วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 18:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2013, 14:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2013, 19:24
โพสต์: 300

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุต้องปาราชิก เมื่อรู้ตัวว่าต้องปาราชิก
แล้วลาสิกขาไปอยู่ในเพศฆราวาส

ถามว่า..
เมื่อตั้งใจเพียรพยายามรักษาศีลเจริญภาวนาอยู่ในเพศฆราวาส อย่างยิ่งยวด
จะมีโอกาสเป็นผู้ที่จะเจริญถึงขั้น มรรค ผล นิพพาน ได้หรือไม่ครับ ......?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2013, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"เมื่อต้องปาราชิกเข้าไปแล้ว บุญเก่าก็สาปสูญหมดในวันนั้น บุญใหม่ก็หมดเสียสิ้นไม่เหลืออะไร เหมือนตอกลางไร่ เหมือนผ้าเหลืองห่อตอเฉยๆ อย่าทำนะเจ้า อย่าทำ อย่าประพฤติ ถ้าอดไม่ได้ก็สึกเสีย ไม่เป็นไรหรอก อย่าให้เสียมรรคเสียผล บุญกุศลเก่าก่อนสร้างสมมาแล้ว ทั้งบุญใหม่ก็อย่าให้หมดไป"

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=30135

grin

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2013, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมมา เขียน:
ภิกษุต้องปาราชิก เมื่อรู้ตัวว่าต้องปาราชิก
แล้วลาสิกขาไปอยู่ในเพศฆราวาส

ถามว่า..
เมื่อตั้งใจเพียรพยายามรักษาศีลเจริญภาวนาอยู่ในเพศฆราวาส อย่างยิ่งยวด
จะมีโอกาสเป็นผู้ที่จะเจริญถึงขั้น มรรค ผล นิพพาน ได้หรือไม่ครับ ......?


เมื่อภิกษุต้องอาบัติใด พึงปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามธรรมนิยาม
คือที่ควรอยู่กรรมก็อยู่กรรมเสีย ที่ควรแสดงก็ควรแสดงเสีย เมื่อปฏิบัติได้ดังนี้
ย่อมมีโอกาสที่จะบรรลุมรรคผลนิพพานได้ ตัวอย่าง เรื่องอัคคิขันโธปมสูตร

สมัยหนึ่ง พระศาสดาเสด็จจาริกไปในแคว้นชนบท ทอดพระเนตรเห็นต้นไม้มีโพลงต้นใหญ่ระหว่างทาง ถูกเพลิงไหม้ลุกโพลงโชติช่วงอยู่ มีพระประสงค์จะแสดงธรรมเปรียบเทียบกองเพลิง จึงแวะลงประทับ ณ โคนต้นไม้ต้นหนึ่ง เหยียดพระหัตถ์เบื้องขวาออกชี้ไปทางต้นไม้ที่ไฟกำลังไหม้โชติช่วงอยู่ แล้วถามภิกษุทั้งหลายว่า "ภิกษุทั้งหลายเธอเห็นต้นไม้ที่ไฟกำลังไหม้ลุกโพลงนั้นอยู่หรือไม่"

เมื่อภิกษุทั้งหลายทูลตอบว่า "เห็นพระเจ้าข้า" แล้วพระศาสดาจึงตรัสให้ภิกษุสังเวชใจเป็นทำนองว่า การที่ภิกษุทุศีล มีธรรมทราม มิใช่สมณะปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะ จึงพึงเข้าไปนั่งกอด นอนกอดกองเพลิงย่อมประเสริฐกว่าการรับบิณฑบาต จีวร เสนาสนะ และยารักษาโรคที่ชาวบ้านเขาให้ด้วยศรัทธา การเป็นผู้ทุศีล มีธรรมทรามเช่นนั้น แล้วอาศัยปัจจัย ๔ ของทายกอยู่ไม่เป็นการประเสริฐเลย ดังนี้ เป็นต้น

ภิกษุทั้งหลายได้ฟังแล้ว พวกที่มีศีลบริสุทธิ์พิจารณาเห็นตนหมดมลทินในเรื่องศีลเกิดปีติปราโมชได้บรรลุเป็นอรหันตผล พวกภิกษุที่ต้องปราชิกเกิดความร้อนใจร้อนกายจนมีโลหิตไหลออกจากปาก พวกภิกษุที่ประพฤติตนย่ำยีสิกขาบทเล็กน้อยก็พากันร้อนใจ เห็นว่าการประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิงในธรรมวินัยนี้เป็นของยากยิ่ง จึงชวนกันสึก

เทศนากัณฑ์นี้ของพระศาสดามีผลแก่ภิกษุทั้ง ๓ พวก มีคำถามว่า เทศนานี้มีประโยชน์แก่ภิกษุผู้บรรลุอรหัตตผลนั้น เข้าใจได้ง่าย แต่สำเร็จประโยชน์แก่ภิกษุอีก ๒ จำพวกอย่างไร

ขอบตอบว่า หากภิกษุที่ต้องอาบัติปาราชิกแล้วมิได้ฟังธรรมเทศนานี้ ก็จะพึงประมาทไม่ละเพศแห่งภิกษุอยู่ไป ๆ บาปก็เพิ่มพูลมากขึ้นทุกวัน เธอจะต้องจมลงในอบายภูมิถ่ายเดียว แต่เมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนานี้แล้ว เกิดความสังเวชสลดใจ ละเพศภิกษุไปเป็นอุบาสก ลดภูมิของตนลงมาเป็นสามเณรบ้าง บำเพ็ญศีล ประกอบการขวนขวายในมนสิการ บางพวกได้เป็นพระโสดาบัน บางพวกได้เป็นพระสกทาคามี บางพวกได้เป็นพระอนาคามี บางพวกได้เกิดในหมู่เทพ

ส่วนภิกษุที่ย่ำยีสิกขาบทเล็กๆน้อยๆ ก็เหมือนกันเมื่อลาสิกขาบทแล้ว บำเพ็ญอุบาสกธรรม ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ และเบ็ญจศีล บางพวกได้เป็นพระโสดาบัน บางพวกได้เป็นพระสกทาคามี บางพวกได้เป็นพระอนาคามี บางพวกได้เกิดในหมู่เทพ

เทศนาอัคคิขันโธปมสูตร มีประโยชน์แก่ภิษุทุกจำพวก ท่านผู้ต้องการความพิสดาร โปรดตรวจดูในอังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ หน้า ๑๒๙ และในอรรถกถาชื่อมโนรถปูรณี อรรถกถาแห่งอังคุตตรนิกาย ภาค ๑ หน้า ๗๑ นั้นเถิด

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2013, 19:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2013, 19:24
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากตั้งใจจะปฏิบัติ ขัดเกลาจิตใจให้เบาบางลง ด้วยความเพียร มานะ สู้ไม่ย้อมท้อถอย
มีโอกาส บรรลุ มรรค ผล ได้ เพราะธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ จงสร้างเหตุให้เยอะๆ ผลจะรับเอาหรือไม่
มันก็ได้รับเอาโดยอัตโนมัติ
กิเลส เราเป็นทาสมันมากี่ภพ กี่ชาติละ จะปฏิวัติกิเลส ชาติเดียว มันไม่ง่ายนะ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2013, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8585


 ข้อมูลส่วนตัว


ในอังคุตตรนิกาย สัตตกนิบาต พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๓ หน้า ๑๒๙ และในอรรถกถา
ชื่อมโนรถปูรณี อรรถกถาแห่งอังคุตตรนิกาย ภาค ๑ หน้า ๗๑ กล่าวไว้อย่างนั้น
ท่านผู้ที่ต้องปราชิกเมื่อสึกมาเป็นฆาราสก็ย่อมทำความเพียรให้บรรลุเป็นพระอริยะบุคคลขั้นต่ำ ๓
หรือเข้าถึงหมู่เทพ ได้เหมือนกัน ฉะนั้นผู้ที่ต้องปราชิกจึงต้องขวนขวายความเพียรให้มากเป็นพิเศษ
ไม่อย่างนั้น อบายภูมิรอท่านอยู่

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร