วันเวลาปัจจุบัน 31 ก.ค. 2025, 05:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกคนมีจุดมุ่งหมายในปฏิบัติธรรม
และคุนน้องก็ได้เรียนรู้ว่าการปฏิบัติธรรม
นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ไม่ใช่รู้ไว้เพื่อ
ประดับความรู้ หรืออวดภูมิว่าตนรู้จักธรรมมะ :b45:
เกือบ3 ปีแล้วที่คุนน้องได้ศึกษาธรรมมะ
และรู้สึกภาคภูมิใจที่ตนได้เกิดในศาสนาพุทธ
รู้สึกเหมือนชีวิตเรา ได้เจอแสงสว่าง
ได้พบกัลยามิตร สหายธรรมทั้งหลาย
ที่คอยเมตตาชี้แนะ แนวทางการปฏิบัติ :b27:

จากเมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ เราเห็นผลการเปลี่ยน
แปลงของตนเอง ไปในทางที่ดีขึ้น จากที่แต่ก่อน
ใจร้อน ก็นิ่งขึ้น จากที่เอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่
ก็ยอมฟังคนอื่นมากขึ้น :b1: :b47:

รับมือกับสิ่งรอบข้างสถาณการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น
เพราะมีสติเพราะอาศัยการ เจริญสติในชีวิต
ประจำวัน คุนน้องออกแนว พุทธจริต เป็นคนช่าง
คิด ชอบใช้ความคิด ถ้าเปรียบอีกอย่าง เหมือนคน
พูดมาก ถามมาก ไม่หยุดจนผู้อื่นรำคาญ :b9:

คุนน้องต้องมีสมถะหนุนนำคือกำลังสมาธิ
สติถึงฉับไว เฉียบแหลมขึ้น สติคุนน้องทำงาน
ร่วมกันกับปัญญา คุนน้องฝึกฝนให้สติมีกำลัง
เหมือนโปรแกรมสแกนไวรัส เหมือนตรวจจับ
ว่ากิเลศเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็รู้ (แต่ไม่ใช่รู้และวาง)
แต่ใช้ปัญญา ตรวจสอบอีกทีว่าไวรัสหรือ กิเลศ

เกิดจากสาเหตุอะไร นั่นคือการที่รู้จัก พิจารณา
โดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ก็ค่อยๆลด ละ
เลิก เมื่อรู้สาเหตุจนลามไปถึงผล ก็ค่อยๆฝึกไป
ค่อยๆขัดเกลาไป ทำได้ไม่ได้ ใจเราเป็นผู้รู้อยู่ :b41:
ด้วยความที่ตนชอบคิด ก็เลยชอบใช้ความคิดให้
เกิดประโยชน์ จิตเวลาเห็นเหตุไร จะชอบหยิบมา
พิจารณาตลอด อะไรเกิดขึ้น ทาง หู ตา จมูก กาย
ใจ จิตไวมาก (ไม่รู้จะอธิบายยังไง จะว่าฟุ้งซ่านก็ ไม่ใช่ จะว่าปรุงแต่งก็ไม่เชิง เพราะสิ่งนี้ เป็นเหตุให้เกิดปัญญา แต่ต้องรู้ว่าปัญญา เป็นสังขาร ตกอยู่ภายใต้กฏ อนิจจัง เกิดดับ ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ เมื่อรู้ก็ละ วางใจให้เป็นอุเบกขา เมื่อถึงเวลา สังขารเหล่านั่นก็ปรากฏขึ้นมาให้เราหยิบพิจารณาอยู่ดี

เปรียบเหมือนเราพอกพูนสติปัญญา และสะสมไว้ในจิต มันไม่หายไปไหนหรอก ไม่ต้องกลัวที่จะคิด
คิดโดยมีสติปัญญา ทำให้เรารู้แจ้ง แทงตลอด ถ้าฝึกฝน ไม่รู้คนอื่นเป็นอย่างไร สำหรับคุนน้องเป็นเช่นนี้นะ
เอาแต่นี้ก่อน และคุนน้องจะมาต่อ การปฏิบัติธรรม
ไม่ได้ทำให้เราคิดว่าเราฉลาด แต่ทำให้เรายอมรับ
ว่าเรายังโง่!! :b41: :b46: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณน้องคองเขียน

อ้างคำพูด:
เปรียบเหมือนเราพอกพูนสติปัญญา และสะสมไว้ในจิต มันไม่หายไปไหนหรอก ไม่ต้องกลัวที่จะคิด
คิดโดยมีสติปัญญา ทำให้เรารู้แจ้ง แทงตลอด ถ้าฝึกฝน ไม่รู้คนอื่นเป็นอย่างไร สำหรับคุนน้องเป็นเช่นนี้นะ
เอาแต่นี้ก่อน และคุนน้องจะมาต่อ การปฏิบัติธรรม
ไม่ได้ทำให้เราคิดว่าเราฉลาด แต่ทำให้เรายอมรับ
ว่าเรายังโง่!!
:b41: :b46: :b16:



พี่เต้ก้อคล้ายๆคุณน้องคองค่ะ
ไม่ชอบการโกรธใคร แล้วก็โมโหใคร คือเฉยๆ แฟนพี่เต้มีคนอื่น พี่เต้มองว่า
เค้า2คนคือคู่กัน เราไม่ใช่ ไม่เคยใช้คำหยาบๆ นิ่งอย่างเดียวค่ะ

ช่วงแรกๆเหงาๆบ้าง แต่พอนานๆก็ชิน ลูกๆก็แยกกันไปอยู่ต่างประเทศ
ก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะพวกเค้ายังเด็ก ก็ได้ธรรมะนี่หล่ะค่ะคุมสติ
พิจารณาธรรม ให้เห็นหลักความจริงของชีวิต

ดีค่ะ :b1: ยอมรับในเรื่องของชีวิตได้ แม้บางครั้งจะหลุดไปบ้าง
แต่ก็มีสติกลับมาได้ ก็มาจากศึกษาธรรมะนี่หล่ะค่ะ

สิ่งที่คิดตลอดคือ ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา ก้อดีใจค่ะ ที่เกิดมาได้ในศาสนาพุทธ
ได้เจอเพื่อนๆที่เป็นกัลญามิตร สิ่งนี้พี่เต้ถือว่า
มีความโชคดีในชีวิตแล้วค่ะ :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 21:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 22:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
คุณน้องคองเขียน

อ้างคำพูด:
เปรียบเหมือนเราพอกพูนสติปัญญา และสะสมไว้ในจิต มันไม่หายไปไหนหรอก ไม่ต้องกลัวที่จะคิด
คิดโดยมีสติปัญญา ทำให้เรารู้แจ้ง แทงตลอด ถ้าฝึกฝน ไม่รู้คนอื่นเป็นอย่างไร สำหรับคุนน้องเป็นเช่นนี้นะ
เอาแต่นี้ก่อน และคุนน้องจะมาต่อ การปฏิบัติธรรม
ไม่ได้ทำให้เราคิดว่าเราฉลาด แต่ทำให้เรายอมรับ
ว่าเรายังโง่!!
:b41: :b46: :b16:



พี่เต้ก้อคล้ายๆคุณน้องคองค่ะ
ไม่ชอบการโกรธใคร แล้วก็โมโหใคร คือเฉยๆ แฟนพี่เต้มีคนอื่น พี่เต้มองว่า
เค้า2คนคือคู่กัน เราไม่ใช่ ไม่เคยใช้คำหยาบๆ นิ่งอย่างเดียวค่ะ

ช่วงแรกๆเหงาๆบ้าง แต่พอนานๆก็ชิน ลูกๆก็แยกกันไปอยู่ต่างประเทศ
ก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะพวกเค้ายังเด็ก ก็ได้ธรรมะนี่หล่ะค่ะคุมสติ
พิจารณาธรรม ให้เห็นหลักความจริงของชีวิต

ดีค่ะ :b1: ยอมรับในเรื่องของชีวิตได้ แม้บางครั้งจะหลุดไปบ้าง
แต่ก็มีสติกลับมาได้ ก็มาจากศึกษาธรรมะนี่หล่ะค่ะ

สิ่งที่คิดตลอดคือ ไม่มีอะไรที่เป็นของเรา ก้อดีใจค่ะ ที่เกิดมาได้ในศาสนาพุทธ
ได้เจอเพื่อนๆที่เป็นกัลญามิตร สิ่งนี้พี่เต้ถือว่า
มีความโชคดีในชีวิตแล้วค่ะ :b41: :b55: :b49:

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 05:25
โพสต์: 621


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 05:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ทุกคนมีจุดมุ่งหมายในปฏิบัติธรรม
และคุนน้องก็ได้เรียนรู้ว่าการปฏิบัติธรรม
นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ไม่ใช่รู้ไว้เพื่อ
ประดับความรู้ หรืออวดภูมิว่าตนรู้จักธรรมมะ :b45:
เกือบ3 ปีแล้วที่คุนน้องได้ศึกษาธรรมมะ
และรู้สึกภาคภูมิใจที่ตนได้เกิดในศาสนาพุทธ
รู้สึกเหมือนชีวิตเรา ได้เจอแสงสว่าง
ได้พบกัลยามิตร สหายธรรมทั้งหลาย
ที่คอยเมตตาชี้แนะ แนวทางการปฏิบัติ :b27:

จากเมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ เราเห็นผลการเปลี่ยน
แปลงของตนเอง ไปในทางที่ดีขึ้น จากที่แต่ก่อน
ใจร้อน ก็นิ่งขึ้น จากที่เอาแต่ความคิดตนเป็นใหญ่
ก็ยอมฟังคนอื่นมากขึ้น :b1: :b47:

รับมือกับสิ่งรอบข้างสถาณการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น
เพราะมีสติเพราะอาศัยการ เจริญสติในชีวิต
ประจำวัน คุนน้องออกแนว พุทธจริต เป็นคนช่าง
คิด ชอบใช้ความคิด ถ้าเปรียบอีกอย่าง เหมือนคน
พูดมาก ถามมาก ไม่หยุดจนผู้อื่นรำคาญ :b9:

คุนน้องต้องมีสมถะหนุนนำคือกำลังสมาธิ
สติถึงฉับไว เฉียบแหลมขึ้น สติคุนน้องทำงาน
ร่วมกันกับปัญญา คุนน้องฝึกฝนให้สติมีกำลัง
เหมือนโปรแกรมสแกนไวรัส เหมือนตรวจจับ
ว่ากิเลศเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็รู้ (แต่ไม่ใช่รู้และวาง)
แต่ใช้ปัญญา ตรวจสอบอีกทีว่าไวรัสหรือ กิเลศ

เกิดจากสาเหตุอะไร นั่นคือการที่รู้จัก พิจารณา
โดยแยบคาย (โยนิโสมนสิการ) ก็ค่อยๆลด ละ
เลิก เมื่อรู้สาเหตุจนลามไปถึงผล ก็ค่อยๆฝึกไป
ค่อยๆขัดเกลาไป ทำได้ไม่ได้ ใจเราเป็นผู้รู้อยู่ :b41:
ด้วยความที่ตนชอบคิด ก็เลยชอบใช้ความคิดให้
เกิดประโยชน์ จิตเวลาเห็นเหตุไร จะชอบหยิบมา
พิจารณาตลอด อะไรเกิดขึ้น ทาง หู ตา จมูก กาย
ใจ จิตไวมาก (ไม่รู้จะอธิบายยังไง จะว่าฟุ้งซ่านก็ ไม่ใช่ จะว่าปรุงแต่งก็ไม่เชิง เพราะสิ่งนี้ เป็นเหตุให้เกิดปัญญา แต่ต้องรู้ว่าปัญญา เป็นสังขาร ตกอยู่ภายใต้กฏ อนิจจัง เกิดดับ ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้ เมื่อรู้ก็ละ วางใจให้เป็นอุเบกขา เมื่อถึงเวลา สังขารเหล่านั่นก็ปรากฏขึ้นมาให้เราหยิบพิจารณาอยู่ดี

เปรียบเหมือนเราพอกพูนสติปัญญา และสะสมไว้ในจิต มันไม่หายไปไหนหรอก ไม่ต้องกลัวที่จะคิด
คิดโดยมีสติปัญญา ทำให้เรารู้แจ้ง แทงตลอด ถ้าฝึกฝน ไม่รู้คนอื่นเป็นอย่างไร สำหรับคุนน้องเป็นเช่นนี้นะ
เอาแต่นี้ก่อน และคุนน้องจะมาต่อ การปฏิบัติธรรม
ไม่ได้ทำให้เราคิดว่าเราฉลาด แต่ทำให้เรายอมรับ
ว่าเรายังโง่!! :b41: :b46: :b16:

:b8: :b8: :b8:

:b8: อนุโมทนาสาธุในบุญ...ครับ

อ้างคำพูด:
เอาแต่นี้ก่อน และคุนน้องจะมาต่อ การปฏิบัติธรรม
ไม่ได้ทำให้เราคิดว่าเราฉลาด แต่ทำให้เรายอมรับ
ว่าเรายังโง่!!

ครูบาอาจารย์บอกว่า...ใครที่รู้ตัวว่าโง่..นั้นนะ...เริ่มฉลาดแล้ว
:b17: :b17: :b17:
ทำต่อไปครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 07:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8591


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ครูบาอาจารย์บอกว่า...ใครที่รู้ตัวว่าโง่..นั้นนะ...เริ่มฉลาดแล้ว

ทำต่อไปครับ


ไม่ต้องถึงกับอาจารย์บอกหรอก เราจะรู้เองว่าเรานี่ยังโง่อีกมาก
เมื่อก่อนได้ยินบ่อยมากที่มีคนพูดว่า ยิ่งเรียนยิ่งโง่ (ไม่เข้าใจคำพูดนี้)
แต่พอได้ศึกษามากๆ จึงเห็นว่าคำพูดนี้ถูกต้องเลย เพราะว่าพอปัญญาเกิดขึ้น
มันจะไปเห็นตัวโง่ทันทีในส่วนที่เป็นอดีตมากมาย

ถ้ามีเวลาหรือมีผู้ใดอยากรู้ประสบการจริงของลุงหมานว่าเกิดอะไรขึ้นที่ผ่านมา
ในระยะเวลาที่ปฏิบัติธรรมมาเป็นเวลาหลายสิบปี...สุดท้ายต้องมาศึกษาธรรม
ในห้องเรียนจริงจัง ๑๓ ปีหูตาสว่างขึ้นเยอะ ฉะนั้นอย่าดูหมิ่นว่า เอาแต่นั่งกอดตำรา
ตำราเหล่านี้แหละคือ "ปฏิเวธ" ที่พระอรหันต์ในพุทธกาลบันทึกเป็นพระไตรปิฏกเอาไว้
ให้ศึกษาเล่าเรียนกัน ถ้าไม่มีพระไตรปิฏกธรรมของพระพุทธเจ้าศูณย์สิ้นไปนานแล้ว

ทั้งนี้ก็มีตัวอย่างอยู่ คือพระพุทธเจ้าองค์ก่อนก็มีอยู่หลายพระองค์ด้วยกัน
ที่ไม่บันทึกไว้เป็นตำราคือพระไตรปิฎก และยังมีพุทธวจนะที่ว่าธรรมะทั้งหลายคือตัวแทนของพระองค์

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 16:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติธรรม ทำให้เราคิดว่าตนฉลาด หรือ
ทำให้เรารู้ตัวว่าที่แท้ เรายังมีตัวโง่อยู่.. :b45:

กิเลศมานะ..ชอบอยู่กับพวก คิดว่าตนเก่ง มีความรู้มาก เพราะศึกษามาก เรียนมาเยอะ และอยาก
สอนอยากบอกคนอื่น มั่นใจตนเองสูงเมื่อไหร่ที่เราคิดว่า เราเก่ง เราฉลาดกว่าผู้อื่น นั่นละให้ระวัง ถ้ามีใครมาชี้จุดบกพร่องของตน จะยอมรับจุดบกพร่อง ของตนได้ยาก มักสำคัญว่าตนถูกเสมอ

ให้สังเกตุว่า เมื่อความรู้สึกนึกคิดเกิด.. ใจเราเป็นเช่นไร คนที่มีทิฏฐิมานะสูง ถ้าลองได้โต้เถียง
กับผู้ใด มักจะไม่ฟังผู้อื่น(บางคนเขายังพูดไม่จบก็ขัดคอเขา เพราะมานะ :b32: ) แต่จะให้ผู้อื่นฟังตน
เพราะสำคัญตนว่าเรารู้มากกว่าเขา :b48:

ทำให้มีคำพูดว่า ยิ่งเรียนยิ่งโง่(จริงๆยิ่งเรียนยิ่ง
เก่ง มีความรู้ เป็นนักวิชาการ)แต่ตัวโง่เพิ่มขึ้น
ถ้าตราบใดที่ไม่ยอมรับว่า ตนยังโง่เพราะทิฏฐิ
มานะของตน ตันหา อุปทานก็พอกพูนขึ้น เพราะความไม่รู้ของตน ใครบอกใครเตือนไม่ฟัง

คนที่มหมั่นเจริญสติ เห็นสิ่งใดกระทบขึ้นในจิต
และรู้เท่าทัน ความรู้สึกนึกคิดต่างๆนั้น
เพราะเมื่อรู้ชัดในผัสสะนั้น จะคิด จะพูด จะทำ
อย่างมีสติ และจิตมีความเป็นกลางมีความ
เป็นอุเบกขาสูง ไม่มีตัณหาอุปทานเกิดขึ้น
ในขณะที่คิดก็ดี พูดก็ดี ทำก็ดี แต่เกิดด้วย
วิชชา... :b1: :b48:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
ครูบาอาจารย์บอกว่า...ใครที่รู้ตัวว่าโง่..นั้นนะ...เริ่มฉลาดแล้ว

ทำต่อไปครับ


ไม่ต้องถึงกับอาจารย์บอกหรอก เราจะรู้เองว่าเรานี่ยังโง่อีกมาก
เมื่อก่อนได้ยินบ่อยมากที่มีคนพูดว่า ยิ่งเรียนยิ่งโง่ (ไม่เข้าใจคำพูดนี้)
แต่พอได้ศึกษามากๆ จึงเห็นว่าคำพูดนี้ถูกต้องเลย เพราะว่าพอปัญญาเกิดขึ้น
มันจะไปเห็นตัวโง่ทันทีในส่วนที่เป็นอดีตมากมาย
...

ต้องอ้างนิดหน่อย...แต่ก่อนรู้ก็แค่รู้...พอหลังมาอบรมบ่มนิสัยจากครูบาอาจารย์...มันรู้ชัดกว่าเดิม...ก็ต้องยกครูเอาใว้ก่อน

เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจคำนี้...ยิ่งเรียน..มันก็ต้องรู้เพิ่มซิ...จะโง่ลงได้งัย
:b13:
ตอนนี้เข้าใจแล้ว...คนฉลาดเท่านั้นที่จะรู้ว่า.ตัวเองยังมีอะไรที่ตัวเองยังไม่รู้อยู่อีก...
คนฉลาดเห็นแต่สิ่งที่ยังไม่รู้...
คนโง่เห็นแต่สิ่งที่ตนรู้..จมอยู่กับสิ่งที่ตัวเองรู้

คนโง่..มีหลายประเภท...เรียงจากแย่ไปหาดี
ไม่รู้กลับคิดว่าตัวรู้
ไม่รู้ก็ไม่รู้ว่าตัวไม่รู้
ไม่รู้ก็รู้ว่าตัวไม่รู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 20:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
การปฏิบัติธรรม ทำให้เราคิดว่าตนฉลาด หรือ
ทำให้เรารู้ตัวว่าที่แท้ เรายังมีตัวโง่อยู่.. :b45:

กิเลศมานะ..ชอบอยู่กับพวก คิดว่าตนเก่ง มีความรู้มาก เพราะศึกษามาก เรียนมาเยอะ และอยาก
สอนอยากบอกคนอื่น มั่นใจตนเองสูงเมื่อไหร่ที่เราคิดว่า เราเก่ง เราฉลาดกว่าผู้อื่น นั่นละให้ระวัง ถ้ามีใครมาชี้จุดบกพร่องของตน จะยอมรับจุดบกพร่อง ของตนได้ยาก มักสำคัญว่าตนถูกเสมอ

.....
วิชชา... :b1: :b48:


ผมว่า..มันเป็นสภาวะปกติ..นะ
เหมือนคนจะขับรถตรงได้...ทีแรก...ก็เป้ซ้าย..เป้ขวา...เป็นธรรมดา...หากพัฒนาขึ้นมาหน่อย..ก็ขับตรงได้เองแหละ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ม.ค. 2015, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1:
กบนอกกะลา เขียน:
nongkong เขียน:
การปฏิบัติธรรม ทำให้เราคิดว่าตนฉลาด หรือ
ทำให้เรารู้ตัวว่าที่แท้ เรายังมีตัวโง่อยู่.. :b45:

กิเลศมานะ..ชอบอยู่กับพวก คิดว่าตนเก่ง มีความรู้มาก เพราะศึกษามาก เรียนมาเยอะ และอยาก
สอนอยากบอกคนอื่น มั่นใจตนเองสูงเมื่อไหร่ที่เราคิดว่า เราเก่ง เราฉลาดกว่าผู้อื่น นั่นละให้ระวัง ถ้ามีใครมาชี้จุดบกพร่องของตน จะยอมรับจุดบกพร่อง ของตนได้ยาก มักสำคัญว่าตนถูกเสมอ

.....
วิชชา... :b1: :b48:


ผมว่า..มันเป็นสภาวะปกติ..นะ
เหมือนคนจะขับรถตรงได้...ทีแรก...ก็เป้ซ้าย..เป้ขวา...เป็นธรรมดา...หากพัฒนาขึ้นมาหน่อย..ก็ขับตรงได้เองแหละ...


:b45: :b1: ขับรถให้ตรง ใครๆก็ขับได้ค่ะ ถ้าถนนมันโล่ง ไม่มีรถสวนมา ปาดซ้ายปาดขวา คนขับรถมือใหม่ ย่อมไม่เคยชินกับถนนและจราจร พอเข้าเมืองใหญ่ๆ รถเยอะๆ จากเคยนึกว่ขับชำนาญ ก็อาจพลาดได้เช่นกัน :b32:
เพราะเหตุนี้เราถึงต้องมีสติไงค่ะ :b48:

และเมื่อเรามีสติเราจะจะเกิดตัวรู้เพื่อ
ตัดอารมณ์ที่เป็นอนุสัย.. ก่อนที่จะตัดสินใจ
ทำอะไรเพราะความเคยชิน :b41: :b46:

กิเลศที่นอนเนืองในจิต จะถอดถอนได้ต้องละ
อวิชชา..อย่าลืมนะค่ะ อวิชาเปรียบเหมือนไมโครชิพเล็กๆฝังใส่สมอง..และเราก็ไม่รู้..จึงสร้างเหตุ
ออกไปด้วยความไม่รู้..เพราะความเคยชิน..

แรงเหวี่ยงของกรรม..เกิดขึ้นเพราะอวิชชา :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ม.ค. 2015, 06:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: รสมน และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร