วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2016, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย


สิ่งใดเป็นทุกข์ ควรหรือที่จะถือว่าเป็นเราเป็นของของเรา..ไม่ควรเลย ถ้าเช่นนั้นควรอย่างไรล่ะ..ควรปล่อยวางตามสภาพ สิ่งใดเป็นอยู่อย่างไรก็ปล่อยวางให้มันเป็นอยู่ตามสภาพของมัน อย่าส่งจิตไปยึดถือมัน สมมติมันขึ้น อย่างนั้นอย่างนี้ ดีอย่างนั้นชั่วอย่างนี้ สวยงามอย่างนั้นขี้ร้ายอย่างนี้ อะไรอย่างนี้นั่นล่ะอย่าไปวิตกไปในเรื่องนั้นๆ ห้ามจิตได้แล้วไม่มีปัญหาอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เป็นไปตามกลไกของมัน กลไกของมันก็ไม่มีอะไร “เกิดขึ้นแล้วก็แปรปรวนแตกดับไปก็เท่านั้น” ไม่เห็นมีอะไรลี้ลับอยู่ในโลกอันนี้

ถ้าจิตนี้มันฝึกเข้าไปมากๆ เข้าไป มันเกิดความรู้ยิ่งขึ้นมาแล้วมันก็ละความยึดถือ เมื่อมันละความยึดถือได้แล้วมองดูอะไรก็เป็นความจริงไปหมด เอ้า สมมติก็รู้ว่าเป็นสมมติ ปรมัตถ์ก็รู้ว่าเป็นปรมัตถ์อย่างนี้นะ พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนให้ปฏิเสธนะสมมติเรื่องบัญญัติ รับรู้สมมติเหล่านั้นแต่มันไม่เที่ยง สมมติอะไรต่ออะไรดีชั่วอะไรขึ้นมา เรื่องสมมติต่างๆ เหล่านั้นล้วนแต่ไม่เที่ยงหรอก เกิดแล้วดับไปอย่างนี้ ปรมัตถ์ล่ะ ปรมัตถ์หมายความว่า ความรู้แจ้งตามเป็นจริงในสมมตินั่นแหละ ไม่ใช่อย่างอื่นใด เอออันนี้สมมติ สมมติเหล่านี้นั้นมันเป็นเพียงสมมติเอาสภาวธาตุต่างๆ ที่เกิดดับอยู่ในโลกอันนี้มาว่ากัน

สังขตธาตุ อสังขตธาตุ ธาตุที่มีปัจจัยปรุงแต่ง ธาตุที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง นี่..ธาตุที่มีปัจจัยปรุงแต่งก็ได้แก่ คน ได้แก่ สัตว์ ได้แก่ ต้นไม้ ภูเขา ดิน หิน กรวด แม่น้ำลำคลองอะไรต่างๆ หมู่นี้นะ มันอาศัยปัจจัยต่างๆ ปรุงแต่งให้มีขึ้นแล้วก็แปรปรวนแตกดับไป อสังขตธาตุนั้นได้แก่ ธาตุที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า มี “นิพพาน” แห่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งให้เคลื่อนไหวไปมา ให้ท่องเที่ยวไปมา พระนิพพานไม่มีการไป ไม่มีการมา ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต ไม่มีปัจจุบัน เรียกว่า อยู่เหนือสมมติ เหนือบัญญัติ ไม่ต้องว่าอะไรกันเลย ถ้าความจริงแท้ๆ แล้วเป็นอย่างนั้น เพราะว่าพระนิพพานนั้นหมดสมมติ หมดบัญญัติแล้ว แต่ก็เอามาสมมติกันว่าอยู่อย่างนี้แหละ ถ้าไม่สมมติก็ไม่รู้เรื่อง

แต่ความจริงของนิพพานจริงๆ แล้วไม่มีสมมติบัญญัติอะไร ไม่มีเหตุปัจจัยอะไรอยู่ในนั้นเลย แต่นอกพระนิพพานไปแล้วมันมีเหตุมีปัจจัยเป็นเครื่องปรุงแต่งให้เกิดให้ดับอยู่อย่างนี้ อย่างคนอย่างนี้นะก็มีบุญและบาป หรือว่าอวิชชาตัณหาเหล่านี้เป็นปัจจัยนำให้เกิดในภพน้อยภพใหญ่ต่อไปอย่างนี้นะ คนก็ดี สัตว์ก็ดี เหมือนกันแหละ ทีนี้ดิน หิน กรวด ทราย ต้นไม้ใบหญ้าอะไรหมู่นี้ มันก็อาศัยธาตุสี่นั่นแหละปรองดองสามัคคีกันขึ้นแล้วก็เกิดเป็นพืชต่างๆ ขึ้นมา อย่างนี้แหละ



:b45: :b45:

ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
“กำหนดรู้อยู่กับปัจจุบันตัดอดีต”



◇◆ ประวัติ ปฏิปทาและคำสอน “หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ” ◆◇
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=72&t=43689

:b44: ชวนอ่านพระธรรมเทศนาเต็มกัณฑ์เทศน์ของ
“พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)”

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=75&t=53080

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2021, 10:05 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 4 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร