ตกไปจากอารมณ์วิปัสสนาแล้ว ตกไปสู่อารมณ์อย่างอื่น ผู้ที่รู้และเข้าใจในเรื่องอารมณ์ของวิปัสสนา จะรู้ทันทีว่าจิตตกไปแล้ว ตกไปจากอารมณ์วิปัสสนา คือรูปและนาม ก็จะมีนิมิตต่างๆเข้ามาแทน เหมือนหนัง มีฉายหลายรอบ คนที่ดูหนังรอบนี้ออกไปแล้วทางประตูหนึ่ง พวกใหม่ก็เข้ามาอีกประตูหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อรูปนามถูกออกไป นิมิตก็เข้ามาแทน

ตั้งคำถามต่อว่า เห็นรูป เห็นนามแล้วได้อะไร?
เห็นรูป เห็นนาม ถ้าเชื่อแค่นี้ เท่ากับว่าฟังตามกันมา ต้องมีความรู้อีกว่า จะเห็นรูป เห็นนาม เห็นแล้วได้อะไร ผลลัพธ์ที่ได้จากการเจริญวิปัสสนาก็คือ เมื่อเห็นรูปเห็นนามแล้ว ก็จะเห็นแจ้ง และรู้แจ้งตามความเป็นจริง เมื่อเห็นแจ้ง และรู้แจ้งตามความเป็นจริงเกิดขึ้น ความเห็นผิดนานาประการที่เรียกว่าวิปลาสก็ออกไป แล้ววิปลาสจะออกไปได้อย่างไร เพราะถูกโมหะอวิชชาปิดบังอยู่ เมื่อมีปัญญาหรือแสงสว่าง ความมืดหรือวิปลาสก็ออกไป
๑. อัตตวิปลาส...เห็นว่าเป็นอัตตา เป็นตัวเรา เป็นของๆเรา

๒. นิจจาวิปลาส...เห็นว่าเที่ยง เห็นว่ามั่นคง ไม่ผันแปร ไม่เปลี่ยนแปลง

๓. สุขวิปลาส...เห็นว่าสุข เห็นว่าเป็นของดี

๔. สุภวิปลาส...เห็นว่าสวยงาม น่ารัก น่าปรารถนา

ในวิปลาส ๔ อย่างนี้ เกี่ยวโยงกันเหมือนลูกโซ่ เหมือนปฏิจจสมุปบาท ลูกโซ่ที่ไม่เคยขาดจากสังสารวัฎฎ์ ได้แก่….
การเห็นว่าเป็นตัวตน เมื่อเกิดขึ้นมา ==> ก็จะเห็นว่าเที่ยง

เมื่อเห็นว่าเที่ยงแล้ว ==> ก็จะเห็นว่าสุข

เมื่อเห็นว่าสุขแล้ว ==> ก็จะเห็นว่าสวยงาม น่าพอใจ น่าปรารถนา
ถ้าไม่มีตัวตนแล้ว จะเที่ยงไหม? สุขไหม? สวยไหม?

แท้จริงความเห็นดังกล่าวเป็นความเห็นผิด เข้าใจผิด

และการที่จะละความเห็นผิด เข้าใจผิด นี้ได้ต้องอาศัยการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น

การเห็นเป็นรูป เป็นนาม เห็นว่าไม่ใช่เรา เห็นว่าไม่ใช่ตัวตน คนสัตว์ตามความเป็นจริงนี้ จะช่วยถ่ายถอนความยึดมั่น ความเชื่อมั่นว่าเป็นเรา (มานะ ทิฏฐิ) ถ่ายถอนออกไปทีละเล็กทีละน้อย จนกว่าอำนาจของปรีชาปัญญา เห็นเป็นรูปเป็นนาม ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน ปัญญาก็จะสามารถประกาศความจริงของรูปของนามให้ชัดว่า ในรูปนามนั้นเองก็มีไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่สามารถบังคับบัญชาได้ เหมือนเห็นเสือ ก็จะต้องเห็นลวดลายเสือว่า นี่เสือดำ นี่เสือดาว เห็นชัด
ฉะนั้นทั้งรูปและทั้งนามอยู่ในฐานะเดียวกัน เป็นอนิจจัง เป็นทุกขัง เป็นอนัตตา เมื่อปัญญาเห็นรูปนามไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บังคับบัญชาไม่ได้ ความเห็นผิด ความเข้าใจผิด คือนิจจวิปลาส ก็ถูกถ่ายถอนออกไปจากจิตใจ … ความเห็นว่าสุข … ว่าสวย ก็พลอยถูกถอนออกในขณะเดียวกันเลย
วิปัสสนาให้ประโยชน์อย่างไร ?
ประโยชน์ของการทำวิปัสสนา คือ ทำให้หมดจดจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง (แต่ถ้าถามว่าได้อะไร? ได้ละวิปลาส) ละความเศร้าโศก ความร่ำไห้รำพรรณ (ทุกข์ประจำ-ทุกข์จร) และ ทำให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด คือละทุกข์นั่นเอง ประโยชน์ก็คือทำให้ทุกข์หมดไป ประโยชน์สูงสุดของวิปัสสนามีเท่านี้ ความดีเลิศของวิปัสสนากรรมฐาน อยู่ที่พ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิด ทำกุศลอย่างอื่น เช่นสร้างโบสถ์วิหารศาลาการเปรียญใหญ่โต ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า จะกี่วัดก็ตาม ก็ยังไม่ประเสริฐเท่ากับการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เพราะการกระทำเหล่านั้นไม่สามารถประหานกิเลสได้ ไม่สามารถนำให้พ้นจากกองทุกข์ คือขันธ์ ๕ ได้ ส่วนการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน…สามารถทำลายกิเลสด้วย …เป็นเหตุให้เข้าถึงพระนิพพานด้วย …ทำให้พ้นจากกองทุกข์ทั้งหลายทั้งปวงด้วย …จึงวิเศษสุด
ฉะนั้นก่อนที่จะปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานจะต้องรู้อะไรบ้าง?
ก่อนลงมือปฏิบัติต้องมีความรู้ ความรู้ต้องคู่กับการปฏิบัติ คือ

๑. ต้องรู้ ทวาร ๖

๒. ต้องรู้ อารมณ์ ๖

๓. ต้องรู้ว่าอะไรเป็นนาม อะไรเป็นรูป ทางทวารทั้ง ๖

๔. ต้องรู้กำหนดนามอะไร กำหนดรูปอะไร ในทวารทั้ง ๖

๕. ต้องรู้วิธีการกำหนดหรือการวางใจในอารมณ์ตามเหตุผลที่เกิดขึ้นตามทวารทั้ง ๖

เมื่อมีความรู้และความเข้าใจ ก็สามารถที่จะปฏิบัติวิปัสสนา ฝึกฝนทำบ่อยเข้าๆ เหมือนวสี พอทำบ่อยๆ หนักๆเข้า ความสะสม ทำให้รู้แจ้ง ทำบ่อยๆ จากน้อย ไปหามาก จาก ปริตตารมณ์ ก็เป็น อติมหันตารมณ์ อารมณ์นั้นหนักแน่นขึ้น รู้เป็นรูป รู้เป็นนาม เห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของรูปและนามก่อนลงมือปฏิบัติต้องมีความรู้ ความรู้ต้องคู่กับการปฏิบัติ คือ
๑. ต้องรู้ ทวาร ๖

๒. ต้องรู้ อารมณ์ ๖

๓. ต้องรู้ว่าอะไรเป็นนาม อะไรเป็นรูป ทางทวารทั้ง ๖

๔. ต้องรู้ว่ากำหนดนามอะไร กำหนดรูปอะไร ในทวารทั้ง ๖

๕. ต้องรู้วิธีการกำหนดหรือการวางใจในอารมณ์ตามเหตุผลที่เกิดขึ้นตามทวารทั้ง ๖ ๑. ต้องรู้ ทวาร ๖
ทวาร คือทางรับรู้อารมณ์ของจิต คือจิตอาศัยรู้อารมณ์ทางทวารนั่นเอง จิตอาศัยรู้อารมณ์ทางไหน ทางนั้นเรียกว่าทวาร ทวารมี ๖ ทวาร คือ จักขุทวาร โสตทวาร ฆานทวาร ชิวหาทวาร กายทวาร มโนทวาร ต้องรู้จักทวารทั้ง ๖ รู้แค่นี้คือท่อง แล้วต้องรู้จักอย่างไร?.........ต้องรู้ว่า......

๑. จักขุทวาร
ได้แก่ ทวารทางตา เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของจักขุวิญญาณ คือจิตเห็น หรือ นามเห็น ๒. โสตทวาร

ได้แก่ ทวารทางหู เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของโสตวิญญาณ คือจิตได้ยิน หรือ นามได้ยิน ๓. ฆานทวาร

ได้แก่ ทวารทางจมูก เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของฆานวิญญาณ คือจิตรู้กลิ่น หรือ นามรู้กลิ่น ๔. ชิวหาทวาร

ได้แก่ ทวารทางลิ้น เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของชิวหาวิญญาณ คือจิตรู้รส หรือ นามรู้รส ๕. กายทวาร

ได้แก่ ทวารทางกาย เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของกายวิญญาณ คือจิตรู้การสัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็งหย่อนตึง หรือ นามรู้การสัมผัส ๖. มโนทวาร

ได้แก่ ทวารทางใจ เป็นที่อาศัยรู้อารมณ์ของมโนวิญญาณ คือจิตคิดนึก รู้สึก

หรือ นามคิดนึก นามรู้สึก

ฉะนั้นจิตเกิดขึ้นได้ทั้ง ๖ ทวาร คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

เรียกตามภาษาบาลี ก็เรียกว่า จักขุทวาร โสตทวาร ฆานทวาร ชิวหาทวาร กายทวาร มโนทวาร

แต่ถ้ารู้ ก็เป็นจักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานทวาร ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ เกิดขึ้นตามทวาร

สำหรับในทางปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน

เรียก จักขุวิญญาณ ว่า ..... นามเห็น

เรียก โสตวิญญาณ ว่า .... นามได้ยิน

เรียก ฆานวิญญาณ ว่า .... นามรู้กลิ่น

เรียก ชิวหาวิญญาณ ว่า ... นามรู้รส

เรียก กายวิญญาณ ว่า ...... นามรู้การสัมผัส

เรียก มโนวิญญาณ ว่า ..... นามรู้

ที่เรียกแบบนี้เพราะในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานต้องทำความรู้ชัดและรู้แจ้ง ไม่ใช่ทำไปด้วยความไม่รู้

ฉะนั้นต้องรู้ก่อน เรื่องทวาร ๖ ว่า ถ้าวิปัสสนา เขาเรียกชื่อกันอย่างไร ต้องเรียกแบบวิปัสสนาเรียก คือกำหนดเข้าไปจนกระทั่งฝังราก แรกๆ ก็เหมือนท่อง ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปจนฝังราก เมื่อมีความเชื่อจริงๆ แล้วไปปฏิบัติ คือเชื่อว่าเป็นรูปเป็นนาม ขณะเห็น เป็นนามเห็น จะมีความกำหนดของมันเอง ก็เหมือนกับเราเข้าป่าช้าแล้วกลัวผีเอง ๒. ต้องรู้ อารมณ์ ๖อารมณ์ คือสิ่งที่จิตรู้สิ่งใดที่จิตยังไม่รับรู้

หมายความว่า... สิ่งที่จิตรู้สิ่งใด ที่จิตยังไม่รับรู้ สิ่งนั้นไม่เรียกว่า อารมณ์

สิ่งใดก็แล้วแต่ที่จิตรู้ ที่จิตมีหน้าที่รู้แต่ยังไม่ได้รับรู้ สิ่งนั้นไม่เรียกว่า อารมณ์

สิ่งใดที่จิตเข้าไปรู้สิ่งนั้น สิ่งนั้นถึงเรียกว่า อารมณ์

เช่น ตอนนี้ของตรงหน้าเต็มไปหมด หลวงพ่อสั่งให้ยกมือขวาขึ้น …โสตวิญญาณได้ยิน ตอนนั้นรู้ แต่ของตรงหน้าไม่รู้ จิตรู้ทีละประตู ฉะนั้น เสียงเป็นอารมณ์ ต้องให้เข้าใจชัดแบบนี้เลย

ฉะนั้นคงไม่งงกับคำว่า "สิ่งใดที่จิตนั้นยังไม่เข้าไปรับรู้ สิ่งนั้นไม่เรียกว่า อารมณ์" แต่ "สิ่งใดที่จิตเข้าไปรับรู้ สิ่งนั้นเรียกว่า อารมณ์"
อารมณ์นั้นมีความมากมายหลากหลาย สุดจะคณานับได้ เมื่อกล่าวโดยพระปรมัตถ์แล้ว อารมณ์เกิดขึ้นทางทวารต่างๆ มี ๖ อารมณ์ด้วยกัน คือ

๑. รูปารมณ์ ได้แก่ สีต่างๆ... ที่กำลังปรากฏเป็นอารมณ์ของ... จักขุวิญญาณ หรือนามเห็น

๒. สัททารมณ์ ได้แก่ เสียง ...ที่กำลังปรากฏเป็นอารมณ์ของ... โสตวิญญาณ หรือนามได้ยิน

๓. คันธารมณ์ ได้แก่ กลิ่น ...ที่กำลังปรากฏเป็นอารมณ์ของ... ฆานวิญญาณ หรือนามรู้กลิ่น

๔. รสารมณ์ ได้แก่ รส ...ที่กำลังปรากฏเป็นอารมณ์ของ... ชิวหาวิญญาณ หรือนามรู้รส

๕. โผฏฐัพพารมณ์ ได้แก่ ความเย็นร้อน อ่อนแข็ง หย่อนตึง ...ที่กำลังปรากฏเป็นอารมณ์ของ... กายวิญญาณ หรือนามรู้กระทบ

๖. ธัมมารมณ์ ได้แก่ ความรู้สึกนึกคิดชอบ ชัง ดีใจ เสียใจ เฉยๆ ...ที่กำลังปรากฏเป็นอารมณ์ของ... มโนวิญญาณ หรือ นามรู้ทางใจ๓. ต้องรู้ว่าอะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม ทางทวารทั้ง ๖
การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ต้องรู้รูปนามทางทวารทั้ง ๖ ว่า

- รูปคืออะไร

- นามคืออะไร

- มีอยู่เท่าไร

- อะไรบ้าง

รูปคืออะไร ?

รูป คือธรรมชาติที่รู้อารมณ์ไม่ได้ ธรรมชาติที่ต้องแตกดับและย่อยยับไปด้วยสิ่งต่างๆที่เป็นข้าศึกแก่กันและกัน เช่น ความเย็นและความร้อน เป็นข้าศึกกัน อยากให้ความเย็นหาย ก็ไปตั้งไฟ อยากให้ความร้อนหาย ก็ไปใส่น้ำเย็น

หรือกล่าวโดยสรุป สิ่งใดก็ตามรู้อารมณ์ไม่ได้ ต้องแตกดับย่อยยับไปด้วยสิ่งที่เป็นข้าศึกของกันละกัน ..สิ่งเหล่านั้นแหละเรียกว่า รูป
และรูปนี้มีอยู่เท่าไร?
รูปมีอยู่ ๒ อย่าง คือ รูปที่ไม่มีวิญญาณครอง ..โต๊ะ เก้าอี้ กับ รูปที่มีวิญญาณครอง ..รูปนั่ง นามคืออะไร ?

นาม คือธรรมชาติที่รู้อารมณ์

ธรรมชาติที่น้อมไปหาอารมณ์ เรียกว่า นาม

นาม คือธรรมชาติที่มีความรู้สึกต่ออารมณ์ หรือธรรมชาติที่รู้สึก คิดนึก

หรือกล่าวโดยสรุปก็คือ ความรู้สึกชอบ ความรู้สึกไม่ชอบ ความรู้สึกต่างๆ เห็น ได้ยิน ได้รู้กลิ่น ได้รู้รส ได้รู้สัมผัส เหล่านี้แหละเรียกว่า นาม หรือตัวรู้ต่างๆ เรียกว่า นาม
รูปที่จะนำมาเป็นอารมณ์ของวิปัสสนานั้นมีเท่าไร ?

รูปที่จะนำมาเป็นอารมณ์ของวิปัสสนามี ๖ คือ รูปารมณ์ สัททารมณ์ คันธารมณ์ รสารมณ์ โผฏฐัพพารมณ์ และอิริยาบท ก็คือ …

๑. รูปทาง ตา คือ รูปารมณ์ ได้แก่.... สีต่างๆ

๒. รูปทาง หู คือ สัททารมณ์ ได้แก่.... เสียงต่างๆ

๓. รูปทาง จมูก คือ คันธารมณ์ ได้แก่.... กลิ่นต่างๆ

๔. รูปทาง ลิ้น คือ รสารมณ์ ได้แก่.... รสต่างๆ

๕. รูปทาง กาย คือ โผฏฐัพพารมณ์ ได้แก่.... ความเย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน ตึงที่ปรากฏทางกาย

๖. รูปทาง ใจ คือ อิริยาบทใหญ่ทั้ง ๔ได้แก่ .... รูปที่อยู่ในท่านั่ง รูปที่อยู่ในท่านอน รูปที่อยู่ในท่ายืน รูปที่อยู่ในท่าเดิน (รูปที่กำลังก้าวไป) รวมถึงอิริยาบทย่อย เหยียด คู้ ก้ม เงย เหลียวซ้าย แลขวา
ฉะนั้น เวลาเรียนเรื่องรูป มี ๒๘ แต่เวลาทำวิปัสสนา เรื่องรูป มี ๖ รูป

นามที่จะนำมาเป็นอารมณ์ของวิปัสสนานั้นมีเท่าไร ?
นามที่จะนำมาเป็นอารมณ์ของวิปัสสนามี ๖ คือ ...

๑.นามเห็น เกิดขึ้นทางตา มีชื่อเรียกในปริยัติศาสนาว่า.... จักขุวิญญาณ

๒.นามได้ยิน เกิดขึ้นทางหู มีชื่อเรียกในปริยัติศาสนาว่า.... โสตวิญญาณ

๓.นามรู้กลิ่น เกิดขึ้นทางจมูก มีชื่อเรียกในปริยัติศาสนาว่า.... ฆานวิญญาณ

๔.นามรู้รส เกิดขึ้นทางลิ้น มีชื่อเรียกในปริยัติศาสนาว่า.... ชิวหาวิญญาณ

๕.นามรู้สัมผัส เกิดขึ้นทางกาย มีชื่อเรียกในปริยัติศาสนาว่า.... กายวิญญาณ

๖.นามรู้สึกนึกคิด เกิดขึ้นทางใจ มีชื่อเรียกในปริยัติศาสนาว่า.... มโนวิญญาณ

เมื่อรู้ขนาดนี้แล้วก็ยังปฏิบัติไม่ได้ ฉะนั้นต้องรู้อีกว่า…

ทางตา อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม: .... สิ่งที่เห็น เป็น รูป

.... รู้สึกเห็น เป็น นาม

ทางหู อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม: .... เสียง เป็น รูป

.... รู้สึกได้ยิน เป็น นาม

ทางจมูก อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม: ....กลิ่น เป็น รูป

.... รู้กลิ่น เป็น นาม

ทางลิ้น อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม: ....รสชาติต่างๆ เป็น รูป

.... รู้รส เป็น นาม

ทางกาย อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม: ....เย็นร้อนอ่อนแข็งหย่อนตึง เป็น รูป

....รู้เย็น รู้ร้อน รู้อ่อน รู้แข็ง รู้หย่อน รู้ตึง เป็น นาม

ทางใจ อะไรเป็นรูป....อะไรเป็นนาม: ....อาการของรูปกายที่อยู่ในท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดิน ท่านอน เป็น รูป รู้ว่ารูปนั่ง รูปยืน รูปเดิน รูปนอน เป็นนาม

....รู้ว่ารูปนั่ง รูปยืน รูปเดิน รูปนอน เป็น นาม ๔. ต้องรู้กำหนดนามอะไร กำหนดรูปอะไร ในทวารทั้ง ๖
ฉะนั้นเมื่อมีรูป มีนามแล้ว ใน ๖ ทวาร นี้ วิปลาสเกิดขึ้นทางไหน ระหว่างรูป หรือ นาม ตามทวาร

ทางตา ... สิ่งที่เห็น เป็นรูป รู้สึกเห็น เป็นนาม

วิปลาสเกิดขึ้นหลงว่าเราเห็น

แท้ที่จริงนามเห็น จึงต้องมีมนสิการว่า นามเห็น ไม่ใช่เราเห็น

รูปไม่สำคัญ รูปไม่ได้ทำให้วิปลาส เราวิปลาสที่เป็นเราเห็น

ทางหู... เสียง เป็นรูป รู้สึกได้ยิน เป็นนาม

เสียงจะไม่ปฏิกิริยาอะไรเลย ถ้าไม่มีนามได้ยิน

แต่เราโง่ หลงว่าเราได้ยินจึงเกิดพอใจ ไม่พอใจ

จึงต้องแก้ไข เห็นผิดที่นาม ว่าเราเป็นผู้ได้ยิน แท้จริง นามได้ยิน

ทางจมูก... กลิ่น เป็นรูป รู้กลิ่น เป็นนาม

เราหลงผิดว่าเราเป็นผู้เหม็น หรือหอม

แท้จริง รูปเหม็น รูปหอม

จึง ต้องกำหนดที่รูป

ทางลิ้น... เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด จืด เป็นรูป รู้รส เป็นนาม

เราหลงผิดว่าเราเป็นผู้เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด จืด

แท้จริง เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม เผ็ด จืด เป็นสภาวธรรมอยู่

จึง ต้องกำหนดที่รูปรสต่างๆ

ทางกาย... เย็นร้อนอ่อนแข็งหย่อนตึง เป็นรูป

รู้ว่าเย็น ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน ตึง เป็นนาม

ความโง่อยู่ที่ความรู้ผิดว่าเราเป็นผู้เย็น ผู้ร้อน อ่อน แข็ง หย่อน ตึง

แท้จริง นามเป็นผู้รู้ แต่รูปมันเย็น รูปมันร้อน รูปมันแข็ง รูปมันอ่อน ไม่ใช่เรา

จึง ต้องมีความรู้ไปที่รูป

ทางใจ...ท่าทางต่างๆ ของการนั่ง การยืน การเดิน การนอน เป็นรูป

ที่รู้ว่าเดินอยู่ นั่งอยู่ ยืนอยู่ เป็นนาม

ฉะนั้นจึง ต้องกำหนดรู้รูป ..ใครรู้.. นามรู้ในรูปนั้น คือ รูปนั่ง รูปยืน รูปเดิน รูปนอน

ก่อนที่จะกำหนดวิปัสสนากรรมฐาน จะต้องเข้าใจคำว่า นึก กับรู้สึก ต่างกันอย่างไร? เพราะเข้าปฏิบัติไปนึกไม่ได้เด็ดขาด ต้องไปรู้สึก

คำว่า "นึก" หมายถึง จิตน้อมไปสู่อารมณ์ในอดีต หรืออนาคต คือนึกไปในเรื่องอดีตบ้าง ในเรื่องอนาคตบ้าง จิตจึงไม่ได้รู้อยู่กับปัจจุบัน แต่ รู้สึก อยู่กับปัจจุบัน

แล้วทำอย่างไรจึงจะเรียกว่า "รู้สึก"

เปรียบเสมือนมีผู้ป่วยคนหนึ่ง เดินไปหาหมอ เล่าอาการให้หมอฟังว่าอาการตนเองหนัก

หมอ….. ต้องฉีดยา

ผู้ป่วย…..อย่าฉีดเลย มันเจ็บ กินยาก็ได้ ฉีดยามันเจ็บ

หมอ….. รู้ได้อย่างไรว่ามันเจ็บ

ผู้ป่วย…..ก็เข็มมันแหลม ทิ่มไปตรงไหนมันก็เจ็บ

หมอ….. หมอยังไม่ได้ฉีดเลย รู้สึกเจ็บแล้ว แล้วคุณรู้สึกเจ็บได้อย่างไร?

ผู้ป่วย….. คิดๆเอาว่ามันเจ็บ ก็เข็มมันแหลม แล้วก็เคยถูกฉีดมาแล้ว

นี่แหละ คือรู้ว่าเจ็บ โดยอาการคิดนึก ยังไม่ทันเกิด ไม่ได้เจ็บจริงๆ

หมอ….. จัดแจงบรรจุยาเข้าในกระบอกฉีด ให้ผู้ป่วยนอนคว่ำ

โดยก่อนที่หมอจะฉีด หมอก็ถามว่า เจ็บหรือยัง ปวดมากไหม?

ผู้ป่วย….. ยังไม่เจ็บ ยังไม่ปวดครับ

นี่จะแสดงให้เห็นว่าความรู้สึกเจ็บ กับความรู้สึกปวดยังไม่มี

หมอ….. ค่อยๆ แทงเข็มเข้าไปที่กล้ามเนื้ออย่างช้าๆ

ผู้ป่วย….. ร้องว่า เจ็บ

หมอ…... ที่ร้องว่าเจ็บ ต้องนึก ต้องคิด หรือเปล่า?

ผู้ป่วย….. ไม่ได้คิดเลย มันรู้สึกจริงๆเดี๋ยวนี้ นี่มันกำลังเจ็บอยู่ในขณะนี้แหละ

หมอ…... คิดนึกเจ็บ กับรู้สึกเจ็บต่างกันไหม?

ผู้ป่วย….. ต่างกันสิหมอ ความนึกคิดเจ็บ...มันไม่ได้เจ็บจริงๆ นี่ แต่ความรู้สึกเจ็บ....มันเจ็บจริงๆ นะหมอ

หมอ…... ฉะนั้นความนึกคิด กับ ความรู้สึก จึงต่างกัน ...จำไว้นะ

ทีนี้ก็รู้แล้วว่า คิดนึก กับรู้สึก ต่างกัน

ความคิดนึก เป็นอารมณ์ใน อดีต ที่ผ่านมาแล้วหรือ ในอนาคต ที่ยังมาไม่ถึงเลย ไม่ได้เป็นอารมณ์ปัจจุบัน

ส่วนความรู้สึก เป็นอารมณ์ ปัจจุบัน คือ กำลังปรากฏอยู่เฉพาะหน้า กำลังเกิดขึ้นจริงๆ

เมื่อเข้าใจว่า นึกคิด กับรู้สึก แตกต่างกันได้ แยกแยะได้ ก็สามารถไปทำวิปัสสนาได้ แต่ถ้าแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ แยกแยะไม่เป็น ทำวิปัสสนาก็ไม่ได้ ไม่ได้อะไรเลย ไม่ได้อะไรเลยจริงๆ

เมื่อเข้าใจแบบนี้ ก็กำหนดรูป หรือนามก็ได้ ...ด้วยความรู้สึกที่กำลังดูรูปอยู่ รูปอะไร .... ดูนามอยู่ นามอะไร ได้ปัจจุบัน ๕. ต้องรู้วิธีการกำหนดหรือการวางใจในอารมณ์ตามเหตุผลที่เกิดขึ้นตามทวารทั้ง ๖
ทีนี้จะดูรูป ดูนามกันอย่างไร มีตั้ง ๖ …รูปก็ ๖ นาม ก็ ๖ ดูกันอย่างไร?

รูปนั้นมี ๖ คือ รูปทางตา รูปทางหู รูปทางจมูก รูปทางกาย รูปทางใจ

การดูรูป ก็ต้องดูที่รูปใดรูปหนึ่งที่กำลังปรากฏ หมายถึงที่กำลังมีอยู่ ซึ่งเรียกว่า ปัจจุบันอารมณ์

นามก็มี ๖ คือ นามทางตา นามทางหู นามทางจมูก นามทางกาย นามทางใจ

การดูนาม ก็ต้องดูนามใดนามหนึ่งที่กำลังปรากฏ กำลังมีอยู่ เช่นเดียวกัน





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ธ.ค. 2012, 13:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6181 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 20:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงประเด็น มากครับ สาธุๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


มุทิตา คือ ภาวะจิตที่บันเทิงยินดีในเมื่อผู้อื่นได้รับความสุขความเจริญด้วยสมบัติ ต่าง ๆ ปราศจากความริษยา เห็นใครพรั่งพร้อมด้วยสมบัติก็พลอยมีมุทิตา ตัดความยินร้ายไม่ยินดีด้วยที่ริษยาเสียได้


เราใส่ความเมตตาเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจดี
เราใส่ธรรมะเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจบุญ
เราใส่ความโกรธเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจร้อน
เราใส่ความเลวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจทราม
เราใส่ความกลัวเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจเสาะ
เราใส่ความเป็นนักสู้เข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจสู้
เราใส่ความขาดสติเข้าไป ก็จะกลายเป็นคนใจลอย

แยกแล้วยุ่ง

โดย
หลวงพ่อชา สุภัทโท

"ตัวปัญญา" กับ "ตัวสมาธิ" นี้
เมื่อเราพูดแยกกันออก คล้าย ๆ กับคนละตัว
จริง ๆ มันตัวเดียวกันนั่นเองแหละ
ตัวปัญญา มันเป็นเครื่องเคลื่อนไหวของสมาธิเท่านั้น
อือ มันออกจากจิตนี้แหละ แต่มันแยกกันออกไป มันเป็นคนละลักษณะ

เหมือนมะม่วงใบนี้
ลูกมะม่วงใบนี้มันเล็ก ๆ แล้วมันก็โตขึ้นมาอีก
แล้วก็มันสุก แล้วมันจะเน่า
มะม่วงใบนี้ ก็คือ มะม่วงใบเดียวกัน

มันเล็ก...ก็ใบนี้
มันโตขึ้นมา...ก็ใบนี้
มันสุก...ก็ใบนี้
แต่มันเปลี่ยนลักษณะ

อาการอย่างหนึ่งท่านเรียกว่า ... สมาธิ
อาการอย่างหนึ่งท่านเรียกว่า ... ปัญญา
ความเป็นจริง ศีล สมาธิ ปัญญา นี่คือของอันเดียวกัน ไม่ใช่คนละอย่าง
เหมือนมะม่วงใบนี้...ใบเดียวกัน

พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ท่านอย่ายึดมั่นในธรรม”

ธรรมะคืออะไร คือทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ธรรมะ

ความชอบความไม่ชอบก็เป็นธรรมะ
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยแค่ไหน ก็เป็นธรรมะ
เมื่อเราปฏิบัติธรรม
เราเข้าใจอันนี้ เราก็ปล่อยวางได้

ดังนั้น ก็ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า

“ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด”


ระวังกิเลสเกิดขึ้น
ตัด ราคะความรัก
ตัด โลภะ ความโลภ
ตัด โทสะ ความโกรธ
ตัด โมหะความหลง
ถ้าไม่ตัดในด้านความคิดเกิดแน่
ถ้าไม่ตัด ในด้านความตาเห็น กิเลสขึ้น
กิเลสขึ้น ยับยั้งไม่อยู่ ผลได้รับคือทุกข์ ตลอดไปโง่จริงๆ
มีเงินแสนล้าน ซื้อเอาไม่ได้คือ ปฏิบัติธรรม เข้าถึงธรรม “นิพพาน”เท่านั้น มีความสุขที่สุดจริงๆ


เปลี่ยนคำ"ด่าว่า"ให้เป็น"สติ"
เปลี่ยนคำ"ตำหนิ"ให้เป็น"ปัญญา"
เปลี่ยนคำ"ดูถูก"ให้เป็น"ปรัชญา"
เปลี่ยนคำ"นินทา"ให้เป็น"คติสอนใจ"

"ผู้ที่เคยประมาทในกาลก่อน
แต่ภายหลังไม่ประมาท
เขาย่อมส่องโลกนี้ให้สว่าง
เหมือนพระจันทร์ที่พ้นจากเมฆ"

เห็นแล้วไม่มีอะไร

เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แล้ว ไยมาจริงจังยังมั่นหมาย
ไม่ มีสุขไม่มีทุกข์ มีของใคร
มี แต่ของว้างไป ใครครอบครอง
อะ ไรเล่าเป็นจริงสิ่งกล่าวนั้น
ไร ไหนกันเราเขา เขาเราลวง


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ





ขอเชิญร่วมบุญบูชาพระ หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ทันใจ
รายได้ร่วมสร้างอุโบสถฯ วัดสะพานศรี สกลนคร

วัดสะพานศรีจะมีการหล่อพระ
ด้วยทองเหลืองและปิดทองทั้งองค์ 54 นิ้ว 1 องค์
30 นิ้ว 2 องค์ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2555 เวลา 19.18 น





วัดป่าเอกจอมไตรฯ เชิญเร่วมบุญถวาย..หินแกรนิตปูพื้นศาลา

ต.ยอดชาด อ.วังยาง จ. นครพนม



ขอเชิญสร้างพระพุทธรูปประจำวัน วัดบ้านยา อุดรธานี

โทร 08 9274 9899






เชิญร่วมบุญใหญ่! ทาทองสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๘ ศอก ธุดงค์สถานป่าศิริสมบูรณ์ บุรีรัมย์

082-685-5608




ขอเชิญเป็นเจ้าภาพสร้างห้องน้ำถวายวัดอุดรหนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ

0872571399





สร้างวิหารทาน บุญที่มีอานิสงส์สูง!!!สร้างศาลาปฏิบัติธรรมร่วมกับหลวงปู่สาย เขมธัมโม

โดยท่านสามารถร่วมบุญได้โดยโอนปัจจัยเข้าบัญชี
ชื่อ ศาลาปฏิบัติธรรม วัดป่าพรหมวิหาร
ธนาคารออมสิน สาขาโนนสัง เลขที่บัญชี
0200-6932-4232







ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพ ถมดิน รถละ 250 บาท ณ.วัดป่าเกษมคงคาราม อ.ชนบท จ.ขอนแก่น


--------------------------------------------------------------------------------

083-2894990






เชิญร่วมทำบุญพื้นพระอุโบสถวัดยากจน

089-5258781




ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างพระองค์ใหญ่ ณ วัดป่าศรีวิไลวัลย์ อ.เชียงคาน จ.เลย‏

ชื่อบัญชี วัดป่าศรีวิไลวัลย์ ธนาคาร ออมสิน สาขา อ.เชียงคาน บัญชีประเภท ออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 053-030-609-134











โครงการจัดสร้างพระเจดีย์ทันใจ ณ.วัดราษฏร์ประดิษฐ์ ต.แม่นะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

083-325-2156




สร้างหอระฆังแทนหลังที่ผุชำรุด

0897091054







ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างศาลาเอนกประสงค์ ณ.วัดนามะอื้น จังหวัดแม่ฮ่องสอน

โทร.081-2921929





หาเจ้าภาพ โต็ะเก้าอี้-สาด-พรหม-พนักพิง ๐๘๒-๑๐๐๐๔๗๒



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพจัดซื้อเครื่องปั่นไฟhttp://www.facebook.com/jamekc46





ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิสงฆ์ วัดป่าหินราง

โทรสอบถามโดยตรงที่เบอร์พระอาจารย์ สำเริง ปญญาภรโณ 090-8324010




ขอเชิญร่วมบุญสร้างห้องน้ำ ๑๒ ห้อง ณ วัดป่าศิริสมบูรณ์

0844118852





ครั้งหนึ่งในชีวิต สร้างต้นครัวทานหลวง ถวายงานปอยหลวง ตามแบบพระครูบาชัยวงศาพัฒนา


--------------------------------------------------------------------------------

โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๘๑





ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมสร้างอุโบสถวัดป่ามฤคทายวัน จ.สุรินทร์

087 001 9818




ร่วมสร้างแบบพิมพ์องค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ ปางเปิดโลก สูง ๘ ศอก

๐๘๓-๑๐๘-๑๑๘๖





หล่อสมเด็จพระองค์ปฐมฯ เททอง วันที่ 16 กพ. 2556

โทร.045321436





บอกบุญ จัดหาพระพุทธรูป เพื่อไปประดิษฐาน ณ ประเทศศรีลังกา

โทรศัพท์ 080 1495859 (เฉพาะกลางวันหลังฉันเช้า)





ถวายเจดีย์พระธาตุพนม(จำลอง) แด่ลพ.คูณ สุเมโธ และ ลป.เจริญ ญาณวุฑโฒ กับ กลุ่มบัวผลิหน่อ

085-361-4989






ขอเชิญร่วมสร้างศาลาเพื่อประดิษฐานพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ และฐานรองพระปางเปิดโลก

087-553-8977






สร้างพระปางประทานพรสูง 16 เมตร



โทร 081-1117785




ร่วมซื้อรถยนต์ถวายวัดเขาแร่ฯ หลังประสบอุบัติเหตุ

๐๘๗-๓๓๕๘๗๒๙





ร่วมเป็นเจ้าภาพประดับซุ้มประตูโขงมหาทานบารมีบุญใหญ่ถวายสิ่งก่อสร้าง ๙ มี.ค ๕๖ นี้

081 -9934002




ทอดผ้าป่าสร้างศาลาวิหารสมเด็จองค์ปฐม วัดซับพลู นครราชสีมา

โทร 089-7726217




13 มค. 56 ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสร้างห้องน้ำและห้องครัว



080-854-1716


ขอเชิญบูชาวัตถุมงคลเพื่อสมทบทุนสร้างศาลาการเปรียญ ณ วัดด่านใต้ จ.ศรีสะเกษ





เชิญร่วมทำบุญทอดผ้าป่า สรางพระมณฑปบูรพาจารย์

ในวันอาทิตย์
ที่ 16 ธันวาคม 2555 ณ วัดดาวเรือง ต.ไม้ดัด อ.บางระจัน สิงห์บุรี





ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพชื้อหินคลุกถวายวัดบางใหญ่ หรือบริจาคทรัพย์ตามกำลังศัทธา

โทร. ๐๘๑-๒๔๘-๗๒๖๓





ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพถวายผ้าป่าสามัคคี เพื่อซื่อเครื่องมือแพทย์

http://www.phoncharoen.net/thread-128-1-1.html





ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรม รับบุญบารมีปีใหม่ 2556 กับองค์พระครูบาเจ้าหน่อแก้วฟ้า

http://www.larndhamkruba.net/index.php? ... id=1045956





เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสวดมนต์ข้ามปี และกัณฑ์เทศน์มหาชาติ ณ วัดสันทราย จ.เชียงใหม่

089-8523498







ขอเชิญมหาชนร่วมบุญถวายผ้าป่าโครงการบูรณะกุฏิ 9 วัด (19 ธันวาคม 55)

โทร 0815682612





ต้องการผู้ใจบุญ บริจาคหนังสือสวดมนต์ให้วัดขาดแคลนและกันดารมากๆ

ผุ้ใจบุญที่ต้องการร่วมถวาย หนังสือสวดมนต์ ข้าวสารอาหารแห้ง เทียนพรรษา
สามารถจัดส่งไปได้ที่

พระอาจารย์จาตุรงค์ รักขิตตธัมโม
ไปรษณีย์รอจ่าย อำเภอจัตุรัส จ.ชัยภูมิ 36130





16 ธ.ค. 55 เดินทางไปฟังธรรมหลวงพ่อมนตรี อาภัสสโร (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)

085-045-9509




ขอเชิญทำบุญส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่
ณ หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาฯ (ด้านถนนนครราชสีมา)
วันอังคารที่ 25 ธันวาคม 2555
089 777 8265




ขอเชิญร่วมทำบุญหล่อเทียนถวายวัดและไถ่ชีวิตโค – กระบือ

๐๘๖-๕๕๓-๖๔๕๕





ขอเชิญร่วมงานบุญมหากุศลปล่อยชีวิตลูกปูม้าจำนวน4-5 ตันต่ออายุดวงชะตา

(ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญได้ที่)

tedsak sangtong(ประธานกลุ่มเยาวชน)
468-0-15927-6
สาขา คลองใหญ่
ธนาคาร กรุงเทพ

ท่านที่ร่วมบุญโปรดแจ้งชื่อมาทาง e-mail ด้วยนะครับ tedsak_man@hotmail.com




--------------------------------------------------------------------------------



ร่วมใส่บาตรและถวายน้ำปานะแก่ภิกษุ 6-15 ธันวาคมณ วัดห้วงโสม อ.คลองใหญ่ ต.คลองใหญ่ จ.ตราด



ร่วมทำความสะอาดวัด แหล่งปฏิบัติธรรมและสถาณที่อื่นๆ รวม 9 วัด ในวันที่ 31ธันวาคม 2555 เพื่อถวายในงานพิธีเฉลิมพระเกียรติ ๘๕ พรรษา ใต้ร่มพระบารมี ดังนั้นจึงขอความเมตตามายังนักบุญทุกท่านทุกคนที่พอมีกำลังทรัพย์ได้สละทรัพย์ออก เป็นทาน ร่วมกันทำบุญถวาย ค่าภัตตาหาร ค่าอุปกรณ์ทำความสะอาด ซื้ออุปกรณ์ตัดหญ้า และอื่นๆ ตอนนี้ทางเด็กๆได้ร่วมกันบริจาคกันมา ห้าบาท สิบบาทแล้วส่วนท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมบริจาค ทางชมรมเยาวชนอาสาบ้านธรรมะก็ขอตามกำลังของเจตนาศรัทธา ของท่าน ร่วมทำบุญโอนเข้าผ่านบัญชีธนาคารชื่อบัญชี tedsak sangtong(ประธานกลุ่มเยาวชน) 468-0-15927-6 สาขา คลองใหญ่ ธนาคาร กรุงเทพ





ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมสมทบกองทุนสุมโนเพื่อสงฆ์อาพาธกับหลวงปู่ประสาร สุมโน

จึงขอเชิญชวนผู้ที่มีจิตศรัทธาร่วมสมทบกองทุนสุมโนเพื่องสงฆ์อาพาธโดย....

โอนเงินผ่าน บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขายโสธร
เลขที่บัญชี 315-0-48678-5
ชื่อบัญชี "กองทุนสุมโนเพื่อสงฆ์อาพาธโรงพยาบาลยโสธร"
เบอร์ fax 045-712373





เชิญร่วมปล่อยปลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ต่อเติมเสริมชะตาอายุ

โทร. 089-8523498




ร่วมบุญช่วยเหลือเด็กดอยให้ได้อ่านหนังสือการ์ตูนพุทธประวัติ "โครงการพระประทีปแก้ว"

วัดพระพุทธบาทวังตวง
ต.พระบาทวังตวง
อ.แม่พริก
จ.ลำปาง 52180



บุญดีๆเพื่อสังคมที่ร่วมกันแบ่งปันความรัก ความอบอุ่นแก่เด็ก เสาร์ที่ 2 มกราคม นี้

ส่งสิ่งของมาร่วมบุญทาง นี้เลยครับ
เทิดศักดิ์ แสงทอง (กลุ่มอาสาเยาวชน)
3/3 หมู่.5 ต.คลองใหญ่ อ.คลองใหญ่ จ.ตราด
23110
และท่านใดจะร่วมซี้อ อุปกรณ์เครื่องเขียน เช่น สมุด ดินสอ ไม้บรรทัด
ร่วมทำบุญโอนเข้าผ่านบัญชีธนาคารชื่อบัญชี
tedsak sangtong(ประธานกลุ่มเยาวชน) 468-0-15927-6 สาขา คลองใหญ่ ธนาคาร กรุงเทพ

โปรดแจ้งชื่อมาทาง e-mail ด้วยนะครับ tedsak_man@hotmail.com





ช่วยบริจาคถุงเท้าให้นักเรียนแม่ฮ่องสอนที่ไม่มีถุงเท้าใส่ไปเรียนหน้าหนาวที

ส่งไปที่คุณ

สาโรจน์ บัวศรี
91/3 ม.8 ต. บ้านกาศ
อ. แม่สะเรียง จ. แม่ฮ่องสอน
58110

รับบริจาคถึงวันที่ 3 มกราคม 2556





ร่วมบริจาคสมทบทุนโครงการโทรศัพท์เพื่อผู้ยากไรในที่ความช่วยเหลือเข้าไม่ถึง

0882105006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 21:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2012, 18:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ในข้อนั้น หากจะพึงมีคำถามว่า ธรรมดาว่าศีลนี้ เป็นเครื่อง

ประดับอันเลิศของพระโยคี ดังที่พระโบราณาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า

ศีลเป็นอลังการของพระโยคี ศีลเป็นเครื่องประดับ

ของพระโยคี พระโยคีผู้ตกแต่งด้วยศีลทั้งหลาย

ถึงความเป็นผู้เลิศในการประดับ ดังนี้.

อนึ่ง แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสศีล ทรงกระทำให้ยิ่งใหญ่

ทีเดียวในพระสูตรหลายร้อยสูตร อย่างที่ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หาก

ภิกษุจะพึงหวังว่า เราพึงเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจ เป็นที่เคารพ และเป็น

ที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย ดังนี้ ก็พึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์

ในศีลทั้งหลายทีเดียว ดังนี้ และว่า

นกต้อยตีวิดรักษาฟองไข่ฉันใด จามรีรักษาขนหางฉันใด

คนมีบุตรคนเดียวรักษาบุตรผู้เป็นที่รักฉันใด

คนมีนัยน์ตาข้างเดียว รักษานัยน์ตาที่ยังเหลืออีกข้างฉันใด

ท่านทั้งหลายจงตามรักษาศีลเหมือนฉันนั้นทีเดียว

จงเป็นผู้มีศีลเป็นที่รักด้วยดี มีความเคารพทุกเมื่อเถิด

ดังนี้ และว่า กลิ่นดอกไม้ไม่ฟุ้งทวนลม

จันทน์หรือกฤษณา และมะลิซ้อน ก็ไม่ฟุ้งทวนลม

แต่กลิ่นสัตบุรุษย่อมฟุ้งทวนลม สัตบุรุษย่อมฟุ้งไปได้ทุกทิศ

จันทน์ก็ดี กฤษณาก็ดี อุบลก็ดี มะลิก็ดี กลิ่นคือศีล

ยอดเยี่ยมกว่าบรรดาคันธชาตเหล่านั้น กลิ่นกฤษณา

และจันทน์นี้มีประมาณน้อย ส่วนกลิ่นของผู้มีศีล

เป็นกลิ่นสูงสุด ฟุ้งไปในทวยเทพทั้งหลาย

มารย่อมไม่พบทางของท่านเหล่านั้น ผู้มีศีลสมบูรณ์

มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ชอบ

ภิกษุเป็นพระผู้มีปัญญา ตั้งอยู่ในศีลแล้ว

ยังจิตและปัญญาให้เจริญอยู่ ผู้มีความเพียร

มีปัญญารักษาตนนั้น พึงสางชัฏนี้ได้ ดังนี้ และว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พีชคามและภูตคามเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมถึง

ความเจริญงอกงามไพบูลย์ พีชคามและภูตคามเหล่านั้นทั้งหมด อาศัย

แผ่นดิน ตั้งอยู่บนแผ่นดิน จึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ได้อย่างนี้ มี

อุปมาแม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีล เจริญ

โพชฌงค์ ๗ กระทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ ๗ ย่อมถึงความเป็นใหญ่หรือ

ความไพบูลย์ในธรรมทั้งหลาย ก็อุปไมยฉันนั้นเหมือนกัน ดังนี้ พระสูตร

แม้อื่น ๆ อีกไม่น้อย ก็พึงเห็นอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสศีล

ทรงกระทำให้ยิ่งใหญ่ทีเดียวในพระสูตร หลายร้อยสูตรอย่างนี้มิใช่หรือ

เหตุไฉน ในที่นี้จึงตรัสศีลนั้นว่ามีประมาณน้อยเล่า ?

ตอบว่า เพราะทรงเทียบเคียงคุณชั้นสูง. ด้วยว่า ศีลยังไม่ถึงสมาธิ

สมาธิยังไม่ถึงปัญญา ฉะนั้น ทรงเทียบเคียงคุณสูง ๆ ชั้นไป ศีลอยู่เบื้องล่าง

จึงชื่อว่า ยังต่ำนัก.

ในคำว่า มุสาวาทํ ปหาย นี้ คำว่า มุสา ได้แก่วจีประโยค หรือ

กายประโยค ที่ทำลายประโยชน์ของบุคคลผู้มุ่งจะกล่าวให้คลาดเคลื่อน.

ก็เจตนาอันให้เกิดกายประโยคและวจีประโยค ซึ่งพูดให้ผู้อื่นคลาดเคลื่อน

ของบุคคลผู้มุ่งจะกล่าวให้คลาดเคลื่อนนั้น ด้วยประสงค์จะกล่าวให้คลาดเคลื่อน

ชื่อว่า มุสาวาท.

อีกนัยหนึ่ง คำว่า มุสา ได้แก่เรื่องที่ไม่เป็นจริง ไม่แท้. คำว่า วาท

ได้แก่กิริยาที่ทำให้เขาเข้าใจเรื่องที่ไม่จริง

ไม่แท้นั้นว่า เป็นเรื่องจริง เรื่องแท้.

ว่าโดยลักษณะ เจตนาที่ให้เกิดวิญญัติอย่างนั้น ของผู้

ประสงค์จะให้ผู้อื่นเข้าใจเรื่องที่ไม่แท้ว่าเป็นเรื่องแท้ ชื่อว่า มุสาวาท.

มุสาวาทนั้น มีโทษน้อย เพราะประโยชน์ที่ทำลายนั้นน้อย

มีโทษมาก เพราะประโยชน์ที่ทำลายนั้นมาก.

อีกอย่างหนึ่ง สำหรับพวกคฤหัสถ์ มุสาวาทที่เป็นไปโดยนัยว่า

ไม่มี เป็นต้น เพราะประสงค์จะไม่ให้ของของตนมีโทษน้อย

ที่เป็นพยานกล่าวเพื่อทำลายประโยชน์ มีโทษมาก.

สำหรับพวกบรรพชิต มุสาวาทที่เป็นไปโดยนัยแห่งการพูดว่าเป็นของบริบูรณ์

เช่นว่า วันนี้น้ำมันในบ้านไหลเหมือนแม่น้ำเป็นต้น ด้วยประสงค์จะหัวเราะ

เพราะได้น้ำมันหรือเนยใสมาน้อย มีโทษน้อย

แต่เมื่อพูดถึงสิ่งที่ไม่เห็นเลย โดยนัยว่า เห็นแล้ว เป็นต้น มีโทษมาก.



มุสาวาทนั้น มีองค์ ๔ คือ

๑. อตถํ วตฺถุํ เรื่องไม่แท้

๒. วิสํวาทนจิตฺตํ จิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อน

๓. ตชฺโช วายาโม ความพยายามเกิดจากจิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อนนั้น

๔. ปรสฺส ตทตฺถวิชานนํ คนอื่นรู้เรื่องนั้น.




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2012, 22:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 02:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีคนหมู่มากมีความเข้าใจผิดว่า ทำวิปัสสนาแล้วจะเห็นนรก จะเห็นสวรรค์ จะเห็นพระอรหันต์ จะได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า หรือไม่ก็หลับตาเห็นเลขต่างๆ หรือไม่ก็เห็นญาติที่ตายไปแล้ว …ช่วยทำวิปัสสนาดูหน่อยว่าญาติฉันตายแล้วไปไหน เป็นต้น ความจริงการทำวิปัสสนาไม่ได้เห็นอะไรอย่างนั้นเลย การทำวิปัสสนา จะไม่เห็นนิมิตอะไรเลย นอกเสียจากรูปและนามเท่านั้นเอง เพราะรูปและนามเป็นอารมณ์ให้เห็น และการเห็นรูปนามก็ไม่ได้เห็นนิมิตด้วย ไม่ได้เห็นเครื่องหมายเป็นรูปร่างปรากฏ


อนุโมทนาครับ ธรรมที่ปรากฏขึ้นเป็นของมันอย่างนั้น ไม่ว่าจะเป็นทางรูป หรือนาม ก็เป็นอนัตตาของมันอย่างนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ส่วนการเห็นที่นอกเหนือจากนี้คือ ญาณหยั่งรู้ ที่เป็นผลพลอยได้ เสื่อมลงได้เพราะไม่ใช่ปัญญา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


กิเลส คือ สภาพที่เศร้าหมองแห่งจิต แบ่งเป็น ๓ ระดับคือ
๑. วีติกกมกิเลส กิเลสอย่างหยาบเป็นเหตุให้กระทำผิดทาง กาย วาจา กิเลสชนิดนี้กำจัดได้ด้วย ศีล
๒. ปริยุฏฐานกิเลส กิเลสอย่างกลางที่คอยเผาลนจิตใจให้ร้อนรุ่ม กระวนกระวาย กิเลสชนิดนี่กำจัดได้ด้วย สมาธิ
๓. อนุสัย กิเลสอย่างละเอียดที่นอนนิ่งอยู่ในสันดานเมื่อมีสื่งมายั่วยวนถึงจะแสดงอาการให้เห็น กิเลสชนิดนี้ กำจัดได้ด้วยปัญญา มีอยู่ ๗ อย่าง คือ
๑. กามราคะ ความกำหนัดในกาม หมายถึงธรรมชาติที่เป็นความยินดีติดใจหลงใหลในกาม ทั้งที่เป็นส่่วนของวัตถุกาม และกิเลสกาม
๒. ปฎิฆะ ความหงุดหงิดด้วยอำนาจโทสะ หมายถึงธรรมชาติที่มีความไม่พอใจในอารมณ์
๓. ทิฏฐิ ความเห็น หมายถึงธรรมชาติที่มีความเห็นผิดจากธรรมดา
๔. วิจิกิจฉา ความลังเล หมายถึงธรรมชาติที่เป็นความสงสัยลังเลใจในสิ่งที่ควรเชื่อ
๕. มานะ ความถือตัว หมายถึงธรรมชาติที่เป็นความโอ้อวด
๖. ภวราคะ ความกำหนัดในภพ หมายถึงธรรมชาติที่เป็นความยินดีในสิ่งที่ตนมี ตนเป็นอยู่
๗. อวิชา ความเขลาไม่รู้จริง หมายถึงธรรมชาติที่เป็นความหลงความโง่ไม่รู้สภาพธรรมตามเป็นจริง
ก่อนจาก "หาความรู้ไว้เป็นของขวัญ มีความขยันไว้เป็นคุณสมบัติ" ของขวัญปีใหม่ครับ

สังโยชน์ ๑๐ และอนุสัย ๗

สังโยชน์ ๑๐ กิเลสที่ผูกมัดจิตใจไว้กับทุกข์ ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ (เรียงลำดับตาม อริยมรรค)

โอรัทภาคิสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำเป็นอย่างหยาบเป็นในภพอันต่ำ

๑. สักกายทิฏฐิ มีความเห็นว่าขันธ์ ๕ เป็นเรา เป็นของเรา เป็นว่ามีตัวตน ยึดกายของตน ความเห็นเข้าข้างตน

๒.วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ความเคลือบแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย สงสัยเพราะไม่รู้

๓.สีลัพพตปรามาส ความยึดถือศีลถือพรตอย่างงมงายคิดว่าขลังว่าศักดิ์สิทธิ์ คิดว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้โดยไม่ต้องอาศัยสมาธิและปัญญา เชื่อถือโชคลาง เพื่อเชื่อพิธีกรรม เป็นการลูบคลำศีล

๔.กามราคะ ความกำหนัดยินดีใน กามคุณ ๕
๑.รูป
๒.เสียง
๓.กลิ่น
๔.รส
๕.โผฏฐัพพะ

๕.ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งทางใจ ทำให้ไม่พอใจ ความขัดใจ หงุดหงิดด้วยอำนาจ โทสะ



อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูงเป็นอย่างละเอียดเป็นไปแม้ในภพอันสูง

๖.รูปราคะ ติดใจใน รูปธรรม (สิ่งที่มีรูป) ติดใจในอารมณ์แห่ง รูปฌาน ๔ (ฌานมีรูปธรรมเป็นอารมณ์)

๗.อรูปราคะ ติดใจใน อรูปธรรม ติดใจในอารมณ์แห่ง อรูปฌาน ๔ (ฌานที่มีอรูปธรรมเป็นอารมณ์)

๘.มานะ ความถือตนโดยความรู้สึกว่าเป็นนั่นเป็นนี่ เราดีกว่าเขา เราเลวกว่าเขา เราเสมอเขา

๙.อุทธัจจะ อารมณ์ฟุ้งซ่าน จิตส่าย ใจวอกแวก

๑๐.อวิชชา ความไม่รู้แจ้ง (ไม่รู้ใน อริยสัจจ์ ๔) อวิชชา ๔

๑. ไม่รู้ใน ทุกข์
๒. ไม่รู้ใน ทุกขสมุทัย
๓. ไม่รู้ใน ทุกขนิโรธ
๔. ไม่รู้ใน ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา
ไม่รู้ใน อดีต ไม่รู้เหตุการณ์
ไม่รู้ใน อนาคต
ไม่รู้ทั้ง อดีต ทั้ง อนาคต
ไม่รู้ ปฏิจจสมุปบาท



อนุสัย ๗ กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ใน สันดาน

เหมือนตะกอนนอนอยุ่ที่ก้นภาชนะ ตะกอนจะฟุ้งขึ้นมาทำน้ำให้ขุ่นเพราะมีคนไปกระทบหรือกวนภาชนะฉันใด อนุสัยกิเลสก็เช่นเดียวกัน จะฟุ้งขึ้นมาทำจิตให้ขุ่นมัว ต่อเมื่อมีอารมณ์ภายนอกมากระทบเช่นเดียวกันฉันนั้น

อนุสัย (สังโยชน์๗)
๑. กามราคะ ความกำหนัดในกาม ความอยากได้ติดใจในกาม

๒.ปฏิฆะ ความขัดใจ ความหงุดหงิดขัดเคือง คือ โทสะ

๓.ทิฏฐิ ความเห็นผิด

๔.วิจิกิจฉา ความลังเล ความเคลือบแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย

๕.มานะ ความถือตัว

๖.ภวราคะ ความกำหนัดในภพ

๗.อวิชชา ความไม่รู้จริง คือ โมหะ

กิเลสานุสัย กิเลสจำพวก อนุสัย กิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในสันดาน จะปรากฏเมื่อ อารมณ์ มายั่วยุเหมือนตะกอนน้ำที่อยู่ก้นโอ่ง ถ้าไม่มีคนกวนตะกอนก็นอนเฉยอยู่ ถ้ากวนน้ำเข้าตะกอนก็ลอยขึ้น

สันดาน ความสืบต่อแห่งจิต คือกระแสจิตที่เกิดดับต่อเนื่องกันมา ในภาษาไทยมักใช้ในความหมายว่าอุปนิสัยที่มีมาแต่กำเนิด

ราคะ ความกำหนัด ความยินดีในกาม ความติดใจ หรือความย้อมใจติดอยู่ในอารมณ์

ราคี ผู้มีความกำหนัด มลทิน เศร้าหมอง มัวหมอง

มลทิน ความมัวหมอง ความไม่บริสุทธิ์ เช่นผ้าขาวเมื่อเป็นจุดสีต่าง ๆ ก็เรียกว่าผ้ามีมลทิน

เวร ความแค้นเคือง ความปองร้ายกัน ความคิดร้ายตอบแก่ผู้ทำร้าย ในภาษาไทยใช้อีกความหนึ่งด้วยว่า คราว รอบ การผลัดกันเป็นคราว ๆ ตรงกับ วาร หรือ วาระ ในภาษาบาลี

กำหนัด ยินดี ความยินดี

โยคธรรม ธรรมคือกิเลสเครื่องประกอบ ในข้อความว่า “ เกษมจากโยคธรรม ” คือ ความพ้นภัยจากกิเลส

โยคะ ๑.กิเลสเครื่องประกอบ คือประกอบสัตว์ไว้ในภพ หรือผูกสัตว์ดุจเทียมไว้กับแอก มี ๔ คือ
๑. กาม ๒. ภพ ๓. ทิฏฐิ ๔. อวิชชา

๒.ความเพียร




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 22:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6048 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2012, 18:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


มัจฉริยะ หรือ ความตระหนี่ หมายถึง ความเหนียวแน่น ความหวงแหน ในสมบัติของ

ตน หรือ ปกปิดสมบัติของตนไม่ให้ผู้อื่นรู้ หรือ อยากให้สิ่งที่มีอยู่กับตน หรือ สิ่งที่ดีๆ

นั้นมีอยู่กับเราผู้เดียว ไม่อยากให้ผู้อื่นมี เป็นต้น นี่คือ ลักษณะของความตระหนี่ครับ

มัจฉริยะ คือ ความตระหนี่ ๕ อย่าง ได้แก่

๑. อาวาสมัจฉริยะ ตระหนี่ ที่อยู่อาศัย

๒. กุลมัจฉริยะ ตระหนี่ ตระกูล

๓. ลาภมัจฉริยะ ตระหนี่ ลาภ

๔. วรรณมัจฉริยะ ตระหนี่ วรรณะ คือคำสรรเสริญ

๕. ธรรมมัจฉริยะ ตระหนี่ ธรรม รวมถึง ความรู้




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


ขอเชิญผู้ใจบุญร่วมสร้างอุโบสถวัดป่ามฤคทายวัน จ.สุรินทร์
________________________________________
087 001 9818


ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างกุฏิและถมที่ดินถวายวัด ณ วัดป่าโพธิญาณ
๐๒-๗๔-๙๘๔๗-๖


ขอเชิญญาติธรรมร่วมสร้างวิหารทาน " พระอุโบสถวัดโบสถ์ชัยมงคล "
089-9992674


ก่อสร้างศูนย์วิปัสนาชินบัญชรภายในฐานองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
080-7388884


ร่วมเป็นเจ้าภาพสร้างวิหารหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์หลังใหม่
แจ้งรายละเอียดได้ที่ 089-6589939 เวลา 9.00-21.00 น.



ขอเชิญร่วมทำบุญสร้างศาลาการเปรียญ วัดจากแดงอ. พระประแดง จ.สมุทรปราการ


เชิญร่วมสร้างหอระฆังวัดนาตาล
บ้านนาตาล ตำบลนาตาล
อำเภอท่าคันโท จังหวัด กาฬสินธ์
0897091054



โครงการจัดสร้างพระสามลำพูน องค์ปฐม พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ พระพุทธเจ้า28 พระองค์
สามารถร่วมทำบุญได้ที่
บัญชีออมทรัพย์ ธ.กรุงเทพ
สาขา สยามพารากอน
ชื่อบัญชี : คณานันท์ ทวีโภค
บัญชี เลขที่: 855-0-14998-6


ขอเชิญร่วมบุญสวนธรรมราชพรหมยาน จ.ชลบุรี


ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี
08-11533091


ร่วมงานบุญใหญ่ส่งท้ายปี ร่วมเป็นเจ้าภาพหล่อองค์ปฐม เพื่อสร้างพระประธาน
081-643-1255


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพอาคารวิหารสาธยายพระไตรปิฎก
โทร.๐๘๙-๙๖๓-๔๕๐๕


ขอเชิญเป็นเจ้าภาพสร้างห้องน้ำถวายวัดอุดรหนองสังข์ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ
0870237294


เชิญร่วมงานผ้าป่าสามัคคี วัดถ้ำดงเข
โทร:089-9483501



ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดผ้าป่าสามัคคี เสริมดวงบุญบารมี
ฉลองพุทธชยันตี ๒๖๐๐ปี ประจำปี ๒๕๕๕-๒๕๕๖
เพื่อสมทบทุนสร้างซุ้มประตู วัดประทุมวัน
(กองละ ๒๙๙ บาทขึ้นไป)
ทอดถวาย ณ วัดประทุมวัน ตำบลตรมไพร อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์
วัน จันทร์ ที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ ถึง วัน พุธ ที่ ๒ มกราคม ๒๕๕๖



ขอเชิญร่วมบุญสร้างอาคารเอนกประสงค์ สำนักแม่ชีไทยสันติมาคม ปราจีนบุรี

081-874-9445



ขอเรียนเชิญร่วมทำบุญสร้างสะพาน ณ.สำนักสงฆ์พุทธบารมีโลกอุดร จ.แม่ฮ่องสอน
089-9557371



พิธีพุทธาภิเษกสมเด็จองค์ปฐม หล่อพระไพรีพินาศและทอดผ้าป่ากับมูลนิธิเพื่อแผ่นดิน
ทางมูลนิธิเปิดให้ร่วมส่งแผ่นทองหล่อพระได้
โดยจะส่งมาร่วมเองหรือขอแผ่นทองจากมูลนิธิ

สอบถาม ขอรับแผ่นทองและร่วมทำบุญได้ที่
โทร. 0877895368




ร่วมทำบุญหล่อพระประธานอุโบสถ วัดรางขาม กาญจนบุรี
081-754-5727


วัดจำปา เขตตลิ่งชัน กทม.งานประจำปี 1-3 มีนาคม 2556 เททองหล่อพระประธานขนาด9.99เมตรสูง16เมตร
086-3783401


ขอเชิญร่วมบุญทอดผ้าป่า ณ วัดป่าโป่งคอมต.เวียงคำ
อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี


เชิญสร้างห้องน้ำถวายวัด
________________________________________
๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑



ศาลาใกล้เสร็จแล้ว ยังขาดเจ้าภาพฝ้าติดเพดาน ติดต่อเป็นเจ้าภาพได้
โทร.๐๘๕-๑๙๘-๒๙๑๑


บอกบุญเพื่อช่วยเหลือวัดโคกสะทอน หมู่ 15 ต.หินดาด อ.ห้วยแถลง จ.นครราชสีมา
โทร. 086-8431282


ซื้อเครื่องมือแพทย์ สงเคราะห์โลกกับพระอาจารย์ทองปาน จารุวัณโณ
087-984-9972


ขอเชิญท่านผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคสร้างมหากุศล สร้างพระปฏิมา หน้าตัก39
081-1387459

ขอเชิญสร้างอุโบสถ พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ณ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว
http://www.phasornkaew.org/ubosot


ร่วมสร้างพระไตรปิฎก
08-6038-9013


กับพระกัมมัฏฐานและฟังการแสดงพระธรรมเทศนา

๑) วันพุธที่ ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา o๗: oo น.
ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (บางกรวย) ทำบุญพระกัมมัฏฐาน ๒๓ วัด (โดยประมาณ)

๒) วัน ศุกร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา o๗: oo น.
ฝ่ายช่างการบินไทย ดอนเมือง ทำบุญพระ ๒๒ วัด

๓) วันอาทิตย์ที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา o๗: oo น.
ที่ศาลากาญจนาภิเษก ถนนแจ้งวัฒนะ ๑๔ ทำบุญพระกัมมัฏฐาน ๘ วัด (โดยประมาณ) สอบถามรายละเอียดได้ที่ o๘๑ – ๔๔๑ ๕๒๒๓ หรือดูรายละเอียดได้จากเฟซบุค https://www.facebook.com/SalaLungChin

๔) วันอังคารที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา o๖:๓o น.
ที่หอประชุมคุรุสภาชั้นล่าง ทำบุญพระกัมมัฏฐาน ๘๕ วัด สอบถามรายละเอียดได้ที่ o๘๙ – ๗๗๗ ๘๒๖๕

๕) วันศุกร์ที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา o๖:๓o น.
ที่องค์การเภสัชกรรม (ตรงข้ามโรงพยาบาลรามาธิบดี) ทำบุญพระกัมมัฏฐาน ๕๑ วัด สอบถามรายละเอียดได้ที่ o๘๙ – ๔๕๑ ๒๖๕๖

๖) วันเสาร์ที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ เวลา o๖:๓o น.
ที่ศูนย์การค้าแฟชั่นไอแลนด์ ทำบุญพระกัมมัฏฐาน ๑๔ วัด สอบถามรายละเอียดได้ที่ o๘๑ – ๔๔๑ ๕๒๒๓

๗) วันอังคารที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ เวลา o๗ o น.
ที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่นฯ ซอยจรัลสนิทวงศ์ ๓๗ ทำบุญพระกัมมัฏฐาน ๑๖ วัด สอบถามรายละเอียดได้ที่ o๒ ๔๑๒ ๒๗๕๖

๘) วันเสาร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๕ เวลา o๖:๓o น.
ที่วัดพุทธบูชา ถนนพุทธบูชา ซอย ๓o ทำบุญพระกัมมัฏฐาน ๑๕ วัด และทำบุญให้กับผู้ล่วงลับ (ถวายผ้าบังสุกุล ๑๓ วัด)
สอบถามรายละเอียดได้ที่ o๘๙ – o๖๓๓๘๖๓


ในวันที่ 1 มกราคม 2556 ขอเชิญร่วมทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง ในเวลา 7.30 น. เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และครอบครัว ณ.วัดสว่างอารมณ์
สอบถามโทร. 034-324544


ขอเชิญร่วมทำบุญใส่บาตร(อาหารแห้ง)พระกรรมฐานต้อนรับปีใหม่ ณ โรงเรียนถนอมบุตรเขตบางกะปิ กรุงเทพฯ ติดต่อสอบถามเส้นทางได้ที่ 02-374-3999

ร่วมเป็นเจ้าภาพผ้าป่าสามัคคีสร้างพระสมเด็จองค์ปฐมวัดถ้ำเขาตูม อ.เมือง เพชรบูรณ์0834121929

ขอเชิญสาธุชนร่วมสร้างพระชำระหนี้สงฆ์เนื่องในวันออกกรรมพระครูบา 31 ธันวาคมนี้
081-822-2500

ขอเชิญร่วมทำบุญครบรอบอายุวัฒนมงคล 45 ปี พระอาจารย์สมบัติ จิตตปัญโญ
โทร. 080-750-7421




ขอเชิญร่วมงานบุญใหญ่รับปีใหม่-สมโภชน์พระประธาน วัด(ป่า)อรัญญาจันทาราม
ณ วัด(ป่า)อรัญญา จันทาราม บ้านเชียงเพ็ง ต.เชียงเพ็ง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี
วันที่ ๔-๕ มกราคม ๒๕๕๖ ศกหน้า


เชิญร่วมรับเป็นเจ้าภาพหนังสือพุทธประวัติฉบับการ์ตูน
โทร 0871778931


โครงการขอความช่วยเหลือสร้างพระไตรปิฏกถวายวัดและโรงเรียน
086-1050222


ขอเชิญร่วมงานสวดลักขี บวชชีหมื่นคน วัดธรรมมงคล 2556



12-14 มค.56 เชิญร่วมงาน พระราชทานเพลิง องค์หลวงปู่มหาเจิม วัดสระมงคล จ.นครปฐม


ขอรับบริจาคธงธรรมจักร ธงฉัตรพรรณรังษี ธงพุทธชยันตี ธงชาติ ประดับวัด
โทร ๐๘๓-๑๑๔๓๖๗๑

ขอรับบริจาคผ้าห่มกันหนาว คืนความอบอุ่นให้กับผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดถ้ำดงเข
ร่วมส่งของบริจาคได้ที่

พระอาจารย์จาตุรงค์ รักขิตตธัมโม
ไปรษณีย์รอจ่าย วัดถ้ำดงเข อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ 36130

ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพบวชพระจำพรรษา ๒ รูป ๑๘ ธ.ค.๕๕ เวลา ๑๓.๐๐ น
๐๘-๕๐๓๗-๐๓๗๐


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ธ.ค. 2012, 23:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6032 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2012, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


เอวํ กิจฺฉาภโต โปโส ปิตุ อปริจารโก ปิตริมิจฺฉาจริตฺวาน นิรยํ โส อุปปชฺชติ : ผู้ที่มีมารดาบิดาเลี้ยงมา ได้โดยยากอย่างนี้ ไม่บำรุงมารดาบิดา ประพฤติผิดในมารดาบิดา ย่อมเข้าถึงนรก


ในข้อนั้น หากจะพึงมีคำถามว่า ธรรมดาว่าศีลนี้ เป็นเครื่อง

ประดับอันเลิศของพระโยคี ดังที่พระโบราณาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า

ศีลเป็นอลังการของพระโยคี ศีลเป็นเครื่องประดับ

ของพระโยคี พระโยคีผู้ตกแต่งด้วยศีลทั้งหลาย

ถึงความเป็นผู้เลิศในการประดับ ดังนี้.

อนึ่ง แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสศีล ทรงกระทำให้ยิ่งใหญ่

ทีเดียวในพระสูตรหลายร้อยสูตร อย่างที่ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย หาก

ภิกษุจะพึงหวังว่า เราพึงเป็นที่รัก เป็นที่ชอบใจ เป็นที่เคารพ และเป็น

ที่ยกย่องของเพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย ดังนี้ ก็พึงเป็นผู้กระทำให้บริบูรณ์

ในศีลทั้งหลายทีเดียว ดังนี้ และว่า

นกต้อยตีวิดรักษาฟองไข่ฉันใด จามรีรักษาขนหางฉันใด

คนมีบุตรคนเดียวรักษาบุตรผู้เป็นที่รักฉันใด

คนมีนัยน์ตาข้างเดียว รักษานัยน์ตาที่ยังเหลืออีกข้างฉันใด

ท่านทั้งหลายจงตามรักษาศีลเหมือนฉันนั้นทีเดียว

จงเป็นผู้มีศีลเป็นที่รักด้วยดี มีความเคารพทุกเมื่อเถิด

ดังนี้ และว่า กลิ่นดอกไม้ไม่ฟุ้งทวนลม

จันทน์หรือกฤษณา และมะลิซ้อน ก็ไม่ฟุ้งทวนลม

แต่กลิ่นสัตบุรุษย่อมฟุ้งทวนลม สัตบุรุษย่อมฟุ้งไปได้ทุกทิศ

จันทน์ก็ดี กฤษณาก็ดี อุบลก็ดี มะลิก็ดี กลิ่นคือศีล

ยอดเยี่ยมกว่าบรรดาคันธชาตเหล่านั้น กลิ่นกฤษณา

และจันทน์นี้มีประมาณน้อย ส่วนกลิ่นของผู้มีศีล

เป็นกลิ่นสูงสุด ฟุ้งไปในทวยเทพทั้งหลาย

มารย่อมไม่พบทางของท่านเหล่านั้น ผู้มีศีลสมบูรณ์

มีปกติอยู่ด้วยความไม่ประมาท หลุดพ้นแล้ว เพราะรู้ชอบ

ภิกษุเป็นพระผู้มีปัญญา ตั้งอยู่ในศีลแล้ว

ยังจิตและปัญญาให้เจริญอยู่ ผู้มีความเพียร

มีปัญญารักษาตนนั้น พึงสางชัฏนี้ได้ ดังนี้ และว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พีชคามและภูตคามเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ย่อมถึง

ความเจริญงอกงามไพบูลย์ พีชคามและภูตคามเหล่านั้นทั้งหมด อาศัย

แผ่นดิน ตั้งอยู่บนแผ่นดิน จึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ได้อย่างนี้ มี

อุปมาแม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุอาศัยศีล ตั้งอยู่ในศีล เจริญ

โพชฌงค์ ๗ กระทำให้มากซึ่งโพชฌงค์ ๗ ย่อมถึงความเป็นใหญ่หรือ

ความไพบูลย์ในธรรมทั้งหลาย ก็อุปไมยฉันนั้นเหมือนกัน ดังนี้ พระสูตร

แม้อื่น ๆ อีกไม่น้อย ก็พึงเห็นอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสศีล

ทรงกระทำให้ยิ่งใหญ่ทีเดียวในพระสูตร หลายร้อยสูตรอย่างนี้มิใช่หรือ

เหตุไฉน ในที่นี้จึงตรัสศีลนั้นว่ามีประมาณน้อยเล่า ?

ตอบว่า เพราะทรงเทียบเคียงคุณชั้นสูง. ด้วยว่า ศีลยังไม่ถึงสมาธิ

สมาธิยังไม่ถึงปัญญา ฉะนั้น ทรงเทียบเคียงคุณสูง ๆ ชั้นไป ศีลอยู่เบื้องล่าง

จึงชื่อว่า ยังต่ำนัก.
ภิกษุควรเป็นผู้ว่าง่ายอย่างพระราธะ

พระศาสดาครั้นตรัสชาดกปรารภพระเถระอย่างนั้นแล้ว ทรง

ปรารภพระราธเถระ ตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาภิกษุควรเป็น

ผู้ว่าง่ายเหมือนราธะ, แม้อาจารย์ชี้โทษกล่าวสอนอยู่ ก็ไม่ควรโกรธ

อนึ่ง ควรเห็นบุคคลผู้ให้โอวาท เหมือนบุคคลผู้บอกขุมทรัพย์ให้ฉะนั้น

ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถานี้ว่า :-

๑. ข. ชา. ๒๗/ข้อ ๑๖๑. อรรถกถา. ๓/๒๓.

๑. นิธีนํว ปวตฺตารํ ยํ ปสฺเส วชฺชทสฺสินํ

นิคฺคยฺหวาทึ เมธาวึ ตาทิสํ ปณฺฑิตํ ภเช

ตาทิสํ ภชมานสฺส เสยฺโย โหติ น ปาปิโย

"บุคคลพึงเห็นผู้มีปัญญาใด ซึ่งเป็นผู้กล่าว

นิคคหะ ชี้โทษ ว่าเป็นเหมือนผู้บอกขุมทรัพย์ให้,

พึงคบผู้มีปัญญาเช่นนั้น ซึ่งเป็นบัณฑิต, ( เพราะว่า)

เมื่อคบท่านผู้เช่นนั้น มีแต่คุณอย่างประเสริฐ

ไม่มีโทษที่ลามก."

แก้อรรถ

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า นิธีนํ ได้แก่ หม้อแห่งขุมทรัพย์อัน

เต็มด้วยเงินทองเป็นต้น ซึ่งเขาฝังเก็บไว้ในที่นั้น ๆ

บทว่า ปวตฺตารํ คือ เหมือนอย่างผู้ทำความอนุเคราะห์คนเข็ญใจ

ซึ่งเป็นอยู่โดยฝืดเคือง แล้วชักชวนว่า " ท่านจงมา, เราจักชี้อุบาย

เลี้ยงชีพโดยสะดวกแก่ท่าน" ดังนี้แล้ว นำไปยังที่ขุมทรัพย์แล้ว เหยียด

มือออกบอกว่า " ท่านจงถือเอาทรัพย์นี้เลี้ยงชีพตามสบายเถิด."

วินิจฉัยในบทว่า วชฺชทสฺสินํ ภิกษุผู้ชี้โทษมี ๒ จำพวก คือ

ภิกษุคอยแส่หาโทษ ด้วยคิดว่า "เราจักข่มภิกษุนั้นด้วยมารยาทอันไม่

สมควร หรือด้วยความพลั้งพลาดอันนี้ในท่ามกลางสงฆ์" ดังนี้ จำพวก ๑,

ภิกษุผู้ดำรงอยู่แล้วตามสภาพ ด้วยสามารถแห่งการอุ้มชูด้วยการแลดูโทษ

นั้น ๆ เพื่อประโยชน์จะให้รู้สิ่งที่ยังไม่รู้ เพื่อต้องการจะได้ตามถือเอาสิ่ง

ที่รู้แล้ว เพราะความเป็นผู้ปรารถนาความเจริญแห่งคุณมีศีลเป็นต้นแก่ผู้นั้น

จำพวก ๑; ภิกษุจำพวกหลังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์

ในบทว่า วชฺชทสฺสินํ นี้. คนเข็ญใจถูกผู้อื่นคุกคามก็ดี ตีก็ดี ชี้ขุมทรัพย์

ให้ว่า "แกจงถือเอาทรัพย์นี้" ย่อมไม่ทำความโกรธ, มีแต่ปราโมทย์

อย่างเดียว ฉันใด; เมื่อบุคคลเห็นปานดังนั้น เห็นมารยาทมิบังควรก็ดี

ความพลั้งพลาดก็ดี แล้วบอกอยู่. ผู้รับบอกไม่ควรทำความโกรธ ควร

เป็นผู้ยินดีอย่างเดียว ฉันนั้น, ควรปวารณาทีเดียวว่า "ท่านเจ้าข้า

กรรมอันใหญ่ อันท่านผู้ตั้งอยู่ในฐานะเป็นอาจารย์ เป็นอุปัชฌาย์ ของ

กระผมแล้ว สั่งสอนอยู่กระทำแล้ว, แม้ต่อไป ท่านพึงโอวาทกระผม"

ดังนี้.

บทว่า นิคฺคยฺหวาทึ ความว่า ก็อาจารย์บางท่านเห็นมารยาท

อันมิบังควรก็ดี ความพลั้งพลาดก็ดี ของพวกศิษย์มีสัทธิวิหาริกเป็นอาทิ

แล้ว ไม่อาจเพื่อจะพูด ด้วยเกรงว่า "ศิษย์ผู้นี้อุปัฏฐากเราอยู่ด้วยกิจวัตร

มีให้น้ำบ้วนปากเป็นต้น แก่เรา โดยเคารพ; ถ้าเราจักว่าเธอไซร้,

เธอจักไม่อุปัฏฐากเรา, ความเสื่อมจักมีแก่เรา ด้วยอาการอย่างนี้" ดังนี้

ย่อมหาชื่อว่าเป็นผู้กล่าวนิคคหะไม่, เธอผู้นั้นชื่อว่าเรี่ยรายหยากเยื่อ,

ลงในศาสนานี้. ส่วนอาจารย์ใด เมื่อเห็นโทษปานนั้นแล้ว คุกคาม

ประณาม ลงทัณฑกรรม ไล่ออกจากวิหาร ตามสมควรแก่โทษ ให้ศึกษา

อยู่. อาจารย์นั้น ชื่อว่าผู้กล่าวนิคคหะ แม้เหมือนอย่างพระสัมมาสัมพุทธ-

เจ้า. สมจริงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสคำนี้ไว้ว่า

"ดูก่อนอานนท์ เราจักกล่าวข่ม ๆ,

ดูก่อนอานนท์ เราจักกล่าวยกย่อง ๆ


ผู้ใดเป็นสาระ,

ผู้นั้นจักดำรงอยู่ได้."

บทว่า เมธาวึ คือ ผู้ประกอบด้วยปัญญาอันรุ่งเรืองในธรรม.

บทว่า ตาทิสํ เป็นต้น ความว่า

บุคคลพึงคบ คือพึงเข้าไปนั่งใกล้ บัณฑิตเห็นปานนั้น,

เพราะเมื่ออันเตวาสิกคบอาจารย์เช่นนั้นอยู่,

คุณอย่างประเสริฐย่อมมี โทษที่ลามกย่อมไม่มี

คือมีแต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีความเสื่อมเสีย.

ในที่สุดเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผล

เป็นต้น ดังนี้แล.




เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



เชิญร่วมเป็นเจ้าภาพซื้อเสาไม้ 40 ต้นเพื่อสร้างศาลาปฏิบัติธรรม วัดป่ากมโลฯ อุดรธานี
โทร.083-140-2285


ร่วมสร้างห้องน้ำห้องส้วมเป็นการชำระวิบากกรรมและเสริมบารมีใหม่กับครูบาไตรภพ
0844118852


ไฟไหม้กุฏิสงฆ์ พระสงฆ์เดือดร้อนลำบากมากๆ โปรดร่วมบุญช่วยกันสร้างกุฏิสงฆ์ทดแทน
080 6789916


ขอเชิญร่วมสร้างพระรอดหลวงคุ้มภัยองค์ใหญ่ที่สุดในโลก
0892638461


ผ้าป่าสามัคคี เปิดอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ชีวสุทโธ จารุวัณโณ
083-140-2285


กุฏิสงฆ์ไฟไหม้ ขอท่านผู้ใจบุญช่วยเหลือทางวัดด้วย
087 3032098


ปฏิบัติธรรมส่งท้ายปีเก่า – ต้อนรับปีใหม่ ٭
٭- ในวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๕ – ๒ มกราคม ๒๕๕๖ ٭
หมายเหตุ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- ศาลา ๘๐ ปี โทร ๐๘๗ – ๕๖๓ – ๕๕๑๐
- คุณนก (วิภาวรรณ) โทร ๐๘๑ – ๕๑๓ - ๕๒๒๑



ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมตารางปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
http://www.rakdham.com/index.php?mo=10&art=455393


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ธ.ค. 2012, 13:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว




B J phodi.bmp
B J phodi.bmp [ 195.49 KiB | เปิดดู 6017 ครั้ง ]
.. :b8:

อนุโมทนาแล้วๆๆ ..
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2012, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อคิดจากท่านพุทธทาสภิกขุ
"สิ่งที่สมบูรณ์แล้วโดยแท้ มันมีความบกพร่องอยู่
สิ่งที่บกพร่องอยู่ แท้จริงมันก็สมบูรณ์ดีอยู่แล้ว

การให้ไม่ว่าจะให้อามิสทาน อภัยทาน หรือธรรมทานก็ตาม
จะเป็นการให้ที่แท้จริงที่
หรือจะเป็นทานบารมีเพื่อเกื้อกูลต่อการหลุดพ้นได้
ก็ต้องเป็นการให้ด้วยจิตที่เป็นผู้ให้จริงๆ
คือให้เพื่อประโยชน์ผู้อื่นจริงๆ
ไม่ได้ให้เพื่อตัวเองจะได้ประโยชน์ตอบแทนแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
เพราะเพียงแค่ต้องการให้ตัวเองมีความสุข
จะเป็นในปัจจุบันหรือภายภาคหน้าก็ตาม
ก็เท่ากับจิตมีราคะเรียบร้อยแล้ว
ฉะนั้นขณะให้ทานก็อย่าลืมที่จะย้อนมาดูจิตไปด้วย
จะได้เจริญจิตตานุปัสสนาด้วยการรู้ว่าจิตมีราคะไปด้วย


อานิสงส์การก้าวเดินกลับไปมา ( จงกม : จัง-กะ-มะ )

อทฺธานกฺขโม โหติ
ย่อมเป็นผู้อดทน ต่อการเดินทางไกล
ปธานกฺขโม โหติ
ย่อมเป็นผู้อดทน ต่อการบำเพ็ญเพียร
อปฺปาพาโธ โหติ
ย่อมเป็นผู้มีอาพาธน้อย
อสิตํ ปีตํ ขายิตํ สายิตํ สมฺมาปริณามํ คจฺฉติ
อาหารที่กินดื่ม เคี้ยว ลิ้มแล้ว ย่อมย่อยไปโดยดี
จงฺกมาธิคโต สมาธิ จิรฎฺฐิติโก โหติ
สมาธิที่ได้เพราะการจงกม ย่อมตั้งอยู่ได้นาน
ที่มา : จังกมสูตร — องฺ.ปญฺจก. ๒๒ / [๒๙] / ๓๑


ไม่ว่าในอดีต ปัจจุบัน อนาคต
คนที่ถูกสรรเสริญ โดยส่วนเดียว
หรือถูกนินทา โดยส่วนเดียว ไม่มี

พุทธวจนะ


พระพุทธองค์ทรงตรัสถึงความรักที่ไม่เป็นทุกข์ คือ การไม่เบียดเบียน และความรักอย่างพรหม (พรหมวิหาร 4) แต่น้อยนักที่ความรักนั้นจะไม่ปราถนาสิ่งตอบแทน เหมือนรักของ พ่อกับแม่.. ถ้ารักได้แบบนี้ ชีวิตย่อมเป็นสุขอย่างแน่นอน


วัฏสงสาร นานมาก

วัฎสงสาร มันยาวมันไกลเกินประมาณ คนๆ หนึ่งเกิดมาแล้วท่องเที่ยวในวัฎสงสารนี่ กำหนดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่พบเลย ได้แสนยาก รู้ได้แสนยาก พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนั้น คือมันกำหนดเบื้องต้นเบื้องปลายรู้ได้แสนยาก คือลำบากที่สุดที่จะไปรู้ว่าเริ่มต้นมันมายังไง สุดท้ายไปยังไง คนเราท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารนี่นานแสนนาน


สมาธิในชีวิตประจำวัน~
1.ตั้งสติอยู่กับกาย.
2.ตั้งสติอยู่กับใจ.
3.ตั้งสติอยู่กับจิต...(ดูกายเห็นจิต..ดูจิตเห็นธรรม)
(ธรรมะเป็นธรรมชาติรอบตัวเรา มองรอบตัวให้เป็นธรรมชาติ)
ทำใจให้สบาย ทำจิตให้ว่าง ทำกายให้เย็น.ก็จะเห็นธรรมมะ
อย่าหลง..อย่ายึด.. อย่าติด..ตั้งพรมไห้เป็นอุเบกขาในแต่ล่ะวัน


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร