วันเวลาปัจจุบัน 06 ส.ค. 2025, 20:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2016, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นมาอีก :b12:

คำถามมีว่า

"การปฏิบัติกรรมฐาน (เน้นปฏิบัติ) มีความจำเป็นมากไหมคะ ที่เราต้องรู้หลักธรรม (ที่เป็นศัพท์ยาก)"

ท่านอโศก คุณ student กบนอกกะลา คุณโรส ฯลฯ เห็นว่าไงขอรับ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2016, 07:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำถามเต็มๆ


หากเราจะปฏิบัติกรรมฐาน (เน้นปฏิบัติ) มีความจำเป็นมากไหมคะที่เราต้องรู้หลักธรรม (ที่เป็นศัพท์ยาก)

ถ้าจะมุ่งปฏิบัติอย่างเดียวเลย คือมุ่งสู่หัวใจสำคัญ เราจะสามารถบรรลุธรรม สู่นิพพานได้หรือเปล่าคะ

ถ้าเป็นเด็กเขาอาจจะรู้แค่ว่า หกล้มเจ็บเป็นทุกข์ อยากได้ขนมแต่ไม่ได้เป็นทุกข์ อยากกลับบ้านแต่รถโรงเรียนมาช้าก็เป็นทุกข์ แล้ววันหนึ่งเขาก็จะชัดแจ้งเองว่าทั้งหมดนั่นแหละเป็นทุกข์ ก็ไม่อยากทุกข์แล้วทำยังไงดี ไปถามแม่ไม่อยากทุกข์ให้ทำยังไง? เด็กซึ่งอาจจะไม่เข้าใจ ไม่จำคำศัพท์ยากๆ เราแค่บอกเขาว่า ให้ไปนั่งสมาธิแบบนี้น่ะ ตามดูลมหายใจแบบนี้ ถ้าเราสอนหัวใจสำคัญได้ถูกแต่ไม่สอนศัพท์ใดๆให้เขาเลย) เขารู้หัวใจสำคัญแค่นั้นและทำอย่างจริงจัง แบบนี้เขาจะเข้าสู่นิพพานได้หรือไม่?

ปล. เราเพิ่งเริ่มปฏิบัติค่ะ อย่างง่ายๆตามดูกายดูใจในชีวิตประจำวัน อย่างมากสุดให้วันละสองชั่วโมงสำหรับการนั่งสมาธิและสวดมนต์ แต่จะยังไม่ค่อยได้ศึกษาแบบลึกซึ้งจริงจังแนวทฤษฎี
ขอบคุณมากๆค่ะ ^^

ศัพท์ยาก เช่น

ทุกข์ : ความทุกข์ แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ คือ
๑. สภาวทุกข์ คือ ทุกข์ประจำสภาวะ
๑.๑ ชาติทุกข์ แปลว่า “ความเกิดเป็นทุกข์”
๑.๒ ชราทุกข์ แปลว่า “ความแก่ชราเป็นทุกข์”
๑.๓ มรณทุกข์ แปลว่า “ทุกข์คือความตาย”
๒. ปกิณณกทุกข์ หมายถึง ความทุกข์ที่จรมาจากที่อื่นโดยเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ตามเหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมของชีวิต
๒.๑ โสกะ ความเศร้าใจ ความเสียใจ
๒.๒ ปริเทวะ ความรำพึงรำพรรณบ่นท้อ
๒.๓ ทุกขะ ความไม่สบายกายเพราะเจ็บป่วย
๒.๔ โทมนัสสะ ความน้อยใจ ความไม่สบายใจ
๒.๕ อุปายาสะ ความคับใจ ความตรอมใจ
๒.๖ อัปปิยสัมปโยคะ ประสบสิ่งไม่เป็นที่รักแล้วไม่ชอบใจ
๒.๗ ปิยวิปปโยคะ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก
๒.๘ อิจฉตาลาภะ ความผิดหวังไม่ได้สิ่งที่ตนอยากได้ "

http://pantip.com/topic/35689705

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2016, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นมาอีก :b12:

คำถามมีว่า

"การปฏิบัติกรรมฐาน (เน้นปฏิบัติ) มีความจำเป็นมากไหมคะ ที่เราต้องรู้หลักธรรม (ที่เป็นศัพท์ยาก)"

ท่านอโศก คุณ student กบนอกกะลา คุณโรส ฯลฯ เห็นว่าไงขอรับ :b10:


ถ้าไม่มีปริยัติ ไม่ต้องกล่าวถึงการปฏิบัติเลย
ถ้าไม่มีความเห็นถูกเป็นพื้นฐาน ปฏิบัติก็ปฏิบัติผิด
จดจ้องด้วยความเป็นตัวตน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2016, 13:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นมาอีก :b12:

คำถามมีว่า

"การปฏิบัติกรรมฐาน (เน้นปฏิบัติ) มีความจำเป็นมากไหมคะ ที่เราต้องรู้หลักธรรม (ที่เป็นศัพท์ยาก)"

ท่านอโศก คุณ student กบนอกกะลา คุณโรส ฯลฯ เห็นว่าไงขอรับ :b10:


การปฏิบัติกรรมฐาน ต้องเน้นศัพท์ที่ง่าย เช่น ลม กาย ลมหายใจ กระดูก เลือด ความแปรเปลี่ยน ทุกข์ เพราะเป็นการปรับความเข้าใจในหลักธรรมสำหรับคนทั้งหลาย ที่มีภาษาสมมุติร่วมกัน เมื่อเข้าใจในหลักธรรมภาษาชาวบ้านทั่วไปแล้ว ก็สามารถต่อยอดเข้าสู่บัญญัติขั้นต่อไป

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2016, 17:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7520

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เห็นมาอีก :b12:

คำถามมีว่า

"การปฏิบัติกรรมฐาน (เน้นปฏิบัติ) มีความจำเป็นมากไหมคะ ที่เราต้องรู้หลักธรรม (ที่เป็นศัพท์ยาก)"

ท่านอโศก คุณ student กบนอกกะลา คุณโรส ฯลฯ เห็นว่าไงขอรับ :b10:

Kiss
จำเป็นสำหรับการศึกษาให้เข้าใจค่ะเพราะเป็นพระพุทธพจน์
แต่เมื่อศึกษาแล้วจำได้แล้วไม่จำเป็นต้องท่องจำเพื่อใช้ค่ะ
เพราะเอามาใช้สำหรับการเข้าถึงคำด้วยการจำนั้นไม่จำเป็น
เพราะทรงแสดงธรรมเพื่อให้เข้าใจสภาวธรรมตามเป็นจริง
ที่กำลังปรากฏว่ามีนั้นเพื่อแยกความแตกต่างของสภาวะ
แต่ไม่ได้ทรงแสดงว่าให้ไปท่องจำทุกคำในพระไตรปิฎก
ด้วยความจริงที่ปรากฏรู้ได้จริงๆสั้นทีละคำที่รู้ตรงสภาวะ
:b16:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ต.ค. 2016, 22:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คำถามเต็มๆ


หากเราจะปฏิบัติกรรมฐาน (เน้นปฏิบัติ) มีความจำเป็นมากไหมคะที่เราต้องรู้หลักธรรม (ที่เป็นศัพท์ยาก)

ถ้าจะมุ่งปฏิบัติอย่างเดียวเลย คือมุ่งสู่หัวใจสำคัญ เราจะสามารถบรรลุธรรม สู่นิพพานได้หรือเปล่าคะ

ถ้าเป็นเด็กเขาอาจจะรู้แค่ว่า หกล้มเจ็บเป็นทุกข์ อยากได้ขนมแต่ไม่ได้เป็นทุกข์ อยากกลับบ้านแต่รถโรงเรียนมาช้าก็เป็นทุกข์ แล้ววันหนึ่งเขาก็จะชัดแจ้งเองว่าทั้งหมดนั่นแหละเป็นทุกข์ ก็ไม่อยากทุกข์แล้วทำยังไงดี ไปถามแม่ไม่อยากทุกข์ให้ทำยังไง? เด็กซึ่งอาจจะไม่เข้าใจ ไม่จำคำศัพท์ยากๆ เราแค่บอกเขาว่า ให้ไปนั่งสมาธิแบบนี้น่ะ ตามดูลมหายใจแบบนี้ ถ้าเราสอนหัวใจสำคัญได้ถูกแต่ไม่สอนศัพท์ใดๆให้เขาเลย) เขารู้หัวใจสำคัญแค่นั้นและทำอย่างจริงจัง แบบนี้เขาจะเข้าสู่นิพพานได้หรือไม่?

ปล. เราเพิ่งเริ่มปฏิบัติค่ะ อย่างง่ายๆตามดูกายดูใจในชีวิตประจำวัน อย่างมากสุดให้วันละสองชั่วโมงสำหรับการนั่งสมาธิและสวดมนต์ แต่จะยังไม่ค่อยได้ศึกษาแบบลึกซึ้งจริงจังแนวทฤษฎี
ขอบคุณมากๆค่ะ ^^

ศัพท์ยาก เช่น

ทุกข์ : ความทุกข์ แบ่งออกเป็น ๒ กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้ คือ
๑. สภาวทุกข์ คือ ทุกข์ประจำสภาวะ
๑.๑ ชาติทุกข์ แปลว่า “ความเกิดเป็นทุกข์”
๑.๒ ชราทุกข์ แปลว่า “ความแก่ชราเป็นทุกข์”
๑.๓ มรณทุกข์ แปลว่า “ทุกข์คือความตาย”
๒. ปกิณณกทุกข์ หมายถึง ความทุกข์ที่จรมาจากที่อื่นโดยเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ตามเหตุการณ์และสิ่งแวดล้อมของชีวิต
๒.๑ โสกะ ความเศร้าใจ ความเสียใจ
๒.๒ ปริเทวะ ความรำพึงรำพรรณบ่นท้อ
๒.๓ ทุกขะ ความไม่สบายกายเพราะเจ็บป่วย
๒.๔ โทมนัสสะ ความน้อยใจ ความไม่สบายใจ
๒.๕ อุปายาสะ ความคับใจ ความตรอมใจ
๒.๖ อัปปิยสัมปโยคะ ประสบสิ่งไม่เป็นที่รักแล้วไม่ชอบใจ
๒.๗ ปิยวิปปโยคะ ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก
๒.๘ อิจฉตาลาภะ ความผิดหวังไม่ได้สิ่งที่ตนอยากได้ "

http://pantip.com/topic/35689705

ไม่ได้เกี่ยวกับศัพท์แสงอะไรหรอก
เกี่ยวกับ หญิงคนนี้ไม่ใฝ่เรียนรู้เท่านั้นเอง
นั่งดูกายกับใจจนตาย ก็เสียเวลาเปล่า จบข่าว

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร