วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 04:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2015, 11:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s005 s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2015, 11:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
s005 s006 สติ เกิดขึ้นช่วงไหน ใน ปฏิจจสมุปบาท

ผัสสะ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2015, 16:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติเกิดก่อน อวิชชา ได้ไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2015, 16:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
สติเกิดก่อน อวิชชา ได้ไหมครับ

คนมีสติก็ย่อมไม่มีอวิชชา สติจึงเกิดก่อนอวิชชาไม่ได้
อวิชชาเป็นต้นทางการเกิดของสายปฏิจจสมุปบาท และก็ถูกขับเคลื่อนด้วยตัณหาอีก

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2015, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สติ เกิดขึ้นช่วงไหนในปฏิจจสมุปบาท


ขอยกบทธรรมบางส่วน


“......โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าแรกตรัสรู้ ประทับอยู่ ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์
ใกล้ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ในอุรุเวลาประเทศ ครั้งนั้น ทรงมนสิการปฏิจจสมุปบาท......


ตลอดปฐมยามแห่งราตรี ว่าดังนี้

......เพราะอวิชชานั่นแหละดับโดยไม่เหลือด้วยมรรค คือ วิราคะ สังขารจึงดับ
......เพราะสังขารดับ วิญญาณจึงดับ
......เพราะวิญญาณดับ นามรูปจึงดับ
......เพราะนามรูปดับ สฬายตนะจึงดับ
......เพราะสฬายตนะดับ ผัสสะจึงดับ
......เพราะผัสสะดับ เวทนาจึงดับ
......เพราะเวทนาดับ ตัณหาจึงดับ
......เพราะตัณหาดับ อุปาทานจึงดับ
......เพราะอุปาทานดับ ภพจึงดับ
......เพราะภพดับ ชาติจึงดับ
......เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส จึงดับ

เป็นอันว่า กองทุกข์ทั้งมวลนั่นย่อมดับ ด้วยประการฉะนี้......

......เมื่อใดแล ธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ เมื่อนั้น พราหมณ์นั้น
ย่อมกำจัดมารและเสนาเสียได้ ดุจพระอาทิตย์อุทัยทำอากาศให้สว่าง ฉะนั้น......”



ขอยกบทธรรมบางส่วนอีกบทหนึ่ง


“......ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุเป็นผู้มีสติอย่างไร

ภิกษุในธรรมวินัยนี้

......พิจารณาเห็นกายในกายอยู่
......พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
......พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่
......พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ พึงกำจัดอภิชฌา
และ โทมนัสในโลกเสียได้

......ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้มีสติอย่างนี้แล......”



คำตอบคือ ท่านเจ้าของกระทู้ ...... มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ เกิดขึ้นในช่วงไหน


......สติ ในปฏิจจสมุปบาท จะเกิดขึ้นในช่วงนั้น ./


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2015, 21:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
สติเกิดก่อน อวิชชา ได้ไหมครับ


หาก..สติ..สัมปชัญญะ..เกิดก่อน..อวิชชา..ไม่ได้ เราก็ออกจากวัฏฏะสงสารไม่ได้แน่..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2015, 23:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปได้ว่า สติจะเกิดช่วงไหนก็ได้ใช่ไหมครับ

เมื่อยังฝึกจนชำนานขึ้นเรื่อยๆ ปฎิจสมุปบาท ก็ไม่สามารถ หมุนเต็มรอบได้

s007


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2015, 10:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


"เราแสวงหานายช่างผู้สร้างเรือนคือตัณหา
เมื่อไม่พบ จึงต้องท่องเที่ยวไปตลอดชาติสังสารมิใช่น้อย
การเกิดบ่อยๆ เป็นทุกข์
ดูก่อน นายช่างผู้สร้างเรือนคือตัณหา
บัดนี้เราพบท่านแล้ว ท่านจักสร้างเรือนแก่เรามิได้อีก
โครงสร้างเรือนของท่าน เราก็หักเสียแล้ว
ยอดเรือนคือ อวิชชา เราก็รื้อออกแล้ว
จิตเราถึง วิสังขาร คือพระนิพพานอันปัจจัยปรุงแต่งไม่ได้อีกต่อไป
เพราะเราได้บรรลุธรรมอันเป็นที่สิ้นตัณหาแล้ว "

ข้อนี้ยกไว้เพื่อให้ผู้อ่านได้พิจารณากันต่อไป

ดังจะได้อุปมาปฏิจจสมุปบาทดังนี้ อวิชชาเหมือนโรงงานผู้ผลิตสินค้า
ตัณหาเปรียบเหมือนรถวิ่งเข้าวิ่งออกเพื่อนำสินค้าออกมาจำหน่าย
นักปฏิบัติก็เหมือนผู้บริโภคสินค้า เมื่อมองเห็นรถขนสินค้า คือตัณหาก็ย่อมมองรู้ได้ว่า
มันจะต้องมีโรงงานที่ผลิตสินค้าคืออวิชชา และการที่นักปฏิบัติจะหยุดตรงที่รถส่งสินค้า
คือตัณหานั้นไม่ได้ เพราะรถส่งสินค้ามันมีจำนวนมากหยุดคันนี้ คันนั้นก็วิ่งรับส่งได้ นักปฏิบัติ
จะต้องมุ่งตรงไปถึงโรงงานที่เป็นต้นทางผลิตส่งสินค้า เพื่อทำลายแหล่งผู้ผลิตสินค้าเสีย
ดังที่พระองค์ได้กล่าวไว้นั้นนั่นแล

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2015, 23:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิจจสมุปบาท : เป็นธรรมที่แสดงให้เห็นการที่จิตท่องไปในวัฏฏสงสาร ด้วยเหตุปัจจัยอย่างไร
ส่วน "สติ" เป็นอาการ หรือการปรุงแต่งจากจิต
V
ขณะที่จิต ไม่ฉลาดเป็นอกุศล สติ ก็เป็นมิจฉาสติ
ขณะที่จิต ฉลาดเป็นกุศล สติ ก็เป็นสัมมาสติ
V
จิตท่องไปในวัฏฏะสงสารไหลเลื่อนไปตามโลก ด้วยจิตเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง
V
หวังว่าคงเข้าใจ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
สติเกิดก่อน อวิชชา ได้ไหมครับ

ตราบใดที่ อวิชชายังปรากฏเป็นอนุสัยอยู่ในพื้นจิตอยู่
ตราบนั้น สัมมาสติ ก็ยังเกิดร่วมเกิดพร้อม อยู่กับอวิชชาครับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 15:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ส.ค. 2011, 13:22
โพสต์: 79


 ข้อมูลส่วนตัว


ในปัจจัยสังคหะนี้ มีการอุปการะอยู่ ๒ นัย คือ
๑. ปฏิจจสมุปบาทนัย
๒. ปัฏฐานนัย
นัยที่ ๑....... กาล ๓
อดีตกาล ๒ คือ
-อวิชชา
-สังขาร

ปัจจุบันกาล ๘ คือ
-วิญญาณ
-นามรูป
-สฬายตนะ
-ผัสสะ
-เวทนา
-ตัณหา
-อุปาทาน
-ภวะ

อนาคตกาล ๒ คือ
-ชาติ
-ชรามรณะ



นัยที่ ๒......องค์ ๑๒
อวิชชา สังขาร/ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา/ ตัณหา อุปาทาน ภวะ/ ชาติ ชรามรณะ
ภวะ มี 2 ส่วนคือ กัมมภวะ และอุปปัตติภวะ



นัยที่ ๓.....ประเภท ๒๐
อดีตเหตุ ๕
-อวิชชา
-สังขาร
-ตัณหา
-อุปาทาน
-กัมมภวะ

ปัจจุบันผล ๕
-วิญญาณ
-นามรูป
-สฬายตนะ
-ผัสสะ
-เวทนา

ปัจจุบันเหตุ ๕
-ตัณหา
-อุปาทาน
-กัมมภวะ
-อวิชชา
-สังขาร

อนาคตผล ๕
-วิญญาณ
-นามรูป
-สฬายตนะ
-ผัสสะ
-เวทนา
สรุป ว่า สติ เกิดในปัจจุบัน มั่งครับถ้าดูตามพระอภิธรรม ลุงหมาน ชี้แจงต่อนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อผัสสะเกิด

รู้เท่าทันต่อผัสสะที่กำลังเกิดขึ้น สติย่อมมีเกิดขึ้น ขณะนั้นๆ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2015, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ช่วงนี้ภาวนาจนเห็นแต่ความว่างแต่ไม่ได้กลวงนะเจ้าค่ะ :b32: จนไม่เห็น...
กระบวนเกิดเกิดขึ้นของทุกข์และดับไปของทุกข์
ของสายปฏิจสมุปปบาท...
ขออธิบายสภาวะจากการรู้ด้วยสัญญา (ที่เคยปฏิบัติและเคยเกิดมาครั้งก่อนๆ)

คือส่วนตัวคุนน้องสติ เกิดตอนที่วิญญาณไปรู้ชัดในผัสสะ +เวทนา+สังขาร (คือมันเกิดขึ้นเร็วจนแยกไม่ออกว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลัง รู้แต่ว่า รู้ชัดในผัสสะ เวทนา สังขาร) ตรงจุดนี้ขอแยกเป็น สัมมาสติ กับ มิจฉาสติ..
ถ้าสัมมาสติรู้ชัดใน ผัสสะ เวทนา สังขาร โสภณเจตสิตเกิด จะกำหนดรู้ธรรม และโยนิโส จนเห็นการดับไปของธรรมที่ปรากฏ ตรงนี้จัดเป็นวิชชา

ถ้ามิจฉาสติรู้ชัดใน ผัสสะ เวทนา สังขาร และในขณะเดียวกันโสภณเจตสิกกำลังอ่อนกว่า อกุศลเจตสิกที่มีกำลังแรงกว่า เมื่อกำหนดรู้ไม่ทัน ขาดการพิจารณาธรรม ก็เป็น อโยนิโส ไม่พิจารณา เหตุและผลให้แยบคายเสียก่อน แต่เกิดอุปทาน ตัณหา
สายปฏิจก็หมุนวน1รอบ ทำให้การเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์....เพราะมีอวิชาเป็นเหตุปัจจัย

คุนน้องอธิบายจากประสบการณ์ของตนเองเจ้าค่ะ
ผิดถูกยังไงก็ขออภัย คุนน้องก็ฝึกฝนตนอยู่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อกัลยามิตรทั้งหลายเจ้าค่ะ :b40:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2015, 08:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
ช่วงนี้ภาวนาจนเห็นแต่ความว่างแต่ไม่ได้กลวงนะเจ้าค่ะ :b32: จนไม่เห็น...
กระบวนเกิดเกิดขึ้นของทุกข์และดับไปของทุกข์
ของสายปฏิจสมุปปบาท...
ขออธิบายสภาวะจากการรู้ด้วยสัญญา (ที่เคยปฏิบัติและเคยเกิดมาครั้งก่อนๆ)

คือส่วนตัวคุนน้องสติ เกิดตอนที่วิญญาณไปรู้ชัดในผัสสะ +เวทนา+สังขาร (คือมันเกิดขึ้นเร็วจนแยกไม่ออกว่าอะไรเกิดก่อนเกิดหลัง รู้แต่ว่า รู้ชัดในผัสสะ เวทนา สังขาร) ตรงจุดนี้ขอแยกเป็น สัมมาสติ กับ มิจฉาสติ..
ถ้าสัมมาสติรู้ชัดใน ผัสสะ เวทนา สังขาร โสภณเจตสิตเกิด จะกำหนดรู้ธรรม และโยนิโส จนเห็นการดับไปของธรรมที่ปรากฏ ตรงนี้จัดเป็นวิชชา

ถ้ามิจฉาสติรู้ชัดใน ผัสสะ เวทนา สังขาร และในขณะเดียวกันโสภณเจตสิกกำลังอ่อนกว่า อกุศลเจตสิกที่มีกำลังแรงกว่า เมื่อกำหนดรู้ไม่ทัน ขาดการพิจารณาธรรม ก็เป็น อโยนิโส ไม่พิจารณา เหตุและผลให้แยบคายเสียก่อน แต่เกิดอุปทาน ตัณหา
สายปฏิจก็หมุนวน1รอบ ทำให้การเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์....เพราะมีอวิชาเป็นเหตุปัจจัย

คุนน้องอธิบายจากประสบการณ์ของตนเองเจ้าค่ะ
ผิดถูกยังไงก็ขออภัย คุนน้องก็ฝึกฝนตนอยู่ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อกัลยามิตรทั้งหลายเจ้าค่ะ :b40:


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2015, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.ย. 2013, 06:03
โพสต์: 95

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ คุณเปลี่ยนชื่อใหม่


จากคำถามของคุณ ......สรุปได้ว่า สติจะเกิดช่วงไหนก็ได้ใช่ไหมครับ


คำตอบของผมคือ สติ หมายถึง ความระลึกได้



เมื่อมีความระลึกได้ว่า อวิชชาเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่อวิชชา

เมื่อมีความระลึกได้ว่า สังขารเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่สังขาร

เมื่อมีความระลึกได้ว่า วิญญาณเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่วิญญาณ

เมื่อมีความระลึกได้ว่า นามรูปเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่นามรูป

เมื่อมีความระลึกได้ว่า สฬายตนะเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่สฬายตนะ

เมื่อมีความระลึกได้ว่า ผัสสะเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่ผัสสะ

เมื่อมีความระลึกได้ว่า เวทนาเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่เวทนา

เมื่อมีความระลึกได้ว่า ตัณหาเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่ตัณหา

เมื่อมีความระลึกได้ว่า อุปาทานเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่อุปาทาน

เมื่อมีความระลึกได้ว่า ภพเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่ภพ

เมื่อมีความระลึกได้ว่า ชาติเกิดขึ้นแล้ว สติอยู่ที่ชาติ

เมื่อมีความระลึกได้ว่า ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส เกิดขึ้นแล้ว
สติอยู่ที่ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส



สรุปได้ว่า คุณมีสติ คือ มีความระลึกได้เกิดขึ้นอย่างไร สติเกิดขึ้นพร้อมกับความระลึกได้
ของคุณครับ ./


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 35 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร