วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 61 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2016, 10:43 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว




blonde-1297289_960_720.png
blonde-1297289_960_720.png [ 260.49 KiB | เปิดดู 7335 ครั้ง ]
:b8: :b8: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2016, 16:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว




1501020781447.jpg
1501020781447.jpg [ 27.96 KiB | เปิดดู 7324 ครั้ง ]
:b8: นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.

" หญ้าคาที่บุคคลจับไม่ดี ย่อมตามบาดมือนั่นเอง ฉันใด ,
คุณเครื่องความเป็นสมณะ ที่บุคคลลูบคลำไม่ดี ย่อมคร่าเขาไปนรก ฉันนั้น.

การงานอย่างใดอย่างหนึ่งที่ย่อหย่อน,
วัตรใดที่เศร้าหมอง,
พรหมจรรย์ที่ระลึกด้วยความรังเกียจ,
กรรมทั้งสามอย่างนั้น ย่อมไม่มีผลมาก

หากว่าบุคคลพึงทำกรรมใด ควรทำกรรมนั้นให้จริง,
ควรบากบั่นทำกรรมนั้นให้มั่น เพราะว่า สมณธรรมเครื่องละเว้นที่ย่อหย่อน ยิ่งเกลี่ยธุลีลง "

(ขุ.ธ.๑/๒๐๙-๒๑๐)
จากหนังสือวินัยพระน่ารู้คู่มือโยม



ความร้ายในโลกล้วน เหลือหลาย
รุมรอบรบใจกาย เกลื่อนแท้
สิ่งอื่นจักหักหาย หาห่อน มีฤา
เว้นแต่ความดีแก้ กลับร้ายกลายดี
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภมหาเถระ)

:b8: :b8: :b8:

บวชเป็นพระแล้วนี่ ต้องตั้งสติให้ดี ผิดนิดผิดหน่อยก็นรกแล้ว


:b8: ขอบคุณท่านที่เหนี่ยวกระทู้ขึ้นมาบนเหล่าเต๊งนะคะ

วันนี้วันที่ ๒๒ เมษายน วันคุ้มครองโลก แปลกมั้ยมนุษย์เข้าป่าไปพักผ่อน ก็จะทำป่าให้สะดวกสบายเหมือนในเมือง มีตึกมีห้องแอร์มีสระว่ายน้ำ ภูเขาราบทั้งลูก กลายเป็นเมือง ส่วนรีสอร์ดริมแม่น้ำก็มีคาราโอเกะร้องเพลงเสียงลั่นแม่น้ำ ได้บรรยากาศร่มรื่นตรงไหน พอจะถือศีลปฏิบัติธรรมก็ทำลายป่าบุกรุุกป่าสงวนสร้างสำนักปฏิบัติ ดั้นด้นไปทำลายป่าเขา แทนที่จะทำสถานที่ว่างในเมืองชานเมืองให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ปลูกป่าในเมืองปลูกต้นไม้เข้าไปให้สถานที่ร่มรื่น ก็เหมือนในป่าแล้ว บางแห่งก็เอาสำนักสงฆ์บังหน้า หากินกับการทำลายป่าครบวงจร

พิมพ์เข้าไปในกูเกิ้ล สำนักสงฆ์ที่บุกรุกป่าสงวนมีถึง ๔๐๐๐ กว่าแห่งในปี ๒๕๕๘ รู้สึกทึ่งมากว่า ถ้าเราจะปฏิบัติธรรมแต่ทำลายธรรมชาติป่าเขา มันสวนทางกันหรือไม่

คงต้องนึกกันแล้ว เพราะป่าไม้มีเหลือไม่กี่เปอร์เซ็นในขณะนี้ ในช่วงเกือบ ๒๐ ปีที่ผ่านมานี้ ดูแลประเทศชาติกันอย่างไร ป่าไม้ถึงได้หดหายไปมากมายถึงขนาดนี้ ต้องคิดกันแล้วว่า ดูแลรักษาหรือว่าทำลายกันแน่ ถ้าดูแลจริงจัง ป่าต้องมีอยู่สิ จริงหรือไม่ ใครที่แกล้งตาบอดหูหนวกทำเป็นไม่รับรู้ว่ามีคนเลื่อยไม้ลากไม้ในป่า ขนไม้ในป่าออกไปขาย ป่าต้นน้ำยังถูกทำลาย ตอนนี้สำนักปฏิบัติต้องสำนึกแล้วว่ามันไม่เหมือนสมัยก่อนที่มีป่ามีมากมาย จึงทำสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมได้ ไม่กระทบกระเทือนธรรมชาติมากมาย และพระสมัยก่อนท่านก็สร้างสำนักแบบไม่เบียดเบียนธรรมชาติให้มากมายใหญ่โต แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วแต่ละแห่งที่สร้างขึ้นมา ล้วนแล้วแต่สนองความต้องการของคน และ การทำสำนักสงฆ์เพื่อบังหน้าก็มีไม่น้อย

การถางป่าเพื่อปลูกพืชขายนายทุนที่มารับซื้อถึงไร่ การหาเห็ดเผาะส่งผลให้หมอกควันมากมายจนเมืองทั้งเมืองปกคลุมไปด้วยควันไฟ ด้วยเผาเผาป่าเพื่อให้เห็ดเผาะขึ้น มนุษย์ไม่ได้ทำลายแค่ป่า แต่พื้นทะเลก็ปั่นป่วนด้วยน้ำมือมนุษย์เช่นกัน ขยะในทะเลมากมายถูกทิ้งจากเรือ และขยะที่ไหลมาตามแม่น้ำออกสู่ทะเล ปะการังถูกทำลายจากการทำประมงและการท่องเที่ยว แม้แต่ปลานกแก้วที่สวยงามและสำคัญต่อระบบนิเวศน์ก็ยังถูกจับมาเป็นอาหาร

ทำไมจึงไม่ควรทาน ปลานกแก้ว
https://www.youtube.com/watch?v=q2njsfqllMM

การท่องเที่ยวที่ไร้จิตสำนึก เข้าไปเที่ยวไปเบียดเบียนธรรมชาติ
ยิ่งจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นเท่าไหร่...ยิ่งห่างไกลความยั่งยืน? (ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์)
https://www.youtube.com/watch?v=Oj7H3KbB5Zk


ปลุกพลังบวก Ignite TVthai - ชีวิตในท้องทะเล
https://www.youtube.com/watch?v=dmcowSDOb-0

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2016, 08:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว




unnamed %285%29.png
unnamed %285%29.png [ 255.93 KiB | เปิดดู 7318 ครั้ง ]
:b8: นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส.


เนื่องในสมัยที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่
ได้ตรัสกับพระอานนท์ในคราวที่ได้กราบทูลต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงการที่พุทธบริษัท
จะได้ที่พึ่งในการสักการบูชาต่อพระองค์ว่า
เจติยะ ๓ อย่าง คือ บริโภคเจดีย์ (ต้นโพธิ) ธาตุกเจดีย์ (พระบรมสารีริกธาตุ)
และอุทเทสิกเจดีย์ (พระพุทธรูปฯ)
ที่เมื่อพุทธบริษัทกระทำการบูชาแล้ว
ได้ชื่อว่า บูชาต่อพระตถาคตเช่นกัน ประการหนึ่ง และพระองค์ตรัสถึงสังเวชนียสถาน ๔
ที่กุลบุตรผู้เกิดมาในภายหลัง ผู้มีศรัทธาปรารถนาจะทำการสักการะต่อพระองค์
ในกาลเมื่อพระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ตาม และแม้เจติยะที่พระองค์เคยทรงใช้สอยที่นั้นๆ
ซึ่งพระองค์ทรงระบุชื่อของเจติยะนั้นโดยตรง เช่น รัตนบัลลังก์เจดีย์ อนิมมิสเจดีย์

รัตนจงกรมเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ ฯลฯ ปาวาลเจดีย์ เป็นอาทิ ก็ตาม
เจดีย์เหล่านี้ก็เป็นประหนึ่งองค์แทนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เมื่อพุทธบริษัทภายหลังจะมาเฝ้า
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ ณ สถานที่นั้นๆ จะพึงเป็นผู้มีสุคติเป็นที่ไปในภพหน้า
ตามพระดำรัสของพระบรมศาสดาเช่นกัน

:b42: ข้อความบางส่วนจากคำนำในหนังสือธัมมเจติยะ พระบรมศาสดา

:b8: :b8: :b8:


เห็นชุดที่เลียนแบบพระเจดีย์กันแล้วใช่มั้ยคะ ?

เป็นอย่างไรบ้างในความรู้สึกของพวกเราชาวพุทธที่กราบไหว้พระเจดีย์ที่ใจกลางกรุงเทพฯหรือตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศ พระเจดีย์ที่ครอบพระบรมสารีริกธาตุ ได้ถูกเลียนแบบมาครอบบนคน เห็นเป็นเรื่องแฟชั่นที่ต้องเอาไปประชาสัมพันธ์ ไม่แยกแยะว่าควรจะทำในรูปแบบใดให้เหมาะสม คู่ควรแก่การให้ต่างชาติรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ควรเคารพ ไม่ใช่สิ่งที่มาใช้เพื่อความบันเทิง ศาสนาก็เป็นสถาบันหลักสถาบันหนึ่งของประเทศ เป็นเรื่องส่วนรวม ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ ถ้าตนเองไม่รู้สึกซาบซึ้งในสิ่งต่างๆ แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อย ก้มลงกราบไหว้ ชาวพุทธรู้สึกสลดใจใช่หรือไม่คะ

ในสมัยพุทธกาล แม้แต่กองทรายที่ทำเป็นสัญญลักษณ์รูปพระเจดีย์ พระสงฆ์ในสมัยพุทธกาล ท่านยังกระทำการบูชาด้วยการเวียนประทักษิณรอบกองเจดีย์ทราย ถ้าจิตใจคนทำ ทำขึ้นมาเพื่อเป็นสัญญลักษณ์เชื่อมโยงสื่อถึงบุคคลและสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ศรัทธาของมหาชน อันหมายถึงสถานที่ๆ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแล้ว สิ่งๆ นั้นย่อมคู่ควรแก่การเคารพบูชากราบไหว้ เจติยะ ๓ อย่างนั้นเป็นสิ่งที่คู่ควรแก่การเคารพบูชา ไม่ใช่คู่ควรแก่การเฮฮาไปทางในทางโลกสนุกสนานบันเทิงค่ะ

ใบโพธิ์นั้น ควรหรือไม่ที่จะเจาะจง ตัดผ้าเลียนแบบให้แสดงสัญญลักษณ์ใบโพธิ์ ปิดด้านหน้ากระโปรง ตรงบริเวณส่วนที่ต่ำ

เราไปบอกฝรั่งให้เคารพพระพุทธรูป ไปบอกฝรั่งให้เคารพสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ปูชนียสถานของเราชาวพุทธ พระพุทธรูปและเจดีย์ห้ามปีนขึ้นไปถ่ายรูป เข้าไปเดินที่ในบริเวณวัดให้แต่งตัวสุภาพเรียบร้อยเข้าไป แต่ชาวพุทธเองกลับไม่รู้ว่า อะไรควรไม่ควรเสียเอง

พระเจดีย์นั้นใช่ว่าเป็นสถานที่กราบไหว้ระลึกถึงคุณของพระพุทธองค์แค่ในประเทศไทยเท่านั้น ในประเทศอินเดีย ศรีลังกา พม่า และประเทศที่มีผู้คนนับถือพระพุทธศาสนาอีกมากมายหลายประเทศ ก็ให้ความเคารพกราบไหว้พระเจดีย์ด้วยกันทั้งนั้น ต่างก็ระลึกถึงพระพุทธคุณ ๙ ประการด้วยกันทั้งสิ้นค่ะ

ผู้ที่เคารพบูชากราบไหว้เจติยะ ๓ อย่างนั้นมีอานิสงส์ระดับไปสุคติภูมิได้ แล้วผู้ที่ไม่ให้ความเคารพก็มีอานิสงส์นำพาไปสู่ทุคติภูมิได้เช่นกัน หนีกรรมคือการกระทำไปไม่ได้เลย กรรมใครกรรมมันก็แล้วกันค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ค. 2017, 11:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว




Image-2428.jpg
Image-2428.jpg [ 77.63 KiB | เปิดดู 7321 ครั้ง ]
ขณะนี้ชาวพุทธเรากลัวเรื่องการเสื่อมของศาสนาพุทธในประเทศไทย
ถามว่า ใครทำเรา
ก็ต้องตอบว่า นอกจากคนอื่นทำแล้ว ....เราชาวพุทธนี่แหละค่ะคือตัวการใหญ่ที่สำคัญที่สุด
เพราะอะไร ก็เพราะว่าเราเป็นแต่เพียงชาวพุทธแต่เปลือกนอก ใครถามว่าคุณนับถือศาสนาอะไร
ก็ตอบว่าศาสนาพุทธ แต่หลักคำสอนไม่มีและการปฏิบัติตัวนั้นก็ไม่ต่างจากคนไม่มีศาสนาสักเท่าไรเลย
คนส่วนใหญ่ไม่น้อมนำเอาคำสอนมาปฏิบัติ ยังคงวิ่งตามกระแสโลกอย่างสวนกระแสคำสอนพระพุทธองค์
การร่ำรวยไม่ได้มาจากสัมมาอาชีวะ แต่มาจากทำอย่างไรก็ได้ให้ร่ำรวย ไม่คิดว่าใครจะเดือดร้อน ไม่คิดว่าประเทศชาติจะวิบัติฉิบหาย แค่นี้เราก็ทำร้ายทั้งศาสนา ประเทศชาติ และทำลายตนเองด้วยในที่สุดเมื่อตายไปก็ไปสู่ทุคติภูมิหรืออบายภูมินั่นเอง ซึ่งตอนนี้ภพภูมิที่ได้รับความทุกข์เป็นเพียงคำพูดที่ยังไม่เห็นของจริง ต่อเมื่อตายไปแล้วนั่นแหละจะรู้ซึ้งว่า นรกมีจริง

ถามว่า เราทำไมจึงเป็นสยามเมืองยิ้มในสายตาชาวตะวันตก เพราะเราชาวไทยในสมัยก่อนน้อมนำคำสอนมาใส่ตนทั้งสิ้นในเรื่องของความเมตตามีมิตรไมตรีปรารถนาดีต่อกัน การยิ้มแย้มต่อกันเป็นสิ่งที่ชาวพุทธกระทำต่อกัน
การมีน้ำใจกรุณาเอื้ออาทรต่อคนที่ต้องการความช่วยเหลือ คนที่มาเยี่ยมเยือนบ้านของเราๆก็ให้การต้อนรับ
นี่คือคำสอนทั้งสิ้น ความเมตตากรุณาจึงฝังอยู่ในจิตใจของชาวไทย

วันนี้คนขาดความเมตตากรุณาต่อทุกสิ่งแม้แต่ตนเองก็ไม่เว้น ความเห็นแก่ตัวครอบงำใจคนเหนือกว่าความดี
ต่างก็ตีโพยตีพายว่า ศาสนาโน้นศาสนานี้จะมาทำลายศาสนาพุทธ แต่คนพุทธเองไม่ฉุกคิดกันบ้างเลยว่า เราหันมาสนใจพระธรรมที่พระพุทธองค์สอนหรือไม่ ตนเองบางครั้งยังพูดธรรมะกันผิดๆ ตนเองยังปฏิบัติธรรมกันแบบผิดๆ บ้างก็ทำคำสอนผิดเพี้ยนไป บ้างก็ทำตัวเป็นมารศาสนาหากินกับศาสนา

แล้วคนยุคนี้คนหนุ่มสาวบางกลุ่ม ต่อต้านการเรียนธรรมะ ใครไปเรียนธรรมะก็เห็นเป็นเรื่องเพ้อเจ้อบ้าง เห็นเป็นเรื่องเกินตัวไม่ต้องไปทำถึงขนาดนั้น ใครไปปฏิบัติธรรมก็มองคนๆ นั้นเหมือนตัวประหลาด ใครปฏิบัติตัวตามคำสอนเชื่อนรกสวรรค์นี่จะกลายเป็นตัวประหลาด คนรุ่นใหม่บางกลุ่มมีค่านิยมแค่เพียงทำงานหาเงิน ตกเย็นหาอะไรอร่อยกินในหมู่เพื่อนฝูง ไปเที่ยวผับไปเที่ยวนั่งกินเหล้าสูบบุหรี่กันทั้งชายหญิง จบลงท้ายในค่ำคืนด้วยการหาคู่นอนซึ่งเจอใครถูกใจก็พากันไป บางคนก็เล่นยาเสพติด บางคนก็ขายยาเสพติด เล่นการพนันเป็นเรื่องปกติ การทำอย่างนี้ถือว่าเป็นสิ่งปกติที่คนยุคใหม่ทำเป็นเรื่องปกติ การไปสนใจธรรมะถือว่าเป็นตัวประหลาดเป็นเรื่องผิดปกติ ทำตัวไม่เหมือนชาวบ้าน แต่พวกที่วิ่งตามกระแสโลกกลุ่มนี้เจอเรื่องอะไรสะเทือนใจนิดหน่อยก็ฆ่าตัวตาย เพราะจิตใจอ่อนแอ ไม่มีหลักคำสอนยึคเหนี่ยวจิตใจตนเอง

การปลูกศรัทธาในใจคน จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ควรตื่นตัวให้ความสำคัญ
ทั้งในระบบครอบครัว สถานศึกษา และในองค์กรสำคัญทุกแห่ง ถ้าเราขืนทอดธุระ ธุระไม่ใช่ เราก็จะกลายเป็นยิ่งกว่านาลันทา นาลันทายังต้องมีข้าศึกมาโจมตีจึงพังพินาศไป แต่เมืองพุทธแบบไทยเป็นแบบทำลายตนเอง ทำลายด้วยตนเองให้ศาสนาพุทธได้ตายไปเองในไม่ช้า

เป็นเพราะคนรุ่นใหม่เสื่อมถอยจากคำสอนพระพุทธเจ้า ก็เพราะพ่อแม่ด้วยไง พ่อแม่บางครอบครัวไม่เคยเลี้ยงลูกแบบสอนธรรมะไปด้วย ไม่มีสอนเรื่องกฏแห่งกรรม ไม่สอนเรื่องบาปบุญคุณโทษ ไม่สอนเรื่องนรกสวรรค์ มนุษย์กลายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงินอย่างเดียว ไม่ได้แทรกคำสอนของศาสนาในการเลี้ยงดู พ่อแม่เองก็ไม่ได้สนใจธรรมะไม่ได้ต่อยอดตนเองจากพ่อแม่ตนเองที่สอนธรรมะมาบ้าง ดังนั้นเด็กรุ่นใหม่บางคนจึงเหลวแหลก จึงเห็นคนที่ทำความดี ทำตามคำสอนของศาสนา กลายเป็นตัวประหลาด

เลี้ยงดูลูกสาวกันอย่างไร อายุ ๑๓ ก็ตบกันแย่งผู้ชายแล้ว ไม่ตบธรรมดา ต้องกระชากเสื้อผ้าอีกฝ่ายให้หมดด้วยนะ แถมมีการบังคับให้กราบ สาเหตุหลักคือ แย่งผู้ชายกัน มีถ่ายคลิปโชว์อีกต่างหาก นี่หรือชาวพุทธ เด็กเติบโตมาใช้เวลา ๑๓ ปี สิบสามปีมานี้ พ่อแม่เคยอบรมสั่งสอน บอกว่าควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรบ้างหรือไม่ สอนเรื่องความรัก สอนเรื่องเพศตรงข้ามบ้างมั้ย สอนให้เท่าทันชีวิต ฉลาดในการใช้ชีวิตบ้างหรือไม่ หรือว่าบางครอบครัวพ่อแม่มัวแต่หมกมุ่นอยู่ในวงเหล้า วงการพนัน มีเมียน้อยมีชู้กันอยู่ คลุกเคล้ามัวเมาอยู่กับกิเลสเลยวุ่นวายกับชีวิตตนเอง จนไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนลูก บางครอบครัวมีลูกชายก็ซื้อมอเตอร์ไซร์ให้ กลัวลูกน้อยหน้าเพื่อนฝูง ลูกก็แวนซ์ตายกันไม่เว้นแต่ละวัน พอลูกตายก็บอกว่าลูกชั้นเป็นเด็กดี โน้นพอเผา ก็ส่งเพื่อนขึ้นหวันด้วยการแว้นซ์รอบเมรุ วัดทุกวันนี้แทบจะไม่ใช่วัด พระก็แทบจะไม่ใช่พระ ไม่อยากพูดมากกว่านี้ พอจบเรื่องวัดและพระอย่างเศร้าๆ ค่ะ

ฆราวาสอย่างพวกเราเปิดหนังสือธรรมะอ่านกันบ้างมั้ย ในบ้านบางบ้านหนังสือธรรมะยังไม่มีติดบ้านด้วยซ้ำ
แม้มีหนังสือธรรมะในบ้าน แต่ก็ไม่เคยเปิดอ่านกัน สถานีวิทยุเคยเปิดฟังธรรมะกันหรือไม่
รอบบ้านดิฉันบอกเลยว่า มีแต่เสียงเพลง ไม่เคยได้ยินเสียงใครเปิดพระสอนธรรมะ ฆราวาสสอนธรรมะ
เดินผ่านตามบ้านญาติ เห็นนั่งจับกลุ่มคุยกัน บางบ้านก็นั่งเล่นนอนเล่นดูทีวี แต่พอดิฉันไปเรียนธรรมะก็ได้คำทักทายว่า ดีนะว่างก็ไปเรียนได้ เอ้ยพูดแปลก ดิฉันก็เห็นพวกคุณทั้งหลายว่างก็มีนี่ ไม่ไปเรียนแบบดิฉัน แต่เคยหยิบธรรมะมาอ่านบ้างมั้ยล่ะ อย่าว่าแต่อ่านเลยฟังก็ยังไม่ฟัง คนพวกนี้นะ มือไม่พายยังเอาบาทามาราน้ำเล่นอีก ดิฉันเรียนพระอภิธรรม ก็ว่าไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น ดิฉันก็ว่าถ้าไม่มีใครเรียนสืบทอด ถามว่าวันหนึ่งข้างหน้าพระอภิธรรมจะอันตรธานหายสาปสูญไปใช่หรือไม่ ก็ต้องตอบว่าใช่แน่นอน ทุกคนห่วงแต่ชีวิตตนเอง ห่วงเงินทอง ห่วงความสุขสบาย ไม่ปฏิบัติตัวตามคำสอนของพระศาสดา ไม่สนใจศึกษาพระธรรมคำสอนเท่านี้ก็ขึ้นชื่อว่าทำลายแล้ว

อุบาสก อุบาสิกา ที่ทอดทิ้งธุระที่พระพุทธองค์ทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้ ก็ขึ้นชื่อว่าทำลายแล้ว

นี่แหละชาวพุทธที่เสื่อมจากความดีตามคำสอนของพระพุทธองค์
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ศาสนาพุทธเสื่อมไปได้อย่างไร

มือวางอันดับ ๑ ในการทำลายศาสนาพุทธ ก็คือ ชาวพุทธเองนี่แหละค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2017, 09:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว




Image-6291.jpg
Image-6291.jpg [ 47.74 KiB | เปิดดู 7350 ครั้ง ]
อ่านหนังสือ ชื่อ มีอะไรน่าคิดชีวิต 50 ปี
บันทึก " การเดินทาง ที่มีสิ้นสุด..."
พระรุจ โพธิญาณ

หน้า ๖๐ ข้อความว่า

จะมีใครบ้างหนอ...

ที่อยากจะมาเดินทาง
ในยานยนต์แห่งปัญญา
มีบาตรเป็นท้อง มีจีวรเป็นปีก
แล้วโบยบิน...ออกจากสังสาร...

:b8: :b8: :b8:


เมื่่อท่านตั้งสัจจะไว้เช่นนี้ ดิฉันก็ว่าดิฉันเจอพระที่เป็นพระจริงๆ เข้าให้แล้ว

https://archive.org/stream/bhikkhubodhiyana_hotmail_50/มีอะไรน่าคิดชีวิต50ปี(ต้นฉบับ)_djvu.txt

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2018, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แก้ปัญหานึง อีกหลายปัญหาก็ตามมา
แก้ที่เหตุ คือ ความไม่รู้ ความหลงในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ ปัญหาทั้งหมด ก็จบลงค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2018, 09:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
แก้ปัญหานึง อีกหลายปัญหาก็ตามมา
แก้ที่เหตุ คือ ความไม่รู้ ความหลงในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ ปัญหาทั้งหมด ก็จบลงค่ะ



สังสารวัฏ หมายถึงอะไรขอรับ (การเวียนว่ายใน สังสารวัฏ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2018, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
แก้ปัญหานึง อีกหลายปัญหาก็ตามมา
แก้ที่เหตุ คือ ความไม่รู้ ความหลงในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ ปัญหาทั้งหมด ก็จบลงค่ะ



สังสารวัฏ หมายถึงอะไรขอรับ (การเวียนว่ายใน สังสารวัฏ)


คุณกรัชกายเขลา เบาปัญญา ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้ปฎิบัติ อาศัยหนังสือพิมพ์เป็นสรณะ
เรยไม่รู้ว่า

ในพระไตรปิฎก มีคำว่าสังสารวัฎ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2018, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
แก้ปัญหานึง อีกหลายปัญหาก็ตามมา
แก้ที่เหตุ คือ ความไม่รู้ ความหลงในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ ปัญหาทั้งหมด ก็จบลงค่ะ



สังสารวัฏ หมายถึงอะไรขอรับ (การเวียนว่ายใน สังสารวัฏ)


คุณกรัชกายเขลา เบาปัญญา ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้ปฎิบัติ อาศัยหนังสือพิมพ์เป็นสรณะ
เรยไม่รู้ว่า

ในพระไตรปิฎก มีคำว่าสังสารวัฎ



มีนั่นแหละ ถามคุณว่า เขาหมายถึงอะไร เห็นพูดอ้างเป็นตุเป็นตะ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2018, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
แก้ปัญหานึง อีกหลายปัญหาก็ตามมา
แก้ที่เหตุ คือ ความไม่รู้ ความหลงในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ ปัญหาทั้งหมด ก็จบลงค่ะ



สังสารวัฏ หมายถึงอะไรขอรับ (การเวียนว่ายใน สังสารวัฏ)


คุณกรัชกายเขลา เบาปัญญา ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้ปฎิบัติ อาศัยหนังสือพิมพ์เป็นสรณะ
เรยไม่รู้ว่า

ในพระไตรปิฎก มีคำว่าสังสารวัฎ



มีนั่นแหละ ถามคุณว่า เขาหมายถึงอะไร เห็นพูดอ้างเป็นตุเป็นตะ :b10:


เพราะคุณกรัชกายไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ศึกษาอ่านพระไตรปิฎก และปฎิบัติไม่เป็น เรยไม่รู้ว่า สังสารวัฎคืออะไร

ตอบให้ก็ได้ ค่ะ จะได้ฉลาดๆขึ้น

คือ ธรรมที่มีเนื้อความอันไม่วิปริตผันแปรเปลี่ยนแปลงเลย
เป็นธรรมแห่งความหมุนวนเกิดดับของจิตเจตสิกรูป
ค่ะ

ฟังรู้เรื่องไม๊คะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2018, 16:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
แก้ปัญหานึง อีกหลายปัญหาก็ตามมา
แก้ที่เหตุ คือ ความไม่รู้ ความหลงในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ ปัญหาทั้งหมด ก็จบลงค่ะ



สังสารวัฏ หมายถึงอะไรขอรับ (การเวียนว่ายใน สังสารวัฏ)


คุณกรัชกายเขลา เบาปัญญา ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้ปฎิบัติ อาศัยหนังสือพิมพ์เป็นสรณะ
เรยไม่รู้ว่า

ในพระไตรปิฎก มีคำว่าสังสารวัฎ



มีนั่นแหละ ถามคุณว่า เขาหมายถึงอะไร เห็นพูดอ้างเป็นตุเป็นตะ :b10:


เพราะคุณกรัชกายไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ศึกษาอ่านพระไตรปิฎก และปฎิบัติไม่เป็น เรยไม่รู้ว่า สังสารวัฎคืออะไร

ตอบให้ก็ได้ ค่ะ จะได้ฉลาดๆขึ้น

คือ ธรรมที่มีเนื้อความอันไม่วิปริตผันแปรเปลี่ยนแปลงเลย
เป็นธรรมแห่งความหมุนวนเกิดดับของจิตเจตสิกรูป
ค่ะ

ฟังรู้เรื่องไม๊คะ



อ้อ สังสารวัฏมันเป็นยังงี้นี่เอง เพิ่งเคยได้ยินนะเนี่ย

อ้างคำพูด:
แก้ปัญหานึง อีกหลายปัญหาก็ตามมา
แก้ที่เหตุ คือ ความไม่รู้ ความหลงในการเวียนว่ายในสังสารวัฎ ปัญหาทั้งหมด ก็จบลงค่ะ


แล้วทำยังไงให้มันไม่หมุนวนล่ะ ซึ่งจะได้หมดปัญหาจบสิ้นเสียที

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2018, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
คำสอนของพระพุทธเจ้า
ไม่สาธารณะกับทุกคน
เพราะเป็นความจริง
ที่ต้องศึกษาตรงๆ
ทรงตรัสแสดง
ความจริงคือ
ธรรม(อ่านว่าธัม-มะ)
แปลว่าสิ่งที่กำลังมีจริงๆ
คือสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ที่กำลังปรากฏทางอายตนะหก
อายตนะหกแปลว่าที่ประชุมรวมกัน
ต้องมีครบ6ทางคือตาหูจมูกลิ้นกายใจ
และต้องตาไม่บอดหูไม่หนวกจึงจะเข้าใจ
เพราะต้องลืมตาดูโลกตามปกติไม่หลับตา
ผู้ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เจาะจงชาติ
ภาษาเพราะคำสอนของพระพุทธเจ้าสามารถเข้าใจ
ในภาษาชาติใดก็ได้โดยต้องแปลภาษาบาลีให้ตรงภาษา
แล้วขยายความโดยผู้ที่เข้าใจกล่าวให้ผู้อื่นเข้าใจถูกตามได้
ไม่คาดเคลื่อนตามเป็นจริงที่ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก
ดังนั้นพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
จึงจำเพาะเจาะจงสำหรับผู้ศึกษาที่เข้าใจตรงๆ
ในสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏคือเดี๋ยวนี้เอง
ที่มีครบทั้งอายตนะหกที่กายใจตนเองค่ะ
ส่วนผู้ที่ไม่เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า
ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตามคือผู้ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า
ฟังพระพุทธพจน์จากผู้ที่ถ่ายทอดให้เข้าใจความจริงที่กำลังมี
คำสอนของพระพุทธเจ้า
คิดเองไม่ได้แม้แต่คำเดียว
ต้องอาศัยฟังสนทนาธรรมแล้ว
ไตร่ตรองจนคิดเข้าใจถูกบ่อยๆ
ทีละน้อยค่อยๆเข้าใจเพิ่มมากขึ้น
เอกายโนมัคโคคือหนทางเดียวจริงๆ
https://youtu.be/i_GTV-sf1jQ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2018, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2008, 09:34
โพสต์: 1322


 ข้อมูลส่วนตัว


4Aขออนุโมทนาสาธุการค่ะ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2018, 00:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แก้ปัญหาได้จริงหรือ?

.......ความเห็นของผม ไม่ว่าชนชาติ เชื้อชาติไหนก็ต้องมีหลักความเชื่อที่ยึดถือปฏิบัติเพื่อความเป็อารยธรรม

คือมีวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมไม่ป่าเถื่อน และการกำหนดศาสนาประจำชาติก็เป็นหน้าที่ของผู้นำในการ

พิจารณานำศาสนาใดศาสนาหนึ่งขึ้นมาเพื่อเผยแผร่ให้ประชาชนในชาติได้ศึกษายึดถือและปฏิบัติตามเพื่อให้

ประชาชนมีคุณธรรม จริยธรรม เหมาะแก่การสร้างเสริมวิชาการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชาติ บ้านเมืองให้มีความเป็น

ปึกแผ่นมั่นคง และอยู่ร่วมกันอย่างผาสุขร่มเย็น

.......แต่ชาติไทยเรากำลังหลงประเด็นในเรื่องการนับถือศาสนาหรือเปล่า ศาสนาถูกใช้ในการมอมเมา

ประชาชน หลักง่าย ๆ อย่างนักบวชคือผู้สละแล้วทางโลกแสวงหาโมกขธรรมแต่ประชาชนทั่วไปกับไม่รู้

บำรุงด้วยเงินทองของมีค่า เกิดช่องทางให้มิจฉาชีพเข้ามาหาผลประโยชน์อย่างมหาศาล

.......ทางแก้ผมเห็นว่าต้องให้ความรู้ เด็ก ๆ ในโรงเรียนในเรื่องการนับถือ จุดมุ่งหมายของศาสนา ประกอบ

กับร่างกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาชนจากการถูกหลอกลวงโดยมิจฉาชีพในคราบผู้เผยแผ่ศาสนา

.......ส่วนความเห็นต่อศาสนาพุทธ แค่หลักอริยสัจ 4 และอิทธิบาท 4 ก็เพียงพอที่จะดำเนินชีวิตด้วย

ความสุข ความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรมแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2020, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
รัฐบาลจะส่งเสริมศาสนาใดก็ตามย่อมทำได้
คือต้องเข้าใจหลักคำสอนและออกกฏหมาย
ให้คุ้มครองความประพฤติคนทุกศาสนา
ส่งเสริมให้ทำถูกต้องไม่ขัดหลักคำสอน
วัดในพระพุทธศาสนาคือที่สงบเป็นอารามที่ร่มรื่นไม่ใช่ที่ผลิตความโลภด้วยการสร้างวัตถุมงคลขาย
หน้าที่โดยตรงของพระภิกษุคือทำตามคำสอนให้ถูกต้องเพื่อสั่งสอนคนให้ถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
บวชคือสละความเป็นเพศชาวบ้านไม่ทำอาชีพดังนั้นเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาจึงถือครองเงินไม่ได้
ภาครัฐจึงมีอำนาจเต็มที่เข้าไปจัดระเบียบการเบิกจ่ายเงินและดูแลค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้เงินทั้งหมด
นำเงินของทุกวัดมารวมเป็นกองกลางและจัดสรรค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำไฟ
ปกติที่อยู่ของพระภิกษุที่มีจำนวนไม่มากค่าน้ำไฟก็ไม่มาก
ชาวบ้านที่ไม่ได้ครองจีวรพระพุทธเจ้าไม่อนุญาตให้ค้างคืนที่วัด
ส่วนอาหารไม่มีค่าใช้จ่ายเพราะโดยปกติกิจวัตรประจำวันของพระภิกษุคือ
เลี้ยงชีพด้วยการเดินรับอาหารจากชาวบ้านด้วยการบิณฑบาต
รับอาหารฉันได้แค่วันละ1บาตรหลังเที่ยงก็เก็บสะสมอาหารไม่ได้
ไม่ก่อสร้างวัตถุใดๆเพื่อเพิ่มภาระถ้ายังอยากใช้เงินก็ลาสิกขาได้
ออกมาประกอบอาชีพได้ส่วนการทำสังคมสงเคราะห์ไม่ใช่กิจของสงฆ์เพราะเกี่ยวข้องกับเงิน
การทำสังคมสงเคราะห์เป็นหน้าที่ประชาชนและหน่วยงานภาครัฐเพราะใช้เงินซื้อหาวัตถุสิ่งของ
หน้าที่โดยตรงของพระภิกษุในพระธรรมวินัยคือศึกษาพระธรรมวินัยและทำถูกต้องตามสิกขาบท
การเผาศพและรับเงินทองก็ไม่ใช่กิจการที่พระภิกษุจะกระทำได้และการนิมนต์พระสงฆ์จะถวายเงินมิได้
ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าให้ถูกต้องจึงจะไม่เป็นการทำบาปเพราะส่งเสริมกันร่วมมือกันทำผิดๆอยู่ทุกวัน
ถ้าไม่ตรวจทานการกระทำทุกอย่างตรงตามพระธรรมวินัยก็ผิดตามกันไปเรื่อยๆต้องตกนรกโดยไม่รู้ตัวค่ะ
http://www.dhammahome.com


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 61 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 36 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร