วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 15:13  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2012, 19:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 20:58
โพสต์: 36

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: เด่น
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


เวลาไหว้พระ..จิตชอบปรามาส กล่าวร้ายพระพทธุ พระธรรม พระสงฆ์ (ชนิดหยาบคายมากๆ) จนไม่กล้ามองพระพุทธรูปหรือไหว้พระนานๆ ทั้งที่ไม่ตั้งใจ ทำไมเป็นเช่นนั้นได้ไม่รู้จนไม่กล้าจะไหว้พระนานๆ ขอคำแนะนำและวิธีการแก้ไขจากผู้รู้ทั้งหลายด้วย :b42: :b42: :b42:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ธ.ค. 2012, 20:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


มันมีการทดลองหนึ่ง
ที่เขาลองจี้กระแสไฟฟ้าเข้าไปยังบริเวณสมองส่วนต่าง ๆ
แล้วปรากฎว่าร่างกายของผู้ที่ถูกจี้ มีการแสดงการตอบสนองออกมา

คือ เอกอนมองว่า มันเป็นการเกิดการลัดวงจรของกระแสในสมองลักษณะหนึ่ง

คือ ถ้าคุณไม่ได้คิดปรามาส
ก็ลองสังเกต ลักษณะการเกิดของมัน

การอาบน้ำอาบท่าให้สบาย การตักบาตรตอนเช้า
การทำบุญ ทำกุศลอยู่เนือง ๆ
อาจจะช่วยปรับกำลังไฟฟ้าในสมองได้

คือ อันนี้เอกอน คาดเดาจากการสังเกตน่ะ
เพราะ เอกอนก็เป็น แต่เมื่อปรากฎ เอกอนก็สังเกตการปรากฎ
มันจะแว๊บไปปรามาสแค่สักพัก เด๋วมันก็สงบ
ดังนั้น ... ก็แล้วแต่ แง่มุมในการมองของแต่ละคนนะ
สำหรับเอกอน เข้าใจว่าเป็นเพราะสมองมันยังปรับตัวไม่ทัน

คือบางที...เพิ่งเล่นไพ่กินเงินเขามาทั้งวง
หรือเพิ่งทำอะไรมาที่เป็นในลักษณะทำให้จิตอยู่ในวิถีที่หยาบอยู่น่ะ
แล้วก็มานั่งไหว้พระอยู่หน้าพระ สมองมันยังปรับตัวไม่ทัน ... :b9: :b9:

:b12:

คือ จะมองในแง่นี้ก็ได้
ลิง เวลาที่มันโหนกิ่งนั้น ไปจับกิ่งนี้ มันยังมีพลาดร่วง ok มั๊ย
แมว ยังมีเดินตกหลังคา เน๊อะ

:b12: :b9: :b9: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 04:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


:b45:

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


แก้ไขล่าสุดโดย คนธรรมดาๆ เมื่อ 30 ธ.ค. 2012, 08:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 08:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลายปีก่อน .. โน้นนน

ชอบการแสวงบุญมาก หมายถึง จัดรถไปทำบุญ
ปฏิบัติภาวนาตามวัดในต่างจังหวัดบ่อย ๆ ..

ช่วงหนึ่งไปแถวเมืองกาญจฯ สังขะ ทองผาภูมิ ด่านเจดีย์สามองค์ ฯลฯ
ช่วงนั้นเป็นฤดูหนาวด้วย เอากลดไปปัก น้ำค้างลงมากกลดเปียกจนนอนไม่ได้ ..

หมอกลงจัดยื่นแขนออกไปมองไม่เห็นมือเลยแหละ ..ต้องออกมาเดินจงกรม
ขณะเดินจรงกรมอยู่จู่ ๆ จิตแวบออกไป ปรามาสพระพุทธเจ้า ดูถูก ดูหมิ่นต่าง ๆ นานา

จิตเกิดอาการร้อนรุ่ม กิเลสเข้าครอบงำ ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ทั้ง ๆ ที่
ไม่มีเจตนาดังกล่าว .. ขณะที่เราคิดว่าปฏิบัติธรรม กิเลสยังเอาไปกินต่อหน้าต่อตาได้


กลัวบาปกรรมมาก หาทางออกทั้งคืนจนนึกถึง ธรรมบทหนึ่ง คือการขอขมาพระรัตนตรัย ที่ว่า ..

* "รัตตะนะตะเย ปะมาเทนะ ทะวารัตตะเย นะกะตัง สัพพัง อะปาราทัง ขะมะทะเมภันเต"
ข้าพระพุทธเจ้า ขอขมาต่อพระรัตนตรัย ที่ได้ล่วงเกินด้วย กาย วาจา ใจ โปรดอโหสิกรรม
ให้แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด ..*
:b8:

เมื่อจิตคิดปรามาสขึ้นมา จะต้องนำธรรมบทนี้มาบริกรรมแทนไปเรื่อย ๆ จนจิตสงบเย็นลง
ทำอย่างนี้ทุกครั้ง ตลอดช่วงการปฏิบัติ ..

จากนั้นมา ก็จะเบาบางลง จิตจะคิดปรามาสขึ้น สติจะรู้ทันแล้วดับลงทันที
คงจะเข็ด เพราะจะต้องบริกรรมบทขอขมานั้นอีกหลาย ๆ รอบ .. :b32:


เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ไม่สงวนสิทธินะ ..
* คำขอขมานี้จำมาจากพระสายพระป่า ได้ยินท่านสวดเป็นประจำ ..
บทแปล คิดเอาเองในช่วงเวลานั้น ..*

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 11:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


smiley smiley smiley

อิอิ ...
เรื่องการปฏิบัติมีเทคนิคมากมายจริง ๆ

smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
smiley smiley smiley

อิอิ ...
เรื่องการปฏิบัติมีเทคนิคมากมายจริง ๆ

smiley smiley smiley

ถูกต้องนะคร้าบบบ .. แล้วก็ .. ขึ้นอยู่กับจริตนิสัย
เทคนิคของท่านหนึ่งอาจจะไม่ใช่ของอีกท่าน .. :b1:

ปฏิบัติไปเถอะ สันทิฏฐิโก จะรู้เห็นได้เอง
ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนจริง ๆ .. :b4:

:b1: :b13:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ธ.ค. 2012, 19:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 20:58
โพสต์: 36

แนวปฏิบัติ: ยุบหนอ-พองหนอ
งานอดิเรก: ฟังเพลง
ชื่อเล่น: เด่น
อายุ: 32

 ข้อมูลส่วนตัว


น่ากลัวจะเป้นสังขารมารกระมั่ง ขอบคุณทุกท่านที่ให้คำแนะนำ เทคนิคดีๆ
ต้องรู้วิธีและเอาชนะมันให้ได้ตอนนี้ เผื่อไปเกิดอาการแบบนี้ตอนจะตาย แย่เลย ถ้าเอาชนะเขาได้ตอนนี้เวลาจะตายระลึกคุณพระรัตนตรัยแล้วมีอารมณ์ปรามาสแบบนี้ จะได้ผ่าน เอาชนะไปได้ด้วยดี ..
smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2012, 06:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


แบบนี้ก็ทำให้เห็นได้นะครับ ว่าความคิดบางอัน เราตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่ความคิดบางอัน เขาเกิดขึ้นมาเอง

ตกลงความคิดเป็นของเราแน่หรือเปล่านะ?

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2013, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คนธรรมดาๆ เขียน:
แบบนี้ก็ทำให้เห็นได้นะครับ ว่าความคิดบางอัน เราตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่ความคิดบางอัน เขาเกิดขึ้นมาเอง

ตกลงความคิดเป็นของเราแน่หรือเปล่านะ?

คุนน้องเคยศึกษาเกี่ยวกับจิตไร้สำนึก คือมันจะผุดขึ้นมาโดยที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้ แต่ก็เรานั่นแหละที่สั่งสมสิ่งนั้นขึ้นมาเพียงแต่ว่าเราไม่มี กำลังวิปัสนาญานพอที่จะตัดความคิดที่เป็นอกุศลนั้นออกไปได้ คุนน้องก็เคยลบหลู่ดูหมิ่นพระสงฆ์ ตอนสมัยเด็กๆ ทั้งที่ท่านก็แค่เดินผ่านหน้าบ้าน งงไหมหละ แต่พอโตขึ้นเข้าวัดปฏิบัติธรรมก็ไม่มีความคิดนั้นแล้วค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ม.ค. 2013, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


เคสนี้เป็นกันมาก ว่าด้วยเหตุหยาบๆคือไม่รู้คุณของพระรัตนตรัย ลึกลงไปแล้ว เคสแบบนี้ เรียกว่า มารสิงจิต
วิธีแก้เบื้องต้นสวดและน้อมใจตาม ในบทก่อนทำภาวนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ บ่อยๆ เป็นเมื่อไหร่สวดเมื่อนั้นๆๆๆๆๆ คุณต้องสู้นะ และต้องชนะมาเป็นปกติ อกจะแตกตาย ก็ต้องทำ ต้อง อดทนอดใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ม.ค. 2013, 11:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ศึกษารู้เท่าทันอุปกิเลส เพิ่มเติม...
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=10732

มักขะ คือ ความลบลู่คุณท่าน

ปลาสะ คือ การยกตนเทียบท่าน ความตีเสมอ

สาเถยยะ คือการโอ้อวด พูดยกตัว

มานะ คือความถือตัว สำคัญตัว



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2013, 09:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ม.ค. 2011, 09:13
โพสต์: 73


 ข้อมูลส่วนตัว


เคสนี้เป็นกันมาก ว่าด้วยเหตุหยาบๆคือไม่รู้คุณของพระรัตนตรัย ลึกลงไปแล้ว เคสแบบนี้ เรียกว่า มารสิงจิต
วิธีแก้เบื้องต้นสวดและน้อมใจตาม ในบทก่อนทำภาวนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ บ่อยๆ เป็นเมื่อไหร่สวดเมื่อนั้นๆๆๆๆๆ คุณต้องสู้นะ และต้องชนะมาเป็นปกติ อกจะแตกตาย ก็ต้องทำ ต้อง อดทนอดใจ


ความเห็นส่วนตัว
คิดเหมือนกับท่านหลับอยู่ครับ การกระทำความดีหรือการกระทำบุญ ไม่ได้ทำกันง่ายๆ(ยกเว้นบางคนทำบุญแต่ชาติปางก่อนไว้เยอะมาก)เพราะ กิเลสขวางทุกวิถีทาง (ขี้เกียจ ง่วงนอน คิดอกุศล )เวลาจะทำทานก็เกิดขี้เหนียวขึ้นมา ตัดทอนกำลังใจลง อีกทั้งเจ้ากรรมนายเวรไม่ต้องการให้สร้างคุณงามความดี อย่างที่ท่าน หลับอยู่ว่าไว้ สู้ เพื่อยกจิตใจขึ้น สร้างบุญกุศลให้มาก (ทาน ศีล ภาวนา) แล้วบุญจะช่วยเราเอง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 62 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร