วันเวลาปัจจุบัน 22 ก.ค. 2025, 21:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 34, 35, 36, 37, 38, 39, 40 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 04:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 05:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
...

ราชสีห์ โง่

กะ

ราชสีห์ ไม่โง่

ความโง่มันปรากฎที่ไหนก็ดับที่นั่น

อวิชชาปรากฏที่ไหนก็ดับที่นั่น

อวิชชาปรากฎที่ไหน ความเห็นผิดก็ปรากฎที่นั้น

:b1:

แค่ ประเด็นเดียว มองกันไปได้ต่าง ๆ นานา

ในทางพุทธ ต้นเหตุคือ อุปทานขันธ์ 5 แก้ที่ตรงนี้
ไม่ได้ต้องไปแก้ที่ ตรงอื่นเลย...

....

ถ้าติดตามพิจารณาธรรมอยู่เนือง ๆ ในเรื่อง ปัจจยการ
สิ่งที่เป็นปัจจการที่ควรแก่การพิจารณา ก็ ธาตุ4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6
ถ้ารู้แจ้งแทงใน ธาตุ 4 ขันธ์ 5 อายตนะ 6

ก็ไม่ต้องไปอะไรกับนายพรานเลย

:b1:

:b12: :b12: :b12: :b31: :b13:
555555555
คิดตามตำราอีกแล้วๆ นี่แหละหนาผู้ที่ไม่สามารถทิ้งวิชาการได้ จึงคิดแต่การใหญ่ทั้งๆที่กำลังยังน้อย

เอก้อนต้องกลับไปดูลำดับของการขุดถอนสังโยชน์ 10. มาประกอบการพิจารณาเรื่องที่เอก้อนพูดอีกคนหนึ่งแล้ว


ทำไมต้องอ้อมค้อมไปไกลดุจสิงห์โตถูกศรยิง แล้วมัวไปคิดวิธีถอนลูกศร วิ่งไปหายามาทาบรรเทาเจ็บจากลูกศร ทำอย่างนี้นายพรานก็หนีกลับไปนอนบ้านแล้วก็หาเวลามายิงศรใส่สิงห์โตหรือราชสีห์โง่ตัวนี้ให้เจ็บอยู่ร่ำไปไม่สิ้นสุด
ดีไม่ดีราชสีห์อาจต้องตายเพราะคมศรไปเสียก่อนหมดโอกาสที่จะฆ่านายพรานได้ในปัจจุบันชาตินี้

ในสังโยชน์ 10 เป้าหมายแรกของการถอนเหตุทุกข์คือ สักกายทิฏฐิ ผู้เป็นพ่อของตัณหาเป็นปู่เป็นตาของกิเลสทั้งปวง ถ้าฆ่าพ่อมันตาย วิจิกิจฉาอันเป็นดุจแม่ของตัณหาและย่ายายของกิเลสก็จะตายตามทันทีเหมือนนกเงือก ที่ถ้าผัวตายเมียจะตายตามเมียตายผัวก็ตายตามเช่นกัน

เมื่อฆ่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายของตัณหาและกิเลสตายไปแล้วเช่นนี้ก็หมดผู้ที่จะหาอาหารมาคอยเลี้ยงตัณหาทั้ง108และกิเลสทั้ง 1,500 ทีนี้การจะฆ่าและขุดถอนอนุสัยและสังโยชน์ที่เหลือทั้งหมดก็กลายเป็นเรื่องที่ง่ายใช้กำลังไม่มาก
ไม่เหนื่อยยากอะไร

อวิชชา เป็นสังโยชน์ตัวสุดท้ายที่จะขุดถอนได้ด้วยอรหัตมรรคโน้นเชียวนะ
เอก้อน กบ. อวิชชานี้เป็นเปรียบเหมือนปู่ทวดและผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพกิเลสตัณหาเลยนะ นักวิชาการตัวเล็กๆเรี่ยวแรงยังน้อยอยู่อย่างกบและเอก้อนจะหาญบุกไปฆ่าหมายตาที่แม่ทัพใหญ่ของกิเลส ตัณหา อัตตาเลยนี่ จะไปเข้าตำราที่ว่า "ไม่ประมาณตน". คนลืมตัวนะครับ


เชื่อพระพุทธเจ้า อย่าทำตัวเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเพราะพระพุทธองค์เองเมื่อทรงเริ่มสอนธรรมวันแรกและ 5. วันหลังแก่ปัญจวัคคีย์ พระองค์ก็ทรงชี้ทางสายกลางก่อนแล้วสอนกฏของเหตุและผลจนเข้าใจในวันแรก ส่วน 5 วันหลังพระองค์ทรงเน้นสอนเรื่อง อนัตตา หรือวิชาฆ่าสักกายทิฏฐิ มานะทิฏฐิ มิได้ทรงสอนเรื่องอาสวะหรือการทำลายอวิชชาทันทีเลย

อโศกะเคารพพระพุทธเจ้าและบูชาไว้สูงสุดจึงทำตามรอยเท้ารอยบาทวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงทำตั้งแต่วันแรกๆ จึงมาย้ำแล้วย้ำอีก ในเรื่อง อนัตตา และอัตตา สาเหตุแห่งทุกข์ที่ค้นหาง่ายทำลายได้เร็วก่อนเพื่อน

จำไว้ให้ดีๆกันว่า ทำลายอัตตาสักกายทิฏฐิให้ได้ก่อนสิ่งใดทั้งหมด ก็จะได้นั่งแท่นทางธรรม มีหลักประกันมีความเที่ยงแท้แน่นอนที่จะได้เข้านิพพานอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาไม่เกิน 7. ชาติ หลังจากนั้นงานขุดถอนสังโยชน์ ตัณหา อวิชชาทั้งหลายก็จะเป็นงานที่ง่ายๆสบายๆไปทั้งหมด

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 06:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตลอด...
อะไรอะไรก็ว่าคนอื่นลอกตำรา.. :b9: :b9:

ส่วนตัวเอง...ตรงไหนยังทำไม่ถึง...ก็แอบไปจำมาจากตำรา..กลับไม่หยั่กกะพูดถึง

ไปจำจากตำราไม่พอ....ยังไปเปลี่ยนคำตามจิตนาการของตนอีก...

พุดโธ้....

ชอบเปลี่ยน..จนติดเป็นนิสัย...

ระวังนะ....ทำไปทำมาพลาดท่ากลายไปเป็นบิดเบือนพระธรรม...กล่าวตู่คำพระพุทธองค์แล้วละก้อ...อริยะทรัพย์ที่เข้าใจว่าได้แล้วนั้นนะ...จะกลายเป็นหมั่น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 06:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ตลอด...
อะไรอะไรก็ว่าคนอื่นลอกตำรา.. :b9: :b9:

ส่วนตัวเอง...ตรงไหนยังทำไม่ถึง...ก็แอบไปจำมาจากตำรา..กลับไม่หยั่กกะพูดถึง

ไปจำจากตำราไม่พอ....ยังไปเปลี่ยนคำตามจิตนาการของตนอีก...

พุดโธ้....

ชอบเปลี่ยน..จนติดเป็นนิสัย...

ระวังนะ....ทำไปทำมาพลาดท่ากลายไปเป็นบิดเบือนพระธรรม...กล่าวตู่คำพระพุทธองค์แล้วละก้อ...อริยะทรัพย์ที่เข้าใจว่าได้แล้วนั้นนะ...จะกลายเป็นหมั่น

:b12:
ไม่ลอกมาพูดทั้งดุ้นอย่างใครๆหรอกนะกบ

เอาความรู้ในตำราไปพิสูจน์จนหนำใจแล้วถึงมาพูดมาแชร์สู่กันฟัง. กบยังไม่คุ้นเคยเองจึงแปร่งหู

พิสูจน์ธรรมไปด้วยเรื่อยๆอีกหน่อยกบก็จะถึงบางอ้อเองหรอกนะ

:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 06:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สมัยก่อน ๆ ...บางอย่างกระผมก็เป็นอย่างอโสกะ..คือ...ไม่ชอบพูดตามตำรา..มักจะพูดเฉพาะเรื่องที่ตนเข้าใจได้(คิดว่าเข้าใจ...แต่ไม่เซียนขนาดอโสกะ..พูดแบบนี้.. :b32: )...แล้วยังมีอคติคนที่พูดตามตำรา..หรือนำคำในตำรามาพูด...

(คือไม่ชอบลอกใคร..กิเลสมันชอบของของตัวเอง ..ชอบของตัวเอง...ชอบตัวเอง... :b9: )

:b32: :b32: :b32:

ก็เลยพอจะรู้สึกได้ว่า...ทำไมอโสกะจึงชอบพูดว่าใครต่อใครว่า..ลอกตำรา..เอาแต่ตำรามาพูด..:b12:

จึงอยากจะเตือนเพื่อนที่พอจะดีได้ด้วยความหวังดี...คุณอาจปรามาสอริยะชน..ปรามาสธรรมของอริยะ..โดยไม่รู้ตัวได้นะเพราะบางคน...ชอบใช้คำพระองค์แทนความรู้สึกของตน...ไม่ชอบใช้คำตน..เพราะเห็นว่าคำของพระองค์สวยงามหมดจรด...ไร้ข้อตำนิอย่างสิ้นเชิง...จะไม่เหมือนคำพูดของตัวเองที่กระด่างกระดำ... :b9:

ดังนั้น..ให้ระวัง....อย่าพูดว่าคนอื่นลอกตำรามาพูด...

แม้คนคนนั้นจะลอกตำรามาพูดจริง ๆ ..ไม่ได้มีธรรมอะไรในตน..ก็ไม่ควรพูดว่าเขาลอกตำรามาพูด...จะกลายเป็นหมิ่นพระธรรมไปเสียอีก...ผิดชั้นที่สอง(ไม่รู้ว่าจะหมิ่นผู้อื่นไปทำไมกันหนักกันหน่า...ระงับกิเลสใว้ในใจไม่ค่อยได้.. :b5: :b5: )


(จริง ๆ ก็อยากจะบอกว่าจะเตือนตรง ๆ นั้นแหละ...แต่มานะทิฏฐิสูงไป...ยศ..หัวโขนที่ได้รับ..คำสรรเสริญ...จากคนรอบข้าง...มันดันความภูมิใจจนสูงลิ้ว...แต่ก็แก้ได้นะ )


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 04 ต.ค. 2015, 07:11, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 07:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

:b12:
ไม่ลอกมาพูดทั้งดุ้นอย่างใครๆหรอกนะกบ

เอาความรู้ในตำราไปพิสูจน์จนหนำใจแล้วถึงมาพูดมาแชร์สู่กันฟัง. กบยังไม่คุ้นเคยเองจึงแปร่งหู

พิสูจน์ธรรมไปด้วยเรื่อยๆอีกหน่อยกบก็จะถึงบางอ้อเองหรอกนะ

:b38:


แค่การเข้าใจว่า..ยินร้าย..คือ..พยาบาท..นี้ก็แย่แล้ว...ครับ

ยินร้าย....หลังผัสสะนี้..มันแค่แว๊ป..แว๊ป...ไม่ชอบแว๊ปแว๊ป..
ถ้าปรุงมันต่อ.(มันว่าเรา...มันดีสเครดิตเรา...มันดูถูกเรา ฯลฯ).....หลายๆรอบเข้า...ก็จะกลายเป็นโกรธได้...(ในกรณีโทสะจริต..คือชำนาญในการโกรธ..ปรุงแว๊ปก็โกรธแล้ว)

พอโกรธแล้วก็ยังปรุงไม่หยุดอีก (มันว่าเรา...มันดีสเครดิตเรา...มันดูถูกเรา ฯลฯ)...จนรู้สึกว่าถ้าเจอกันอีกจะช่ะสักที..นี้พยาบาทแล้ว...คือผูกโกรธเอาใว้ไม่ปล่อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สมัยก่อน ๆ ...บางอย่างกระผมก็เป็นอย่างอโสกะ..คือ...ไม่ชอบพูดตามตำรา..มักจะพูดเฉพาะเรื่องที่ตนเข้าใจได้(คิดว่าเข้าใจ...แต่ไม่เซียนขนาดอโสกะ..พูดแบบนี้.. :b32: )...แล้วยังมีอคติคนที่พูดตามตำรา..หรือนำคำในตำรามาพูด...

(คือไม่ชอบลอกใคร..กิเลสมันชอบของของตัวเอง ..ชอบของตัวเอง...ชอบตัวเอง... :b9: )

:b32: :b32: :b32:

ก็เลยพอจะรู้สึกได้ว่า...ทำไมอโสกะจึงชอบพูดว่าใครต่อใครว่า..ลอกตำรา..เอาแต่ตำรามาพูด..:b12:

จึงอยากจะเตือนเพื่อนที่พอจะดีได้ด้วยความหวังดี...คุณอาจปรามาสอริยะชน..ปรามาสธรรมของอริยะ..โดยไม่รู้ตัวได้นะเพราะบางคน...ชอบใช้คำพระองค์แทนความรู้สึกของตน...ไม่ชอบใช้คำตน..เพราะเห็นว่าคำของพระองค์สวยงามหมดจรด...ไร้ข้อตำนิอย่างสิ้นเชิง...จะไม่เหมือนคำพูดของตัวเองที่กระด่างกระดำ... :b9:

ดังนั้น..ให้ระวัง....อย่าพูดว่าคนอื่นลอกตำรามาพูด...

แม้คนคนนั้นจะลอกตำรามาพูดจริง ๆ ..ไม่ได้มีธรรมอะไรในตน..ก็ไม่ควรพูดว่าเขาลอกตำรามาพูด...จะกลายเป็นหมิ่นพระธรรมไปเสียอีก...ผิดชั้นที่สอง(ไม่รู้ว่าจะหมิ่นผู้อื่นไปทำไมกันหนักกันหน่า...ระงับกิเลสใว้ในใจไม่ค่อยได้.. :b5: :b5: )


(จริง ๆ ก็อยากจะบอกว่าจะเตือนตรง ๆ นั้นแหละ...แต่มานะทิฏฐิสูงไป...ยศ..หัวโขนที่ได้รับ..คำสรรเสริญ...จากคนรอบข้าง...มันดันความภูมิใจจนสูงลิ้ว...แต่ก็แก้ได้นะ )

ถ้าชอบตำาาก็ควรเลิกท่องคาถาเรียกเงินซะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 07:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


สำนักใด..สั่งสอนให้ศาสนิกตนเกิดปฏิฆะ..สะสมในใจของศาสนิก...สำนักนั้นสอนอธรรม

แม้ยกธรรมา...ก็ยกมาเพื่ออธรรมในตน..ไม่ได้ยกมาเพื่อโลกุตระ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 09:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.ค. 2009, 22:19
โพสต์: 271

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
สำนักใด..สั่งสอนให้ศาสนิกตนเกิดปฏิฆะ..สะสมในใจของศาสนิก...สำนักนั้นสอนอธรรม

แม้ยกธรรมา...ก็ยกมาเพื่ออธรรมในตน..ไม่ได้ยกมาเพื่อโลกุตระ..

มีสำนักไหนบ้างล่ะกบ. พอยกตัวอย่างบ้างได้มั้ย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 11:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ดูที่ลูกศิษย์ลูกหา...เอาก็แล้วกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 12:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ให้ดูที่ลูกศิษย์ลูกหา...เอาก็แล้วกัน

ก็พอเห็นอยู่. มีคนที่พยาบาทที่จะแช่งคนอยู่น้า!

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 13:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

:b12: :b12: :b12: :b31: :b13:
555555555

คิดตามตำราอีกแล้วๆ นี่แหละหนาผู้ที่ไม่สามารถทิ้งวิชาการได้ จึงคิดแต่การใหญ่ทั้งๆที่กำลังยังน้อย

เอก้อนต้องกลับไปดูลำดับของการขุดถอนสังโยชน์ 10. มาประกอบการพิจารณาเรื่องที่เอก้อนพูดอีกคนหนึ่งแล้ว


ทำไมต้องอ้อมค้อมไปไกลดุจสิงห์โตถูกศรยิง แล้วมัวไปคิดวิธีถอนลูกศร วิ่งไปหายามาทาบรรเทาเจ็บจากลูกศร ทำอย่างนี้นายพรานก็หนีกลับไปนอนบ้านแล้วก็หาเวลามายิงศรใส่สิงห์โตหรือราชสีห์โง่ตัวนี้ให้เจ็บอยู่ร่ำไปไม่สิ้นสุด

ดีไม่ดีราชสีห์อาจต้องตายเพราะคมศรไปเสียก่อนหมดโอกาสที่จะฆ่านายพรานได้ในปัจจุบันชาตินี้

ในสังโยชน์ 10 เป้าหมายแรกของการถอนเหตุทุกข์คือ สักกายทิฏฐิ ผู้เป็นพ่อของตัณหาเป็นปู่เป็นตาของกิเลสทั้งปวง ถ้าฆ่าพ่อมันตาย วิจิกิจฉาอันเป็นดุจแม่ของตัณหาและย่ายายของกิเลสก็จะตายตามทันทีเหมือนนกเงือก ที่ถ้าผัวตายเมียจะตายตามเมียตายผัวก็ตายตามเช่นกัน

เมื่อฆ่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายของตัณหาและกิเลสตายไปแล้วเช่นนี้ก็หมดผู้ที่จะหาอาหารมาคอยเลี้ยงตัณหาทั้ง108และกิเลสทั้ง 1,500 ทีนี้การจะฆ่าและขุดถอนอนุสัยและสังโยชน์ที่เหลือทั้งหมดก็กลายเป็นเรื่องที่ง่ายใช้กำลังไม่มาก
ไม่เหนื่อยยากอะไร

อวิชชา เป็นสังโยชน์ตัวสุดท้ายที่จะขุดถอนได้ด้วยอรหัตมรรคโน้นเชียวนะ
เอก้อน กบ. อวิชชานี้เป็นเปรียบเหมือนปู่ทวดและผู้บัญชาการใหญ่ของกองทัพกิเลสตัณหาเลยนะ นักวิชาการตัวเล็กๆเรี่ยวแรงยังน้อยอยู่อย่างกบและเอก้อนจะหาญบุกไปฆ่าหมายตาที่แม่ทัพใหญ่ของกิเลส ตัณหา อัตตาเลยนี่ จะไปเข้าตำราที่ว่า "ไม่ประมาณตน". คนลืมตัวนะครับ


เชื่อพระพุทธเจ้า อย่าทำตัวเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเพราะพระพุทธองค์เองเมื่อทรงเริ่มสอนธรรมวันแรกและ 5. วันหลังแก่ปัญจวัคคีย์ พระองค์ก็ทรงชี้ทางสายกลางก่อนแล้วสอนกฏของเหตุและผลจนเข้าใจในวันแรก ส่วน 5 วันหลังพระองค์ทรงเน้นสอนเรื่อง อนัตตา หรือวิชาฆ่าสักกายทิฏฐิ มานะทิฏฐิ มิได้ทรงสอนเรื่องอาสวะหรือการทำลายอวิชชาทันทีเลย

อโศกะเคารพพระพุทธเจ้าและบูชาไว้สูงสุดจึงทำตามรอยเท้ารอยบาทวิธีที่พระพุทธเจ้าทรงทำตั้งแต่วันแรกๆ จึงมาย้ำแล้วย้ำอีก ในเรื่อง อนัตตา และอัตตา สาเหตุแห่งทุกข์ที่ค้นหาง่ายทำลายได้เร็วก่อนเพื่อน

จำไว้ให้ดีๆกันว่า ทำลายอัตตาสักกายทิฏฐิให้ได้ก่อนสิ่งใดทั้งหมด ก็จะได้นั่งแท่นทางธรรม มีหลักประกันมีความเที่ยงแท้แน่นอนที่จะได้เข้านิพพานอย่างสมบูรณ์ภายในเวลาไม่เกิน 7. ชาติ หลังจากนั้นงานขุดถอนสังโยชน์ ตัณหา อวิชชาทั้งหลายก็จะเป็นงานที่ง่ายๆสบายๆไปทั้งหมด

onion


:b32:

:b1: ...

ขันธ์ 5 กับ อุปทานขันธ์ 5

ดูท่านอโศกะยังมองไม่ออกนะ

:b1: :b1: :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 19:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

:b12:
ไม่ลอกมาพูดทั้งดุ้นอย่างใครๆหรอกนะกบ

เอาความรู้ในตำราไปพิสูจน์จนหนำใจแล้วถึงมาพูดมาแชร์สู่กันฟัง. กบยังไม่คุ้นเคยเองจึงแปร่งหู

พิสูจน์ธรรมไปด้วยเรื่อยๆอีกหน่อยกบก็จะถึงบางอ้อเองหรอกนะ

:b38:


แค่การเข้าใจว่า..ยินร้าย..คือ..พยาบาท..นี้ก็แย่แล้ว...ครับ

ยินร้าย....หลังผัสสะนี้..มันแค่แว๊ป..แว๊ป...ไม่ชอบแว๊ปแว๊ป..
ถ้าปรุงมันต่อ.(มันว่าเรา...มันดีสเครดิตเรา...มันดูถูกเรา ฯลฯ).....หลายๆรอบเข้า...ก็จะกลายเป็นโกรธได้...(ในกรณีโทสะจริต..คือชำนาญในการโกรธ..ปรุงแว๊ปก็โกรธแล้ว)

พอโกรธแล้วก็ยังปรุงไม่หยุดอีก (มันว่าเรา...มันดีสเครดิตเรา...มันดูถูกเรา ฯลฯ)...จนรู้สึกว่าถ้าเจอกันอีกจะช่ะสักที..นี้พยาบาทแล้ว...คือผูกโกรธเอาใว้ไม่ปล่อย

:b16:
ดูหน่อยนะกบนะว่าพยาบาทนิวรณ์นั้นมันขนาดไหนบ้าง ไม่ได้ร้ายสุดๆอย่างที่กบคิดหรอกนะ

นิวรณ์ข้อพยาบาท
›››››
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศวิหาร
คัดจากเทปธรรมอบรมจิต ข้อความสมบูรณ์
อณิศร โพธิทองคำ บรรณาธิการ
]
บัดนี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม
อันตรายแห่งการปฏิบัติสมาธิก็คือนิวรณ์ ที่แปลว่ากิเลสเป็นเครื่องกั้นจิตไว้ ทำไม่ให้ได้สมาธิ ไม่ให้ได้ปัญญา และนิวรณ์ข้อที่ ๑ คือกามฉันท์ความพอใจรักใคร่ในกามได้แสดงแล้ว ในวันนี้จะแสดงข้อที่ ๒ คือพยาบาท
คำว่าพยาบาทนั้นในที่นี้มีความหมายถึง ทั้ง ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ โกธะ ความโกรธ โทสะ ความประทุษร้ายใจ และพยาบาท คือความปองร้าย ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ คือหมายรวมถึงกิเลสกองโทสะทั้งหมด
แต่ว่าชื่อของกิเลสกองโทสะดังที่กล่าวมานี้มีลักษณะที่ต่างกัน ตั้งแต่อย่างอ่อน จนถึงอย่างหยาบช้ากล้าแข็ง ที่เป็นอย่างอ่อนเป็นเบื้องต้น ก็ได้แก่ปฏิฆะคือความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ อันเนื่องมาจากความประสบกับอนิษฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาทั้งหลาย เช่นว่า ทราบว่าคนนั้นคนนี้นินทาว่าร้าย ได้ยินคนนั้นคนนี้ด่าว่า ได้ถูกคนนั้นคนนี้ประหัตประหาร ประทุษร้ายร่างกาย ได้ถูกคนนั้นคนนี้เอาชนะ ได้ถูกคนนั้นคนนี้ลักขโมยสิ่งของ ดั่งนี้เป็นต้น

onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

:b12:
ไม่ลอกมาพูดทั้งดุ้นอย่างใครๆหรอกนะกบ

เอาความรู้ในตำราไปพิสูจน์จนหนำใจแล้วถึงมาพูดมาแชร์สู่กันฟัง. กบยังไม่คุ้นเคยเองจึงแปร่งหู

พิสูจน์ธรรมไปด้วยเรื่อยๆอีกหน่อยกบก็จะถึงบางอ้อเองหรอกนะ

:b38:


แค่การเข้าใจว่า..ยินร้าย..คือ..พยาบาท..นี้ก็แย่แล้ว...ครับ

ยินร้าย....หลังผัสสะนี้..มันแค่แว๊ป..แว๊ป...ไม่ชอบแว๊ปแว๊ป..
ถ้าปรุงมันต่อ.(มันว่าเรา...มันดีสเครดิตเรา...มันดูถูกเรา ฯลฯ).....หลายๆรอบเข้า...ก็จะกลายเป็นโกรธได้...(ในกรณีโทสะจริต..คือชำนาญในการโกรธ..ปรุงแว๊ปก็โกรธแล้ว)

พอโกรธแล้วก็ยังปรุงไม่หยุดอีก (มันว่าเรา...มันดีสเครดิตเรา...มันดูถูกเรา ฯลฯ)...จนรู้สึกว่าถ้าเจอกันอีกจะช่ะสักที..นี้พยาบาทแล้ว...คือผูกโกรธเอาใว้ไม่ปล่อย


asoka เขียน:
:b16:
ดูหน่อยนะกบนะว่าพยาบาทนิวรณ์นั้นมันขนาดไหนบ้าง ไม่ได้ร้ายสุดๆอย่างที่กบคิดหรอกนะ

นิวรณ์ข้อพยาบาท
›››››
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศวิหาร
คัดจากเทปธรรมอบรมจิต ข้อความสมบูรณ์
อณิศร โพธิทองคำ บรรณาธิการ
]
บัดนี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม
อันตรายแห่งการปฏิบัติสมาธิก็คือนิวรณ์ ที่แปลว่ากิเลสเป็นเครื่องกั้นจิตไว้ ทำไม่ให้ได้สมาธิ ไม่ให้ได้ปัญญา และนิวรณ์ข้อที่ ๑ คือกามฉันท์ความพอใจรักใคร่ในกามได้แสดงแล้ว ในวันนี้จะแสดงข้อที่ ๒ คือพยาบาท
คำว่าพยาบาทนั้นในที่นี้มีความหมายถึง ทั้ง ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ โกธะ ความโกรธ โทสะ ความประทุษร้ายใจ และพยาบาท คือความปองร้าย ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ คือหมายรวมถึงกิเลสกองโทสะทั้งหมด
แต่ว่าชื่อของกิเลสกองโทสะดังที่กล่าวมานี้มีลักษณะที่ต่างกัน ตั้งแต่อย่างอ่อน จนถึงอย่างหยาบช้ากล้าแข็ง ที่เป็นอย่างอ่อนเป็นเบื้องต้น ก็ได้แก่ปฏิฆะคือความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ อันเนื่องมาจากความประสบกับอนิษฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาทั้งหลาย เช่นว่า ทราบว่าคนนั้นคนนี้นินทาว่าร้าย ได้ยินคนนั้นคนนี้ด่าว่า ได้ถูกคนนั้นคนนี้ประหัตประหาร ประทุษร้ายร่างกาย ได้ถูกคนนั้นคนนี้เอาชนะ ได้ถูกคนนั้นคนนี้ลักขโมยสิ่งของ ดั่งนี้เป็นต้น

onion


อโสกะคิดว่า....โสดาบันยังมีคิดความปองร้าย...ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ...ใครๆ อยู่อีกมั้ยละ?

ยินร้าย...โกรธ..พยาบาท...เป็นโทสะจากน้อยไปหามาก...เป็นพวกเดียวกันแต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน...

แค่นี้ยังไม่เข้าอีกหรือ..คับ

โสดาบัน..จะยินร้ายอยู่..ยังมีโกรธอยู่....แต่ไม่พยาบาท..คับผม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ต.ค. 2015, 20:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:

:b12:
ไม่ลอกมาพูดทั้งดุ้นอย่างใครๆหรอกนะกบ

เอาความรู้ในตำราไปพิสูจน์จนหนำใจแล้วถึงมาพูดมาแชร์สู่กันฟัง. กบยังไม่คุ้นเคยเองจึงแปร่งหู

พิสูจน์ธรรมไปด้วยเรื่อยๆอีกหน่อยกบก็จะถึงบางอ้อเองหรอกนะ

:b38:


แค่การเข้าใจว่า..ยินร้าย..คือ..พยาบาท..นี้ก็แย่แล้ว...ครับ

ยินร้าย....หลังผัสสะนี้..มันแค่แว๊ป..แว๊ป...ไม่ชอบแว๊ปแว๊ป..
ถ้าปรุงมันต่อ.(มันว่าเรา...มันดีสเครดิตเรา...มันดูถูกเรา ฯลฯ).....หลายๆรอบเข้า...ก็จะกลายเป็นโกรธได้...(ในกรณีโทสะจริต..คือชำนาญในการโกรธ..ปรุงแว๊ปก็โกรธแล้ว)

พอโกรธแล้วก็ยังปรุงไม่หยุดอีก (มันว่าเรา...มันดีสเครดิตเรา...มันดูถูกเรา ฯลฯ)...จนรู้สึกว่าถ้าเจอกันอีกจะช่ะสักที..นี้พยาบาทแล้ว...คือผูกโกรธเอาใว้ไม่ปล่อย


asoka เขียน:
:b16:
ดูหน่อยนะกบนะว่าพยาบาทนิวรณ์นั้นมันขนาดไหนบ้าง ไม่ได้ร้ายสุดๆอย่างที่กบคิดหรอกนะ

นิวรณ์ข้อพยาบาท
›››››
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
วัดบวรนิเวศวิหาร
คัดจากเทปธรรมอบรมจิต ข้อความสมบูรณ์
อณิศร โพธิทองคำ บรรณาธิการ
]
บัดนี้ จักแสดงธรรมะเป็นเครื่องอบรมในการปฏิบัติอบรมจิต ในเบื้องต้นก็ขอให้ทุกๆ ท่านตั้งใจนอบน้อมนมัสการ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ตั้งใจถึงพระองค์พร้อมทั้งพระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ ตั้งใจสำรวมกายวาจาใจให้เป็นศีล ทำสมาธิในการฟัง เพื่อให้ได้ปัญญาในธรรม
อันตรายแห่งการปฏิบัติสมาธิก็คือนิวรณ์ ที่แปลว่ากิเลสเป็นเครื่องกั้นจิตไว้ ทำไม่ให้ได้สมาธิ ไม่ให้ได้ปัญญา และนิวรณ์ข้อที่ ๑ คือกามฉันท์ความพอใจรักใคร่ในกามได้แสดงแล้ว ในวันนี้จะแสดงข้อที่ ๒ คือพยาบาท
คำว่าพยาบาทนั้นในที่นี้มีความหมายถึง ทั้ง ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ โกธะ ความโกรธ โทสะ ความประทุษร้ายใจ และพยาบาท คือความปองร้าย ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ คือหมายรวมถึงกิเลสกองโทสะทั้งหมด
แต่ว่าชื่อของกิเลสกองโทสะดังที่กล่าวมานี้มีลักษณะที่ต่างกัน ตั้งแต่อย่างอ่อน จนถึงอย่างหยาบช้ากล้าแข็ง ที่เป็นอย่างอ่อนเป็นเบื้องต้น ก็ได้แก่ปฏิฆะคือความกระทบกระทั่งใจ ความขัดใจ อันเนื่องมาจากความประสบกับอนิษฐารมณ์ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาทั้งหลาย เช่นว่า ทราบว่าคนนั้นคนนี้นินทาว่าร้าย ได้ยินคนนั้นคนนี้ด่าว่า ได้ถูกคนนั้นคนนี้ประหัตประหาร ประทุษร้ายร่างกาย ได้ถูกคนนั้นคนนี้เอาชนะ ได้ถูกคนนั้นคนนี้ลักขโมยสิ่งของ ดั่งนี้เป็นต้น

onion


อโสกะคิดว่า....โสดาบันยังมีคิดความปองร้าย...ความมุ่งร้ายหมายล้างผลาญ...ใครๆ อยู่อีกมั้ยละ?

ยินร้าย...โกรธ..พยาบาท...เป็นโทสะจากน้อยไปหามาก...เป็นพวกเดียวกันแต่ไม่ใช่ตัวเดียวกัน...

แค่นี้ยังไม่เข้าอีกหรือ..คับ

โสดาบัน..จะยินร้ายอยู่..ยังมีโกรธอยู่....แต่ไม่พยาบาท..คับผม

s004
ขนาดคำสอนของสมเด็จพระสังฆราช กบยังไม่ยอมเข้าใจอีก

เฮ้อ......กัมมุนาวัตติโลโก

grin


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 34, 35, 36, 37, 38, 39, 40 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร