วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 03:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 355 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2018, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความหมาย สภาวะ


สภาพ, สภาวะ ความเป็นเอง, สิ่งที่เป็นเอง, ธรรมดา

สภาวธรรม หลักแห่งความเป็นเอง, สิ่งเป็นเองตามธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย

ปัจจัย เหตุที่ให้ผลเป็นไป, เหตุเครื่องหนุนให้เกิด ฯลฯ

ปฏิจจสมุปบาท “การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกัน เกิดขึ้นพร้อม” สภาพอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น, การที่สิ่งทั้งหลายอาศัยกันจึงเกิดขึ้น, การที่ทุกข์เกิดขึ้นเพราะอาศัยปัจจัยต่อเนื่องกันมา

สภาวทุกข์ ทุกข์ที่เป็นเองตามคติแห่งธรรมดา ได้แก่ ทุกข์ประจำสังขาร คือ ชาติ ชรา มรณะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2018, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น


อย่างที่ว่าความเป็นอนัตตนั้นต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ ตัวอย่าง

อ้างคำพูด:
ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาทีที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนนั้นรู้สึกว่า แม้ร่างกายมันยังไม่ใช่ของเรา จะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2018, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 07:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามรอย วัดร้างในบางกอก ตอนที่ ๑ วัดที่สาบสูญ

https://pantip.com/topic/37938772

เรื่องน่าศึกษาสำหรับชาวพุทธ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตน
ไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ


คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด

อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 09:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ข้าพเจ้าเกิดมาจากตระกูลที่นับถือศาสนาฮินดู แต่ข้าพเจ้าจะขอตายในฐานะพุทธศาสนิกชน"

ข้าพเจ้าไม่ขอนับถือศาสนาใดๆในโลกทั้งนั้น แต่หากจะต้องเลือกนับถือแล้ว ข้าพเจ้าขอเลือกนับถือพระพุทธศาสนา"

จากคำปราศรัยในที่ประชุมปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ ของ ด.ร.อัมเบดการ์

"ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอมาจากตระกูลต่างๆกัน ย่อมมีความเสมอกัน เมื่อมาสู่ธรรมวินัยนี้แล้ว เหมือนมหาสมุทร ย่อมเป็นที่รวมของน้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำและทะเลต่างๆ เมื่อมาสู่มหาสมุทรแล้วก็ไม่สามารถจะแยกได้ ว่าน้ำส่วนไหนมาจากที่ใด"

https://www.facebook.com/10000523227183 ... =3&theater

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5BFD7348

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 09:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตน
ไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ


คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด

อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย

cool
ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว
คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง
อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง
ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ
บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า
จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต
ไปแสดงธรรมตรงไหม
แต่การทำฟังของตน
ไม่เคยทำปัญญา
ของตัวเองเลย
จะให้ว่าไงคะ
แล้วจะรู้ได้ไง
ว่าการกล่าวตาม
คำตถาคตได้ตรงความจริง
ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม
ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน
ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10
:b32:
:b13: :b13:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 09 ส.ค. 2018, 09:58, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตน
ไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ


คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด

อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย

cool

ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว
คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง
อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง
ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ
บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า
จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต
ไปแสดงธรรมตรงไหม
แต่การทำฟังของตน
ไม่เคยทำปัญญา
ของตัวเองเลย
จะให้ว่าไงคะ
แล้วจะรู้ได้ไง
ว่าการกล่าวตาม
คำตถาคตได้ตรงความจริง
ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม
ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน
ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10
:b32:
:b13: :b13:


๗-๘ ปี ที่ฟังแม่สุจินมาจนก๊อปแม่สุจินมาทั้งดุ้นแล้ว :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเห็นประการใดขอรับ :b1:

Kiss
เข้าใจคำว่าไม่มีเราไหมคะ
ตั้งแต่ลืมตาตื่นจนกระทั่งหลับไปไม่มีเรา
เป็นแต่ละคนสร้างหนังของตัวเองให้ตนเองดูทุกวันคือจิตคิดนึก
มีตัวตนไปทำโน่นนี่นั้นกับคนนั้นกับคนนี้มีอามณ์ร่วมตามเหตุการณ์นั้นๆค่ะ
แต่ตถาคตทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงธรรมให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ
เป็นธัมมะแต่ละ1ลักษณะหลากหลายแต่ละ1ลักษณะที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของตัวธัมมะนั้นเลยเข้าใจไหมคะ
มีแต่ความเห็นผิดเพราะขาดปัญญาในการไตร่ตรองความจริงที่กำลังดับไปตลอดเวลาเป็นเรานานมาแล้ว
เมื่อไหร่จะเริ่มฟังเพื่อสะสมปัญญาของตนเองสัญญาจำ1คำตะกี๊มันดับไปไม่เหลือซากแล้วจำไว้ทำไมคะ
บัญญัติคำยาวๆพร้อมความหมายนั้นน่ามันไม่ใช่ปัญญาตนเองที่สะสมจากการฟังที่สะสมได้ทีละ1คำจากฟัง
ตรงความจริงที่ฟังจริงๆเป็นการเรียนพระธรรมด้วยการฟังเพื่อให้เสียงนำทางเพื่อรู้คำตรงเสียงว่าแต่ละทาง
มีลักษณะอย่างไรรู้ตรงลักษณะที่กำลังปรากฏได้อย่างไรตามปกติเป็นปกติกำลังฟังแล้วกำลังคิดถูกขณะนั้น
ที่กำลังสะสมสังขารขันธ์ที่ปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนตรงปัญญาตนเองแล้วพอหยุดฟังกิเลสตนเองก็ไหลแล้ว
ยังไม่ทำอะไรยังไม่ไปไหนแค่คิดก็เป็นกิเลสแล้วจะรออีกกี่ชาติถึงจะเริ่มฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้จิตรู้ตามได้คะ
:b12:
:b32: :b32:



คุณโรสเอ๋ย คุณเพี้ยนไปแล้ว

นี่คือคนที่ฟังสำนักมิจฉาทิฏฐิสอนเรื่องอนัตตา ไม่มีเรา คิกๆๆ ทั้งที่ตนเองก็ไม่รู้ว่าอัตตา ได้แก่ อะไร อุปมาเหมือนลิงที่โหนอยู่บนกิ่งไม้ โหนไปโหนมา ปล่อยกิ่งนี้ จับกิ่งโน้น ไม่ทันพิจารณาไปคว้าเอากิ่งไม้แห้งไม้หักตกจากต้นไม้คอหักฉันใดก็ฉันนั้น

ไม่มีเรา หรือภาษาพระว่าอนัตตาต้องเกิดจากปัญญาที่เห็นสภาวะ มิใช่ไปคิดมโนเอาอย่างนั้น

รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตนไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ
ทรงแสดงพระธรรมจากพระโอษฐ์เพื่อให้สาวกคือผู้ที่กำลังฟังเข้าใจถูกตามดูความจริงที่มีแล้วถูกตามค่ะ
การตรัสรู้แล้วหมดกิเลสก่อนตรัสทุกคำตรงสภาวะนั้นๆตามเป็นจริงตามปกติให้คิดถูกตามเข้าใจตามได้
ทุกคำจากพระโอษฐ์ตรัสถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ให้เข้าใจถูกตามได้ตรงๆไม่ต้องทำไงคะก็มีแล้วทั้งหมดที่
กำลังเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยแต่ไม่เคยฟังมีแต่ไปอ่านไปท่องคิดจำเอาเองว่าต้องเอาไปทำที่ไปทำน่ะ
อยากรู้ใช่ไหมคะถึงไปทำโดยไม่ฟังไม่ไตร่ตรองไม่มีสติและไม่คิดตามให้รอบคอบเข้าใจถูกก่อนไงคะ
ทรงให้มีหลักกาลามสูตร10ในการฟังและไตร่ตรองตามเสียงที่กำลังได้ยินเพื่อให้เกิดปัญญาเข้าใจไหม
ทุกอย่างกำลังมีกำลังปรากฏและกำลังเกิดดับโดยความเป็นอนัตตาไม่มีใครต้องทำอะไรเลยนอกจากฟัง
ให้เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏตรงกับที่กายใจตนกำลังมีโดยไม่มีเราไปจดจ้องแต่เป็นความเข้าใจจาก
การฟังที่ไตร่ตรองตรงความจริงที่กำลังปรากฏตรงตามที่กำลังได้ยินเข้าใจความจริงที่ตนมีจึงเข้าใจผู้อื่น
ที่อยากไปทำนั้นขณะนั้นมีตัวตนอยากรู้แล้วไปจดจ้องโดยขาดการระลึกตามคำสอนไงคะแปลว่าขาดสติ
:b32: :b32: :b32:



อ้างคำพูด:
รู้จักคำว่าตรงความจริงไหมคะ
แปลว่าต้องกำลังทำตรงตามนั้น
ตามเป็นจริงคือกำลังทำอยู่ไม่งั้น
พระพุทธเจ้าก็ต้องบอกว่าปัญญาเกิดจาก
ไปนั่งจดจ้องด้วยความมีตัวตน
ไปนั่งทำเหตุปัจจัยถูกไหมคะ


คุณโรสเอ๋ย ควรไปศึกษาเรื่องกรรมฐานให้เข้าใจเถิด

อย่างสำนักบ้านธัมมะ เขาเรียกว่ามโนไปเองว่าเป็นปรมัตถ์ เป็นสัจจะ นี่คิดไปเอง ทั้งๆที่ตนเองยังไม่เห็นความเป็นปรมัตถ์เห็นความจริงของรูปของนามของชีวิตนี่เลย

cool

ฟังเพื่อรู้ว่าตนไม่รู้อะไรบ้างนั่นแหละต้องรู้ทั่ว
คนที่ฟังเท่านั้นจึงตรงตามความเป็นจริง
อวิชชาไม่ยอมฟังเพราะอวิชชาหยิ่ง
ทนงตนว่าอ่านมากแค่จำบัญญัติ
บัญญัติน่ะปัญญาตถาคตน๊า
จำแต่เรื่องราวที่ตถาคต
ไปแสดงธรรมตรงไหม
แต่การทำฟังของตน
ไม่เคยทำปัญญา
ของตัวเองเลย
จะให้ว่าไงคะ
แล้วจะรู้ได้ไง
ว่าการกล่าวตาม
คำตถาคตได้ตรงความจริง
ก็ต้องพิสูจน์จากฟังไงคะทำอะไรได้ไหม
ในเมื่ออวิชชาไม่รู้ว่าฟังทำตามปกติแบบไหน
ก็ตถาคตบอกว่าไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้รู้จักฟังตามหลักกาลามสูตร10
:b32:
:b13: :b13:


๗-๘ ปี ที่ฟังแม่สุจินมาจนก๊อปแม่สุจินมาทั้งดุ้นแล้ว :b32:

:b1:
มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 10:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 10:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง
:b32:
:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 10:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง


นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ส.ค. 2018, 11:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:



มีวิริยะมีขันติมีสมาธิที่จะมั่นคงต่อความรู้ตรงจริงที่กายใจตนกำลังมีไหมคะรู้กำลังปัญญาตนจากฟังไงคะ


ฟังใคร

cool
คนที่กล่าวความจริงให้รู้สึกตัวว่าไม่รู้ไง
ไม่ใช่เดินเจี๋ยมเจี้ยมแบบเดินบิณฑบาตแต่ในใจ
ชอบใจในเงินในบัญชีมีกิจดูตัวเลขในบัญชีที่เพิ่มขึ้นหรือ
เพื่อเอาไปจับจ่ายใข้สอยซื้อหาเองได้หรือคะพฤติกรรมอย่างนั้น
เป็นพฤติกรรมปกติของชาวบ้านที่ทำสัมมาอาชีพได้เงินค่าจ้างแล้วเอาเงินมาใช้
บรรพชิตมีเงินเดือนค่ะวันละ1บาตรไม่ขาดไม่เกินฉันได้ไม่เกินเที่ยงรู้ประเมินความโลภไหมคะ
สละอาคารบ้านเรือนญาติพี่น้องเพื่อมาเลี้ยงดูตนเองด้วยปลีแข้งไม่โลภตามที่ฉันได้ไม่เกินเที่ยงและ
มีหน้าที่แค่ศึกษาพระธรรมคือคันถธุระและทำความจริงให้ปรากฏคือวิปัสสนาธุระไม่คลุกคลีหมู่คณะ
มักน้อยสันโดษฉันพอยังอัตภาพเพราะตนขอมาเป็นผู้ขอชาวบ้านตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอายไหมคะ
:b12:
:b32: :b32:



คิกๆๆ ถามว่า ฟังจากใคร ?

tongue
ฟังคำตถาคตจากใครก็ได้ที่กล่าวให้เข้าใจสัจจธรรม
ไม่ใช่บวชงุบงิบรับเงินแล้วบอกว่าเงินเป็นสมมุติก็รับแล้ว
อาบัติแล้วชั่วแล้วปลงอาบัติทุกวันแสดงว่าไม่มีหิริโอตัปปะไง


นั่นจากแม่บริหารฯ ซึ่งนำไปใส่ปากตถาคต :b32:

cool
นับเงินตาดูตัวเลขเงินในบัญชีนี่โรสบอกเอง
คือโรสและชาวบ้านชาวเมืองน่ะดูได้มีได้ไงคะ
อ่ะทีนี้ขอความเห็นของทุกคนในลานธรรมจักร
กรุณายกมาสิคะสิกขาบทใน227ข้อหรือ311ข้อก็ได้
ที่ให้นับเงินยกมาแสดงให้อ่านเป็นตัวอักษรหน่อยสิคะ
ขอตรงๆว่านับเงินใช้เงินได้ตรงข้อไหนนะคะกิจพอใจในเงิน
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 355 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 56 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร